จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

จยย.ชนกัน 3 คัน ตาย 1 เจ็บ 3




เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 ร.ต.อ.เชียรชัย ดวงสุวรรณ ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถสามล้อพ่วงมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และมีผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 ราย เหตุเกิดที่หน้าร้านอาหาร “ชื่อลำซิ่งไฮโซ”ถนนปฎัก ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย 

ที่เกิดเหตุ เป็นทางโค้งที่บริเวณไหลทางฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมืองภูเก็ต พบรถจักรยานยนต์แบบสามล้อพ่วง ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นเวฟ หมายเลขทะเบียน กพร – 481 ภูเก็ต สภาพด้านท้ายรถถูกชนเสียหาย เจ้าหน้าที่พบร่างของน.ส.เกวดี ใจหลัก ได้รับบาดเจ็บบริเวณขา นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังพบรอยครูดเป็นทางยาวประมาณ 10 เมตรและรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นคลิ๊ก ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน 10-968 ล้มอยู่ 1 คัน พบศพเป็นสาวชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ นอนเสียชีวิตอยู่ 1 คน ใกล้กันพบชายชาวต่างชาติ นอนหมดสติอยู่ ห่างกันเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์จอดล้มอยู่ 1 คัน และพบนายศิริวัฒน์ พัฒกอ ซึ่งเป็นเจ้าของได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรพ.วชิระ และรพ.สิริโรจน์ ภูเก็ต เพื่อให้แพทย์และพยาบาลช่วยปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 เป็นการด่วน

ทั้งนี้จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ก็ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 คน (สามี-ภรรยา) ได้ขับรถจักรยานยนต์มาจาก ต.กะรน เพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่วงเวียนห้าแยกฉลอง เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้ง ประกอบกับมีรถจักรยานยนต์สามล้อพ่วง ซึ่งจอดขายลูกชิ้นอยู่ข้างถนน ทำให้นักท่องเที่ยวซึ่งขับจักรยานยนต์มาชนเข้าที่ท้ายรถสามล้อพ่วงและด้วยความเร็วทำให้รถไถลไปฝั่งตรงข้ามไปชนกับรถจักรยานยนต์ที่นายศิริวัฒน์ พัฒกอ ขับมาจากวงเวียนห้าแยกฉลอง เพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่ ต.กะรน อย่างจัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

รพ.อบจ.ภูเก็ต เปิดรับคนไข้ประกันสังคม

คุณดาราวรรณ จินดา ผู้จัดการศูนย์สิทธิประโยชน์ โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ได้เปิดให้บริการผู้ป่วยใช้สิทธิประกันสังคมแล้ว ซึ่งตอนนี้สามารถรับผู้ป่วยประกันสังคมได้จำนวน 35,000 คน พร้อมกันนี้ ทางโรงพยาบาลได้เปิดให้คนไข้ประกันสังคมเปลี่ยนสิทธิสถานพยาบาลมาใช้บริการที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ตได้ โดยสามารถแจ้งสิทธิโอนย้ายได้ที่โรงพยาบาล สำนักงานประกันสังคม หรือที่ฝ่ายบุคคลของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2555
ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนท่านใดสนใจจะเปลี่ยนสถานพยาบาลก็สามารถแจ้งได้ตามสถานที่ดังกล่าว สำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ทางโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ก็เปิดรับบริการทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต ซึ่งไม่ว่าคนไข้จะมีบัตรทองของโรงพยาบาลใด ก็สามารถมาใช้สิทธิรักษาได้ที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ส่วนผู้ป่วยที่เป็นข้าราชการ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ทำฎีกาเบิกจ่ายตรง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุจากรถ ก็สามารถเบิกได้ในส่วนของบริษัทต่างๆ เกือบทุกบริษัท ซึ่งรักษาเป็นผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยในได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย สำหรับประกันชีวิตก็เปิดให้บริการแล้วกว่า 50 บริษัท โดยคนไข้ไม่ต้องสำรองจ่ายเช่นเดียวกัน
คุณดาราวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ได้เปิดให้บริการผู้ป่วยใน เฟสแรก จำนวน 129 เตียง และเปิดให้บริการห้องพิเศษ ซึ่งมีทั้งห้องวีไอพี และห้องเดี่ยว ในบรรยากาศที่เป็นซีวิวแล้ว ล่าสุดนี้ ทางโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ยังได้เปิดห้องพักสามัญรวม โดยมีเครื่องปรับอากาศ ภายในบรรยากาศที่โปร่ง โล่งสบาย ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากท่านใดสนใจตรวจสุขภาพ ก็ขอเชิญได้ที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ซึ่งเราพร้อมทั้งแพทย์ และเครื่องมืออันทันสมัย ยินดีให้บริการพี่น้องประชาชนทุกท่าน”




