เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ที่โรงละครไซม่อน สตาร์ โชว์ หมู่บ้านไทยวิลเลจ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร์ ได้จัดเวทีเสวนา “รวมพลัง ออกแบบประเทศไทย” ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวทีแรก ตามโครงการรวมพลัง ออแบบประเทศไทย 10 ฐาน ราก สู่พิมพ์เขียวประเทศไทย ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์กำหนด เป็น 4 ฐานรากสังคม 3 ฐานรากเศรษฐกิจ 2 ฐานรากการเมือง และ 1 ฐานรากรวมอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว
โดยมีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ และมีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายเรวัต อารีรอบ สส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.ภูเก็ต ทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการ ซึ่งมีประชาชนชาวภูเก็ตทุกภาคส่วน เข้าร่วมการเสวนาจำนวนมาก
เพื่อกำหนดให้จังหวัดภูเก็ตเป็นฐานรากเศรษฐกิจนวัตกรรม โดยระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในภูเก็ตสู่พิมพ์เขียวประเทศไทย ซึ่งเวทีเสวนาได้มีนายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์โกศล แตงอุทัย นายกสมาคมเพอรากัน นายธนันท์ ตัณฑไพบูลย์ อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต รศ.มนัส ไชยสวัสด์ นายภาวัต ศุภสุวรรณ รองนายกเทศบาลตำบลรัษฎา ร่วมเสนอมุมมอง
ทั้งนี้นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ด้านการท่องเที่ยวของภูเก็ต ว่า ภูเก็ตต้องเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นด้านธรรมชาติและชายหาดที่สวยงาม มีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว โรงแรมที่พักที่ได้มาตรฐานพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การคมนาคมที่สะดวกสบาย ซึ่งจะนำมาสู่การเดินทางเข้าท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ
ด้านนายแพทย์โกศล แตงอุทัย นายกสมาคมเพอรานากัน กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมของชาวบาบ๋า ที่เป็นลูกผสมระหว่างคนจีนที่อพยพเข้ามาอยู่ในภูเก็ตกับคนพื้นเมืองภูเก็ต ทั้งในเรื่องของการแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆ อาหารการกิน ซึ่งภูเก็ตมีพิพิธภัณฑ์ไทยหัว ที่รวมวัฒนธรรมของภูเก็ตไว้อย่างสมบูรณ์ และในส่วนของสมาคมเพอรานากันเอง ก็มีโครงการที่จะก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เพอรานากัน เพื่อรวบรวมวัฒนธรรมบาบ๋าให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสืบทอดต่อไป พร้อมทั้งให้มีการสืบทอดอาชีพที่เคยมีในย่านเมืองเก่าของภูเก็ต เช่น ร้านโกบี้ ร้านขายหมี่ ร้านขายเครื่องประดับ กำลังจะหาย อยากจะให้มีร้านเหล่านี้ไว้ เพราะเป็นเสน่ห์ของเมืองเก่า
ในส่วนของนายแพทย์จิระชัย อมรไพโรจน์ ได้เสนอวิสัยทัศน์ระบบขนส่งมวลชนในภูเก็ต ว่า ภูเก็ตถือเป็นจังหวัดที่มีปัญหาระบบขนส่งมวลชนที่สุดจังหวัดหนึ่ง เพราะภูเก็ตไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยและได้มาตรฐานในการรองรับชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงทำให้ราคาค่าโดยสารรถรับจ้างในภูเก็ตมีราคาแพงที่สุดในเมืองท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งคิดว่าระบบขนส่งมวลชนที่เหมาะกับภูเก็ตที่สุด คือ รถไฟฟ้า เพราะรถไฟฟ้าเป็นระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัย คุ้มค่าในระยะยาว สะดวกและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
ด้านรศ.มนัส ไชยสวัสดิ์ ได้เสนอวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาของภูเก็ต ว่า ในปี 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะทำให้แรงงานอาชีพ 7 อาชีพ สามารถโยกย้ายกันได้อย่างเสรี ซึ่งจุดนี้คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อแรงงานภาคการท่องเที่ยวของไทยและภูเก็ตได้ เพราะอาชีพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ นักบัญชี ฯลฯ มีสมาคมวิชาชีพนั้นๆ ควบคุมการเคลื่อนย้ายอยู่ แต่ภาคการท่องเที่ยวไม่มีสมาคมฯควบคุม ทำให้การเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นได้อย่างเสรี ดังนั้นประเทศไทยจะต้องปรับปรุงระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาให้สามารถรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานในอาเซียน และต้องทำให้แรงงานของไทยสามารถแข่งขันกับแรงงานในอาเซียนด้วยกันได้
