จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อบจ.ภูเก็ต จัดงาน อบจ.สัญจร


เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2554 โรงเรียนกะทู้วิทยา ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการ อบจ.สัญจร ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2555 โดยมีนางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดภูเก็ต นายขันตี ศิลปะ นายอำเภอกะทู้ นายชัยอนันต์ สุทธิกุล นายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาอบจ.ภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า กิจกรรมอบจ.สัญจร เป็นงานที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี แนวทางการบริหารจัดการท้องถิ่นยุคใหม่ ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 ของปีงบประมาณ 2555 เพื่อให้พี่น้องประชาชนในท้องถิ่นได้พบปะกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาลเมืองกะทู้ และจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมงาน รวมทั้งสิ้น 30 หน่วยงาน ซึ่งได้นำงานภารกิจ ในหน้าที่ขององค์กรมาเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ และให้บริการแก่ประชาชน เช่น ตรวจสุขภาพฟรี ทำบัตรประชาชนเด็ก แจกพันธุ์ไม้และบริการอื่นๆ อีกมากมาย อันเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
พร้อมกันนี้ภายในงาน อบจ.สัญจร ครั้งนี้ ยังจัดให้มีกิจกรรมบันเทิง เพื่อเป็นนันทนาการให้แก่พี่น้องประชาชน โดยได้ให้นักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ ได้มาแสดงออกถึงความสามารถของการเป็นนักแสดง อีกทั้งยังมีการแสดงของวงดนตรีลูกทุ่งซูเปอร์แดนซ์ และศิลปินนักร้องหลวงไก่ มาสร้างความบันเทิงและมอบความสุขให้ได้รับชมกัน นอกจากนี้ยังมี “เวทีประชาคม” เพื่อเป็นเวทีเสวนา รับฟังความคิดเห็น และปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยจะนำข้อมูลที่ได้รับไปเป็นแนวทางจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และจัดบริการสาธารณะอันเป็นประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนต่อไป
นายก อบจ.ภูเก็ต ยังกล่าวอีกว่า “ทุกครั้งที่มีงาน อบจ.สัญจร จะเห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจกันจากทุกภาคส่วน และในครั้งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่พวกเราชาวภูเก็ต ได้สร้างความร่วมมือกันในการให้บริการแก่พี่น้องประชาชน ซึ่งทุกหน่วยงานที่มาร่วมกิจกรรม ไม่ได้ทำเพียงวันเดียวแล้วเสร็จสิ้นไป แต่เราได้ทำกันมาอย่างต่อเนื่องในการให้บริการต่างๆ เพื่อพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต


