จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553

ชาวภูเก็ตยื่นหนังสือสนับสนุนนายกบริหารงานต่อ



เป็นภาพชาวภูเก็ตประมาณ 200 คน นำโดยนายศิริชัย กุลสวรรค์ ฝ่ายประสานงานสนามกอล์ฟภูเก็ตคันทรี่คลับ พร้อมด้วยนายแสงรัตน์ อุดมทรัพย์, นายมงคล รัตนะ พร้อมป้ายผ้าข้อความต่างๆ เช่น ตั้งสติรู้ เพื่อประเทศของเรา, รวมพลังสู้ ช่วยกู้ไทยให้สงบ นายกอย่ายุบ อย่าลาออก เป็นต้น ได้มายื่นหนังสือเพื่อให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขานายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งมอบดอกกุหลาบเป็นกำลังใจ ผ่านทางนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในการทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป ที่บริเวณด้านหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

แปรภาพบิ๊กไบค์ Phuket 2010




ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่และชมรมนักเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จากทั่วประเทศ ตลอดจนผู้ขับขี่นานาชาติที่มาร่วมงานรวมพลนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่ หรือ ภูเก็ตไบค์วีค 2010 ครั้งที่ 16 ได้นำรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ กว่า 500 คัน พร้อมด้วยนักบิดจำนวน 500 คน เข้าร่วมกันนำรถมาแปรอักษรคำว่า “PHUKET 2010” ณ สนามฟุตบอลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมครั้งแรกที่ทางผู้จัดงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในช่วงสงกรานต์

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

ทน.ภูเก็ตเปิดเวทีฟังประชาคมเมืองฟังความเห็นปัญหา


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 เมษายน 2553 ที่ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมประชาคมเมือง เพื่อรับฟังปัญหา/ความต้องการของประชาชนในเขตเทศบาลนครภูเก็ต เพื่อรับฟัง และรวบรวมความคิดเห็น เกี่ยวกับประเด็นปัญหา และความต้องการของประชาชน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดแผนพัฒนาของเทศบาลนครภูเก็ต ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาเมืองในทุกๆ ด้าน โดยมีคณะกรรมการพัฒนาเทศบาลนครภูเก็ต คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล คณะกรรมการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาเทศบาล ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา ผู้แทนชุมชน องค์กรเอกชน ผู้แทน อสม. ผู้แทนกลุ่มอาชีพต่างๆ สื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมประมาณ 220 คน

น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าแผนพัฒนาถือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารงานเพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายที่วางไว้ เนื่องจากการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น เป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถปฏิบัติงานและให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังนั้นการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นที่ดี จะต้องทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถแก้ไขปัญหา และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของประชาชนในท้องถิ่น โดยใช้ทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ได้อย่างมีคุณค่า และเต็มศักยภาพ

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องตระหนักว่าแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากต้องมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาระดับต่างๆ ได้แก่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดและจังหวัด แผนการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนนโยบายในการบริหารท้องถิ่นแล้ว จะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาให้มีความสมดุล ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตและอื่นๆ โดยอยู่บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาท้องถิ่นทุกระดับ ตลอดจนต้องมีการประสานงานในการจัดทำแผนพัฒนากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ภายในจังหวัด โดยมีคณะกรรมการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นเป็นแกนกลางในการประสานงาน

ตร.ทล.สร้างอาสาสมัครบิ๊คไบค์เตือนภัยช่วงสงกรานต์ที่ภูเก็ต



เมื่อเวลา 13.30 น.ของวันที่ 8 เมษายน 53 ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการ “อาสาสมัครบิ๊คไบค์เตือนภัยร่วมใจตำรวจทางหลวง รุ่นที่ 5” ซึ่งกองบังคับการตำรวจทางหลวงจัดขึ้น เพื่อให้นักขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันเหตุ และร่วมเป็นเครือข่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงในการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้

พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่และชมรมนักเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จากทั่วประเทศ ตลอดจนผู้ขับขี่นานาชาติที่มาร่วมงานรวมพลนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่ หรือ ภูเก็ตไบค์วีค 2010 ครั้งที่ 16 เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการที่จะเข้ามาเป็นอาสาสมัครตำรวจทางหลวงในการอำนวยความสะดวก และมีส่วนร่วมในการป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนบนถนนหลวงได้ จึงมีการอบรมอาสาสมัครบิ๊คไบท์เตือนภัยร่วมใจตำรวจทางหลวงขึ้น โดยการอบรมดังกล่าวขึ้น ซึ่งมีทั้งนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่ที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมจำนวนประมาณ 250 คน และก่อนหน้านี้ตำรวจทางหลวงได้จัดให้มีการอบรมมาแล้วจำนวน 4 รุ่น มีจำนวนอาสาสมัครแล้วจำนวนประมาณ 1,500 คน

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าอาสาสมัครที่ผ่านการอบรมสามารถช่วยเหลืองานตำรวจทางหลวงได้เป็นอย่างดี สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปเป็นอย่างดี กองบังคับการตำรวจทางหลวงจึงมีแนวคิดที่จะจัดให้มีการอบรมครอบคลุมทั่วประเทศ เนื่องจากทุกพื้นที่จะมีกลุ่มนักขับมอเตอร์ไซค์ใหญ่อยู่จำนวนมาก จึงมีแนวคิดขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่หรือทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้สมาชิกภาคประชาชน แจ้งข่าวด้านการจราจรบนถนนหลวงทุกประเภท เสริมสร้างการมีวินัยด้านการจราจร ลดอุบัติเหตุบนทางหลวง ช่วยงานเตือนภัยให้กับผู้ใช้ทางในการเดินทาง สอดส่องดูแล รักษาทรัพย์สินบนถนนหลวง รวมทั้งแบ่งเบาภาระหน้าที่ของตำรวจทางหลวงได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์หรือจักรยานยนต์ขนาดใหญ่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน เพื่อสร้างเครือข่ายผู้นิยมใช้รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ในการร่วมรณรงค์และร่วมแก้ไขปัญหาอาชญากรรมบนถนนหลวง เช่น การขว้างปาหิน เป็นต้น ที่เป็นปัญหาต่อเนื่องในปัจจุบัน

