เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ที่บริเวณท่าเทียบเรือศุลกากร จังหวัดภูเก็ต อ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม นางนันฐ์ฐิตา คงเมือง นายด่านศุลกากรภูเก็ต พร้อมด้วยหน่วยสืบสวนและปราบปรามภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อนอกน่านน้ำ 16 สัญชาติไทย พร้อมด้วยลูกเรือ จำนวน 7 คน และน้ำมันดีเซลจำนวน 230,000 ลิตร ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม ได้กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากรได้มุ่งเน้นนโยบายสำคัญในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อจำกัด เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม ทางกรมศุลกากรโดยอธิบดี ได้สั่งการให้หน่วยสืบสวนและปราบปรามเข้มงวดในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปราม
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนปราบปรามที่ 2 (ปราบปรามทางทะเล) ได้ออกทำการตรวจความเรียบร้อยในน่านน้ำประเทศไทย บริเวณแลตติจูด 07 องศา 28 ลิปดา 00 ฟิลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 28 ลิปดา 05ฟิลิปดาตะวันออก ห่างจากเกาะราชาน้อย ด้านทิศตะวันออก ประมาณ 10 ไมล์ทะเล จังหวัดภูเก็ต ก็ได้พบเรือชื่อ นอกน่านน้ำ 16 สัญชาติไทย ขนาด 141 ตันกรอส ซึ่งมีนายลินอู สัญชาติพม่า เป็นนายเรือ และมีลูกเรือเป็นสัญชาติพม่าอีกจำนวน 6 คน จึงได้เข้าทำการตรวจค้นภายในเรือ พบเรือเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน โดยภายในตัวเรือได้แบ่งเป็นช่องสำหรับบรรจุน้ำมันจำนวน 10 ช่อง โดยทุกช่องมีน้ำมันเต็มทุกช่อง ปริมาณทั้งหมด 230,000 ลิตร มูลค่าประมาณ 6,900,000 บาท หากรวมมูลค่าพร้อมเรือประมาณ 15 ล้านบาท
จากการสอบสวนนายลินอู นายเรือ ก็ทราบว่าได้มีนายทุนชาวไทย ได้ว่าจ้างให้บรรทุกน้ำมันจากน่านน้ำสากล และหลบหนีภาษีศุลกากรมาจำหน่ายในน่านน้ำจังหวัดภูเก็ตและระนอง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ลักลอบนำสินค้าน้ำมันดีเซล หรือรับซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งอันรู้ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี จึงได้ตรวจยึดน้ำมัน และเรือบรรทุกน้ำมันเป็นของกลาง พร้อมทั้งจับกุมตัวลูกเรือเป็นผู้ต้องหานำส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายราฆพ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมน้ำมันเถื่อนในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม – กรกฎาคม 2555 ทางกรมศุลกากร สามารถจับกุมน้ำมันดีเซลลักลอบในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนทั้งสิ้น 377,000 ลิตร และเรือของกลางจำนวน 4 ลำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น