จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

ผู้สื่อข่าวภูเก็ต ยื่นหนังสือเร่งรัดคดี “เอ๋ อินไซด์”



เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายพีระพงค์ ผลประมูล ประธานชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือกำชับการคลี่คลายคดีลอบยิง นายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ เจ้าของ-บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต ซึ่งถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ให้แก่ พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และสำเนาถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทาง พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8

นายพีระพงค์ กล่าวว่า จากกรณีเหตุฆาตกรรมนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ เจ้าของ-บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต บริเวณปากซอยทางเข้าหมู่บ้านศรีสุชาติโค้งควนดินแดง ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 12 มกราคม 2555 ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ในฐานะเป็นองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ตและเป็นองค์กรที่ผู้ตายมีตำแหน่งเป็นกรรมการที่ปรึกษาอยู่ด้วย มีความเห็นเบื้องต้นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการทำหน้ามี่สื่อมวลชนร่วม 20 ปีของผู้ตายนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงความรู้ ความสามารถ ความกล้าหาญ และมีอุดมการณ์ในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นบุคคลด้านสื่อมวลชนที่มีคุณภาพคนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต การจากไปด้วยเหตุฆาตกรรมอย่างอุกอาจในครั้งนี้ จึงเป็นความสูญเสียไม่เฉพาะกับญาติพี่น้อง และผู้ใกล้ชิดเท่านั้น หากแต่เป็นการสูญเสียของชาวภูเก็ต และชาวไทยทั้งหมดที่ต้องการเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคมด้วย ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ตจึงขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการทำหน้าที่คลี่คลายคดี และเชื่อว่าจะสามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ตถือว่าคดีนี้ เป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ตในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และสาธารณะสมบัติของแผ่นดินโดยตรง การคลี่คลายคดีดังกล่าวได้หรือไม่ จึงมีผลต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนและสมาชิกชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ตเป็นอย่างมากทั้งด้านสภาพจิตใจและความปลอดภัยในชีวิต 

อย่างไรก็ตามคดีนี้มีปมเหตุหลายประเด็นตามที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ และในแต่ละประเด็นผู้ที่เกี่ยวข้องถือได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งข้าราชการระดังสูง อิทธิพลด้านการเงิน และอิทธิพลด้านอำนาจเถื่อน โดยเหตุนี้ชมรมผู้สื่อข่าวจึงมีความเชื่อว่า เพียงลำพังเจ้าหน้าที่ในระดับจังหวัดไม่น่าจะสะสางคดีนี้ได้ลุล่วง จึงได้ร้องขอมายังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้เข้ามากำชับและสั่งการในคดีนี้โดยตรง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ตาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ต ให้ทำหน้าที่ตามจรรยาบรรณวิชาชีพต่อไป นายพีระพงค์กล่าว 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น