“ทีเอสแอล” ทุ่ม 30 ล. เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการที่ภูเก็ต



เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2555 โชว์รูมและศูนย์บริการบริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต คณะผู้บริหารบริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ร่วมกันเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ สาขาภูเก็ต อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งการแสดงแบบของนางแบบชื่อดัง โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานจำนวนมาก
น.ส.สุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้ใช้งบจำนวนประมาณ 30 ล้านบาท เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งได้มีการเปิดอย่างเป็นทางการไปแล้ว ทั้งนี้เป็นผลมาจากการทำโรดโชว์และการศึกษาวิจัยตลาด พบว่า ภูเก็ตเป็นเมืองเศรษฐกิจและมีกำลังซื้อสูง ประกอบกับมีฐานลูกค้าบางส่วน จึงได้ตัดสินใจลงทุนดังกล่าว และวางแผนในการให้ภูเก็ตเป็นฮับในด้านการบริการของพื้นที่ภาคใต้ โดยตั้งเป้าหมายยอดการจำหน่ายเดือนละประมาณ 20 คัน
“โชว์รูมและศูนย์บริการภูเก็ต เป็นสาขาที่ 4 ของทีเอสแอล ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 3 ไร่ และมีพื้นที่ใช้สอย 2,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ โชว์รูมจำหน่าย ศูนย์บริการ ศูนย์ขัด-เคลือบสีรถและตัวถัง พร้อมยนตรกรรมสุดหรู ไม่ว่าจะเป็น เบนท์ลีย์,ปอร์เช่ พานาเมร่า และรุ่นคาร์เรร่า 911 โดยในส่วนศูนย์บริการ สามารถรองรับลูกค้าได้วันละกว่า 20 คัน ซึ่งในการทำตลาดรถในภาคใต้ โดยภูเก็ต พบว่าลูกค้าจะมีความชอบที่ไม่แตกต่างจากที่กรุงเทพฯ ดังนั้นการนำรถเข้ามาโชว์รูมและจำหน่ายจำเป็นต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเช่นกัน โดยจะเป็นรถยุโรป 70% และรถญี่ปุ่น 30%”
น.ส.สุรีย์ภรณ์ กล่าวด้วยว่า การเปิดโชว์รูมในต่างจังหวัดนั้นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการขยายฐานลูกค้าในปี 2555 ให้กว้างมากขึ้น นอกจากการทำโรดโชว์พบปะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี รวมทั้ง ยังมีกิจกรรมการตลาดและการขายที่เข้มข้นตลอดทั้งปี เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างแก่ผู้บัตรมิราเคิล การ์ด ทั้งความสะดวกเรื่องสถานที่จอดรถ ส่วนลดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร สถานเสริมความงาม โรงพยาบาล เป็นต้น จนสามารถพูดได้ว่าทีเอสแอลเป็นรายแรกของบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าอิสระที่กล้าลงทุนเพื่อลูกค้าอย่างจริงจัง ยิ่งกว่านั้นยังได้จัดแคมเปญ “Miracle Card Prepaid Package” ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์กับค่ายอื่นๆ สามารถเข้ารับบริการกับศูนย์บริการ SMRT ได้ เพื่อเป็นทางเลือกในการตอบสนองความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษอื่นๆ มายกมาย

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ภูเก็ตโบ๊ทลากูน เปิด “ตลาดท้ายเรือ”



