เมื่อคืนวันที่ 27 มีนาคม 2555 นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด อำเภอเมืองภูเก็ต ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต สรรพาสามิตร ศุลกากร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กว่า 50 นาย ได้เข้าตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ต ที่ให้บริการสูบยาเส้นปรุงผ่านทางอุปกรณ์การสูบ ที่เรียกว่า บารากู่ หลังได้รับการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่ามีสถานบันเทิง ร้านอาหาร ให้บริการสูบบารากู่เกิดขึ้นหลายแห่ง
ทั้งนี้นายจำเริญ ได้กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานบริการต่างๆ ที่ไม่เข้าข่ายสถานบันเทิง เปิดให้บริการแก่เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการสูบยาเส้นปรุงรสผ่านอุปกรณ์ “บารากู่” ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งกลายเป็นสถานที่มั่วสุมสำหรับเด็กและยาวชนในพื้นที่
สำหรับอุปกรณ์บารากู่นั้นยังไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่สามารถดำเนินการได้ เช่น กฎหมายสรรพสามิตเกี่ยวกับการนำเข้ายาเส้น ซึ่งไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ประกอบกับในปัจจุบันมีกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ยาสูบในสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ รวมไปถึงการจำหน่ายเหล้า และบุหรี่ ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งทางจังหวัดจะใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการกับสถานประกอบการเหล่านี้ ในขั้นแรกจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ทราบก่อน หลังจากนั้นก็จะดำเนินการจับกุมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป หากพบว่ายังมีการให้บริการอยู่ หลังจากมีการประชาสัมพันธ์เตือนไปแล้ว
โดยการตรวจค้นในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ตจำนวน 3 แห่งเท่านั้น เนื่องจากพบว่ามีหลายร้านไหวตัวทันโดยการปิดร้าน โดยร้านแรกที่เข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบอุปกรณ์การสูบ พร้อมทั้งทำการตรวจปัสสาวะผู้เข้าใช้บริการ และพนักงานของร้าน พบมีฉี่สีม่วง 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน จากการสอบสวนพบว่า ได้มีการเสพยาไอซ์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว
ร้านถัดไปคือ เจ้าหน้าที่ตรวจพบอุปกรณ์การสูบ และพบเยาวชนชายที่เข้าใช้บริการภายในร้านมีปัสสาวะเป็นสีม่วง 1 คน และร้านสุดท้าย ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจ พบว่าพนักงานกำลังเก็บข้าวของภายในร้าน พบอุปกรณ์การเสพ บารากู ที่เพิ่งนำออกมาให้บริการใหม่ๆ ยังร้อนๆ อยู่ แต่ไม่พบผู้เข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบสถานบริการทั้ง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้เก็บอุปกรณ์การเสพต่างๆ ภายในร้านเพื่อไว้ตรวจสอบหาสาเสพติดต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของร้านแรก ยังได้มีการแจ้งข้อหาและสั่งปิดร้าน ฐานมีสินค้าหลบหนีศุลกากร สินค้าต้องห้าม ห้ามนำเข้าโดยไม่ผ่านศุลกากร และเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดภายในร้าน ซึ่งเป็นความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132
ส่วนของผู้ที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายได้นำตัวไปสอบสวนขยายผล พร้อมทั้งทำประวัติ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดแบบสมัครใจ แต่ถ้าไม่สมัครใจก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น