จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

ศุลกากรจับน้ำมันเถื่อนแสนลิตร กว่า 20 ล้าน



เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2555 ที่บริเวณท่าเทียบเรือศุลกากร นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นางนันท์ฐิตา คงเมือง นายด่านศุลกากรภูเก็ต นายนิมิต แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 2 และหน่วยสืบสวนปราบปรามภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเรือเหล็กบรรทุกน้ำมันชื่อ Singa Maju สัญชาติมาเลเซีย โดยมีนาย Ranlan สัญชาติอินโดนิเซีย เป็นผู้ควบคุมเรือ พร้อมด้วยลูกเรือจำนวน 6 คน และน้ำมันดีเซลเกรด A จำนวน 100,000 ลิตร
ทั้งนี้นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากรได้มุ่งเน้นนโยบายในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อจำกัด เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด ให้เข้มงวดในการสกัดกั้นป้องกัน และปราบปรามขบวนการลักลอบนำสินค้าที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรเข้ามาในราชอานาจักร โดยเฉพาะประเภทน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตราภาษีสูงและต้องควบคุมคุณภาพของสินค้า
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ทางเรือศุลกากร 1101 ที่ควบคุมโดยนายนิมิต แสงอำไพ ผอ.ส่วนสืบสวน ปราบปราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามและเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ได้ออกตรวจตราความเรียบร้อยภายในทะเล จนกระทั่งลาดตระเวนมาถึงบริเวณแลตติจูด 07 องศา 29ลิปดา 24 ฟิลิปดาเหนือ ลองติจุด 98 องศา 30 ลิปดา 09 ฟิลิปดาตะวันออก ห่างจากเกาะราชาน้อย อ.เมือง ภูเก็ต ทิศตะวันตกประมาณ 11 ไมล์ทะเล พบเรือ Singa Maju สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งมีความยาวประมาณ 35 เมตร กว้างประมาณ 5 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร จึงได้เข้าทำการตรวจค้น และจากการตรวจค้นพบบริเวณหน้าลำเรือได้แบ่งเป็นช่องเพื่อบรรจุน้ำมันจำนวน 10 ช่อง โดยแต่ละช่องสามารถบรรจุน้ำมันได้ประมาณ 5 หมื่นลิตร รวมทั้งลำเรือสามารถบรรทุกได้จำนวน 5 แสนลิตร และในขณะที่เข้าทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบน้ำมันดีเซลจำนวน 1 แสนลิตร จึงได้ควบคุมเรือและลูกเรือเข้ามาที่ท่าเทียบเรือศุลกากรจังหวัดภูเก็ต
นายสมชาย ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะมีการขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ต่อไป ส่วนมาตรการในการเฝ้าระวังจับกุมผู้ลักลอบทำผิดกฎหมายศุลกากร จะมีการประสานด้านการข่าวกับทางทหารเรือของทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ซึ่งก็มีการร่วมมือกันอยู่แล้ว และจะเน้นให้มีการลาดตระเวนให้ถี่ขึ้น โดยเฉพาะการเข้มงวดตรวจตรารถที่วิ่งออกไปเติมน้ำมันตามท่าเรือต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้จากการสอบถามลูกเรือก็ทราบเรือเรือลำดังกล่าวเป็นเรือของชาวมาเลเซีย โดยเรือจะไปรับน้ำมันจากรัฐปีนัง แล้วนำมาส่งให้กับเรือประมงในน่านน้ำไทย หรือในแทบอันดามัน ส่วนค่าใช้จ่ายนั้น ทางบริษัทกับเจ้าของเรือได้ติดต่อกันเอง โดยที่พวกตนจะมีหน้าที่มาส่งน้ำมันเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรฐานลักลอบนำสินค้าน้ำมันดีเซล หรือรับซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องจำกัด หรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา 27,27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบมาตรา 16,17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลการ (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 และได้นำของกลางเรือเหล็กบรรทุกน้ำมัน และน้ำมันดีเซลพร้อมลูกเรือดังกล่าวข้างต้นส่งด่านศุลกากรภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น