เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 มกราคม 2555 ที่บริเวณป้อมตำรวจปากซอยบางลา หาดป่าตอง ต.ป่าตอ. อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กลุ่มผู้ประกอบการและพนักงานสถานบันเทิงหาดป่าตอง ตลอดจนกลุ่มองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ป่าตอง อาทิ จักรยานยนต์รับจ้าง พนักงานนวด บาร์เบียร์ เป็นต้น ซึ่งปิดให้บริการชั่วคราว จำนวนประมาณ 1,500 คน นำโดยนายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านทางนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการให้ปิดสถานบันเทิงตามที่กฎหมายกำหนด โดยมี พ.ต.อ. ชลิต แก้วยะรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอนดูแลความพร้อมภัย ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หลังจากการยื่นหนังสือและฟังคำชี้แจงแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปประกอบอาชีพตามปกติ
โดยนายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวถึงเหตุผลของการยื่นหนังสือดังกล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงตรวจพื้นที่หาดป่าตอง และมีคำสั่งให้สถานบันเทิงปิดให้บริการในเวลา 02.00 น. ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของป่าตองในภาพรวมทั้งกับผู้ประกอบการ แรงงาน ตลอดจนธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องหรืออิงกับธุรกิจบันเทิง ดังนั้นตัวแทนผู้ประกอบการหาดป่าตอง ประกอบด้วย สภาองค์กรชุมชนป่าตอง สมาคมโรงแรมหาดป่าตอง ชมรมการจัดการทรัพยากรมนุษย์ป่าตอง อาสาสมัครแรงงาน กลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถเช่า ผู้ประกอบการร้านค้า สถานประกอบการบันเทิงป่าตอง ตลอดจนนักท่องเที่ยว จึงขอเรียกร้องให้พิจารณาอะลุ่มอล่วยระยะเวลาในเปิด-ปิดสถานบันเทิงให้ด้วย
เหตุที่เรียกร้องให้สถานบันเทิงเปิดยาวออกไป เนื่องจากการปิดในเวลา 2 นาฬิกานั้นผู้ประกอบการพึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการได้ไม่นาน เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะออกมาใช้บริการสถานบันเทิงในช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มเป็นต้นไป ประกอบกับในแต่ละปีก็จะมีช่วงเวลาที่ทำธุรกิจเต็มที่ประมาณ 3-4 เดือน ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน หากภาครัฐไม่ยืดหยุ่นเวลาในการเปิด-ปิดให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวก็จะทำให้ผู้ประกอบการและทุกส่วนที่เกี่ยวเนื่องได้รับความเดือดร้อนทำให้ธุรกิจไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ นายวีรวิชญ์กล่าว และยังกล่าวด้วยว่า ในแต่ละปีป่าตองทำรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก และเป้าหมายอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวป่าตองนอกจากสัมผัสกับหาดทรายในช่วงเวลากลางวันแล้ว ยังต้องการสัมผัสกับแสงสีในยามค่ำคืนด้วย จึงขอให้ภาครัฐมีความจริงใจในการแก้ปัญหา โดยอาจจะออกกฎหมายพิเศษมาควบคุมดูแลก็ได้ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการเคยเรียกร้องไปแล้วแต่เรื่องก็เงียบไป
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากที่ได้ลงพื้นที่ป่าตองก็พอทราบถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวค่อนข้างดึก และผู้ที่มาเที่ยว 99% เป็นชาวต่างชาติ ไม่มีเด็กและเยาวชนเข้ามาเที่ยว แต่เนื่องจากกฎกระทรวงเกี่ยวกับการเปิดบริการสถานบันเทิงบังคับใช้เหมือนกันทั่วประเทศ ดังนั้นในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาและมีการร้องเรียน ซึ่งเรื่องนี้ตนก็จะได้นำไปหารือในการประชุมพรรคเพื่อไทยในวันอังคารที่จะถึงนี้ (31 ม.ค.55) เพื่อหาทางออกและแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป
“เท่าที่ติดตามการประกอบการก็เห็นใจ เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการค่อนข้างดึก ทำให้มีเวลาในการประกอบการน้อย และจะทำธุรกิจได้เต็มที่ก็เฉพาะในช่วงไฮซีซัน ซึ่งที่ฝ่ายมาจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดฝั่งอันดามันทำรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศปีละประมาณ 150,000 ล้านบาท และรัฐบาลเองก็มีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ชัดเจนในการที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มตามไปด้วย”
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากเป็นกฎหมายที่บังคับใช้เหมือนกันทั่วประเทศจะยกเว้นไม่ได้ ฉะนั้นระยะนี้ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายก่อน ส่วนแนวทางที่จะแก้ปัญหาในระยะยาว คือ การทำให้ป่าตองเป็นเมืองเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารจัดการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณ การควบคุมดูแลรักษาความปลอดภัยและอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ คือ ที่ แม่สอด จ.ตาก โยทางท้องถิ่นสามารถที่จะประสานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้รูปแบบการดำเนินการระหว่างกันได้ ซึ่งหากสามารถทำให้ป่าต้องเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวได้ ก็จะเป็นต้นแบบสำหรับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วย เช่น พัทยา เป็นต้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น