จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

ครอบครัว “อิสสระ” แถลงเหตุทำร้าย “ปลาวาฬ”



เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2554 ที่ห้องประชุมภูเก็ต ชั้น 3 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นพ.บดินทร์ ละเอียด รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต พร้อมด้วย นพ.พงษ์ศักดิ์ วิจิตรุจนพันธ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นายสงกรานต์ และนางศรีวรา อิสสระ บิดาและมารดาของนายวรสิทธิ์ อิสระ หรือปลาวาฬ ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการรักษาและอาการของนายวรสิทธิ์ฯ ตลอดจนความรู้สึกตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นพ.บดินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 04.55 น. ทางโรงพยาบาลได้ทำการรับตัวผู้บาดเจ็บเข้าทำการรักษาจำนวน 4 ราย โดยรายแรกมีบาดแผลที่ศรีษะเล็กน้อย ทำการรักษาตามปกติ และให้กลับไปผักผ่อนที่บ้าน รายที่ 2 มีบาดแผลศรีษะแตก 2 แผล แพทย์ทำการเย็บบาดแผลและให้ยา พร้อมทั้งให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน รายที่ 3 มีฟันแตก 1 ซี่ ฟันหลุด 1 ซี่ ศรีษะแตกต้องทำการเย็บบาดแผล และนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วันจากนั้นให้กลับบ้าน
ส่วนรายที่ 4 คือ นายวรสิทธิ์ หรือ ปลาวาฬ อิสสระ มีบาดแผลที่บริเวณศรีษะ 5 แผล จากการถูกของมีคม แพทย์ได้ทำแผลและทำการเย็บบาดแผล จากนั้นก็ได้นำตัวไปเอ็กซเรย์ และยังพบบาดแผลอีกหลายจุดบนร่างกาย บริเวณหน้าอก ช่องท้อง ไหล่ขวาถูกของมีคมบาดลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไหล่ซ้ายจะเป็นแผลที่ค่อนข้างฉกรรจ์มาก โดยของมีคมตัดกระดูกขาด ซึ่งก็ได้ทำการต่อกระดูกไว้ ทั้งนี้ในส่วนของบาดแผลบริเวณหน้าท้องด้านซ้ายนั้นก็ได้นำเข้าทำการผ่าตัด โยมีเลือกคั่งบริเวณท้องประมาณ 100 ซีซี เนื่องจากของมีคมทะลุถึงบริเวณก้านลำไส้ใหญ่ มีบาดแผลที่ผนังลำไส้ใหญ่เล็กน้อย ทะลุเยื่อบุช่องท้องด้านหลังห่างจากท่อไตซ้ายประมาณ 1 เซนติเมตร โดยแพทย์ได้ทำการเย็บซ่อมเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีบาดแผลที่บริเวณข้อเท้าซ้ายด้วย นับเป็นความโชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ เพราะในทางการแพทย์พบน้อยมากที่ถูกแทงบริเวณช่องท้องแล้วไม่โดนจุดสำคัญ นพ.บดินทร์ กล่าว และว่า ในการผ่าตัดทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง เฉพาะบริเวณช่องท้องมีเลือดเสียไปประมาณ 100 ซีซี หากรวมบาดแผลบริเวณอื่นๆ ด้วยเสียเลือดไปประมาณ 1-1.5 ลิตร เมื่อผ่าตัดเสร็จผู้ป่วยมีอาการรู้สึกตัวดี อาการปัจจุบันโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เพื่อติดตามอาการและเฝ้าระวังการติดเชื้อบริเวณสำไส้ใหญ่ ด้วยเกรงจะมีเลือดออกซ้ำ
ขณะที่ นพ.พงษ์ศักดิ์ กล่าวเสริมว่า บาดแผลที่บริเวณไหล่ซ้ายนั้นบาดแผลถูกของมีคมบาดลึกจนถึงกระดูกข้อไหล่ โดนบริเวณปลายกระดูก 2 ชิ้น แต่กล้ามเนื้อเส้นปลายประสาทยังดีอยู่ แพทย์ได้ทำการเย็บแผล และต่อกระดูกเข้าหากันเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ตรงบริเวณไหล่และแผลหน้าท้องซึ่งมีเลือดคั่งก็ได้ระบายเลือด ออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนของบาดแผลที่บริเวณข้อเท้าซ้าย พบว่าหลังเท้าเส้นเอ็นขาด 2 เส้น และเส้นประสาทขาด 1 เส้น และต้องทำการเข้าเฝือกไว้ ซึ่งในส่วนนี้ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 3 สัปดาห์
ทางด้านนายสงกรานต์ อิสสระ บิดาของนายวรสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่รับทราบและเห็นบาดแผลนับว่าปลาวาฬโชคดีมาก เพราะหากของมีคมถูกจุดสำคัญมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะบาดแผลซึ่งถูกขวานฟันบริเวณหัวไหล่ ส่วนเรื่องของคดีความนั้นก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง และขอยืนยันว่าปลาวาฬไม่ใช่คนก้าวร้าวตามที่มีการกล่าวหา โดยเฉพาะกับพนักงานที่มาให้บริการเขาจะให้บริการ มากกว่า และไม่เชื่อว่าปลาวาฬจะเป็นผู้ที่ลงมือก่อน
