เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการภูเก็ต อาเคเดีย ในทอน หมู่ที่ 4 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการก่อสร้างในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยมีการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ในการเข้าตรวจสอบและทำการรังวัดแนวเขตพื้นที่จากหน่วยต่างๆ จำนวน 15 ชุด รวมประมาณ 150 นาย
โดยสภาพพื้นที่ที่เข้าไปตรวจสอบพบว่าอยู่ระหว่างการก่อสร้างกลุ่มอาคารที่พัก และมีความลาดชัน มองจากด้านบนก็จะเห็นน้ำทะเลบริเวณหาดในทอนได้อย่างชัดเจน ขณะที่ด้านหลังโครงการก็มีพื้นที่ติดกับเขตอุทยานฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 39 ไร่เศษ เป็นเอกสารจำนวน 9 ฉบับ แบ่งเป็นโฉนด 6 ฉบับ นส. 3 ก. 2 ฉบับ และ นส.3 1 ฉบับ แต่มีบางส่วนที่อาจจะมีปัญหาและอยู่ในเขตอุทยานฯ
นายดำรงด์ กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบ ว่า จากการที่ได้ติดตามคำสั่งให้มีการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถเมื่อประมาณปี 2548-2549 แต่ปรากฏว่าหลังจากดำเนินการได้ระยะหนึ่งก็ต้องหยุดชะงักไป และจากการลงมาตรวจราชการครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา พบว่ามีการก่อสร้างโรงแรมที่พักและรีสอร์ท ในพื้นที่ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ในเขตอุทยานฯ แต่เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้ว่าการก่อสร้างดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานฯ หรือไม่ จึงได้สั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ
“จากการตรวจพบเบื้องต้นพบว่า มีการก่อสร้างรีสอร์ทจำนวนประมาณ 10 แห่ง มูลค่าแห่งละประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท อยู่ในเขตอุทยานฯ จึงได้สั่งการให้มีการตรวจสอบเอกสารที่ดินของโครงการต่างๆ อย่างละเอียด โดยเริ่มจากโครงการภูเก็ต อาเคเดีย ในทอน เป็นลำดับแรก เนื่องจากมีการตรวจพบก่อน โดยใช้ข้อมูลบางส่วนจากหลักฐานเอกสารสิทธิที่มีการนำไปยื่นเพื่อขอจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอในการก่อสร้าง แต่ปรากฏว่ายังขาดเอกสารบางส่วนซึ่งจะตรวจสอบความชัดเจน โดยเฉพาะที่มาของการออกเอกสารสิทธิ และเรื่องของแนวเขต
ซึ่งก็ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งไปดำเนินการหาหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนนี้แล้ว ส่วนที่ดินของอีก 9 โครงการนั้นก็จะได้มีการตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบในแต่ละแปลง ยืนยันว่าไม่ได้มีคำสั่งจากใครหรือเป็นการกลั่นแกล้ง ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทเล็กหรือรีสอร์ทใหญ่ ทำเหมือนกันหมด เพราะตนไม่ได้รู้จักกับเจ้าของโครงการ ซึ่งหากมีหลักฐานที่ชัดเจนก็สามารถที่จะเอามายืนยันได้ แต่หากพบว่ามีการทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เราต้องเอาผืนป่าคืนมาให้ได้พื้นที่สาธารณะมือใครยาวสาวได้สาวเอาไม่ได้แล้ว ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุดภายใน 1 เดือน เพื่อจะไม่ให้เป็นภาระของอธิบดีคนใหม่ที่ต้องมีรับภาระอะไรต่อไป”
นายดำรง กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่มีอยู่ปรากฏว่ามี นส. 3 หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 13 ไร่เศษ ซึ่งมีการรับรองแนวเขตเมื่อปี 2532 โดยหัวหน้าอุทยานฯ สมัยนั้นว่า อยู่นอกแนวเขตอุทยานฯ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเป็นคนละจุดกับที่มีการรับรอง ซึ่งการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ไม่ตรงกันนั้นดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญทางศาลหรือภาพถ่ายทางอากาศและมีความชัดเจนว่าอยู่ในพื้นที่อุทยาน ซึ่งในการเดินสำรวจมีระเบียบของกรมป่าไม้กับกรมที่ดินอยู่แล้วว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ร่วมชี้แนวเขต และเจ้าหน้ารับรองในส่วนที่อยู่นอกเขตอุทยานฯ ไม่ได้รับรองข้างในเขตอุทยานฯ ฉะนั้นจะต้องแจ้งดำเนินคดี รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกด้วย
นายดำรง กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่บุกรุกของจังหวัดภูเก็ตนั้น ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของกรมป่าไม้ กับกรมอุทยานฯ โดยในส่วนของกรมป่าไม้ก็มีการตรวจสอบกันอยู่ แต่อำนาจจะไม่มากเหมือนกรมอุทยานฯ ซึ่งมีอำนาจตามมาตรา 22 สามารถใช้อำนาจอธิบดีฯ เพิกถอนได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้ศาลสั่ง หลังจากนั้นต้องไปสู้กันในกระบวนการยุติธรรม การลงมาตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้เชือดไก่ให้ลิงดู แต่ทำตามหน้าที่ ตามกฎหมาย หากไม่ทำจะไม่รู้เลยว่าพื้นที่ดินของกรมอุทยานเหลือเท่าไร
นอกจากนี้นายดำรง กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่รับเงินสินบน ว่า “ผมไม่เชื่อ ซึ่งอาจจะเป็นการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ก็ได้ ผมเชื่อเด็กของผม ไม่มีใครเอนเอียง ไม่มีทางเป็นไปได้ เด็กของผมไม่มีใครกล้า หากกล้าก็ไม่จบเพราะผมไม่เอาด้วย คุณรับก็รับไป ผมก็จับตามหน้าที่ของผม
ขณะที่นายวีระนันท์ ปิตุปกรณ์ ผู้ควบคุมโครงการก่อสร้าง ก็ได้มาชี้แจงกับทางอธิบดีฯ และยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิในการดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่งทางอธิบดีฯ ก็ให้นำมาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ และยืนยันว่าหากถูกต้องก็ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการลงไปตรวจสอบพื้นที่จริงได้มีการใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจ และมีการรับฟังบรรยายสรุปผลการตรวจสอบแปลงที่ดินของคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ แต่จากการที่อธิบดีฯ ซักถามข้อมูลรายละเอียดการได้มาของเอกสารสิทธิตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะการนำ ส.ค.1 มาออกเอสารสิทธิในรายของโครงการภูเก็ต อาเคเดีย ในทอน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่และผู้รับผิดชอบไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการได้มาของเอกสารได้อย่างชัดเจน โดยแจ้งว่าเอกสารบางส่วนไม่พบในสารระบบ จึงสั่งการให้ไปทำการรวบรวมข้อมูลมาใหม่และให้รายงานผลภายใน 7 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น