จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

รับข้อมูลปัญหาคมนาคมก่อนชงเข้า ครม. สัญจร



เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555 ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจราชการ พร้อมมอบนโยบาย และลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาการคมนาคมของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าราชการที่เกี่ยวข้องและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ของ จ.ภูเก็ต เข้าร่วมนำเสนอปัญหาและความต้องการระบบคมนาคมขนส่งของจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อรับข้อมูลและเตรียมความพร้อมรับการประชุม ครม.สัญจร ในระหว่างวันที่ 19 – 20 มีนาคมนี้ ที่ จ.ภูเก็ต
นายตรี กล่าวรายงานสภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขการคมนาคมขนส่งของ จ.ภูเก็ต ว่า จากการวิเคราะห์สภาพการจราจรโครงข่ายทางหลวงสายหลักที่ใช้ในการเดินทางภายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 402 มีปริมาณการจราจรค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องการรองรับการเดินทางภายในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง จากสถิติข้อมูลการจดทะเบียนยานพาหนะทุกประเภทของจังหวัดภูเก็ตในระหว่างปี 2551-2552 พบว่าในปี 2551 จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนยานพาหนะรวมกันทั้งสิ้น 321,311 คัน และในปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 328,807 คัน โดยพาหนะที่มีการจดทะเบียนมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ โดยในปี 2552 มีจำนวนถึง 225,222 คัน และมีแนวโน้มการจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวยังไม่รวมในส่วนของยานพาหนะที่นำมาจากจังหวัดอื่นๆ ซึ่งมีอีกจำนวนมากเช่นกัน
“การขยายตัวของยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ก่อให้เกิดปัญหาด้านการจราจรและขนส่งใน จ.ภูเก็ตเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการเดินทาง เกิดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณทางแยก โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองเกือบทุกเส้นทาง ประกอบกับความคับแคบของถนนทำให้ไม่สามารถระบายการจราจรได้ และเกิดปัญหาติดขัดในย่านการค้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ปัญหาด้านความปลอดภัย มีจุดเสี่ยงอันตรายบนโครงข่ายถนน เนื่องจากข้อจำกัดด้านกายภาพที่ไม่เหมาะสม ความไม่ปลอดภัยของคนเดินเท้าและผู้ใช้รถจักรยายาน โดยเฉพาะในเขตชุมชนซึ่งมีทางเท้าคับแคบ ขาดความต่อเนื่อง ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับคนเดินเท้า ส่งผลให้เกิดอุบัติภัยเพิ่มขึ้นจากปี 2551 มีจำนวน 1,397 ครั้ง เป็น 1,481 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5.67% ในปี 2552 และสูงจากอันดับ 9 เป็นอันดับ 8 ของประเทศ”
นายตรี กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดได้กำหนดแนวนโยบายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการคมนาคมและขนส่ง ไว้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของจังหวัดเพื่อลดปัญหาต่างๆ โดยมีการจัดทำคำของบประมาณก่อสร้างและปรับปรุงเส้นทางต่างๆ ได้แก่ โครงการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมของแหล่งท่องเที่ยว (สายฉลอง-ป่าตอง) งบ 60 ล้านบาท โครงการก่อสร้างถนนสี่ช่องจราจร ถนนวิชิตสงคราม กม.13+746 –กม.14+546 งบ 30 ล้านบาท โครงการก่อสร้างสะพานยกระดับถนนสายหลักด้านใต้ (คลองเกาะผี) ระยะทาง 600 เมตร งบ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการขยายพื้นที่ทางวิ่งสนามบินภูเก็ต การขับเคลื่อนแผนการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระบบรางจังหวัดภูเก็ต การพัฒนาระบบควบคุมการจราจรทางน้ำจังหวัดภูเก็ต การขุดเจาะอุโมงค์ขยายเส้นทางไปสู่พื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ และการศึกษาการขยายเส้นทางลอด หรือทางยกระดับ บริเวณสี่แยกต่างๆ ที่ส่งผลกระทบให้การจราจรติดขัด