นายบุญ ยงสกุล เจ้าของโครงการตลาดท้ายเรือ หรือ Boat Lagoon Weekend market เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพของพื้นที่มารีน่าโบ๊ทลากูนซึ่งให้บริการจอดเรือยอช์ท ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับพื้นที่ ประกอบกับมองเห็นว่าใน จ.ภูเก็ตยังขาดพื้นที่สำหรับพบปะของกลุ่มคนรักเรือ จึงมีแนวคิดในการจัดทำตลาดท้ายเรือ หรือ Boat Lagoon Weekend market ขึ้น
ที่บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าทางเข้ามารีน่าโบ๊ทลากูน เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่เศษ ให้มีความคึกคักและเป็นการเพิ่มสีสันในวันหยุดสุดสัปดาห์ และหวังว่าในอนาคตพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นอีกหนึ่งทำเลทองทางธุรกิจ โดยจะทำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบตลาดท้ายเรือ ด้วยการสร้างอาคารค้าปลีกที่ทันสมัย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในภูเก็ตโบ๊ทลากูนและละแวกใกล้เคียง
“พื้นที่ของตลาดท้ายเรือ เน้นการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าเกี่ยวกับมารีน่า ภายใต้แนวคิดแหล่งช้อปปิ้งกลางสวนสวย ผสมผสานกับความหลากหลายของสินค้า ด้วยการระดมพันธมิตรผู้ค้า ผู้ผลิต ผู้พัฒนา และเจ้าของสินค้าเกี่ยวกับเรือ อุปกรณ์เรือ อะไหล่และของตกแต่งเรือ สินค้าตกแต่งบ้านมือสอง แฟชั่น ศูนย์อาหารและบาร์กลาง เพื่อเพิ่มช่องทางใหม่ ให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย สวน นอกจากนี้ยังมีเวทีกลางแจ้งซึ่งจะมีการแสดงสดจากเหล่าศิลปินไทยและเทศ ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ในระหว่างเวลา 15.00-22.00 น.โดยจะเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 10- วันอาทิตย์วันที่ 11 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป”
นายบุญ กล่าวด้วยว่า การเปิดตลาดท้ายเรือนั้นเป็นการนำแนวคิดของตลาดที่บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในระดับท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้มาเยือนมาเป็นต้นแบบ โดยปรับให้เข้ากับความเป็นท้องถิ่นและวัฒนธรรมแบบผสมผสานของเกาะภูเก็ต
ซึ่งภายในตลาดท้ายเรือจะประกอบด้วยโซนสินค้าขนาดใหญ่สำหรับเรือ โซนอุปกรณ์และของตกแต่งเรือ โซน Garage Sales ซื้อขายแลกเปลี่ยนของตกแต่งบ้านและอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านมือสอง ศูนย์อาหารนานาชาติ มีเป้าหมายที่จะเปิดรับบูธจำนวน 70 บูธ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ขณะนี้มีจองเข้ามาแล้ว จำนวน 50 บูธ แต่คาดว่าน่าจะเปิดเพิ่มเป็น 100 บูธ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลัก เน้นลูกค้าชาวต่างชาติที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรือเป็นหลักประมาณ 50% รองลงมาเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย และคนในท้องถิ่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงภูเก็ตโบ๊ทลากูน