รถบัสเบรกแตกตกไหล่ทางตาย 1 เจ็บเพียบ


เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 54 ร.ต.อ.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์โดยสารพลิกคว่ำมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดที่บริเวณโค้งสะตอ เนินเขาฮายาชิ ถนนปฎัก ม.4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้ประสานรถกู้ชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และขอให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย
หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤตภาศ เดชอินทรศร ผกก.พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป.พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.ร.ต.ท.วรเดช ชูเกื้อ รองสว.จร. นายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน นายธีรพงศ์ เถาว์แดง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลราไวย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เจ้าหน้าที่โรงพยายาลกรุงเทพภูเก็ต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัยและเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นทางขึ้นเขา เพื่อเดินทางไปยังหาดกะตะ-กะรน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากหาดป่าตอง โดยบริเวณดังกล่าวยังเป็นทางโค้ง เจ้าหน้าที่พบกลางถนนมีเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นลงมากองอยู่กลางถนน จำนวนมาก ห่างกันประมาณ 3 เมตร พบรถบัส หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 30-1065 สระบุรี ขนาด 30 ที่ นั่งของบริษัท BWT หรือเบสเวเบสเซอร์วิส มีนายสุทัศน์ อ้อยเป็น อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 ม.4 ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ขับขี่ บริเวณล้อหลังของรถเห็นเพลิงกำลังลุกไหม้ เจ้าหน้าที่จึงฉีดโฟมเพื่อสกัดเพลิงไม่ให้ลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 10 นาที ก็สามารถควบคุมเลพิงเอาไว้ได้ ซึ่งพบว่ารถคันดังกล่าวได้รับความเสียหายเนื่องจากไฟไหม้บริเวณช่วงท้ายของรถเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังพบรถบัสสีชมพูขาว ของบริษัท เซียน่า หมายเลขทะเบียน 32-0741 กทม. พลิกคว่ำพุ่งตกลงไปในไหล่ทางที่มีความลึกประมาณ 5 เมตร โดยภายในรถมีนักท่องท่องเที่ยวชาวจีนและคนประจำรถประมาณ 31 คน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ โดยนำคนออกจากตัวรถ โดยผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจำนวน 26 ราย เป็นคนขับ พร้อมทั้งไกค์ และพนักงานประจำรถจำนวน 5 ราย โดยทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วยโรงพยาบาลวิชิระภูเก็ต โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลสิริโรจน์ ซึ่งในระหว่างนำส่งรพ.นั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตระหว่างนำส่งรพ. 1 ราย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้การไฟฟ้าภูมิภาคตำบลกะรน ได้ตัดไฟฟ้าบริเวณดังกล่าว ซึ่งเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่เจ้าหน้าที่ที่เข้าช่วยเหลือได้ พร้อมทั้งปิดการจราจรเส้นทางถนนปฎัก ตั้งแต่วงเวียนห้าแยก ต.ฉลอง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสะดวก จากนั้นเจ้าหน้าที่ระบายรถที่จะขึ้นไปยังตำบลกะรนให้ไปใช้เส้นทางใสยวน ต.ราไวย์ แทน ทำให้รถติดยาวเหยียด เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง จึงนำรถที่ตกเหวกลับขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเล ก่อนที่จะเปิดเส้นทางดังกล่าวให้ผู้สัญจรไปมาใช้ตามปกติ
ด้าน ร.ต.อ.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุรถบัสหมายเลขทะเบียน 32-0741 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท CNR ทราเวล มีนายเอก ไม่ทราบชื่อจริง เป็นผู้ขับขี่ และรับนักท่องเที่ยวชาวจีนรวม 26 คน มาจากโรงแรมแห่งหนึ่งในตำบลกะรน เพื่อจะนำมาส่งที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ก่อนที่นักท่องเที่ยวทั้งหมดจะลงเรื่อเพื่อลงไปดำน้ำชมปะการังที่สวยงามบริเวณเกาะเฮ ม.3 ต.ราไวย์ เมื่อขับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง ทำให้รถเสียหลัก พนักงานขับรถพยามยามเหยียบเบรคเพื่อชะลอความเร็วรถ แต่เกิดเบรคแตกไม่สามารถประคับประคองรถได้ ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ หัก 2 ท่อน จนเสาไฟฟ้าล้มลงกลางถนน รถบัสคันดังกล่าวก็ชนรั้วเหล็กข้างถนนแล้วพลิกคว่ำลงไปในเหวลึกประมาณ 5 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวและพนักงานของบริษัทดังกล่าวได้รับบาดเจ็บทั้งหมด และมีผู้เสียชีวิต 1 คน
ซึ่งในระหว่างนั้นมีรถบัสหมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 30-1065 สระบุรี ของบริษัท BWT หรือเบสเวเบสเซอร์วิส มีนายสุทัศน์ อ้อยเป็น อายุ 34 ปี เป็นคนขับ ได้ขับมาจากวงเวียนห้าแยกฉลอง ต.ฉลอง เพื่อไปรับนักท่องเที่ยวที่ตำบลกะรน แต่เกิดโชคร้ายหลังคารถไปกระทบกับสายไฟฟ้าแรงสูงที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้สั่งตัดไฟฟ้า ทำให้รถเกิดไฟลุกไหม้บริเวณด้านท้ายของรถ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย หรืออีกประเด็นพนักงานขับรถไม่ชำนาญทาง จนทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนต่อไป


