จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ภูเก็ต...“วิวาห์บาบ๋า” คู่แต่งงานไทย-เทศร่วม 9 คู่


“วิวาห์บาบ๋า” คู่แต่งงานไทย-เทศร่วม 9 คู่
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 54 ที่บริเวณบ้านหงษ์หยก ถนนเทพกระษัตรี อ.เมือง ภูเก็ต ทางสมาคมเพอรานากันจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต มูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “วิวาห์หวานบาบ๋า สุดปลายฟ้าอันดามัน ครั้งที่ 3” ขึ้น เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมเก่าแก่ของจังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะพิธีการแต่งงานแบบบาบ๋า และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวในการเลือกมาจัดงานแต่งงาน และเป็นสถานที่ฮันนีมูนของคู่แต่งงานจากทั่วโลก รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดภูเก็ต สามารถหาชมได้เพียงจังหวัดภูเก็ตที่เดียวเท่านั้น
สำหรับในปีนี้มีคู่แต่งงานทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมจำนวน 9 คู่ เป็น โดยคู่แต่งงานชาวไทเป จำนวน 2 คู่ เป็นคู่แต่งงานคนไทยจำนวน 3 คู่ และมีคู่แต่งงานกิตติมศักดิ์จำนวน 4 คู่ ซึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นคู่ แต่งงานของนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกับนางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสุวรรณชัย ฤทธิรักษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่า ททท.ระดับ 10 ผู้บริหารระดับสูงของ ททท. ตลอดจนประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ทาง ททท.สำนักงานไทเปยังได้นำสื่อมวลชนแขนงต่างๆ มาร่วมถ่ายทำรายการเพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ด้วย
ทั้งนี้กิจกรรมของงานวิวาห์หวานบาบ๋าฯ เริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยเป็นวันทำขนมสด เพื่อนำมาใช้ในการประกอบพิธีแต่งงาน และวันนี้ (11 มิ.ย.) เป็นวันของการประกอบพิธีแต่งงาน เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า โดยขบวนของเจ้าบ่าว นำโดยนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เดินทางออกจากจวนผู้ว่าฯซึ่งกำหนดให้เป็นบ้านเจ้าบ่าว เพื่อไปประกอบพิธีแต่งงานแบบโบราณที่บ้านหงส์หยก ซึ่งกำหนดว่าเป็นบ้านเจ้าสาว ด้วยการยกน้ำชาให้กับพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
จากนั้นขบวนได้เดินทางไปตามถนนถลาง บริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ตเพื่อไปถ่ายที่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทหัว ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่สไตล์ชิโนโปรตุกิส ซึ่งตลอดเส้นทางที่ขบวนผ่านได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมาก เนื่องจากชุดแต่งานที่คู่บ่าวสาว ตลอดจนผู้ร่วมขบวนล้วนแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองในอดีตของภูเก็ต ของฝ่ายชาติเรียกว่าชุดนายเหมือง และชุดฝ่ายหญิงเรียกว่าชุดย่าหยา หลังจากนั้นคณะทั้งหมดก็เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
นายจางจื้อหาว และนางสาวฉาง โฉง ซ้วง คู่แต่งงานชาวไทเป กล่าวว่า เหตุที่เข้าร่วมจัดงานแต่งงานครั้งนี้ เนื่องจากชื่นชอบวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายจีนภูเก็ตในอดีต และได้สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน ครั้งนี้เป็นการมาครั้งแรก ซึ่งรู้สึกประทับใจมาก กลับไปแล้วจะได้ชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวอีกในอนาคต
ด้านนายสุวรรณชัย ฤทธิรักษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่า ททท.10 กล่าวว่า การจัดงานแต่งงานวิวาห์หวานบาบ๋าฯ เป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมความสัมพันธ์ทางด้านการท่องเที่ยวของภูเก็ตกับไต้หวันหรือไทเปได้เป็นอย่างดีในระยะยาว แม้จะมีคู่แต่งงานเพียง 2 คู่ แต่ก็จะเป็นหนึ่งในการเผยแพร่และแสดงให้เห็นถึงความของ จ.ภูเก็ตและประเทศในการจัดงานแต่งงาน และการอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งยังเป็นการยืนยันถึงความปลอดภัยด้วย
อย่างไรก็ตามนายสุวรรณชัย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันหลายจังหวัดของปะเทศไทย ได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานแต่งงานและฮันนิมูนเป็นลำดับต้นๆ เช่น กรุงเทพมหานคร กระบี่ เชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มตลาดที่เดินทางเข้ามาเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ ไต้หวัน จีน เกาหลี ญี่ปุ่นและอินเดีย เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าประเทศของเขามาก และเรายังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ส่งผลให้ตลาดแต่งงานและฮันนิมูนในกลุ่มดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง


