จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ลูกค้าแห่จอง พลัส คอนโด โครงการสอง


เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 54 ภายในสำนักงานขาย พลัส คอนโดมิเนียม ต.กะทู้ อ.กะทู้ ภูเก็ต นายนิมิต โมนฤมิตร ประธานกรรมการ และนายวุธิพรรษ์ กังสนันท์ ได้เปิดการจองห้องชุดในอาคาร 2 ในโครงการพลัส 2 ซึ่งในการเปิดการขายในครั้งนี้ ทางโครงการได้เชิญ คุณเขมนิจ จามิกรณ์ หรือ แพนเค้ก ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์ของโครงการ มาเป็นเกียรติในการเปิดอาคารใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยได้รับความสนใจจากลูกค้า เข้าดูห้องตัวอย่างและสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับดาราในครั้งนี้
ทั้งนี้นายนิมิต โมนฤมิตร ประธานกรรมการ ได้กล่าวว่า หลังจากความสำเร็จอย่างงดงามจากพลัสคอนโด โครงการหนึ่ง กระทู้ เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ปิดยอดการขายภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว จากการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าที่ เรียกร้องถึงคอนโดที่มีคุณภาพ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจาก สิ่งที่ได้ยึดมั่นทำตามแนวทางที่ว่า “เราจะสร้างสรรค์อาคารชุดที่มั่นคง ปลอดภัย อยู่สบายมีสไตล์ ทันสมัย และคุ้มค่า โดยเราจะยึดมั่นดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ต่อลูกค้า” ซึ่งเป็นนโยบายหลักของบริษัท อย่างเคร่งครัด
ด้วยความสำเร็จดังกล่าว ทำให้เปิด พลัส คอนโด โครงการที่สองขึ้น ในทำเลย่านกระทู้ซึ่งใกล้กับสนามกอล์ฟ ภูเก็ตคันทรี่คลับ และจากป่าตองเพียง 3กม. โดยยังคงราคาที่คุ้มค่าไว้เช่นเดิม ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 980,000 บาท และผ่อนต่อเดือนเพียง 4,800 บาท ด้วยความไว้วางใจจากลูกค้า ทำให้โครงการสามารถขายอาคารแรกหมดภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ทำให้โครงการเปิดรับจองอาคารใหม่ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
นายนิมิต ยังกล่าวอีกว่า ในการเปิดจองในสครั้งนี้ ทางโครงการได้เปิดตัวห้องสวีท 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 136 ตารางเมตรแบบใหม่ล่าสุด ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.83 ล้านบาทหรือตารางเมตรละ 35,500 บาทเท่านั้น และเป็นการสมนาคุณลูกค้าที่ไว้วางใจในพลัสคอนโด จึงได้เรียนเชิญลูกค้าเก่าทุกท่าน มาร่วมเป็นเกียรติในงานดังกล่าว พร้อมทั้งถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับน้องแพนเค้ก รวมถึงรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายในงาน พร้อมทั้งได้จัดเตรียมของที่ระลึก หมี Teddy รุ่น Zeira ให้กับลูกค้าที่จองในงานด้วย และยังมีกิจกรรมต่างๆ พร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษจากแพนเค้ก และ สำหรับโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเปิดตัวอาคารใหม่ ขอมอบ iPad2 หรือ Smart Phone สุดฮิตให้กับลูกค้าที่จองในช่วงนี้ ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2554