“กับเพียงแก้วแตกใบเดียว ไม่น่าจะทำกันถึงขนาดนี้ ซึ่งถือว่าทำเกินไป และเป็นการอยู่ผิดที่ผิดเวลา เพราะไปอยู่ในที่อโคจร ซึ่งเขามองข้ามไป และพาแขกไป ซึ่งถือเป็นเหยื่อของสังคมที่เสื่อมโทรมจริยธรรม และเศรษฐกิจ เรื่องที่เกิดขึ้นก็อยากฝากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับเด็กๆ อย่าได้คิดว่าเมื่อไปแล้วจะไม่เกิดเหตุที่คาดไม่ถึงโดยเฉพาะการที่มีคนมารุมทำร้าย และไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้สร้างความเสียหายให้กับทั้งภูเก็ตและประเทศไทยด้วย ดังนั้นจึงอยากวิงวอนให้ผู้ที่รับผิดชอบได้เข้ามาดูแลในเรื่องเหล่านี้ ให้เกิดความสะอาดโปร่งใส เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการกระทำของคนเพียง 1-2 คน แต่ได้สร้างความเสียหาดและสร้างความหวาดกลัวให้กับคนเป็นจำนนมาก”
นายสงกรานต์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการเสียค่าเสียหายนั้นคงต้องมาดูอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้อยู่ในขั้นของการดำเนินคดีอาญา ซึ่งจากการทำงานของตำรวจที่ผ่านมาก็มีความพอใจในระดับหนึ่ง และทราบว่าจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็มีการตรวจพบของกลางและจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้วหลายราย ส่วนของสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเพราะเขาอยู่ผิดที่ผิดเวลา เป็นเรื่องของน้ำผึ้งหยดเดียว ด้วยคิดว่าออกไปแล้วไม่มีอะไร และไม่คิดว่าจะมีคนมาทำร้าย ซึ่งเรื่องเหล่านี้เอาแน่อะไรไม่ได้ ส่วนการจะย้ายไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ นั้นคงต้องรอดูอาการอีกครั้ง ยืนยันว่าเมื่อหายเป็นปกติแล้วก็ยังคงอยู่ที่ภูเก็ตเหมือนเดิม เพราะปลาวาฬรักภูเก็ตมาก
ในส่วนของนางศรีวรา อิสสระ ผู้เป็นมารดา บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมั่นใจว่าปลาวาฬไม่ได้เป็นผู้เริ่มก่อน เพราะมั่นใจในพื้นฐานที่เป็นอยู่ ด้วยสันดานและนิสัยปลาวาฬจะไม่หาเรื่องใครก่อน ซึ่งหากได้สัมผัสไม่ว่าจะเป็นกับผู้ใหญ่หรือผู้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้น้อย คงจะไม่แปลกใจเลยหากพนักงานเสิร์ฟหรือการ์ดทำร้ายหรือเขม่นคนที่ไปด้วยกัน ผู้น้อยหรือพนักงานจะรู้ดีว่าปลาวาฬเป็นคนน่ารัก ซึ่งจากที่ได้รับทราบจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะแก้วแตกตกอยูที่พื้น แล้วปลาวาฬพยายามเขี่ยไว้ใต้โต๊ะป้องกันไม่ให้คนอื่นมาเหยียบ และมีการ์ดเอาไฟมาส่องหน้าจากนั้นก็เข้าล๊อคตัว เป็นใครก็คงไม่ยอม
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนว่าสถานที่อโคจรนั้นไม่ควรไป การไปอยู่ในหมู่คนผิด ในเวลาที่ไม่ควร แม้ว่าแขกต้องการจะดูวัฒนธรรมท้องถิ่นก็ควรที่จะฉลาดหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์หรือสถานที่ที่ไม่เหมาะสม จึงไม่แปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเคยเกิดกับหลายคนในสถานที่เช่นนั้นซึ่งเป็นสถานที่ที่อาจจะเกิดเหตุขึ้นได้ ซึ่งตอนที่เกิดเรื่องนั้นตนอยู่ที่ประเทศพม่า เมื่อทางคุณพ่อแจ้งไปก็บอกว่าต้องผ่าตัด หนักมากเพราะทะลุผนังท้องเพราะมิดด้ามมีด และเคนเห็นการฝ่าศพ ซึ่งข้างในท้องแน่นมากไม่อยากเชื่อว่าจะปลอดภัย”
นางศรีรา กล่าวว่า โชคดีมากที่ปลาวาฬปลอดภัยมาได้ และไม่โดนจุดที่เป็นอันตราย เชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้ด้วยเพราะผลบุญที่ทำไว้จึงส่งผลให้รอดปลอดภัยมาได้ ดังนั้นส่วนตัวจึงมีความเชื่อในเรื่องของการเคารพในสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ การทำบุญ ว่าผลผลจะช่วยลดสิ่งร้ายๆ ต่างๆ ได้ และขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในการทำความดีว่าผลบุญจะส่งให้กับตัวเราเช่นเดียวกับที่ปลาวาฬได้รับ และต้องบอกว่าปลาวาฬรักภูเก็ตมากยังคิดที่จะมาตั้งรกรากที่นี่และมาช่วยพัฒนาที่นี่ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น