ทุนเอเชียเสนอเงินกู้สร้างรถไฟฟ้ารอบเกาะ


เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมในการแถลงข่าวเกี่ยวกับความพร้อมของบริษัท โกลด์ ฟินิกซ์ คอนสตรัคชั่น คอนซัลแตนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการเสนอตัวเพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ต และเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต แถลงข่าวโดยนายต่อพล ไกรอนุพงษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์ ฟินิกซ์ คอนสตรัคชั่น คอนซัลแตนท์ (ประเทศไทย) จำกัด และคณะ
นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยที่ผ่านมาได้มีบริษัทต่างๆ เข้ามาเสนอความพร้อมในการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ต รวมแล้วประมาณ 10 บริษัท และ โกลด์ ฟินิกซ์ฯ ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ บริษัทดังกล่าว ซึ่งในการนำเสนอนั้นมีรูปแบบการดำเนินการแตกต่างกันไป ทั้งในลักษณะของการขอสัมปทาน ลักษณะเทิร์นคีย์ ลักษณะลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล รวมถึงลักษณะการลงทุนให้และเมื่อสร้างเสร็จก็มอบให้ทางจังหวัดภูเก็ตหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้บริหารจัดการ
“เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้โครงการดังกล่าวขับเคลื่อนไปได้ ทางจังหวัดกำหนดที่จะออกเป็นประกาศจังหวัดเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจลงทุนได้มายื่นข้อเสนอและรายละเอียดต่างๆ ในลักษณะเดียวกับการจัดทำโครงการศูนย์ประชุมฯ เพื่อจะได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบว่าบริษัทใดมีความเหมาะสม หลังจากนั้นก็จะได้นำมาประมวล และเสนอรัฐบาลพิจารณาต่อไป คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็ว ๆนี้ และน่าจะทราบผลประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมหลังการเลือกตั้งไปแล้ว” นายตรี กล่าว
ขณะที่นายต่อพล ไกรอนุพงษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์ ฟินิกซ์ คอนสตรัคชั่น คอนซัลแตนท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัท ฯ ได้รับมอบหมายจาก บริษัทซี แชน ยัน คอนสตรัคชั่นแชร์ จำกัด ซึ่งเป็นของเกาหลีใต้กับฮ่องกง ให้เป็นผู้ประสานงานกับรัฐบาลไทย รวมถึงจังหวัดภูเก็ต ในการสนับสนุนเงินกู้เพื่อการลงทุนต่างๆ โดยไม่มีดอกเบี้ย และไม่ขอรับสัมปทาน โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะมอบให้บริหารจัดการกันเอง ซึ่งโครงการได้นำเสนอไปแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจานอกเหนือจากโครงการรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ต เช่น โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะทางประมาณ 4,200 กิโลเมตร รถไฟฟ้ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล รถรางคู่ของการทางรถไฟ เป็นต้น
เหตุที่สนใจลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ตนั้น จากการศึกษาข้อมูลที่ทางจังหวัดได้ดำเนินการไว้ใน 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. สนามบินนานาชาติภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง ระยะทาง 41.40 กิโลเมตร 2. ป่าตอง-อำเภอเมืองภูเก็ต ระยะทาง 18.40 กิโลเมตร และ 3. สามแยกบางคู-ห้าแยกฉลอง ระยะทาง 16.8 กิโลเมตร ซึ่งครั้งนั้นได้มีการเสนอให้ทำรถไฟมวลเบา แต่มองว่าไม่น่าจะเหมาะสม โดยควรเป็นลักษณะเดียวกับแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งมีความทันสมัยและเหมาะกับเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ พร้อมกันนี้ก็ได้ศึกษาเส้นทางระหว่างสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ระหว่างทางประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรด้วย และเส้นทางทั้งหมดนี้คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