อบจ.สัญจร ส่งเสริมสุขภาพประชาชน

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2554 ที่บริเวณสวนศรีภูวนาถ ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานพิธีเปิดงาน อบจ.สัญจร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลตำบลวิชิต จัดขึ้น โดยมีนายสุขสันต์ เสียงเอก ปลัดอาวุโส อำเภอเมืองภูเก็ต คณะผู้บริหาร นายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต สมาชิกสภาอบจ.ภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย สมาชิกสภาเทศบาลตำบลวิชิต ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ จำนวน 36 หน่วยงาน เข้าร่วม
นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับงาน อบจ.สัญจร เป็นงานที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี แนวทางการบริหารจัดการท้องถิ่นยุคใหม่ โดยครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ของปีงบประมาณ 2554 จัดขึ้นเพื่อให้พี่น้องประชาชนในท้องถิ่นได้พบปะกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่จาก อบจ.ภูเก็ต เทศบาลตำบลวิชิต และจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมงาน
ซึ่งได้นำภารกิจในหน้าที่ขององค์กรมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และให้บริการแก่ประชาชน พร้อมทั้งได้จัดให้มีเวทีเสวนาประชาคมที่เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้แสดงความคิดเห็น เสนอแนะ สะท้อนปัญหาความต้องการให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นำไปกำหนดเป็นนโยบายสาธารณะในการพัฒนาท้องถิ่นต่อไป จึงนับเป็นประโยชน์ของประชาชนอย่างยิ่ง ที่นอกจากจะได้รับบริการจากหน่วยงานที่ออกมาให้บริการ กิจกรรมบันเทิงแล้ว ยังได้ร่วมแสดงความคิดเห็น รับรู้ข้อมูลข่าวสารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่น
สำหรับกิจกรรมภายในงาน ได้เน้นงานบริการด้านสุขภาพ เช่น บริการตรวจสุขภาพฟรี ให้คำแนะนำปรึกษาโรคทั่วไป โรคกระดูกและข้อ และกายภาพบำบัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต รวมถึงบริการอื่นๆ อันเป็นการส่งเสริมสุขภาพชีวิตที่ดีของประชาชน จากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอนามัยแหลมชั่น สำนักงานเหล่ากาชาดภูเก็ต สำนักงานปศุสัตว์ภูเก็ต มีบริการทำบัตรประจำตัวประชาชนเด็ก โดยจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต บริการข้อมูลข่าวสารด้านแรงงาน จากสำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ต บริการซ่อมจักรยานยนต์ และซ่อมบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยวิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต บริการสาธิตการทำพิมเสนน้ำ
การจัดบู๊ทแสดงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดภูเก็ต บริการชำระภาษีประจำปี โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต บริการให้ความรู้เกี่ยวกับการประกันภัย พรบ.รถยนต์ จากสำนักงาน คปภ.จังหวัดภูเก็ต สอน 108 อาชีพ เช่น การพับริบบิ้นเป็นเหรียญโปรยพาน การทำกิ๊ฟติดผม จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต บริการให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตร จากสำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต บริการตัดผมฟรี โดยร้านสมศักดิ์ซาลอน รับเรื่องราวร้องทุกข์ จัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านสุขภาพ ห้องสมุดเคลื่อนที่ และแจกพันธุ์ไม้ โดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และบริการอื่นๆ จากหน่วยงานต่างๆ อีกมากมาย

Workshop การจัดดอกไม้ขั้นสูง


คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จัดอบรมให้ความรู้ “การจัดดอกไม้ขั้นสูง” ให้แก่ประชาชนผู้สนใจในจังหวัดภูเก็ต และนักศึกษาที่สนใจ ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าแก่ผู้เข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับวิธีการจัดดอกไม้ขั้นสูง การออกแบบดอกไม้ให้เหมาะสมกับงานต่างๆ นอกจากนี้เพื่อเป็นการบูรณาการการเรียนการสอนรายวิชาการจัดดอกไม้ขั้นสูง และรายวิชาการจัดสวนและตกแต่งสถานที่ ตลอดจนเพื่อพัฒนาคุณภาพบัณฑิตให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น ตลอดระยะเวลาการอบรมทั้ง 2 วัน มีทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถประยุกต์ความรู้ที่ได้รับนำมาปฏิบัติได้จริงด้านการจัดดอกไม้ ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดในการอบรม
ผศ.ศิริรัตน์ เพชรเหมือน คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร เปิดเผยว่า “ปัจจุบันธุรกิจการจัดดอกไม้และตกแต่งสถานที่เข้ามาเกี่ยวเนื่องในทุกโอกาสและกิจกรรม เช่น งานพิธีมงคลสมรส งานเฉลิมฉลองต่างๆ งานศพ ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยว หรือธุรกิจโรงแรมนิยมจัดตกต่างสถานที่ เพื่อสร้างบรรยากาศ งานจัดดอกไม้จึงเป็นงานที่สร้างรายได้ได้ตลอดปี แต่งานจัดดอกไม้ถือเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องมีการเรียนรู้และฝึกฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดดอกไม้ขั้นสูง คณะเทคโนโลยีการเกษตร จัดโครงการนี้เพื่อบริการวิชาการสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ตลอดจนบูรณาการกับยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพบัณฑิตของคณะฯ ให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น และถือเป็นการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดอบรมนั้น อย่างน้อยที่สุดผู้เข้าร่วมจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับในครั้งนี้ไปต่อยอดและสามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวัน หรือการประกอบอาชีพได้จริงในอนาคต”