ประชุม 2011 Regional Forum-Game Preparation


เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต บีช รีสอร์ท นายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการประชุม 2011 Regional Forum-Game Preparation โดยมีพลตรีจารึก อารีราชการัณย์ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย นายกนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ผู้บริหารจากสภาโอลิมปิคแห่งเอเชีย คณะกรรมการประเทศสมาชิกของ โอซีเอ และสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ จำนวน 110 คน เข้าร่วม
ทั้งนี้นายกนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม 2011 Regional Forum-Game Preparation เพื่อต้องการที่จะ ปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ของกีฬาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น โดยมีประเทศในย่านเอเซียใต้ เอเซียอาคเนย์ และเอเซียตะวันออกรวม 27 ประเทศมารับทราบถึงกฎกติกาใหม่ๆ นอกจากนี้ทางประเทศเกาหลี จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 หรือ อินชอนเกมส์ 2014 ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่ ทางจังหวัดภูเก็ต ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 ปี 2014 จึงถือโอกาส มาประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมทุกๆ ด้านในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ
โดยก่อนการประชุม 2011 Regional Forum-Game Preparation ได้มีการจัดกิจกรรมแข่งขันวิ่ง Fun Run ณ บริเวณหน้าหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยวิ่งไปตามเส้นทางต่างๆ เป็นระยะ 1.7 กิโลเมตร โดยมีนักเรียนจากเขตเทศบาลเมืองป่าตอง และในอำเภอกะทู้เข้าร่วมกว่า 500 คน นอกจากนี้ ทางตัวแทนของสมาชิกประเทศ โอซีเอ ได้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งดังกล่าวด้วย สร้างความสนุกสนานและแปลกตาให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่หาดป่าตอง เพราะยังไม่เคยมีการจัดกิจกรรมการแข่งขันวิ่งอย่างนี้มาก่อน


ตักบาตรพระสงฆ์ถวายในหลวง



เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2554 ที่วัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสครบ 55 ปี แห่งการผนวช โดยมีนายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายฉัฏฐ์ปวิชญ์ จินาพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต นายธีรวุฒิ ศรีตุลารักษ์ ประธานศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเจ้าโบ้เก้ง หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชนภูเก็ต เข้าร่วม
นายฉัฏฐ์ปวิชญ์ จินาพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยรัฐบาลได้มอบหมายให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเพื่อถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบ 55 ปี แห่งการผนวช ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม 2554 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ประกอบด้วย การเจริญพระพุทธมนต์ การทำบุญตักบาตร การปฏิบัติธรรมและการจัดแสดงนิทรรศการ โดยกำหนดให้มีการประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตรพระสงฆ์ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคพร้อมกันทั่วประเทศในวันนี้ (22 ต.ค.54)