“ไซม่อนคาบาเรต์” ขยายสาขา รื้อไทยวิลเลจ


เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมโรงแรมเพิร์ล นางวิรัตน์ รวยริน ประธานกรรมการ บริษัท ภูเก็ต ไซม่อน คาบาเรต์ จำกัด ผู้ให้บุกเบิกการแสดงคาบาเรต์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์แห่งแรกในพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยนายพรวิธ รวยริน, นายพรเทพ รวยริน รองประธานฯ และนายวิชาญ แสวงวงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ได้ร่วมกันแถลงข่าวการเซ็นต์สัญญาเช่าโรงละครหมู่บ้านไทยวิลเลจ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อปรับปรุงเป็นที่จัดแสดงคาบาเรต์ เพื่อเพิ่มกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวในเขตตัวเมืองภูเก็ต รองรับกลุ่มลูกค้าคนไทย และต่างชาติที่มาพักอาศัยอยู่ในเขตตัวเมืองและชานเมืองภูเก็ต
นางวิรัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่ภูเก็ต ไซม่อนฯ ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาร่วม 20 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการต้อนรับจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ป่าตอง และใกล้เคียง แต่ยังไม่ครอบคลุมในส่วนของพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต จึงได้ตัดสินใจเช่าโรงละครหมู่บ้านไทยวิลเลจ เพื่อทำการปรับปรุงให้เป็นโรงแสดงคาบาเรต์ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติซึ่งพักอาศัยอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต และชานเมือง ให้เป็นทางเลือกหนึ่งของกิจกรรมการท่องเที่ยว และยังเป็นการเพิ่มสีสันให้กับการท่องเที่ยวในเขตตัวเมืองภูเก็ตด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้


ชาวต่างชาติไม่อยู่ บุกงัดลักทรัพย์เกลี้ยง


เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 54 ที่ห้องประชุม สภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป., ร.ต.ท.ชัชวาล ภูนฤมิต, ร.ต.ท.มนัส วงษ์แก้ว รองสว.สส. ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายธีรชัย แซ่ส่อ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/3 ซอยอนุสรณ์ ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางทีวีจอแบน ยี่ห้อฟิลลิป ขนาด 42 นิ้ว 1 เครื่อง เครื่องเล่นดีวีดี 2 เครื่อง ตู้อบไมโครเวฟ 1 เครื่อง ชุดโฮมเธียรเตอร์ 1 ชุด โคมไฟ ยี่ห้อฟิลลิป 1 อัน พัดลม ยี่ห้อ ฮาตาริ 1 ตัว เตาแก็ส 1 เตา กระปุกออมสิน 1 ใบ ผ้าปูที่นอนสีเหลือง-ขาว 1 ชุด เบาะรองนั่งไฟฟ้าสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ 1 อัน แผ่นยางรองพื้น 1 ชุด หมวกกันน็อค 1 ใบ หมอนอิงสีแดง 1 ใบ สุราต่างประเทศ 1 ขวด หมอน 5 ใบ ยาแก้ไอ 1 ขวด พร้อมด้วยเครื่องปรุง เช่น เกลือแกง กระปิ ซอสปรุงรส อาหารสำเร็จรูป กว่า 30 รายการ โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน จากนั้นก็ได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.ได้กล่าวว่า สำหรับการจับกุมตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 9 มิถุนายน ผ่านมา นาย MICHAEL WILLIAM LAIRD อายุ 50 ปี สัญชาตินิวซีแลนด์ นักธุรกิจผลิตล้อแม็ก – เครื่องประดับรถยนต์ รายใหญ่ของประเทศจีน สิงคฺโปร์ พร้อมแฟนสาวชาวไทยเดินทางมาแจ้งความว่าตนได้พักอยู่ที่บ้านเลขที่ 55/2 ซอยอนุสรณ์ ม.10 ต.ฉลอง และก่อนที่จะมาแจ้งความในครั้งนี้ ได้ทิ้งบ้านเอาไว้เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อไปดูแลธุรกิจที่ประเทศจีน – สิงคโปร์ และเมื่อเดินทางกลับมา พบว่าบ้านถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนย่องเข้าไปขโมยทรัพย์สิน โดยคนร้ายปีนกำแพงแล้วงัดหน้าต่างข้างบ้าน ขโมยทรัพย์สินในบ้านเกลี้ยง ขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีด้วย
หลังรับแจ้งก็ได้สั่งการณ์เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สอบสวนออกติดตามหาตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะอยู่ละแวกใกล้บ้านของผู้เสียหาย เนื่องจากทราบว่าผู้เสียหายเดินทางไปต่างประเทศกว่า 2 เดือน ก็ฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินดังกล่าว จนกระทั่งช่วงบ่ายวันนี้(10) เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าวจนกระทั่งพบเตาแก็สของผู้เสียหายวางอยู่ในกระท่อมร้างใกล้บ้านผู้เสียหาย จึงตรวจสอบบ้านของนายธีรชัย แซ่ส่อ อายุ 22 ปี ซึ่งอยู่ติดกับบ้านพักของผู้เสียหาย เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางตรวจสอบภายในบ้าน นายธีรชัย ตกใจวิ่งออกทางหลังบ้านและเจ้าหน้าที่พบทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายยืนยันชัดว่าเป็นทรัพย์สินของเขาที่สูญหายไปจริง เจ้าหน้าที่ยึดของกลางมาที่สภ.ฉลอง และนำตัวนายมานิตย์ แซ่ส่อ บิดาของนายธีรชัยมายังสภ.ฉลอง และกดดันให้ติดต่อนายธีรชัยมามอบตัว ซึ่งนายมานิตย์ ต้องใช้เวลาในการเกลี้ยกล่อมนานประมาณ 1 ชั่วโมง นายธีรชัย แซ่ส่อ ผู้ต้องหา ก็ยินยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัว เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในบ้านหลังดังกล่าวจริง