พบปะผู้ปกครองนักเรียนอบจ.เมืองภูเก็ต


 
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2554 ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานในการประชุมผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต โดยมี นายไกรวุฒิ คุ้มบ้าน รองประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายอวยพร สกุลตัน ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.ภูเก็ต นายวิโรจน์ ตันติวิริยาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย คณะครู อาจารย์ และผู้ปกครองนักเรียนในระดับชั้น ม.2 – ม.6 จำนวนกว่า 700 คน เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้นายวิโรจน์ ตันติวิริยาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า การประชุมผู้ปกครองนักเรียนในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วม ระหว่าง บ้าน วัด และโรงเรียน พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางการดำเนินงานด้านการศึกษาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โดยรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปกครองนักเรียน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการศึกษาต่อไป รวมถึงให้ผู้ปกครองได้มีโอกาสพบปะกับผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต
ด้านนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า รู้สึกยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้มาพบปะผู้ปกครองในวันนี้ ซึ่งต้องขอชื่นชมผู้บริหาร และคณะครู ที่ได้จัดงานนี้ขึ้นมา อันเป็นการทำตัวอย่างที่ดีให้ผู้ปกครองได้เห็น นอกจากนี้ ก็ต้องขอชื่นชมคุณครูที่นี่ ซึ่งทำงานโดยไม่มีวันหยุด มาสอนพิเศษแก่ลูกหลานของเราด้วยความเสียสละ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสำเร็จของโรงเรียน จึงขอให้ผู้ปกครองทุกท่าน จงชื่นชมบุตรหลาน ให้เวลาและใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิด

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพาณิชย์ภาคใต้

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 54 ที่ลานอเนกประสงค์ ตลาดจตุจักรเก่า (ใกล้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคภูเก็ต) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางเบญจวรรณ รัตนประยูร ที่ปรึกษาการพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพาณิชย์ภาคใต้ สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในภาคใต้ มีนายสมพงศ์ อ่อนประเสริฐ พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวรายงาน หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ทางจังหวัดภาคใต้ และผู้ประกอบการภูมิภาคต่างๆ รวมถึงประชาชนผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมจำนวนมาก
นายสมพงศ์ กล่าวว่า การจัดงานแสดงจำหน่ายสินค้า "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพาณิชย์ภาคใต้สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)" ครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมตลาดสินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด และการขยายตัวทางด้านการค้าในภูมิภาคเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย
โดยกระทรงพาณิชย์ได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในภาคใต้จัดทำโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการพาณิชย์ภาคใต้ จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพาณิชย์ภาคใต้สู่ประชาคมอาเซียน(AEC)" ในครั้งนี้ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดแก่สินค้าและบริการในภูมิภาค กระตุ้นให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ มีความรู้ความเข้าใจกระบวนการทางการตลาด สร้างโอกาสและขยายช่องทางการตลาดแก่สินค้าและบริการ อันจะนำมาซึ่งการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ สนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล การจัดงานในครั้งนี้มีกิจกรรมหลักที่สำคัญ 4 ประการคือ
กิจกรรมการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเด่นของดีจาก 56 จังหวัด รวม 120 บูธ แยกเป็น อาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 55 คูหา ของใช้ตกแต่งและของที่ระลึก จำนวน 39 คูหา เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย จำนวน 14 คูหา และผลิตภัณฑ์สมุนไพร จำนวน 12 คูหา
กิจกรรมการจำหน่ายสินค้าผ้าไหม ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่ 1(อีสานใต้)(นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และสุรินทร์) นำโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้งานแสดงและจำหน่าย "ผ้าไหมนครชัยบุรินทร์" เพื่อสนับสนุนการใช้ผ้าไทยตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 30 คูหา
กิจกรรมการจำหน่ายสินค้าของกรมการค้าภายใน โดยสำนักงานการค้าภายในจังหวัดภูเก็ต "โครงการสร้างโอกาสและขยายท่องเที่ยวการค้าอาหารทะเลแปรรูป" เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน และสุดท้ายคือกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของภูมิภาคต่างๆ และการแสดงดนตรี
โดยทั้ง 4 กิจกรรมงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ก.ค. – 2 ส.ค.54 นี้ ณ ลานอเนกประสงค์ ตลาดจตุจักรเก่า อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยกิจกรรมที่ 1 – 3 จะเปิดจำหน่ายสินค้าตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.และกิจกรรมการแสดงบนเวที เร่มตั้งแต่เวลา 18.00 – 21.00 น.ของทุกวันตลอดงาน นายสมพงศ์ กล่าวในที่สุด