อย่างไรก็ตามนายจารุพงศ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เพื่อมารับฟังข้อมูลระบบการคมนาคมขนส่งของจังหวัดภูเก็ตก่อนที่จะมีการประชุม ครม.สัญจร ในระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคมนี้ ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งภารกิจความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคมที่สำคัญ คือ การคมนาคมทางอากาศ ทางน้ำและทางบก โดยทางอากาศนั้นได้มีแผนการปรับกรุงและขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต รวมทั้งเพิ่มอาคารผู้โดยสารและหลุมจอด ส่วนทางน้ำเป็นเรื่องของการปรับปรุงและขยายท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต และการพัฒนาท่าเทียบเรืออ่าวฉลองในการรองรับเรือสำราญกีฬา ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม โดยได้มีการแสดงความเป็นห่วงกรณีการควบคุมดูแลเรือยอช์ทที่จะเข้ามาว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก็ได้มีการนำแสนอโครงการจัดทำระบบการติดตามเรือยอช์ทโดย IPS หรือการใช้ดาวเทียม
ส่วนของระบบขนส่งทางบก นั้น ได้มีการพูดถึงโครงการทำทางลอดใต้ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดภูเก็ต ตัดกับถนนวิชิตสงคราม บริเวณสี่แยกดาราสมุทร (สี่แยกไทนาน) ซึ่งได้มีการอนุมัติงบประมาณก่อสร้างแล้ว จำนวน 600 ล้านบาท และได้มีการเสนอเพิ่มเติมบริเวณสี่แยกสามกอง (แยกโลตัส) กับสามแยกบางคู ซึ่งจะมีการเสนอของบประมาณในปีถัดไป นอกจากนี้ยังได้เสนอโครงการสร้างถนนผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี-ถนนศักดิเดชน์นี้ ระยะทา 600 เมตร ใช้งบประมาณ 170-180 ล้านบาท ซึ่งใช้เวลาขอมา 15 ปีแล้ว โดยทางกระทรวงฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุน แต่ขอให้ทางกระทรวงมหาดไทยเสนอเรื่องเข้า ครม.เพื่อขอยกเว้นมติ ครม.ในการขอใช้พื้นที่ป่าชายเลนก่อน เพื่อจะได้เดินหน้าต่อไปได้ เพราะมีการศึกษาออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะสร้างเป็นถนนลอยมี 4 ช่องจราจร พร้อมด้วยทางรถจักรยานและทางเท้า มีช่องว่างให้น้ำไหลผ่าน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวงแหวนรอบนอกในการเชื่อมต่อการสัญจรไปมาระหว่างตัวเมืองภูเก็ตกับแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่อื่นๆ
อย่างไรก็ตามนายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของถนนเทพกระษัตรีเริ่มต้นตั้งแต่สะพานสารสิน หรือจากท่าอากาศยานภูเก็ต ได้มีการพูดถึงการสร้างจุดตัดตรงกลางถนน การตีเส้น ขีดสีถนน ตลอดจนการตัดถนนไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นความต้องการของจังหวัด กรณีนี้ได้รับไว้เพื่อดำเนินการต่อไป
สำหรับโครงการเจาะอุโมงค์ลอดจากตำบลกะทู้ไปยังตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ ที่มีการเสนอมานั้นก็จะมอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยมาดูแลรายเอียด เนื่องจากเป็นโครงการที่จะต้องใช้งบประมาณลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งคงต้องให้เอกชนมาร่วมลงทุนด้วย ส่วนเงื่อนไขจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาหารือกัน ขณะที่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา ทราบว่ามีนักลงทุนสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งจุดนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ และคุยในรายละเอียดให้ชัดเจนว่าพร้อมที่จะลงทุนจริงหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากมีผู้พร้อมลงทุนจริงทางกระทรวงฯ ก็พร้อมให้การสนับสนุน นายจารุพงศ์กล่าว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น