ในส่วนของนายธนันท์ ตันไพบูลย์ อดีตนายกสมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตโตขึ้น 100 % ระยะเวลาในช่วงปลายปี 2554 – เดือนมีนาคม 2555 มีโครงการบ้านจัดสรร พร้อมขายจำนวน 9,000 กว่าหน่วย มูลค่าประมาณ 36,700 ล้านบาท ตอนนี้ขายไปได้แล้วประมาณ 6,000 หน่วย ส่วนคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นตลาดที่ฮือฮามากในจังหวัดภูเก็ตเกิดขึ้นประมาณ 6,970 หน่วย ขณะนี้เหลือขายเพียง 2,800 หน่วยเท่านั้น มูลค่าก็อยู่ที่ประมาณ 32,800 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีบ้านเอื้ออาทรที่เกิดขึ้นประมาณ 4,000 – 5,000 หน่วย รองรับลูกค้าคนไทย และยังมีบ้านระดับบนที่ต่างชาติสร้างขายต่างชาติด้วยกัน ประมาณ 1,000 หน่วย มีมูลค่ามหาศาล จากโครงการที่เกิดขึ้นส่งผลให้ภูเก็ตมีความเติบโตแบบก้าวกระโดดเฉพาะเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการพัฒนาตัวเองไปมากจนน่าเป็นห่วงว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่แตก โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการควบคุม และขายในราคาถูก จึงอยากให้ดูดีๆว่าคอนโดที่เกิดขึ้นนั้นเพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อเก็งกำไร
ขณะที่นายภาวัฒน์ ศุภสุวรรณ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีทั้งคนรวยและคนจน การพัฒนาภูเก็ตนั้นจะต้องมองว่าจะพัฒนาอย่างไรเพื่อให้เติบโตทันกัน และสิ่งที่จะทำให้การพัฒนาเท่าเทียมคือเรื่องของการศึกษาที่จะต้องมุ่งเน้นพัฒนาการศึกษาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของภาษาที่ 2 ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ เราจึงจะต้องเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนในพื้นที่ให้เท่าเทียม นอกจากนั้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตยังมีปัญหาเรื่องของระบบสาธารณูปโภคเป็นอย่างมากทั้งเรื่องถนนหนทาง น้ำอุปโภคบริโภค และปัญหาน้ำเสีย ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้เข้าประเทศจำนวนมากแต่งบประมาณที่จัดสรรให้มาพัฒนาจังหวัดภูเก็ตน้อยมาก จนไม่สามารถที่จะนำไปพัฒนาอะไรได้ อยากให้มีการพิจารณาในจุดนี้ให้ดี
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีสิ่งต่างๆ ทั้งด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สามารถนำมาพัฒนาเพิ่มมูลค่าได้จำนวนมาก ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงได้กำหนดให้ภูเก็ตเป็นฐานเศรษฐกิจนวัตกรรม ที่จะดึงวัฒนธรรมและภูมิปัญหาดั่งเดิมของท้องถิ่นมาสู่การพัฒนาและเพิ่มมูลค่า ที่นอกเหนือจากการท่องเที่ยวรูปแบบเดิมที่พึงธรรมชาติ หาดทรายและชายทะเล ซึ่งที่ได้ไปดูมาวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการผลิตมุก ธุรกิจสปา ซึ่งล้วนแต่เป็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาต่อยอดทั้งสิ้น
นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ดังนั้นภูเก็ตจะต้องปกครองรูปแบบพิเศษแบบใดแบบหนึ่ง แต่ไม่กล้าที่จะลงลึกลงไปว่าเป็นรูปแบบใด ซึ่งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้ศึกษาการปกครองรูปแบบพิเศษที่เป็นมหานครไว้ ไม่ว่าจะเป็นหาดใหญ่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งนี้เพื่อให้เมืองเหล่านั้นได้มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการเมือง ให้ทันกับการเติบโตและความต้องการของพื้นที่
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ภูเก็ตจะวางรากฐานเศรษฐกิจนวัตกรรม ที่จะนำภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่มีอยู่ โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้น้อยที่สุด ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งที่เป็นภูมิปัญญาขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่าไม่คิดขายการท่องเที่ยวที่เป็นชายทะเลเพียงอย่างเดียว ต้องสร้างฐานรากโดยพึ่งพาความรู้ ภูมิปัญญา นวัตกรรม ด้วยการหยิบฉวยภูมิปัญญามาเพิ่มมูลค่าให้ได้ ซึ่งภูเก็ตมีทุนทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หลากหลาย แต่ยังไม่ได้หยิบยกมาใช้อย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเกาหลีที่สามารถนำวัฒนธรรมมาเป็นจุดขายได้ประสบความสำเร็จ ซึ่งภูเก็ตก็สามารถที่จำทำได้ เพราะภูเก็ตมีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สามารถทำให้เป็นจุดขายได้ ซึ่งที่เห็นเป็นตัวอย่างมีทั้งร้านไข่มุก สปา ร้านของที่ระลึก เป็นต้น
นายอภิสิทธ์ กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ภูเก็ตจะต้องปกครองในรูปแบบพิเศษ ที่ได้รับมอบอำนาจจากส่วนกลาง ที่มีอำนาจในการบริการจัดการตัวเองอย่างคล่องตัว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ศึกษารูปแบบมหานคร ทั้งเชียงใหม่ หาดใหญ่ โคราช และเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น