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เสริมความรู้ด้านการต่อเรือที่ภูเก็ต


 
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 54 ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนา Focus Group SMEs โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs ต้นแบบ และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสาขาอู่ต่อเรือ – ซ่อมเรือและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เฉพาะกลุ่มเรือสำราญ ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ วิทยาลัยพาณิชย์นาวีนานาชาติ จัดขึ้น โดยมีผู้ประกอบการอู่ต่อเรือ ซ่อมเรือและเกี่ยวเนื่องกับเรือเข้าร่วม เพื่อให้สร้างความรู้ความเข้าใจถึงธุรกิจต่อเรือ ซ่อมเรือ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องให้ผู้ประกอบการได้รับทราบ
ทั้งนี้ด้านพลเรือเอกสุพิทย์ อำนวย คณบดีวิทยาลัยพาณิชยนาวีนานาชาติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน โดยการเจริญเติบโตส่วนใหญ่เกิดจากประสบการ ดดยขาดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลก นอกจากนี้ธุรกิจต่อเรือสำราญที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากผู้ที่ต้องการเรือสำราญไม่คำนึงถึงราคาของตัวเรือ ขึ้นอยู่กับพึงพอใจของรูปแบบ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในเรือ ซึ่งแต่ละลำมีมูลค่าเป็น 100 ล้านบาท ทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมต่อเรือในขณะนี้เติบโตเป็นปีละแสนล้านบาท
ดังนั้นการพัฒนาองค์ความรู้และการพัฒนาฝีมือการต่อเรือสำราญเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาต่อเรือในไทยจะเป็นกลุ่มจากยุโรปที่นิยมมาต่อเรือในพื้นที่ที่มีชายทะเลที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น ในฝั่งอันดามันเป็นต้น และแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมต่อเรือมีสูงในอนาคต จึงได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม จัดการสัมมนา Focus Group SMEs โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs ต้นแบบ และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสาขาอู่ต่อเรือ – ซ่อมเรือและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เฉพาะกลุ่มเรือสำราญขึ้น โดยมีวิทยากกรจากหน่วยงานต่างๆ มาให้ความรู้ นอกจากนี้ทางวิทยาลัยฯ ยังได้เปิดโควต้าให้เด็กในฝั่งอันดามันเข้าเรียนในวิทยาลัยปีละ 20 คน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมต่อเรือในอนาคต
นางสุทธิการ มาสำราญ ผู้อำนวยการสำนักประสานและบริหารโครงการ จากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ได้กล่าวว่า ทางสสว.ได้จัดทำแผนส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นธุรกิจใหม่ๆ โดยอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ-ซ่อมเรือ ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อประเทศในด้านเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ก่อให้เกิดรายได้และการจ้างงานจำนวนมากทั้งในอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือเอง และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย เช่น อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า เครื่องจักรกล เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์การเดินเรือ อุปกรณ์ไม้และเครื่องเรือน สีและเคมีภัณฑ์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น แม้ปัจจุบันธุรกิจต่อเรือ- ซ่อมเรือ โดยเฉพาะกลุ่มเรือสำราญในประเทศ จะได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น