ปล่อยขบวนรถช่วยเหลือน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนนักศึกษาและรถบรรทุกสิ่งอุปโภคบริโภค โครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พื้นที่ภาคกลาง ซึ่งมี ผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รองอธิการบดี ผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา และผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เข้าร่วม
โครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พื้นที่ภาคกลาง ในครั้งนี้ จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2554 ซึ่งเหล่าผู้นำนักศึกษาและนักศึกษาได้รวมตัวกัน สร้างสุขาเคลื่อนที่ จำนวน 100 ชุด เดินรับบริจาคสิ่งของ บรรจุสิ่งของ โดยขบวนนักศึกษาออกเดินทางไปยังวัดหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 21 ตุลาคม 2554 และเดินทางกลับมาถึงมหาวิทยาลัย ในวันที่ 23 ตุลาคม 2554 ทั้งนี้ เหล่านักศึกษาจำนวน 45 คน ซึ่งมีจิตอาสาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตรงตามอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย “คุณธรรม สู้งาน จิตอาสา” ได้แบ่งออกเป็น 5 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายประกอบอาหาร 10 คน ฝ่ายบรรจุกล่อง 10 คน ฝ่ายดูแลผู้ประสบภัย 10 คน ฝ่ายนันทนาการ 10 คน และฝ่ายแจกจ่ายสิ่งของต่างๆ 15 คน โดยการดำเนินงานในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก จังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานเหล่ากาชาดภูเก็ต
นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตได้จัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์ ทั้งแก่นักศึกษา และสังคมมาโดยตลอด ซึ่งการดำเนินกิจกรรมของนักศึกษาที่นำสิ่งดีๆ จากพี่น้องชาวภูเก็ต ไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคกลางครั้งนี้ จะเป็นความดีที่เกิดพลังอย่างมหาศาล ทั้งนี้ จึงต้องขอขอบคุณอธิการบดี คณะบดี และผู้นำนักศึกษาทุกคน ที่รวมพลังทำให้เกิดจิตอาสาขึ้นมา ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ที่มีส่วนในการประชาสัมพันธ์ จัดทำโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และในโอกาสนี้ขอให้ทุกท่านดำเนินการทุกอย่างได้ราบรื่น เดินทางอย่างปลอดภัย และได้รับแต่สิ่งดีๆ โดยทั่วกัน

ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขัน “นครตรังเกมส์”

ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขัน “นครตรังเกมส์”
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2554 ที่ห้องประชุมสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวให้โอวาทนักเรียนโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จำนวน 50 คน ที่จะร่วมเดินทางไปแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบคัดเลือก ระดับภาคใต้ ครั้งที่ 29 ประจำปี 2554 ณ จังหวัดตรัง ซึ่งใช้ชื่อการแข่งขันว่า “นครตรังเกมส์” โดยกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2554
นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีต่อนักเรียนทุกคน ที่ได้เป็นตัวแทนนักกีฬาในทีมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งคนเป็นนักกีฬาจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถ มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังนั้น จึงถือเป็นความสำเร็จของนักเรียนที่มีความสามารถดีเด่น และสามารถเป็นตัวแทนของ อบจ.ภูเก็ต ในการนี้ ขอให้นักเรียนมีความภูมิใจ และเป็นตัวแทนที่ดีของ อบจ.ภูเก็ต ขอให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย นำชื่อเสียงกลับมาสู่ อบจ.ภูเก็ต เพื่อการกีฬาที่ก้าวหน้าของจังหวัดภูเก็ตสืบไป และในโอกาสนี้ ต้องขอขอบคุณคณะครู ผู้ฝึกสอน รวมถึงพ่อแม่ และผู้ปกครองทุกท่านที่สามารถทำให้นักเรียนได้มีวันนี้”
โครงการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนในสังกัด อบจ. มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เกิดความรักความสามัคคีในหมู่เหล่า ได้มีโอกาสทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และเพื่อร่วมคัดเลือกตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาคใต้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศต่อไป ทั้งนี้ ในการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งที่ 28 “เมืองทุ่งสงเกมส์” ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช นั้น นักกีฬานักเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ทำผลงานได้ 3 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง


วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วางพานพุ่มถวายความเคารพสมเด็จย่า



เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ที่บริเวณพระราชานุสาวรีย์ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สด ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินาทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ และโอกาสครบรอบ 10 ปี อาสาสมัครสากล ปี 2554 โดยมี นางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกอบจ.ภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ข้าราชการ หน่วยงานเอกชนต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมพิธี
การจัดพิธีวางพุ่มดอกไม้สด ถวายความเคารพพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ที่ได้ทรงบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อน โดยมิเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย
และเนื่องในโอกาสที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ปี 2554 เป็นโอกาสครบรอบ 10 ปี อาสาสมัครสากล จึงได้จัดให้มีพิธีมอบประกาศเกียรติคุณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครดีเด่นในด้านการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม โดยทาง อบจ.ภูเก็ตได้รับประกาศเกียรติคุณด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่น ผู้ส่งเสริมกิจกรรมอาสาสมัครตามโครงการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการในชุมชนจังหวัดภูเก็ต จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย

อบจ.ภูเก็ต ตั้งงบ 1.65 ล.เป็นทุนการศึกษาปี 55




 
นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวถึงการเตรียมการแจกทุนการศึกษาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ประจำปีงบประมาณ 2555 ว่า เนื่องด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้มีนโยบายที่จะส่งเสริมสนับสนุนเด็กและเยาวชนในจังหวัดภูเก็ตให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและทัดเทียม ประกอบกับอำนาจหน้าที่ในเรื่องการส่งเสริมการพัฒนา ส่งเสริมการพัฒนา เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสตลอดจนให้ประชาชนได้รับการศึกษาอบรม โดยให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน นักศึกษาที่ด้อยโอกาส
โดยในปีงบประมาณ 2554 งบประมาณตั้งไว้ 600,000 บาท โอนเพิ่มเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2554 เป็นเงิน 592,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,192,500 บาท ซึ่งเป็นทุนการศึกษาระดับการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จำนวน 20 ทุน ทุนละไม่เกิน 7,500 บาท มีผู้มาสมัครจำนวน 7 ทุน และทุนการศึกษาระดับการศึกษาปริญญาตรี จำนวน 30 ทุนๆ ละไม่เกิน 15,000 บาท มีผู้มาสมัครจำนวน 76 ทุน รวมผู้ได้รับทุนการศึกษาทั้งสิ้น 83 ราย ส่วนโครงการทุนการศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2555 งบประมาณตั้งไว้ 1,650,000 บาท เป็นทุนการศึกษาระดับการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จำนวน 20 ทุน ทุนละไม่เกิน 7,500 บาท และทุนการศึกษาระดับการศึกษาปริญญาตรี จำนวน 100 ทุนๆ ละไม่เกิน 15,000 บาท
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครขอรับทุน จะต้องเป็นผู้ที่บิดา หรือมารดา หรือผู้ปกครอง มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับถึงวันสมัคร เป็นเด็กยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสที่บิดา มารดา มีรายได้รวมกันไม่เกินปีละ 200,000 บาท กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาของรัฐ เป็นผู้ที่มีผลการเรียนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 ของปีการศึกษาที่ผ่านมา เป็นผู้มีความประพฤติดี ไม่ฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับของสถานศึกษาขั้นร้ายแรง ต้องไม่เป็นผู้ได้รับทุนการศึกษาอื่นใดในปีที่ยื่นคำขอรับทุน และต้องไม่เป็นบุตรของข้าราชการที่มีสิทธิเบิกได้ตามระเบียบ โดยผู้สมัครขอรับทุน สามารถยื่นใบสมัครได้ในระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม 2554 ณ กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.ภูเก็ต ในวันและเวลาราชการ หรือดาวน์โหลดได้ทางเว็บไซต์กองการศึกษาฯ ที่ http://edu.phuketcity.org/

การประชุมเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5



เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2554 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมปอง ทองผ่อง รองอธิการบดีมหาวิทยาสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษาในประเทศไทย ครั้งที่ 5 ในหัวข้อ “ญี่ปุ่นศึกษากับการพัฒนาที่ยั่งยืน (Japanese Studies and Sustainable Development)” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2554 โดยได้รับการสนับสนุนจาก Japan Foundation สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ผ่านโครงการสันติไมตรีไทย – ญี่ปุ่น (Japan Watch Project) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคมวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่นในการพัฒนาประเทศตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะสามารถนำความรู้ที่ได้จากการระชุมครั้งนี้ไประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศต่อไป
รศ.ดร.ศิริพร วัชชวัลคุ ประธานเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษาในประเทศไทย ได้กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้มีหลักของเครือข่ายมี 3 ประการ คือ เพื่อให้เป็นเวทีสำหรับพบปะหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักวิชาการที่ศึกษาและให้ความสนใจเรื่องญี่ปุ่นศึกษา เพื่อเป็นตัวแทนของนักวิชาการญี่ปุ่นได้มาศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ในประเทศไทย และการติดต่อสัมพันธ์กับเครือข่ายหรือองค์กรรูปแบบเดียวกันในต่างประเทศ และเพื่อเป็นแหล่งรวบรวมความรู้และประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่นในด้านต่าง ๆ ด้วย สำหรับกิจกรรมหลักมี 3 ประการ คือ จัดประชุมวิชาการประจำปี จัดหาสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ และจัดทำเว็บไซต์เพื่อเป็นศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสาร ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของเครือข่าย รวมทั้งการเป็นแหล่งข้อมูลเรื่องญี่ปุ่นด้วย
สำหรับการประชุมวิชาการในครั้งนี้ มีผลงานจากนักวิชาการและนักศึกษาของสถาบันต่างๆ โดยผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ และร่วมนำเสนอรวมทั้งสิ้น 51 บทความ ซึ่งประกอบด้วยบทความด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านการเรียนการสอน การศึกษา ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม รัฐศาสตร์ สังคมวิทยา สังคมศาสตร์ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ผลงานเหล่านี้จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกตีพิมพ์เป็นเอกสารหลังการประชุมเพื่อเผยแพร่ต่อไป

ชาวภูเก็ตร่วมงานวันรวมน้ำใจช่วยผู้ประสบภัย



เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2554 ที่บริเวณสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ร่วมรับสิ่งของบริจาคจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่องานวันรวมน้ำใจ “ชาวภูเก็ตร่วมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม” โดยมี นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชนในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
ทั้งนี้นายตรี ได้กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยกระจายไปในหลายๆ จังหวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ ถือได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตและรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นสร้างความเสียหายในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภาคกลาง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน ทรัพย์สินและบ้านเรือน พืชผลทางการเกษตร ระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
แม้ว่ารัฐบาลได้ผนึกกำลังทุกภาคในการดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และระดมสรรพกำลังทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรเอกชน และประชาชนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ระงับยับยั้ง แก้ไขปัญหาให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนการรณรงค์ให้ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์และสิ่งของให้การช่วยเหลือ และจัดให้มีการป้องกันพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) ณ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ สนามบินดอนเมือง เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการและบูรณาการภาครัฐและเอกชนในการอำนวยการ และปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แต่เนื่องจากปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้ เป็นภัยยิ่งใหญ่ที่ประเทศไทยยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับภาวะน้ำท่วมขังที่มีพื้นที่กว้างขวาง และยาวนานเช่นนี้ ลำพังรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐยากที่จะช่วยเหลือเยียวยาได้ ต้องประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกำลังใจจากพี่น้องร่วมชาติ
นายตรี กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่จังหวัดภูเก็ต เคยประสบภัยพิบัติสึนามิมาก่อน และที่ผ่านมาก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ จึงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ดังนั้นเมื่อพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นจำนวนมาก ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรการกุศลและประชาชน จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย แม้ว่าการรับบริจาคบางส่วนจะได้มีการจัดส่งไปช่วยเหลือบ้างแล้วก็ตาม แต่เพื่อเป็นการสร้างพลังและร่วมส่งแรงใจไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย จึงได้จัดกิจกรรมใหญ่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับยอดบริจาคในส่วนของเงินสดและเช็คในเบื้องต้นมียอดเงินบริจาคอยู่ที่ 2,157,771 บาท สิ่งของอุปโภคบริโภคที่ทุกภาคส่วนนำมาบริจาคอีกประมาณ 5 ล้านบาท
นอกจากนี้นายตรี ยังได้เป็นประธานในการปล่อยขบวนรถ 6 ล้อบรรทุกน้ำดื่มจำนวน 250,000 ขวด ที่ผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่ตำบลกะรนร่วมกันบริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้ว