“โกยุส” เข้าให้ปากคำกกต.ภูเก็ต


เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2554 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดภูเก็ต นายจิรายุส ทรงยศ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส) ภูเก็ต เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ได้ให้ปากคำเพิ่มเติมกับ นายสัญญา แก้วอนันต์ หัวหน้างานสืบสวน กกต.ภูเก็ต และ พ.ต.ท.ยงยุทธ กรองมาลัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นคณะกรรรมการสืบสวนสอบสวนที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับกรณีที่ได้ยื่นหนังสือต่อ กกต.ภูเก็ต ให้ตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้ง 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 รวมถึงผู้อำนวยการศูนย์การเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสองเขตเลือกตั้ง ว่า ร่วมกันกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง
โดยนายจิรายุส ได้ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับคณะกรรรมการสืบสวนสอบสวนฯ ว่า จากที่ลงพื้นที่หาเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วย พื้นที่ อ.กะทู้ กับ ต.เกาะแก้ว และ ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต ได้มีการสอบถามของพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับการติดตั้งป้ายหาเสียงของผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 แต่กลับมีป้ายคู่กับผู้สมัครพรรคเดียวกันในเขตเลือกตั้งที่ 2 และบางครั้งก็มีการลงไปหาเสียงคู่กันด้วย นอกจากนี้ยังพบเห็นด้วยตัวเองด้วย จึงก่อให้เกิดความสับสน และต้องการให้ทาง กกต.พิจารณาในเรื่องนี้ว่าเป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่อย่างไร
“ในการลงพื้นที่หาเสียง ขณะนี้ทำไปได้ประมาณ 30% แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดีมาก เนื่องจากภูมิลำเนาเป็นคนในพื้นที่ อ.ถลาง อยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะรู้จักกันเป็นอย่างดีทั้งในกลุ่มของญาติและเพื่อนฝูง จึงค่อนข้างมีความมั่นใจสูง แต่ด้วยฐานคะแนนเดิมของพรรคฯ ในพื้นที่ซึ่งมีค่อนข้างน้อยจนแทบจะไม่มีเลย จึงจำเป็นที่จะต้องเน้นการหาเสียงด้วยการใช้วิธีเคาะประตูบ้านเป็นหลัก แม้จะเจอปัญหาอุปสรรคบ้างแต่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการหาเสียง ส่วนตัวจะไม่โจมตีใคร แต่จะนำเสนอนโยบายและสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่”
นายจิรายุส กล่าวด้วยว่า นโยบายที่ยังคงได้รับการตอบรับที่ดี จะเป็นเรื่องของกองทุนท่องเที่ยวสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดละ 100 ล้านบาท เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดภูเก็ตโดยตรง รวมถึงเรื่องของการมีงานทำ เรื่องการส่งเสริมด้านการกีฬา เรื่องของทำดีมีรางวัลเป็นต้น และหากตนได้รับเลือกเข้าไปแล้วก็เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างแน่นอน และด้วยอุปนิสัยของตนนั้นเมื่อรับปากแล้วก็จะต้องทำให้ได้ ซึ่งตรงกับสโลแกนของพรรคที่ว่าพูดแล้วทำ