อบจ.ภูเก็ต ประชุมประชาคมท้องถิ่น


เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2554 ที่โรงแรมเพิร์ล อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมสัมมนาประชาคมท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา (พ.ศ.2555-2558) และแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2555-2557) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โดยมี คณะผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต ตลอดจน หัวหน้าส่วนรัฐวิสาหกิจ ผู้แทนภาคประชาชน และประชาคมท้องถิ่น เข้าร่วม
นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า “ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่กฎหมายกำหนด ให้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะแก่ประชาชนในท้องถิ่น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมสัมมนาระดมความคิด เพื่อเปิดรับฟังปัญหาและความต้องการของทุกภาคส่วน ตลอดจนรับฟังความคิดเห็น และแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่น ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จะต้องนำมาประกอบการวิเคราะห์ ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา และแผนพัฒนาสามปี ให้สอดคล้องกับนโยบายยุทธศาสตร์การพัฒนาทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้านการศึกษา ด้านคุณภาพชีวิต ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการบริหาร การเมือง การปกครอง
ทั้งนี้ ภูเก็ตจะเป็นเมืองน่าอยู่ คู่คุณธรรม อย่างเป็นรูปธรรมได้ หากเราทุกคนช่วยกันสร้างตัวอย่างแห่งความดี สำหรับการประชุมสัมมนาในวันนี้นับเป็นความสำเร็จที่ทุกท่านได้เสียสละเวลาอันมีค่ามาร่วมกันพัฒนาจังหวัดภูเก็ตของเรา” นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าว
สำหรับการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้จัดขึ้นเพื่อเตรียมจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา และแผนพัฒนาสามปี โดยการรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้าน สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล แผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด นโยบายของผู้บริหารท้องถิ่น ให้สามารถนำมาแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง ซึ่งมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจาก ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคประชาชน และประชาชนทั่วไป ต่อทิศทางการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตในภาพรวม เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 และใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2555

ตร.ฉลองรวบผู้เสพกัญชา 2 ราย


 
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 54 ที่ห้องประชุมสภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.ได้แถลงข่าวจับกุมนายธีรนัย นกดา อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 ม.4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นทหารเกณฑ์สังกัดจังหวัดทหารบกทุ่งสง นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง 1 ห่อเล็ก โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 74/8 ม.4 ต.ราไวย์ นายประจักษ์ ประทีบ ณ ถลาง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/21 ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยกัญชาแห้งอัดแท่ง 1 ห่อ โดยจับกุมได้ที่บริเวณภายในซอยเสริมสุข ม.4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง ร.ต.ท.อรรถวัฒน์ สุวรรณรัตน์ ร้อยเวรดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.สภ.ฉลอง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบตามปกติ จนกระทั่งเมื่อตรวจมาถึงบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 74/8 ม.4 ต.ราไวย์ ก็เห็นนายธีรนัย นกดา อายุ 22 ปี เป็นทหารเกณฑ์อยู่ในค่ายทหารจังหวัดทหารบกทุ่งสง นครศรีธรรมราช มีท่าทางพิรุธ ก็ได้ตรวจค้นพบกัญชาแห้ง 1 ห่อเล็ก ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าผ้าสีแดงเหน็บอยู่ที่เอวที่นายธีรนัย สวมใส่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันจับกุมนายประจักษ์ ประทีป ณ ถลาง ขณะเดินอยู่ในซอยเสริมสุข ม.4 ต.ราไวย์ เมื่อเจอเจ้าหน้าที่มีท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบกัญชาแห้งอัดแท่ง 1 ห่อ จึงควบคุมตัวทั้ง 2 คน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ปิดสนามสุระกุลปรับปรุงรับ “ภูเก็ตเกมส์”


