จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กมธ.ปปช. ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิหาดฟรีดอม



เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 ที่บริเวณที่ดินหาดฟรีด้อม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธาน คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมติดตามผลเรื่องร้องเรียนกรณีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยมิชอบ บริเวณพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนกรมป่าไม้ ตัวแทนกรมที่ดิน นายอำพน วงศ์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์ศรีนิล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อาทิ ที่ดินจังหวัดภูเก็ต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่ดิน หลังได้มีการร้องเรียนกรณีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยมิชอบ บริเวณพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
จากนั้นทางคณะก็ได้เดินทางมาที่ห้องประชุมศากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังเก่า) เพื่อประชุมสรุปภายหลังได้ลงพื้นที่ และให้ทางเจ้าของประกอบด้วยนายเอกชัย แซ่อิ้ว ผู้ถือกรรมสิทธิ์โฉนดเลขที่ 98414 และ 98415 (แปลงหาดฟรีดอม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต)นางเบญจา เศวตวรรณ และคณะได้ร่วมชี้แจงด้วย
ทั้งนี้ในการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การออกเอสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวน่าจะไม่ชอบ โดยมีการอ้างว่ามีการครอบครองทำประโยชน์ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (ก่อนปี 2497) ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารบันทึกการรังวัดสอบสวนพิสูจน์สิทธิ์หรือประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือที่ดินสงวนหวงห้าม เจ้าของที่ดินเดิมเคยให้ถ้อยคำเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2520 ว่า ที่ดินทั้งสองแปลงได้สับสร้างมาด้วยตนเองเมื่อประมาณปี 2510 ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีการร่วมมือกันในการออกโฉนดที่ดินจากเจ้าหน้าของรัฐ ไม่มีการลงระวาง UTM และเป็นที่ดินซึ่งมีความลาดชันเกิน 35 %
พล.ต.ท. วิโรจน์ กล่าวว่า เนื่องจากได้มีประชาชนร้องเรียนว่า การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 98414 และ 98415 หาดฟรีดอม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 65 ไร่ น่าจะเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบ เนื่องจากออกทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด และน่าจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่จริง และรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพื้นที่และรับฟังคำชี้แจงจากภาคส่วนต่างๆ แล้วนั้น คงจะต้องให้มีการไปชี้แจงเพิ่มเติมที่ส่วนกลาง เพราะข้อมูลบางอย่างยังไม่ชัดเจน รวมถึงเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ยังไม่ครบสมบูรณ์ และยังมีประเด็นที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติม เช่น เป็นพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ มีการทำประโยชน์ก่อนประกาศกรมที่ดิน 2487 หรือไม่ ความลาดชันของพื้นที่ เป็นต้น แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งในส่วนของผู้ร้อง ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของกรรมาธิการฯ ก็ยังไม่ได้มีการชี้มูลความผิดผู้ใด และเจ้าของกรรมสิทธิ์ เพราะก็น่าเห็นใจ เนื่องจากหากตรวจพบว่าโฉนดดังกล่าวไม่ถูกต้องก็จะถูกเพิกถอน ความหวังต่างๆ ก็จะหมดไป พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าว
ด้านนางเบญจา เศวตวรรณ และนายเอกชัย แซ่อิ้ว หนึ่งในผู้ถือกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว ชี้แจงว่า ยืนยันว่าได้ที่ดินดังกล่าวมาอย่างถูกต้อง และมีหลักฐานที่จะยืนยันได้ ซึ่งก็ต้องขอความเป็นธรรมจากกรรมาธิการฯ ด้วย เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่มีการนำเสนอข่าวการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้และการตายของนักข่าวว่าเกิดการจากรื้อเกี่ยวกับการออกโฉนดในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับทางกลุ่มของตนเป็นอย่างมาก และยังส่งผลกระทบกับการที่มีผู้สนใจจะเข้ามาลงทุนก็เกิดความไม่มั่นใจ ประกอบกับการตรวจสอบต่างๆก็ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้ที่มาเรียกร้องเงินทองว่าจะดำเนินการต่างๆ ให้ รวมทั้งมีการปล่อยข่าวด้วยว่าพวกตนได้จ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่บางราย ทำให้ทุกวันนี้ต้องอยู่ด้วยความหวาดผวา เพราะเราก็เป็นประชาชนทั่วไป เชื่อว่าผู้ที่ร้องเรียนนั้นเป็นผู้เสียผลประโยชน์ และเป็นการกลั่นแกล้ง จึงขอความเป็นธรรมด้วย
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ หนึ่งในกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากการลงตรวจสอบพื้นที่และรับฟังข้อมูลจากภาคส่วนต่างๆ พบมีพิรุธอยู่หลายจุด ทั้งเรื่องของห้วงเวลาที่มีการแจ้งถ้อยคำต่อเจ้าหน้าของรัฐฝ่ายต่างๆ ในการครอบครองทำประโยชน์ หนังสือของกรมป่าไม้ที่แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นป่าสงวน เรื่องของความลาดชันซึ่งเกิน 35% และยังมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ ดังนั้นเบื้องต้นจึงเชื่อได้ว่าการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวน่าจะมิชอบ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น แต่ก็พร้อมที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเป้าหมายของกรรมาธิการฯ นั้นก็เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น