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตร.ภูเก็ตรณรงค์ต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง


ตร.ภูเก็ตรณรงค์ต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2554 ที่บริเวณสนามฟุตบอล หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเดินรณรงค์และกล่าวนำคำปฎิญาณการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงและต่อต้านการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรกะทู้ สถานีตำรวจภูธรทุ่งทอง และสถานีตำรวจภูธรกมลาจัดขึ้น ตามโครงการรณรงค์ต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในจังหวัดภูเก็ต โดยมีนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการตำรวจ กลุ่มอาชีพต่างๆ ข้าราชการ พนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง สถานประกอบการ สมาคมโรงแรม และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมจำนวนประมาณ 3,000 คน ทั้งนี้ได้มีการตั้งริ้วขบวนณรงค์บริเวณซอยบางลา เดินเรื่อยมาตามถนนทวีวงศ์ซึ่งเป็นถนนสายหน้าชายหาด จนถึงสนามฟุตบอลหาดป่าตอง ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ปรากฏว่าตลอดเส้นทางที่ริ้วขบวนผ่านได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณสองข้างทางถนนเป็นอย่างมาก
พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ กล่าวว่า ตามที่ได้มีกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งในจังหวัดภูเก็ตได้แบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 2 เขตเลือกตั้ง โดยในเขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วย พื้นที่ อ.ถลาง อ.กะทู้ และ ต.รัษฎา กับ ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งจากการประเมินพบว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ยังไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ฉะนั้นเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง ต่อต้านการกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกกรณี ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรกะทู้ สถานีตำรวจภูธรทุ่งทอง สถานีตำรวจภูธรกมลาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ จัดกิจกรรมเดินรณรงค์การเลือกตั้งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ส.ส.อย่างพร้อมเพรียงกัน และให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง
พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเลือกตั้ง ส.ส.กำหนดจัดขึ้นเป็นการทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งมีผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคการเมืองต่างๆ ลงสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น แต่เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวเรื่องของการใช้เงินค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องรวมพลังออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด และต้องมีการต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียงการเลือกตั้ง ส.ส.ในทุกรูปแบบ เพื่อให้ได้นักการเมืองที่ดีมีคุณภาพต่อไป





“สานสัมพันธ์ครอบครัว วิถีพอเพียง ป่าคลอก”


เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2554 ที่บริเวณสนามฟุตบอลโรงเรียนภูเก็ตปัญญานุกูล (ป่าคลอก) ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน “สานสัมพันธ์ครอบครัว วิถีพอเพียง ตำบลป่าคลอก” ประจำปี 2554 และโครงการ อบต.สัญจรพบประชาชน ซึ่งทาง องค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก จัดขึ้น โดยมีข้าราชการ พนักงาน ผู้บริหารและสมาชิกสภา อบต.ป่าคลอก นักเรียน เยาวชน คนชรา ผู้พิการ และประชาชนในตำบลป่าคลอกเข้าร่วมจำนวนประมาณ 1,000 คน ทั้งมีกลุ่ม องค์กรและหน่วยงานต่างๆ มาร่วมจัดกิจกรรมด้วยนอกจากการให้บริการของ อบต.ป่าคลอก เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดภูเก็ต บ้านพักเด็กและครอบครัว เป็นต้น
โอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการมอบป้ายครัวเรือนอาสาจำนวน 11 ครัวเรือนของตำบลป่าคลอก ที่เข้าร่วมโครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่ม ปตท.และภาคีเครือข่าย เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี 2550 และดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปี 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายตำบลวิถีพอเพียงต้นแบบ 84 ตำบล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา นอกจากนี้ยังได้มอบเกียรติบัตรและพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับ “ครอบครัววิถีพอเพียง” จำนวน 11 ครัวเรือนด้วย
นายอธิพงษ์ คงนาม นายก อบต.ป่าคลอก ในฐานะคณะกรรมการดำเนินงานโครงการสานสัมพันธ์ครอบครัว วิถีพอเพียง ตำบลป่าคลอก ว่า ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นไปอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดปัญหามากมาย เช่น ปัญหาอบายมุขการพนันต่างๆ ปัญหายาเสพติดให้โทษ และปัญหาสังคมอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาสังคมระดับชาติ ดังนั้นการแก้ไขและป้องกันปัญหาต่างๆ เหล่านั้น จึงต้องมุ่งเน้นที่กระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่หน่วยย่อยที่สุดของสังคม นั่นคือ ครอบครัว กลยุทธ์การเสริมสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง อบต.ป่าคลอก ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน เครือข่ายมัสยิดสัมพันธ์ตำบลป่าคลอก ซึ่งมีสภาเด็กและเยาวชน กลุ่มสตรีมุสลิม กลุ่มมัสยิดสัมพันธ์และกลุ่มสวัสดิการชุมชนตำบลป่าคลอก เพื่อส่งเสริมครอบครัวให้มีความรักความอบอุ่นโดยทำกิจกรรมร่วมกัน ร่วมคิด ป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆ สร้างเครือข่ายครอบครัวในชุมชนให้เข้าใจการดำเนินวิถีชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายอธิพงษ์กล่าว




วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เจ้าของร้านเพิ่มรางวัลนำจับเป็น 2 แสน


กรณีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาเท่าเข่าสีดำ ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกแก๊ปสีดำหันปีกไว้ข้างหลังขี่รถ จยย.ฮอนด้าคลิกสีขาว ทะเบียน ขทค 6 ภูเก็ตขับมาจอดหน้าร้านทองธเนศ 2 เลขที่ 28 ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ตแล้วบุกเดี่ยวเข้ามาใช้ปืนปลอมขู่บังคับให้ลูกสาวเจ้าของร้านวัย 13 ปีเปิดตู้โชว์ทอง กวาดสร้อยคอทองรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 261 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท แล้วขับรถจยย.ที่จอดสตาร์ทเครื่องอยู่หน้าร้านหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถ จยย.คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ภายในซอย 5/3 หมู่บ้านดังกล่าว โดยมีรถกระบะฟอร์ดสีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมารับและหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.ของวันที่ ที่ร้านทางทองธเนศ 2 เลขที่ 28 ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต นายจีรศักดิ์ พร้อมด้วยนางจันทนา ธเนศธนสมบัติ เจ้าของร้านได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว ถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้าย ว่า ผ่านมากว่า 4 วันแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ติดตามตัวคนร้าย ซึ่งในส่วนของทางร้านเองก็ได้ให้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายให้กับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แวว โดยทางร้านจึงได้ประกาศเพิ่มรางวัลนำจับให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายได้เป็น 2 แสนบาท พร้อมมอบอีก 30%ของราคาทองคำที่ตามกลับมาด้วย
ด้านนายจีรศักดิ์ ได้กล่าวเพิ่มอีกว่า อยากขอความร่วมมือจากประชาชนและเจ้าของร้านทองต่างๆ ให้ช่วยดูทองที่จะมีคนไปจำหน่าย หรือจำนำ เพราะที่ทองจะมีสัญญาลักษณ์ ลายกนก (น่ำ ชวง หลี) ให้ช่วยแจ้งมาทางร้าน หรือแจ้งทางเจ้าหน้าที่ และช่วงถ่วงเวลาเอาไว้ด้วย ซึ่งทางร้านก็จะไปตรวจสอบ ว่าเป็นของที่หายไปจากร้านหรือไม่อย่างไร หรือถ้ารับซื้อไว้ก็ให้แจ้งมาที่ตนจะรับซื้อคืน เพียงแต่ขอเบาะแสในส่วนของคนที่นำมาขายเท่านั้น ซึ่งตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายโดยเร็ว เพราะถ้าจับกุมไม่ได้เชื่อว่าคนร้ายจะไปก่อเหตุที่ร้านอื่นๆต่อไป และถ้าจับกุมได้ช้าคนร้ายอาจจะนำทองไปแปลงสภาพแล้ว
นายจีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสัญญาณเตือนภัยนั้น ในวันเกิดเหตุทางร้านได้กดสัญญาณไปแล้ว แต่ก็ไม่ทราบด้วยสาเหตุใดถึงไม่ดังที่สถานีตำรวจ จะให้เจ้าของบริษัทเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง และหลังจากนี้คงจะต้องหาวิธีการป้องกันให้ดีขึ้นกว่านี้ ซึ่งอาจจะต้องทำลูกกรงเหล็กเพื่อป้องกันคนร้าย
ด้านด.ต.สุวิทย์ ยอดหวาน เจ้าหน้าที่สายตรวจธนาคารร้านทอง สภ.เมือง ภูเก็ต ได้กล่าวถึง เหตุการณที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ เหมือนกับคนร้ายได้ดูพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ เพราะวันดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาลงชื่อและตรวจความเรียบร้อย แต่เมื่อเจ้าหน้าออกจากทางร้านประมาณ 5 นาที คนร้ายก็ลงมือ ซึ่งหากในวันเกิดเหตุทางศูนย์วิทยุสภ.เมือง ภูเก็ต ได้รับสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ทางศูนย์ก็จะแจ้งมายังสายตรวจ และเข้าตรวจสอบได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีสายตรวจที่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุมีประมาณ 3 สาย ก็สามารถเข้าสกัดในพื้นที่ได้ แต่ในเมื่อสัญญาณไม่ดัง กว่าทางศูนย์จะได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ก็ใช้เวลานานขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวถึง เรื่องของการตรวจสอบสัญญาณเตือนภัยจากร้านทองต่างๆในภูเก็ต พบมีหลายร้านที่มีปัญหากดแล้วเสียงสัญญาณไม่ดัง นอกจากนี้เมื่อร้านกดเข้าไปแล้ว สัญญาณจะไปขึ้นชื่อของอีกร้าน และร้านไม่ได้อยู่ในละแวกเดี่ยวกันด้วย ซึ่งก็ได้แจ้งไปยังเจ้าของร้านให้ได้รับทราบปัญหาแล้ว และกำลังให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบด่วน