นายไพบูลย์ อุปติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวถึงการปรับปรุงสนามกีฬาสุระกุล ว่า จากการที่ทางจังหวัดภูเก็ต จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 หรือ “ภูเก็ตเกมส์” ในระหว่างวันที่ 18 – 28 มีนาคม 2555 โดยใช้สนามกีฬาสุระกุล เป็นสนามในการประกอบพิธีเปิด – ปิด สนามกีฬากลางในการแข่งขันฟุตบอล กรีฑาทั้งประเภทลู่ และลาน ซึ่งลู่วิ่งวัสดุยางสังเคราะห์ ได้เสื่อมสภาพแล้ว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุง ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงได้มีการอนุมัติงบประมาณในการปรับปรุง จำนวน 18,895,000 บาท
ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปิดสนามสุระกุล เพื่อส่งมอบให้กับบริษัทผู้รับเหมาในการปรับปรุง โดยกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 17 สิงหาคม 2554 และจะส่งมอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หลังจากดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้น จึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้ ที่ไม่สามารถให้บริการประชาชนที่จะใช้สนามสุระกุลช่วงนี้ได้

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพิ่มพัฒนาศักยภาพผู้นำสตรีมุสลิม


 
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2554 โรงแรมดีนารฺ ลอดจ์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิม จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 (กิจกรรมให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพผู้นำสตรีมุสลิม รุ่นที่ 1) โดยมีนายบำรุง สำเภารัตน์ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ.ภูเก็ต นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายจิรศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต นายสนธยา สุนธารักษ์ สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการและเจ้าหน้าที่อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
ทั้งนี้นายจิรศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิม จึงได้จัดอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิมขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความรู้ ทักษะ และขีดความสามารถในการพัฒนาศักยภาพของสตรีมุสลิม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเสริมสร้างบุคลากรให้กลุ่มสตรีในชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในปีมหามงคลยิ่งที่ทรงมีพระชนม์มายุ 84 พรรษา เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและชุมชน ซึ่งโครงการพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 แบ่งเป็น 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมอบรมและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิมของจังหวัดทางภาคกลางและภาคตะวันออก โดยจัดไปแล้วระหว่างวันที่ 18 – 23 เมษายน 2554
ส่วนกิจกรรมให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิม จัดระหว่างวันที่ 28 – 31 กรกฎาคม 2554 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการอบรม คือ ผู้นำสตรีมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต รุ่นละ 50 คน โดยมีทีมวิทยากรจากสถาบันพัฒนาการพูดและบุคลิกภาพ “อมานะห์” มาบรรยายให้ความรู้ ซึ่งคาดว่าผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านจะได้รับความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพ นำไปสู่การพัฒนาในการแสดงออกถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเอง ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น รวมทั้งแก้ไขปัญหาในชุมชนและสังคม ตลอดจนภาครัฐได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิมมากขึ้น”
ทางด้าน นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ความสำคัญกับโครงการดังกล่าว จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมาเพราะเป็นโครงการที่สตรีมุสลิมได้รับประโยชน์ เพิ่มพูนความรู้ วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ตรงในการนำไปประยุกต์ใช้และพัฒนาศักยภาพสตรีทั้งด้านผู้นำและผู้ตาม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแสดงออกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มสตรีมีความเข้มแข็ง นำไปสู่ต้นแบบของการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาของชุมชนและสังคมโดยรวม ซึ่งการอบรมในครั้งนี้ได้ทีมวิทยากรจากสถาบันการพูดและบุคลิกภาพ “อมานะห์” ที่มาบรรยายให้ความรู้ ความเข้าใจแก่มุสลิมในจังหวัดภูเก็ต จึงขอให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านนำความรู้ที่ได้รับในวันนี้ไปพัฒนาต่อยอด ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมต่อไป

