ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้กล่าวในโอกาสเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่คณะผู้บริหาร ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาจากทั่วประเทศ และผู้ที่สนใจทั่วไป เกี่ยวกับเรื่อง ภัยพิบัติสึนามิและการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ห้องประชุมโรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายประเทศที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้มีสาเหตุมาจากสภาวะโลกร้อน แต่ก็มีแนวโน้มที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับปัญหานี้เช่นกัน เนื่องจากมีการพยากรณ์ว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้จะเกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในมหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามัน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็อาจจะเกิดคลื่นสึนามิในบริเวณภาคใต้ฝั่งอันดามันของไทยขึ้นได้ ดังนั้นการจัดทำระบบเตือนภัยต่างๆ จึงต้องมีการเตรียมพร้อมไว้อย่างดีและประชาชนเองก็ต้องมีความตื่นตัวที่จะเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจะเกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดในหลายประเทศนั้น แสดงให้เห็นว่าจุดจบของโลกใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที ซึ่งมีสถาบันต่างๆ จากหลายประเทศคาดการณ์ว่าโอกาสที่จะเกิดการล่มสลายของโลกจะเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งหากเกิดขึ้นใกล้กับประเทศไทยอาจจะทำให้รอยเลื่อนที่มีอยู่ในไทยจำนวน 13 แห่งโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดรอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีเขื่อนศรีนครินทร์ตั้งอยู่บริเวณรอยเลื่อนดังกล่าว ก่อนเคยมีการเคลื่อนตัวจนทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในอดีต ก็อาจจะได้รับผลกระทบและเกิดขึ้นซ้ำอีกได้
สำหรับกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย มีโอกาสเกิดภัยพิบัติสูงมากเนื่องจาก กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณดินที่มีเนื้อเหลวอ่อน ซึ่งมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลาหากเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ใกล้เคียงในระดับ 7-8 ริกเตอร์จะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน
ดร.สมิทธ กล่าวอีกว่า ในปี ค.ศ.2012 นี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่อาจทำให้เกิดการสูญเสีย และผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้อยากให้ประชาชนทุกคนดำเนินชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น