พร้อมจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวใหม่


เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2554 ที่ห้องจามจุรี 1โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงนายจ้าง/สถานประกอบการเกี่ยวกับการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ที่ลักลอบทำงานในประเทศไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ซึ่งได้มีการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ลักลอบทำงานอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรอายุไม่เกิน 15 ปี การตรวจสุขภาพ การทำบัตรประกันสุขภาพ และการขออนุญาตทำงาน ทั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมชี้แจง อาทิ สำนักทะเบียน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น เพื่อให้รับรู้และเข้าใจในวิธีการขั้นตอนเกี่ยวกับการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว การตรวจสุขภาพ การทำประกันสุขภาพ และการขออนุญาตทำงาน โดยมีนายจ้างและผู้ประกอบการเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นายนพดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสูงมาก และจากสถิติมีคนตกงานในจังหวัดภูเก็ตน้อยมาก ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับล่างจำนวนมาก โดยเฉพาะงานที่คนไทยไม่ทำ เช่น ก่อสร้าง ประมง เป็นต้น ส่งผลให้แรงงานต่างด้าวยังเป็นความต้องการสำหรับนายจ้าง เพื่อทำงานในสถานประกอบการ คาดว่ามีแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานในจังหวัดภูเก็ตและไม่มีใบอนุญาตทำงานประมาณ 30,000-40,000 คน ทั้งนี้ได้มีการกำหนดเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ลักลอบทำงานในประเทศไทยแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ( One Stop Service) ที่บริเวณอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 15มิถุนายน - 14 กรกฎาคม 2554 โดยจะให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์ที่ 2 และวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554
ขณะที่นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีนายจ้าง/สถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าว จำนวนมากถึง 9,298 ราย และมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานจำนวน 47,862 คน ซึ่งเป็นจำนวนมากพอสมควร เนื่องจากสถานประกอบการต่างๆ ขาดแคลนแรงงานในระดับล่างเป็นจำนวนมาก เช่น กิจการก่อสร้าง กิจการประมง ภาคธุรกิจบริการต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่ นับจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาถึง 2 ปี น่าจะช่วยให้นายจ้าง/สถานประกอบการต่างๆ ได้มีแรงงานเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจต่างๆ ไปได้อย่างดี และช่วยให้ภาคธุรกิจพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง