เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2555 ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรภูเก็ต พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รอง ผกก.ฝ่ายปราบปราม สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย ตัวแทนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ท่าอากาศยานภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม Mr.SHANKAR SUNIL อายุ 22 ปี สัญชาติอินเดีย หมายเลขหนังสือเดินทาง J 5681192 ซึ่งเป็นผู้โดยสารของสายการบินซิลค์แอร์ เที่ยวบิน MI752 เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ถึงภูเก็ตเวลา 09.50 น. วันนี้ (7 ม.ค.) พร้อมของกลางสารอีเฟดรีน (EPHEDRINE) น้ำหนักรวมพร้อมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 6.5 กิโลกรัม โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 สารอีเฟดรีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนด และนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 และ ม.27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับ พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 ม.16,17 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ก็ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย อ.ถลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อนึ่งสารอีเฟดรีนในปริมาณดังกล่าวเป็นสารตั้งต้นสามารถนำไปผลิตเป็นยาไอซ์หรือผลิตยาบ้าได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 เม็ด ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
นางมนทิรา กล่าวว่า ตามที่นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากรแลปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด จึงสั่งการให้นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านการปราบปราม นายยุทธ มณีโชติผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 และทางด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ตดำเนินการวางแผนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดิน ทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งมีแนวโน้มลักลอบขนยาเสพติดให้โทษสูงขึ้น โดยในปี 2554 ในระหว่างเดือนพฤษภาคม- ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ด่านศุลกากรภูเก็ตสามารถจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าสิ่งเสพติดจำนวน 4 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นยาไอซ์ และมียางกัญชา 1 ครั้ง
อย่างไรก็ตามการจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสุ่มตรวจกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสาร และจากการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางของ Mr.SHANKAR SUNIL ก็พบสิ่งผิดปกติภายในกระเป๋าซึ่งจัดทำพิเศษ เป็น 2 ชั้น โดยนำเอาผ้าสาหรีและผ้าห่มคลุมไว้ด้านบนจำนวนมาก เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เมื่อถูกตรวจสอบพบว่าผ้าดังกล่าวจะต้องเสียภาษีซึ่งเขาก็ยินยอมจ่าย เพราะได้รับคำแนะนำมาว่าหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบก็ให้ยินยอมจ่ายภาษีจำนวนประมาณ 2,000 บาท แต่เมื่อเจ้าหน้านำผ้าดังกล่าวออกจากกระเป๋าและมีการชั่งน้ำหนักดูพบว่าหนักมากกว่าปกติ จึงทำการตรวจสอบอย่างละเอียด พบกล่องไม้ซึ่งภายในบรรจุสารอีเฟดรีน ซุกซ่อนอยู่บริเวณพื้นกระเป๋าเดินทาง จึงได้ทำการจับกุมตัวไว้
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า Mr.SHANKAR SUNIL เดินทางมาจากเมืองบังกาลอ ประเทศอินเดีย ใช้เส้นทาง บังกาลอ-สิงคโปร์-ภูเก็ต โดยบอกว่ามีคนอินเดียอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเพื่อนของลุง ซื้อตั๋วโดยสารให้ พร้อมทั้งซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์จากเมืองไทยส่งไปให้ และบอกว่าให้นำกระเป๋าเดินทางซึ่งจะมีคนอินเดียนำมาให้ถือมาด้วย และเมื่อมาถึงภูเก็ตแล้วก็ให้ใช้ซิมการ์ดดังกล่าว โดยให้นั่งรถทัวร์จากภูเก็ตไปหาดใหญ่ ตอนขากลับให้นั่งรถจากหาดใหญ่เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ Mr.SHANKAR SUNIL ยืนยันว่าตัวเขาไม่รู้เรื่องว่าภายในกระเป๋ามีสารเสพติด และก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนเคนเดินทางเข้ามาแล้ว 1 ครั้ง และก็มีคนฝากให้หิ้วกระเป๋าเข้ามาในลักษณะนี้ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าครั้งนั้นมีสารเสพติดอยู่ด้วยหรือไม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ นางมนทิรากล่าว
ทางด้าน พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รอง ผกก.ฝ่ายปราบปราม สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้มีการสอบสวนและสืบสวนเพื่อขยายผลต่อไป เบื้องต้น Mr.SHANKAR SUNIL จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดประเภท 2 ไว้ในครอบครอง และนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกประมาณ 5-20 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น