เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ร่วมกับ พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรภูเก็ต หัวหน้าสถานีภูธรต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต นายปิยะ อิสระมาลัย ประธานกรรมการเครือไทเกอร์กรุ๊ป และนายธำรงณ์ศักดิ์ บุญรักษ์ กรรมการบริหารและที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายในเครือไทเกอร์กรุ๊ป ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงออกเท็จจริงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้แถลงว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบุกรุกป่าสงวน การเปิดบ่อนการพนันที่อยู่ย่านป่าตอง ทั้งบ่อนไทเกอร์ที่อยู่ในซอยแสนสบายที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาทต่อวัน และบ่อนทุ่งทองที่มีเงินหมุนเวียนจำนวน 70-80 ล้านบาทต่อวัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 ชุดสลับหมุนเวียนในการเก็บส่วย อีกทั้งยังมีการโชว์ลามกอนาจารในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
โดยพล.ต.ต.พิสัณห์ กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงเพราะที่ผ่านมาทางตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีการสั่งการให้สถานีตำรวจในพื้นที่ภาค 8 เร่งรัดตรวจตรา สืบสวนจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับอบายมุขที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการลักลอบเปิดเปิดบ่อนการพนัน ตู้เกม ตู้ม้า และการพนันทางคอมพิวเตอร์ออนไลน์อย่างจริง และต่อเนื่องอย่าให้มีในพื้นที่โดยเด็ดขาด ซึ่งจากการสั่งการให้มีความเข้มงวดกวดขันดังกล่าว ได้มีผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งได้มาให้ปากคำไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ถลาง ว่า การลงลายมือชื่อในหนังสือร้องเรียนตนที่ส่งให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งอ้างว่าไม่ตอบสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลในเรื่องความปรองดอง เนื่องจากเกรงใจผู้มาขอร้องจึงได้ลงลายมือชื่อในหนังสือร้องเรียนของกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นดังกล่าว แต่มารู้ความจริงภายหลังว่าไม่ใช่เรื่องขัดนโยบายรัฐบาล แต่เกิดจากการที่ตนเข้มงวดเกี่ยวกับการเปิดบ่อนพนัน
ขณะที่ พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงที่มารับตำแหน่งที่ภูเก็ตเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน ได้มีการเข้มงวดกวดขันในเรื่องของบ่อยการพนันมาอย่างต่อเนื่อง และสามารถจับกุมผู้ต้องหาลักลอบเล่นการพนันได้ 252 ราย และผู้ต้องหา 798 คน นอกจากนี้ยังได้มีการสั่งย้าย ผกก.สภ.ฉลอง ให้ไปช่วยราชการภาค 8 ด้วย เนื่องจากได้มีการปล่อยปละละเลยไม่มีการดำเนินการตามนโยบาย ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ามีบ่อนซึ่งมีเงินหมุนเวียนวันละ 100 ล้านในพื้นที่ ป่าตองและวันละ 70-80 ล้านในพื้นที่ทุ่งทองนั้นก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งหลังจากที่มีข่าวดังกล่าวออกมา ทาง ผกก.สภ.กะทู้ พร้อมด้วยกำลังฝ่ายปกครอง อ.กะทู้และสื่อมวลชน ได้ลงตรวจสถานที่ที่มีการระบุซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด และสถานบันเทิงบางแห่งที่มีการระบุนั้นก็ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
ทางด้านนายปิยะ อิสระมาลัย ประธานบริหารไทเกอร์กรุ๊ป กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน ว่า ธุรกิจในส่วนของไทเกอร์กรุ๊ปนั้น มีทั้งโรงแรมที่พัก ภัตตาคารร้ายอาหาร สนามมวย บาร์เบียร์ และดิสโก้เธค ซึ่งการกล่าวอ้างของนายชูวิทย์ วิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ว่าสถานประกอบการของตนมีการเปิดบ่อนการพนันนั้นไม่เป็นความจริง เพราะตนประกอบธุรกิจมาเป็นเวลาร่วม 14-15 ปี ไม่เคยมีปัญหา ซึ่งการกล่าวอ้างของนายชูวิทย์นั้นได้สร้างความเดือดร้อน เสื่อมเสียและเสียหายต่อธุรกิจของตนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้เหตุผล เป็นการทำร้ายผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการเมือง และอย่าดึงธุรกิจของตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ที่ผ่านมาก็ทำมาหากินด้วยความสุจริตมาโดยตลอด
“ขณะนี้เดินทางไปไหนก็มีแต่คนสอบถามเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น จึงอยากขอร้องให้เห็นใจตนซึ่งเป็นนักธุรกิจ อย่าได้มาใส่ร้ายกันอย่างไร้ความรับผิดชอบ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้เราบอบช้ำมาก นอกจากชื่อเสียงที่เสียหายแล้วยังมีเรื่องของสถาบันการเงินที่เราจะต้องไปกู้ยืมเงินมาลงธุรกิจด้วย ส่วนกรณีที่มีการพุ่งเป้ามายังธุรกิจของตนนั้นก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เพราะตนเป็นพ่อค้าและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว” นายอิสระกล่าว
ส่วนของนายธำรงณ์ศักดิ์ บุญรักษ์ กรรมการบริหารและที่ปรึกษากฎหมายไทเกอร์กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า การประกอบธุรกิจของไทเกอร์กรุ๊ปนั้นไม่ใช่เป็นเพราะความฟลุ๊ค แต่เป็นผลมาจากความพยายาม และจากราคาที่ดินที่ซื้อมาเพียง 6-7 ล้านบาท แต่ปัจจุบันราคาพุ่งไปถึง 100 ล้านบาท และปัจจุบันเราก็ยังเป็นหนี้สถาบันการเงินจำนวน 600-700 ล้านบาท และการที่ออกมาระบุว่าชั้นสองของสถานบันเทิงแห่งใหม่ของไทเกอร์ ซึ่งใช้เงินลงทุนถึง 200 ล้านบาท มีการเปิดบ่อนการพนัน ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เพราะขณะนี้ชั้นสองยังสร้างไม่เสร็จ
“การพูดของคุณชูวิทย์นั้นเป็นการเอาขี้ (อุจจาระ) ผสมกับเยี่ยว (ปัสสาวะ) แล้วนำมาบ้วนใสคนอื่นสร้างความเดือดร้อนกันไปหมด ฉะนั้นอย่าพูดเพียงเอามันส์อย่างเดียว ซึ่งในส่วนของไทเกอร์นั้นพร้อมที่จะตอบโต้ทุกรูปแบบหากคุณชูวิทย์ยังไม่ออกมาล้างอายให้กับเรา ซึ่งสุดท้ายก็ต้องพึ่งศาล”
นายธำรงณ์ศักด์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเราทำแต่สิ่งดีๆ โดยเฉพาะในช่วงสึนามิซึ่งเราประสบปัญหาอย่างหนัก แต่เราก็พยายามจนลุกขึ้นมาตั้งตัวได้ และที่ขู่ว่าจะนำกรรมาธิการฯ ลงมาตรวจสอบทางไทเกอร์กรุ๊ปพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ และขอท้าชนคุณชูวิทย์ทุกเวทีอยากรู้เหมือนกันว่าใครจะสกปรกกว่ากัน ซึ่งขณะนี้เราอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เพื่อเตรียมการฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและอาญา คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น