พ.ต.อ.พินิต กล่าวด้วยว่า การอบรมในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานรวมพลนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่หรืองานภูเก็ตไบค์วีคที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-13 เม.ย.53 และหลังจากเสร็จการอบรมในวันที่ 10 เม.ย 2553 อาสาสมัครบิ๊คไบค์เตือนภัยร่วมใจตำรวจทางหลวง รุ่นที่ 5 จะร่วมกันจัดริ้วขบวนมอเตอร์ไซค์ขับขี่อย่างมีระเบียบวิ่งรอบเมืองภูเก็ต เพื่อโชว์ความพร้อมในการเป็นอาสาสมัครตำรวจทางหลวง และในช่วงบ่ายเวลาประมาณ 15.00 น. สมาชิกอาสาสมัครบิ๊คไบค์รุ่นที่ 5 จะเข้าร่วมทำกิจกรรมแปรอักษรคำว่า “PHUKET 2010” โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่จำนวน 2010 คัน ณ สนามฟุตบอลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมครั้งแรกที่ทางผู้จัดงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในช่วงสงกรานต์


ทม.ป่าตอง ตั้งสภาชายหาดป่าตองร่วมแก้ไขปัญหา


 

เมื่อเวลา 08.00 น.ของวันที่ 8 เมษายน 2553 ที่บริเวณสวนสาธารณะโลมาหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง พร้อมด้วยคณะบริหาร นายพูนศักดิ์ นาคเสนา ปลัดเทศบาลเมืองป่าตอง ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการบริเวณชายหาดป่าตอง ประกอบด้วย กลุ่มหิ้วกระติก กลุ่มหมอนวด และกลุ่มร่มเตียงผ้าใบ ตามโครงการจัดตั้งสภาชายหาดป่าตอง เพื่อรับทราบนโยบายและปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการ

นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า การลงมาพบปะกลุ่มผู้ประกอบการบริเวณชายหาด เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น รวมถึงความต้องการที่กลุ่มผู้ประกอบการอยากให้ทางเทศบาลฯ เข้าไปดูแลช่วยเหลือ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด รวมทั้งจะได้มีร่วมกันพัฒนาหาดป่าตองให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม พร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน ส่วนกรณีปัญหาเจ้าหน้าที่ของเทศบาลฯ บางเข้าไปมีส่วนในการทำไม่ถูกต้องก็จะได้นำไปหาแนวทางในการจัดการต่อไป และหลังจากนี้ก็มีกำหนดที่จะพบปะพูดคุยและนำเสนอปัญหาระหว่างกัน 2 เดือนต่อครั้ง
ขณะที่ตัวแทนกลุ่มหิ้วกระติก กล่าวว่า ปัจจุบันมีสมาชิกขึ้นทะเบียนไว้กับเทศบาลฯ อย่างถูกต้องจำนวนประมาณ 80 คน และยังมีผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกจำนวนมาก จึงอยากให้ทางเทศบาลฯ ได้เข้ามาตรวจสอบและทางแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่ปฎิบัติถูกต้อง

ส่วนตัวแทนกลุ่มหมอนวดชายหาด กล่าวว่า สมาชิกหมอนวดชายหาดที่ขึ้นทะเบียนกับเทศบาลฯ อย่างถูกต้องมีประมาณ 100 ราย จากในอดีตซึ่งมีประมาณ 300 ราย เนื่องจากมีหมอนวดซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียนเข้ามาประกอบอาชีพเป็นจำนวนมาก จึงทำให้หมอนวดที่บัตรอนุญาตหมดอายุจึงไม่มาต่อทะเบียนใหม่ เพราะต้องเสียค่าใช้จ่าย ในขณะที่หมอนวดซึ่งไม่มีใบอนุญาตก็ประกอบการได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด รวมถึงปัญหาการเรียกเก็บภาษีของทางสรรพากรซึ่งค่อนข้างสูง ส่วนปัญหาเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดในส่วนของหมอนวดต่างก็ช่วยกันดูแลอยู่แล้ว

ด้านตัวแทนกลุ่มร่มและเตียงผ้าใบ กล่าวว่า ผู้ประกอบการร่มและเตียงผ้าใบซึ่งเป็นสมาชิกของชมรมมีจำนวนประมาณ 60 ราย เรื่องของความสะอาดนั้นผู้ประกอบการแต่ละรายได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ที่เป้นปัญหาคือ ความไม่สวยงามของเต็นท์เก่าๆ ที่นำมากาง รวมไปถึงการผูกเปลญวน นอกจากนี้ยังมีปัญหาการโต๊ะสำหรับเก็บสิ่งของต่างๆ เดิมเคยตกลงกันว่าอนุญาตให้ตั้งโต๊ะได้รายละ 1 ตัว แต่ปัจจุบันบางรายมีการนำโต๊ะมาตั้ง 2 -3 ตัว บางรายก็ตั้งเป็นเคานเตอร์ ซึ่งควรที่จะทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงปัญหาการออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของชมรมฯ