จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อบจ.ภูเก็ตจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555




นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวถึงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ว่า สำหรับวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2555 ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต จะทำให้บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เป็นดินแดนแห่งความสนุกสนาน ซึ่งทั้งเด็กและผู้ปกครองจะได้มาเฉลิมฉลองงานวันเด็กในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ โดยรูปแบบของงาน จะเน้นให้เด็กรู้ถึงหน้าที่ของตนเอง เน้นความมีคุณธรรม กตัญญูรู้คุณ และตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ 

ทั้งนี้ งานวันเด็กแห่งชาติ ปี 2555 จะไม่ใช่แค่การมอบประกาศเกียรติคุณให้กับเด็กดีที่มีคุณธรรมซึ่งแต่ละโรงเรียนคัดเลือกมา แต่ในปีนี้ ทาง อบจ.ภูเก็ต จะมอบรางวัลจักรยานพิเศษ จำนวน 88 คัน ให้กับนักเรียนดีเด่น โรงเรียนละ 1 คน ที่แต่ละโรงเรียนคัดเลือกมา นอกจากนั้น จะมีกิจกรรมการแสดงต่างๆ ให้เด็กได้แสดงความสามารถและสนุกสนานร่วมกัน รับมอบของขวัญ ของรางวัล พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงจะมีมินิคอนเสิร์ตและเล่นเกมกับ ศิลปิน นักร้อง-นักแสดง “เก้า จิรายุ” ที่จะมามอบความบันเทิงในครั้งนี้ด้วย ซึ่งงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ได้กำหนดจัดขึ้นตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. จึงขอเชิญชวนทุกท่านให้พาบุตรหลานมาร่วมงานที่บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ซึ่ง อบจ.ภูเก็ต จะจัดงานในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่


ขนส่งภูเก็ตพร้อมรับมือเทศกาลปีใหม่




นายธีรยุทธ ประเสริฐผล ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 นี้สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกับศูนย์บริการ ตัวแทนจำหน่าย และสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.)วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต วิทยาลัยเทคนิคถลาง และวิทยาลัยสารพัดช่างภูเก็ต จัดกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน” ในเขตจังหวัดภูเก็ต โดยเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และจะไปสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนมกราคม 2555 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งจังหวัดภูเก็ตด้วย




“การจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจสภาพความพร้อมของตัวรถก่อนใช้งาน เพื่อให้ความรู้ในการตรวจสภาพความพร้อมของตัวรถ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเพื่อลดปริมาณมลพิษที่เกิดจากรถยนต์และรถจักรยานยนต์”

นายธีรยุทธ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากในช่วงวันหยุดเทศกาลมักจะมีการใช้โดยสารประจำทางในการเดินทางกลับภูลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยว และรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถบัส รถตู้) ในการบริการรับส่งผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก ก็ได้มีการเชิญผู้ประกอบการรถรับส่งผู้โดยสารทั้งประจำทางและไม่ประจำทางมาประชุมชี้แจงแนวทางในการปฏิบัติทั้งการเตรียมความพร้อมในเรื่องของตัวรถ คนขับรถ เด็กประจำรถ อุปกรณ์ส่วนควบและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ รวมทั้งการเพิ่มจำนวนรถโดยสารประจำทางให้เพียงพอซึ่งกำหนดไว้ที่ประมาณ 20 % ของจำนวนรถที่ให้บริการในช่วงเวลาปกติ

ส่วนของรถโดยสารไม่ประจำทางที่นำมาให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวภายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต หรือใกล้เคียง แม้ว่าจะมีจำนวนค่อนข้างมากรวมแล้วประมาณ 2,000-3,000 คัน ไม่ว่าจะเป็นรถบัสหรือรถตู้ แต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะจำนวนผู้ใช้บริการซึ่งมีจำนวนมากทั้งคนและต่างชาติ ทำให้ผู้ประกอบการต้องขออนุญาตนำรถโดยสารจากนอกพื้นที่เข้ามาให้บริการ ก็ได้เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัย เพราะเราไม่ต้องการให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในด้านการบริการ นายธีรยุทธ กล่าวและว่า นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการตั้งด่านตรวจ และการออกตรวจของทางสำนักงานขนส่งฯ เอง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้เกิดความมั่นใจด้วย

แอร์เอเชียเปิดบินกรุงเทพฯ-นครพนม ก.พ. ปีหน้า




นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า แอร์เอเชียพร้อมเปิดเส้นทางบินใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเส้นทางในประเทศ เพื่อขยายเศรษฐกิจไปยังจังหวัดต่างๆ ที่มีศักยภาพพร้อมทั้งด้านการท่องเที่ยวและลงทุน โดยเราพร้อมเปิดเส้นทางใหม่คือ กรุงเทพฯ-นครพนม เริ่มบินตั้งแต่ 15 ก.พ. 2555 นี้เป็นต้นไป โดยเรามองว่าจะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางสู่แขวงคำม่วน ประเทศลาวโดยสะดวก หลังจากที่ประเทศไทยและลาวเปิดสะพานมิตรภาพเป็นแห่งที่สาม

“จุดเด่นของจังหวัดนครพนมคือการเป็นเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งไทย ลาว และเวียดนาม มีสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.ชื่อดังอย่าง พระธาตุพนม ถือเป็น”ฮไลท์สำคัญด้านการท่องเที่ยว สำหรับการค้าการลงทุนเราก็สามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับประเทศลาวได้ง่าย ซึ่งเราเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเราได้เปิดตัวราคาโปรโมชั่นสำหรับเส้นทางใหม่เพียง 690 บาทต่อเที่ยว ซึ่งทุกท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.airasia.com”

ด้านน.ส.แคทเทอลีน ตัน หัวหน้าฝ่ายการพาณิชย์ ประจำภูมิภาค กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นสายการบินของอาเซียน เรามุ่งมั่นจะเชื่อมโยงผู้คนในภูมิภาคนี้ให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น เราจึงยินดีอย่างยิ่งที่ได้เปิดให้บริการบินสู่ 2 จุดหมายใหม่ โดยเมืองเซมารัง ประเทศอินโดนีเซียถือเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ขณะที่จ.สุราษฎร์ธานี ประเทศไทย นับเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้และยังเป็นประตูสู่เกาะสมุย เกาะสวรรค์ของนักเดินทาง”

“การเปิดเส้นทางใหม่นี้จะทำให้ผู้โดยสารสามารถบินตรงจากเมืองเซมารังและจ.สุราษฎร์ธานี สู่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อไปยังปลายทางมากกว่า 160 จุดหมายในกว่า 20 ประเทศ ผ่านเครือข่ายเส้นทางบินของแอร์เอเชียได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น” แคทเทอลีนกล่าว







สยามนิรมิตภูเก็ตเปิดให้บริการแล้ว

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ที่บริเวณห้องสวัสดี ชั้น 3 อาคาร นางสาวพัณณิน กิติพราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามนิรมิต (ภูเก็ต) จำกัด ได้แถลงข่าวการเปิดดำเนินการของโรงละครสยามนิรมิตภูเก็ต ที่บริหารงานโดย บริษัท รัชดานิรมิต จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโรงละครสยามนิรมิต กรุงเทพ และสวนสนุกดรีมเวิลด์
ทั้งนี้นางสาวพัณณิน ได้กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีศักยภาพด้านการลงทุนค่อนข้างสูง สยามนิรมิตจึงได้ขยายการลงทุนมาเปิดให้บริการที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของการเป็นเมืองท่องเที่ยว อีกทั้งเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มรดกทางวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
สำหรับสยามนิรมิตภูเก็ต ได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2553 บนเนื้อที่ 57 ไร่ บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หมู่ที่ 5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต มูลค่าการลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งทางโรงละครสยามนิรมิตมุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ผ่านการแสดงด้านศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของไทยที่สวยงามตระการตา
โดยการแสดงของโรงละครสยามนิรมิตภูเก็ต จะเป็นการแสดงเดียวกับที่กรุงเทพ ซึ่งได้รับการยกย่องจากผู้ชมทุกชาติทุกภาษา ว่า เป็นหนึ่งการแสดงที่ดีที่สุดของโลก มีความยิ่งใหญ่ถึง 5 มิติ ประกอบด้วย
1. ที่สุดของเวทีที่มีความยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ขนาดกว้าง 65 เมตร ความลึก 40 เมตร ความสูงกว่า 10 เมตร มีจำนวนฉากมากกว่า 100 ฉาก
2. ที่สุดแห่งความวิจิตรสวยงาม ฉากของสยามนิรมิตถูกออกแบบจากภาพวาดจิตรกรรมที่วิจิตรงดงาม สร้างขึ้นด้วยความประณีต ละเอียดพิถีพิถัน นักแสดงกว่า 100 คน ใช้เครื่องแต่งกายมากว่า 500 ชุด ที่จัดทำขึ้นด้วยความประณีตบรรจง
3. ที่สุดแห่งความมหัศจรรย์ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งในด้านแสดง เสียง ภาพ และเทคนิคพิเศษต่างๆมาใช้ตลอดการแสดง
4. ที่สุดแห่งความเพลิดเพลิน สนุกสนาน อันเป็นหัวใจของสยามนิรมิต ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเพลิดเพลิน ตื่นตาตื่นใจกับความสมจริงของโชว์เสมือนอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์จริง ตลอดระยะเวลา 70 นาที
5. ที่สุดแห่งความทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องจากสยามนิรมิตได้ค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งจากหนังสือทางประวัติศาสตร์ จากจิตรกรรมฝาผนัง ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมสาขาต่างๆเพื่อทรงคุณค่าของวัฒนธรรมไทย
ทั้งนี้ นอกจากพื้นที่ที่เป็นโรงละครความจุ 1,740 ที่นั่งแล้ว สยามนิรมิตภูเก็ต ได้จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนของหมู่บ้านชนบทไทยสี่ภาค ที่ให้ผู้ชมสัมผัสบรรยากาศแบบวิถีชีวิตชาวบ้านในบรรยากาศตลาดน้ำโบราณ ส่วนของลานช้าง จัดการแสดงวัฒนธรรมไทยที่สวยงามสนุกสนาน มีห้องอาหารขนาดใหญ่มีความจุมากถึง 1,200 ที่นั่ง เปิดให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ รวมทั้งยังสามารถใช้เป็นสถานที่จัดประชุมสัมมนาได้อีกด้วย สำหรับการแสดงกำหนดเปิดให้ชมวันละ 1 รอบ ในเวลา 20.30 น. ทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร ราคาบัตรจำหน่ายตั้งแต่ 1,300 / 1,500 / 1,700 / 1,900 / 2,500 บาท สำรองที่นั่งโทร 076-335000

เยี่ยมผู้ป่วยโครงการภูเก็ตแคร์ ต.รัษฎา



เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2554 นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายจิรทีป นาวารักษ์ สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต คณะแพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต และอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลรัษฎา ได้ลงพื้นที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการที่บ้านโครงการภูเก็ตแคร์ ประจำเดือนธันวาคม 2554 ในเขตตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้มอบชุดของเยี่ยม อาทิ ผ้าอ้อม แป้ง สบู่ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ให้แก่ผู้ป่วย จำนวน 7 ราย ได้แก่ นางแจ่มจันทร์ ดีบุกกรรม อายุ 65 ปี นายพรพิรุณ ไชยทอง อายุ 28 ปี นายเกษม แสงส่อง อายุ 83 ปี นางเสียง พูนขุนทด อายุ 83 ปี ด.ญ.พลอยน้ำเพชร บุตรพรม อายุ 5 ปี นายลิขิต เฟื้องทอง อายุ 60 ปี และนางมิ่ง หิมา อายุ 84 ปี
สำหรับโครงการภูเก็ตแคร์ เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้พิการในจังหวัดภูเก็ต ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขใกล้บ้านให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการในชุมชน ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งการเยี่ยมผู้ป่วยโครงการภูเก็ตแคร์ เขตพื้นที่ตำบลรัษฎา ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เห็นถึงการดูแล และการแบ่งปันความรักของคนในครอบครัวของผู้ป่วยที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการต่อสู้ที่ทำให้ตนเองมีอาการดีขึ้นและไม่ ย่อท้อต่ออุปสรรค เพื่อสร้างจิตสำนึกให้มีความเอื้ออาทรกับชุมชน และสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในชุมชน


ต่างชาติเฝ้าเรือยอร์ชฆ่าตัวตายแบบพิสดาร



เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ร.ต.อ.เชียรชัย ดวงสุวรณ ร้อยเวร สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวต่างชาติว่า มีคนฆ่าตัวตายอยู่บนเรือยอร์ช ชื่อ SCARA MOUCHE ซึ่งทอดสมอลอยลำอยู่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป. พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย โดยที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากท่าเทียบเรือประมาณ 800 เมตร จึงได้อาศัยเรือของศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอบจ.ภูเก็ต ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบเรือลำที่ได้รับแจ้งเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นเรือยอร์ชมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่นและ 1 ห้องคาราโอเกะ มูลค่าประมาณ 30 ล้าน บาท พบศพชายชาวต่างชาติ ตรวจสอบทราบชื่อนาย BEASLEY LESLIE RICHARD อายุ 69 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ สภาพศพเน่าเฟะ ไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงในสีดำตัวเดียว มือด้านซ้ายวางอยู่บนสะดือ มือด้านขวาเหยียดตรงลงบนพื้น บริเวณศีรษะมีถุงพลาสติกสีขาวครอบอยู่ 1 ใบ และพบสายแก๊สสีเขียวอยู่ด้านในถุงพลาสติก 1 เส้น และบริเวณใกล้กับศพยังพบถังแก็ส 1 ใบ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน เจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้จากการสอบถามก็ทราบว่า เรือยอร์ชลำดังกล่าวเป็นของ นายเดวิส ลัคเกอร์ สัญชาติอังกฤษ และมีภรรยาเป็นคนไทย เปิดร้านอาหารอยู่บริเวณริมอ่าวฉลอง และได้ว่าจ้างผู้ตายเป็นคนเฝ้าเรือ ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ และในระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ เจ้าของก็ได้ติดต่อกับผู้ตายอยู่สม่ำเสมอ จนกระทั่ง 2 วันที่ผ่าน ทางเจ้าของไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ ซึ่งทางเจ้าของก็มีความกังวลใจ เจ้าของจึงได้ส่งอีเมลมาให้นายเครส์ แม็กเค ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกัน ว่าขอให้เดินทางไปดูเรือที่ทอดสมออยู่ ว่าผู้ตายยังเฝ้าเรืออยู่หรือไม่อย่างไร จนกระทั่งก่อนเที่ยงวันนี้ (23 ธ.ค.54) นายเครส์ แม็กเค ได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงได้กลิ่นเหม็นฟุ้งไปทั่วลำเรือ จึงตะโกนเรียกหาผู้ตายแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงขึ้นไปตรวจสอบบนเรือ พบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิต จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เป็นการฆ่าตัวตาย เพราะน้อยใจที่ตัวเองมีอายุมากแล้ว และมีอาชีพเพียงเฝ้าเรือ เมื่อทราบเจ้าของเรือประกาศขายเรือยอร์ช เกรงว่าเมื่อขายเรือได้จะไม่มีงานทำ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง



วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

COLORFUL COUNTDOWN PHUKET 2012



เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ที่ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) แถลงข่าวการจัดงานสืบสานประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือ COLORFUL COUNTDOWN PHUKET 2012 ซึ่งทาง อบจ.ภูเก็ต ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29-31 ธันวาคมนี้ ที่บริเวณสนามชัย อ.เมือง จ.ภูเก็ต
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นเทศกาลสากลที่ทุกคนทุกประเทศให้ความสำคัญถือเป็นงานใหญ่สุดท้ายปี และตลอดทั้งปีที่ผ่านมาทุกคนต้องเจอปัญหาทางการเมือง และเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ทุกคนต่างก็ตึงเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ในการจัดงานครั้งนี้มุ่งหวังให้งานสืบสานประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นสัญลักษณ์สากลแห่งการเฉลิมฉลองที่ส่งความสุข ความสมหวัง และเป็นงานที่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนและเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมของไทยให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักภาพลักษณ์ที่ดีงามด้านวิถีชีวิตและประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม และจารึกความประทับใจสู่จังหวัดภูเก็ตร่วมกัน โดยใช้งบในการจัดงานประมาณ 10 ล้านบาท คาดจะมีเงินสะพัดช่วงดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
“พิเศษสุด คือ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 ซึ่งในช่วงเย็นจะจัดให้มีพิธีการส่งท้ายพระอาทิตย์สุดท้ายของปี โดยการถ่ายทอดภาพพระอาทิตย์ตกจากบริเวณปลายแหลมพรหมเทพ มายังบริเวณจัดงาน เพื่อให้ประชาชนชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวร่วมกันส่งท้ายพระอาทิตย์ และในช่วงก่อนเที่ยงคืนก็จะได้ร่วมกันนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่ ซึ่งจะจัดให้มีการถ่ายทอดสดการนับถอยหลัง พร้อมจุดพลุอย่างยิ่งใหญ่ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ โดยจัดให้มีการตั้งนาฬิกา Countdown ขึ้นภายในบริเวณงาน นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากเหล่าศิลปิน ดารา และนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงน้องเตย-วิลาสินี กัลยาเลิศ รองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2010 มาร่วมส่งท้ายพระอาทิตย์สุดท้ายแห่งปี 2554 ด้วย” นายไพบูลย์กล่าว
สำหรับกิจกรรมภายในงานแบ่งออกเป็น 5 โซน ภายใต้ ชื่อ “มหัศจรรย์แห่งแสงสี และสีสัน” (Amazing Colorful) โซนที่ 1: โคมไฟแห่งสยาม (ทางเข้าสนามชัย) เป็นซุ้มอุโมงค์แสดงโคมไฟสีสันสวยงาม ตกแต่งตลอดความยาว 20 ม.,โซนที่ 2 : Information จุดแสดงผลงานของ อบจ. ภูเก็ต และแจ้งกำหนดการกิจกรรมแต่ละวัน พร้อมมังกร สัญลักษณ์นักษัตรปีมะโรง (มังกรน้ำ) พ.ศ. 2555 โซนที่ 3 : โคมไฟใต้ทะเลอันดามัน (Hi-light) เป็นอุโมงค์ใต้ทะเลอันดามัน ซึ่งมีความยาว 20 ม.แสดงโคมไฟปะการัง และสัตว์น้ำทะเล ที่ตกแต่งตระการตา เสมือนเดินอยู่ใต้มหาสมุทรอันดามันที่สวยงาม โซนที่ 4 : แสงสีทอง ส่องทั่วหล้า เป็นการจัดนิทรรศการพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และโคมไฟต้นไม้สีทองเฉลิมพระเกียรติ และโซนที่ 5 : เวทีแสดง ซึ่งจะตกแต่งด้วยภาพหอนาฬิกา พร้อมนาฬิกานับถอยหลัง สัญลักษณ์ของเวลาที่จะร่วมนับถอยหลังในช่วงเวลาเคาท์ดาวน์ กิจกรรมการแสดง และดนตรีจากศิลปินดารามากมาย อาทิ วงโปงลางสะออน, หญิง ธิติกานต์, ต่าย อรทัย,เบนซ์ พรชิตา, K-OTIC (เคโอติก) เป็นต้น รวมไปถึงการประกวด Countdown Phuket 2012 Stage Dance Contest ชิงทุนการศึกษา 10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากนายก อบจ.ภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีการเปิดร้านจำหน่ายอาหารด้วย 

ติวเข้มบุคลากรเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ



เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ที่ห้องประชุมศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาบุคลากร หลักสูตร “การบริหารจัดการแนวใหม่ เพื่อการบริการประชาชน” ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีคณะผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภาฯ นายมานพ ลีลาสุทธานนท์ ปลัด อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การบริหารภาครัฐได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาเพื่อไปสู่องค์กรสมัยใหม่ มีการนำหลักการบริหารจัดการแนวใหม่ โดยเน้นผลสัมฤทธิ์ของงานและการมีส่วนร่วมของประชาชน มีเป้าหมาย คือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นสำคัญ ด้วยความสำคัญดังกล่าว ทาง อบจ.ภูเก็ต จึงได้จัดสัมมนาเพื่อพัฒนาบุคลากร หลักสูตร การบริหารจัดการแนวใหม่ เพื่อการบริการประชาชน ขึ้น เพื่อมุ่งให้ความรู้ และแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการแนวใหม่กับการบริหารงานท้องถิ่น และวางแผนกลยุทธ์เพื่อพัฒนาบุคลากรให้ทำงานอย่างมีเป้าหมาย และเกิดผลสัมฤทธิ์ สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรม มุ่งปรับปรุงการบริหารจัดการแนวใหม่ที่ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อไปสู่องค์กรสมัยใหม่ ทำงานเชิงรุกแบบบูรณาการ มีความคล่องตัวรวดเร็ว มีขีดสมรรถนะและสร้างผลงานได้สูง โดยยึดหลักการบริหารแบบธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนตามที่กำหนด เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตของภูเก็ตให้เป็นเมืองน่าอยู่ คู่คุณธรรม
“ในยุคของการเรียนรู้ การบริหารจัดการแนวใหม่ยึดหลักหารบริการกิจการบ้านเมืองที่ดี จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่ต้องเพิ่มศักยภาพและความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และพัฒนาการบริหารจัดการให้ทันสมัย”
อย่างไรก็ตามนายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ในการเข้ารับตำแหน่งนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในองค์กร เพื่อให้เป็น อบจ.แห่งการบริการตามที่ได้มีการเสนอนโยบายไว้ โดยได้เข้ามาจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ อบจ.ขึ้น ปรากฏว่ามีประชาชนเข้ามาร้องเรียนและทาง อบจ.ก็ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาสำเร็จลุล่วงไปหลายเรื่อง การปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการรถโดยสารประจำทางของ อบจ. และการบริหารท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ทำให้สามารถมีการขาดทุนน้อยลงและมีกำไรเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังได้มีการประสานการทำงานร่วมกับทางจังหวัดภูเก็ต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคส่วนอื่นๆ จนทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ในภาพรวมและเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมให้มีลานจัดกิจกรรมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายทั้งในพื้นที่เขต อ.เมืองภูเก็ต อ.ถลาง และ อ.กะทู้ ตลอดจนการส่งเสริมด้านสาธารณสุข นอกจากโรงพยาบาล อบจ. 120 เตียงแล้วยังมีโครงการโรงพยาบาลหมื่นเตียงซึ่งเป็นการไปให้บริการผู้ที่บ้าน และเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการจัดกิจกรรมและการเดินทางไปทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย ซึ่งความสำเร็จต่างๆ ดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนใน อบจ.ภูเก็ต