งานแสดงเทคโนโลยีและสินค้าก่อสร้าง


 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2554 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต นายธนันท์ ตัณฑไพบูลย์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานแสดงเทคโนโลยีและสินค้าก่อสร้าง การออกแบบและการบำรุงอาคาร หรืองาน Architect &Engineering Exhibition 2011 ซึ่งทางบริษัท พีไอซี ภูเก็ต จำกัด จัดขึ้น ในระหว่างที่ 28 – 31 กรกฎาคม 2554 นี้ โดยมีบริษัทจำหน่ายวัสดุก่อสร้างตั้งแต่หลังคาจนถึงฐานรากเข้าร่วมแสดงสินค้า 80 บริษัท จำนวน 140 บู๊ท ทั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ เข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก
นายธเนศ ไกรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีไอซีภูเก็ต จำกัด กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้นับเป็นปีที่ 11แล้ว เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่มาให้คนในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดใกล้เคียงและภาคใต้ตอนบนได้รับทราบ เพราะการจัดงานในลักษณะเดียวกันนี้ที่กรุงเทพฯ จะจัดปีละครั้งในช่วงประมาณเดือนเมษายน ทำให้ผู้ประกอบการในภูเก็ตและภาคใต้อาจจะไม่สะดวกในการเดินทางไปชมงานดังกล่าว และมีเวลาไม่เพียงพอ ทางบริษัทฯจึงได้นำการจัดงานดังกล่าวมาจัดแสดงที่ภูเก็ตแต่ย่อขนาดของงานให้เล็กลง
“ปีนี้มีบริษัทนำสินค้าวัดสุก่อสร้าง เครื่องมือช่างและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงแรมมาจัดแสดงทั้งหมด 80บริษัท จำนวน 140 บู๊ท จุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอวัสดุประหยัดพลังงาน ซึ่งการจัดงานครั้งที่ผ่านๆ มา มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้าชมงานวันละ 1,000-2,000 คน มีทั้งสปานิก เจ้าของโครงการ เจ้าของโรงแรมช่างก่อสร้างผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ที่อยู่ในวงการก่อสร้างและการบำรุงดูแลรักษาอาคาร ซึ่งแนวโน้มความต้องการวัสดุก่อสร้างในปัจจุบันนั้น ลูกค้าจะเลือกวัสดุที่สามารถทำให้การก่อสร้างเสร็จอย่างรวดเร็วและประหยัดพลังงาน”
นายธเนศ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของยอดการสั่งซื้อสินค้าในช่วงที่เศรษฐกิจค่อนข้างดีอยู่ที่ปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ในปีนี้ซึ่งเศรษฐกิจยังไม่สู้ดีนักคาดว่าจะมียอดการสั่งชื้ออยู่ที่ประมาณ 500-600 ล้านบาทเพราะภูเก็ตยังมีการก่อสร้างทั้งส่วนของโรงแรม บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม

วงเสวนาแนะควรมองท่องเที่ยวหลากมิติ



จากงานสัมมนา “Phuket Creative Tourism II” ซึ่งทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต จัดขึ้น ทั้งนี้ได้มีการเสวนา เรื่อง การสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขันของภูเก็ต เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย นายสมประสงค์ โขมพัตต์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวิจิตร ณ ระนอง อดีตประธานคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ศ.ดร.จีระ หงส์รดารมภ์ เลขามูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศและ รศ.นิศา ชัชกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต โดยวงเสวนาได้มีคำแนะนำต่างๆ ประกอบด้วย
ศ.ดร.จีระ หงส์รดารมภ์ เลขามูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ กล่าวถึงอนาคตของภูเก็ตว่า จะต้องเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีคุณภาพ มีมูลค่าเพิ่มและกระจายรายได้ให้คนไทยมากกว่าชาวต่างประเทศ เนื่องจากแบรนด์ของภูเก็ตเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่ Brand Positioning จะต้องสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้ยุทธวิธีในการเพิ่มความแข็งแกร่ง นอกจากเป็นเมืองเพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนแล้ว จะต้องสามารถทำงานได้ด้วย ส่วนไหนที่ขาดก็จะต้องเติมเต็ม เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ระบบไอที การบริหารจัดการ เป็นต้น ในส่วนของสถาบันการศึกษาจะต้องมีการปรับตัวโดยการผลิตทุนมนุษย์ออกมารองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ขณะเดียวกันก็จะต้องมีการพัฒนาผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการส่วนภูมิภาค นักธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอี และพนักงานบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศและการสร้างศักยภาพ รวมถึงการเพิ่มธุรกิจที่หลากหลายนอกเหนือจากการท่องเที่ยว เช่น ไอที การแพทย์ การฝึกอบรม เป็นต้น นอกจากนี้แทนการพึ่งพาเฉพาะตลาดยุโรปก็จะต้องมีการติดต่อประสานงานกับประเทศต่างๆในภูมิภาคให้มากขึ้น รวมถึงการสร้างครัสเตอร์ระหว่างจังหวัดใกล้เคียง
ด้านนายสมประสงค์ โขมพัตต์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การปรับตัวเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนเป็นเรื่องท้าทายสำหรับภูเก็ตอย่างมาก เช่น การพัฒนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับเมืองนิช ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งที่ผ่านมาขาดความต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสที่ดีมากสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น โดยเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภูเก็ตในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามามากขึ้น การรวมตัวกันเป็นคลัสเตอร์กับจังหวัดใกล้เคียง เช่น กระบี่ พังงา เป็นต้น แม้ว่าโดยตัวของภูเก็ตนั้นจะขายได้อยู่แล้ว แต่จะทำให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยวและมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น เสน่ห์สำคัญของภูเก็ตนอกจากเรื่องของอาหาร วัฒนธรรมประเพณีต่างๆ แล้ว แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะจะเห็นว่าปัจจุบันการพัฒนาจะเน้นทางด้านวัตถุค่อนข้างมาก ทำอย่างไรให้ชุมชนเห็นความสำคัญของทรัพยากรที่มีอยู่และเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างแท้จริง เช่น หาดในยาง เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะต้องเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจ เช่น ไอที กีฬา เป็นต้น ทั้งหมดเป็นเพียงบ้างส่วนซึ่งหากทำได้ก็จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับภูเก็ตได้ และล้วนแล้วแต่ท้าทายความสามารถทั้งสิ้น
ขณะที่นายวิจิตร ณ ระนอง อดีตประธานคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าภูเก็ตจะเป็นที่ยอมรับทั่วโลก แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาถือว่ายังไม่สมบูรณ์ เพราะการพัฒนามุ่งเน้นการเติบโตไปในทิศทางเดียวเท่านั้น คือ การใช้ทรัพยากร โดยไม่ได้คำนึงถึงการดูแลและรักษาเพื่อสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น
ภาพรวมการท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นมีการเติบโตที่ดีทั้งเรื่องของตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถามถึงความยั่งยืนก็ยังมีข้อกังขากันอยู่จะเหลืออะไรไว้ให้ลูกหลายบ้าง ดังนั้นการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นต่อไป จะมองเฉพาะมิติของตัวเลขหรือรายได้อย่างเดียวคงไม่พอ แต่จะต้องคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน และให้เกิดความหลากหลายด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มของโปรดักส์หรือสินค้า (ธรรมชาติ) ที่มีอยู่ ไม่ใช่เฉพาะการแก้ปัญหาน้ำเสียหรือขยะเท่านั้น แต่ต้องมาดูที่อาหารจานหลัก ซึ่งถือเป็นหัวใจและเส้นเลือดสำคัญ เพราะที่ผ่านมาเราเน้นเฉพาะเรื่องของน้ำจิ้มหรือองค์ประกอบอื่น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลกลาง ข้าราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการหรือแม้กระทั่งสื่อมวลชน
หากพูดถึงทุนมนุษย์แล้วเรายังเป็นจุดบอด หากจะให้เกิดความยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขัน นอกจากตัวสินค้าที่ดีแล้ว การบริการที่มีมาตรฐานก็เป็นส่วนสำคัญ รวมถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการเพิ่มความหลากหลายให้กับธุรกิจที่ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเป็นธุรกิจที่มาช่วยเสริมและไม่ทำลายการท่องเที่ยว เช่น บริการสุขภาพ กีฬา ไอที เป็นต้น นอกจากนี้ในส่วนของปัญหาสังคมที่เกิดจากการลอกเลียนแบบวัฒนธรรมต่างชาติ ทำให้เราอาจสูญเสียขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมด้วย