จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

ต้นแบบการผลิตพันธ์ปลามูลค่าสูงเชิงพาณิชย์



เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2555 ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายเชิดศักดิ์ วงศ์กมลชุณห์ รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำคณะสื่อมวลชน ร่วมติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ “ต้นแบบการผลิตพันธ์ปลากะรังที่มีมูลค่าสูงเชิงพาณิชย์”


การลงพื้นที่ในครั้งนี้ รองอธิบดีฯ พร้อมคณะได้ร่วมกันปล่อยปลากะรังจุดฟ้า ปลาหมอทะเล และปลาเก๋าเสือ จำนวน 300 ตัว ลงทะเลที่บริเวณหน้าศูนย์วิจัยฯ ภูเก็ตด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นปลาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฟั่งพังงา กระบี่ และภูเก็ต ทำการศึกษาวิจัยเพื่อเป็นโครงการต้นแบบก่อนที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออก


นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา กรมประมงได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 28 ล้านบาท จากสำนักพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) จำกัด หรือ สวก. เพื่อนำมาดำเนินโครงการ “ต้นแบบการผลิตปลากะรังที่มีมูลค่าสูงเชิงพาณิชย์” ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยการเพาะเลี้ยงปลากะรัง หรือ ปลาเก๋า ซึ่งเป็นปลาชนิดที่มีมูลค่าสูง 3 ชนิดด้วยกัน โดยให้แต่ละศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งทั้ง 3 แห่ง ดำเนินการ ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา ศึกษาและวิจัยการเพาะเลี้ยงปลาเก๋าเสือ หรือปลากะรังเสือ ส่วนศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงกระบี่ ศึกษาและวิจัยการเพาะเลี้ยงปลาหมอทะเล สำหรับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต ศึกษาและวิจัยการเพาะเลี้ยงปลากะรังจุดฟ้า หรือปลาเก๋าจุดฟ้า


ปลาทั้ง 3 ชนิดเป็นปลาที่มีมูลค่าสูงมากโดย ปลากะรังจุดฟ้าสามารถจำหน่ายได้กิโลกรัม ละ 1,200 บาท ปลาหมอทะเล จำหน่ายได้กิโลกรัมละ 500-600 บาท และปลาเก๋าเสือ จำหน่ายได้กิโลกรัมละประมาณ 450-500 บาท ซึ่งตลาดของปลาเหล่านี้เป็นการส่งขายในต่างประเทศทั้งสิ้น โดยประเทศที่รับซื้อปลาดังกล่าวมีทั้งฮ่องกง ใต้หวัน และจีน ซึ่งรับซื้อปลาเป็น


นายเชิดศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินโครงการ “ต้นแบบการผลิตพันธุ์ปลากะรังที่มีมูลค่าสูงเชิงพาณิชย์” นั้นดำเนินการมาแล้วกว่าหนึ่งปี พบว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถผลิตพัน์ปลาส่งขายให้กับเกษตรกรได้แล้ว 3 รุ่น ซึ่งการผลิตพันธุ์ปลานั้นยังไม่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร โดยขณะนี้พันธุ์ลูกปลากะรังจุดฟ้าขายอยู่ที่นิ้วละ 30 บาท ปลาหมอทะเลขายอยู่ที่นิ้วละ 40 บาท และปลาเก๋าเสือ นิ้วละ 10 บาท เมื่อเกษตรกรนำไปเลี้ยงจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี – 1 ปีครึ่ง มีต้นทุนการเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 200-300 บาท แต่สามารถขายได้กิโลกรัมละ 500-1,200 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของปลา อย่างไรก็ตามจากการดำเนินโครงการดังกล่าวมาระยะหนึ่งทางศูนย์ทั้ง 3 แห่งสามารถขายพันธุ์ปลาให้กับเษตรกรได้แล้วประมาณ 5 ล้านบาท


“สำหรับการศึกษาวิจัยการเลี้ยงปลาทั้ง 3 ชนิด ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาในเรื่องของอาหารสำหรับเลี้ยงปลา โดยขณะนี้ปลาที่เลี้ยงยังเลี้ยงด้วยปลาเป็ด หรือปลาขนาดเล็ก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาให้ปลากินอาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรลงไปได้อีกมาก” นายเชิดศักดิ์ กล่าว








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น