จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คนร้ายคิดข่มขืนสาวแต่มีรอบเดือน บีบคอจนตาย



เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 พ.ต.ท.วิษฐาคม คำจำปา รองผกก.สส.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุคนถูกฆ่าตายอยู่ภายในบ้านเลขที่ 40 /27 หมู่บ้านชนกานต์ เชิงเขา ม.5 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จึงขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.ฉลอง, พ.ต.อ.วันไชย ปาละวัน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิตร รองผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต,
พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป., พ.ต.ต.วรพงษ์ พรหมอินทร์ สส.สภ.ฉลอง, พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ หนูผึ้ง สารวัตรวิทยาการพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย


บริเวณที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีรั้วรอบขอบชิด และมีชาวบ้านมามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงและเข้าตรวจสอบภายในบ้าน พบเสื้อผ้าทรัพย์สินถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย บริเวณห้องนอนด้านหน้าบ้านซึ่งติดกับห้องรับแขกพบศพนางสาวสุนิษา ไทรย้อย อายุ 17 ปี อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าบริเวณขอบเตียง สวมเสื้อกล้ามสีขาว สวมเสื้อชั้นในสีดำ ซึ่งถูกถลกขึ้นจนถึงหน้าอก ส่วนท่อนล่างมีผ้าขนหนูคลุมไว้ เมื่อเปิดผ้าขนหนูออกมาพบว่ามีค้อนตอกตาปูวางอยู่ 1 อัน และมีเลือดเกราะกรังติดอยู่ ขณะที่บริเวณพื้นห้องมีเลือดไหลนอง และยังพบกางเกงขาสั้นแบบบ๊อกเซอร์สีแดงของผู้ตายอีก 1 ตัว และยังพบว่าภายในห้องดังกล่าวมีการรื้อค้นทรัพย์สินกระจัดกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบที่บริเวณหน้าต่างห้องผู้ตาย ซึ่งเป็นหน้าต่างอลูมิเนียมสไลด์ ถูกงัดและมีลอยนิ้วมือติดอยู่ โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 7 ชั่วโมง จึงนำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง 


ทั้งนี้จากการสอบสวนนายคะนึง ไทรย้อย อายุ 61 ปี พ่อของผู้ตาย ซึ่งมีอาชีพขายผลไม้อยู่ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ทราบว่าหลังจากผู้ตายสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาแล้วก็ไม่ได้ศึกษาต่อ เนื่องจากมีอาการเครียดและปวดศีรษะบ่อย จึงให้หยุดเพื่อรักษาตัวให้หายก่อนที่จะกลับไปเรียนใหม่ โดยก่อนเกิดเหตุตนและภรรยาก็ได้เดินทางไปขายผลไม้เหมือนกับทุกวัน และปกติก็จะพาผู้ตายไปด้วย แต่วันนี้ผู้ตายบอกว่าปวดศีรษะและอยากนอน ขอนอนพักอยู่ที่บ้านก็เลยอนุญาต และสั่งให้ปิดบ้านให้เรียบร้อย จนกระทั่งช่วงเย็นหลานสาวได้นำข้าวมาให้ผู้ตายและเรียกอยู่นานก็ไม่ยอมมาเปิดประตู จึงเดินเข้าไปในบ้านพบข้าวของกระจัดกระจายและเห็นผู้ตายนอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณขอบเตียงและเห็นมีเลือดกองอยู่บนพื้น จึงได้รีบเรียกรถพยาบาล แต่เมื่อมาดูอีกครั้งพบว่าผู้ตายไม่หายใจแล้ว และแจ้งให้ตนทราบ จากนั้นจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ 


ด้านนางอนงค์ อินทรสุข แม่ของผู้ตาย บอกว่า ก่อนออกจากบ้านก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาในช่วงทานอาหารค่ำด้วยกันผู้ตายพูดกับตนว่าแม่อย่าตายก่อนนะ เพราะถ้าแม่ตายส้มไม่รู้จะอยู่กับใคร ซึ่งปกติในช่วงที่ออกไปขายผลไม้ก็จะพาผู้ตายไปด้วย แต่วันนี้ผู้ตายบอกว่าปวดหัวและอยากนอน จึงขออยู่บ้าน


ทางด้านลูกพี่ลูกน้องของผู้ตายซึ่งเป็นผู้มาพบคนแรกเล่าว่า ก่อนออกจากบ้านก็ได้ไม่มีอะไรผิดสังเกตและมีการปิดบ้านเรียบร้อย และในช่วงเย็นก็ได้นำข้าวมาให้กับผู้ตาย และมายืนเรียกอยู่นานแต่ไม่มีเรียกขานรับจึงเปิดประตูบ้านเข้าไปพบข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย มองไปที่ห้องนอนของผู้ตายเห็นนอนคว่ำหน้า มีผ้าขนหนูปิดท่อนล่างไว้ ในขณะที่ท่อนบนยังสวมเสื้อกล้ามอยู่ และเห็นเลือดกองอยู่เต็มพื้นที่เข้าใจว่าสลบ จึงวิ่งออกมาโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือ พร้อมแจ้งพ่อและแม่ผู้ตาย แต่เมื่อกลับมาดูอีกครั้งพบว่าผู้ตายตายแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายมักจะพูดแต่เรื่องความตาย และอารมณ์ไม่ดี ระแวงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะหลังจากวันเกิดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา 


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้น่าจะพักอยู่ในละแวกใกล้ที่เกิดเหตุ และทราบว่าผู้ตายพักอยู่ลำพังคนเดียว จึงงัดประตูบ้านเข้าไปหมายจะข่มขืน แต่เมื่อรู้ว่าผู้ตายมีประจำเดือน และกลัวผู้ตายจะแจ้งความดำเนินคดีจึงตัดสินใจบีบคอผู้ตายจนเสียชีวิต จากนั้นได้ทำการรื้อค้นทรัพย์สินเพื่ออำพรางคดี ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนต่อไป 


ขณะที่ พ.ต.อ.วันไชย ปาละวัน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุ คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว และทราบว่าผู้ตายอยู่บ้านลำพัง จึงได้งัดประตูบ้านเข้าไปอาจจะข่มขืน แต่เหยื่อมีรอบเดือน ด้วยกลัวเหยื่อจำได้จึงตัดสินใจฆ่าปิดปากอำพรางคดีเพื่อหนีความผิด ส่วนจะมีการข่มขืนหรือไม่นั้น คงต้องรอผลการตรวจยืนยันจากแพทย์อีกครั้ง ส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เร่งออกติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น