ตัวแทนซอยกิ่งแก้ว ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม



เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวชุมชนกิ่งแก้ว หมู่ที่ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนายสุรศักดิ์ อุดม ประธานชุมชนกิ่งแก้ว และนายประวิทย์ รัตนพันธ์ ตัวแทนของชุมชนฯ กรณีมีผู้นำหลักฐาน สค.1 เลขที่ 13 หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ มายื่นให้ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตทำการรังวัดขอออกโฉนด เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยอยู่จำนวนประมาณ 2,000 คน ด้วยเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรม พร้อมกันนี้ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเพื่อให้มีการตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริง และพิสูจน์สิทธิ ถึงนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผ่านทางโฆษกกระทรวงมหาดไทยด้วย โดยมีนายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล
สำหรับที่ดินซอยกิ่งแก้วนั้นนายปรีดา อุดมทรัพย์ ได้นำหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 13 หมู่ที่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ 300 ไร่ มีชื่อนางสดสี อุดมทรัพย์ เป็นผู้แจ้งครอบครอง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2498 สภาพที่ดินเป็นสวนจาก ได้มาโดยการสับสร้างเมื่อปี 2467 ยื่นขอรังวัดออกโฉนดที่ดินตามคำขอฉบับที่ 20483/2548 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2548 ได้รังวัดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2548 เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีผู้บุกรุกเข้าอยู่อาศัย จึงทำให้ในวันรังวัดผู้ขอไม่สามารถนำชี้ได้ เพราะมีผู้บุกรุกจำนวนมาก่อต้านคัดค้าน ผู้ขอจึงได้ของดรังวัดและเลื่อนการรังวัดใหม่ ต่อมาผู้ขอได้มาติดต่อและขอนัดรังวัดใหม่ สำนักงานที่ดินจังหวัดจึงได้นัดรังวัดในวันที่ 19 มกราคม 2555 แต่เนื่องจากมีผู้บุกรุกเข้าอยู่อาศัยในที่ดินแปลงนี้และได้ขัดขวางการรังวัด ผู้ขอไม่สามารถเข้าไปนำชี้แนวเขตได้ จึงของดรังวัดไว้ก่อน และได้มีการนัดรังวัดใหม่ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งผู้ขอไม่ได้มารับช่วงรังวัดแต่อย่างใด ทั้งนี้ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบระวางแผนที่แล้วปรากฏว่า ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองบางชีเหล้า-คลองท่าจีน ซึ่งได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 16 (พ.ศ.2501) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่าพุทธศักราช 2481 แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าแปลงที่ผู้ขอนำมารังวัดกับ ส.ค.1 เป็นแปลงเดียวกันหรือไม่ เนื่องจากการรังวัดตรวจสอบยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่ได้ทำการรังวัด จึงยังไม่สามารถทราบแนวเขตที่แน่นอนได้
นายพิพัฒน์ชัย กล่าวภายหลังรับฟังข้อมูลและคำชี้แจงว่า จากที่ได้รับฟังข้อมูลของทางชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ดิน ก็ได้ให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการในการลงไปตรวจสอบรังวัดร่วมกับทางสำนักงานที่ดินเพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยให้ชาวบ้านซึ่งมี 3 กลุ่มส่งตัวแทนมากลุ่มละ 1 คน ตัวแทนของผู้ยื่นคำขอรังวัด 1 คน ตัวแทนจากทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวแทนของตน 2 คน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และจะได้ชัดเจนว่าเอกสารที่นำมายื่นขอออโฉนดนั้นถูกต้องหรือไม่ โดยทางชาวบ้านขอเวลา 15 วันในการไปตั้งตัวแทนเข้ามานับจากวันนี้ (24 ก.พ.55) จากนั้นก็จะได้ลงไปตรวจสอบรังวัด ซึ่งหากผลการพิสูจน์จะออกมาเป็นเช่นไรก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายประวิทย์ รัตนพันธ์ ตัวแทนของชุมชนฯ กล่าวว่า พื้นที่บริเวณซอยกิ่งแก้วนั้นมีจำนวนประมาณ 500 ไร่ แต่ที่มีการขอออกโฉนดนั้นประมาณ 300 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากประมาณ 2,000 คน และอยู่อาศัยกันมาเป็นเวลานานแล้ว ด้วยเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรม แต่ไม่เข้าใจว่ามีผู้มีเอกสารสิทธิได้อย่างไร จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบให้ชัดเจน รวมทั้งขอให้เข้าไปดูแลเรื่องของสาธารณูปโภคต่างๆ ด้วย
ขณะที่นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ยังคงไม่สามารถสรุปได้จนกว่าจะได้เข้าไปดำเนินการรังวัดแนวเขต เพื่อจะได้ตรวจสอบว่า หลักฐาน ส.ค.1 ที่มีการนำมาแสดงนั้นเป็นแปลงเดียวกับที่ชาวบ้านอาศัยอยู่หรือไม่ ซึ่งเมื่อดำเนินการตรวจรังวัดแล้วเสร็จ ก็จะได้ตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


ทรภ.3 เพิ่มเข้มรอยต่อชายแดนฝั่งทะเลอันดามัน



พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวถึงการเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายในพื้นที่รับผิดชอบชายฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วยภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูลและระนอง ว่า ทางหน่วยเหนือได้สั่งการชัดเจน โดยเฉพาะทางทะเล ให้ทัพเรือภาคที่ 3 เข้าไปกำกับดูแลและตรวจตราพื้นที่ทางทะเลมากขึ้น โดยจัดให้มีการตรวจเยี่ยมเรือต่างๆ ที่เข้ามาบริเวณตะเข็บชายแดน เช่น จ.ระนอง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดหมู่เรือเพิ่มเติมและส่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้าไปกำกับดูแลหมู่เรือ ทั้งพื้นที่ตอนเหนือบริเวณ จ.ระนอง และพื้นที่ตอนล่างบริเวณ จ.สตูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิผลมากขึ้น

“ในทางการข่าวได้มีการประสานกับหน่วยข่าวกรองของหน่วยงานความความมั่นคงในทุกระดับ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่อ่อนไหว เพราะหากเกิดภัยคุกคามในลักษณะดังกล่าวขึ้นก็จะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก”
พล.ร.ท.ธราธร กล่าวด้วยว่า ในการปฏิบัติงานนั้นได้มีการผนึกกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทางเรือ ซึ่งมีเรือรบลาดตระเวน กำลังทางบก หน่วยนาวิกโยธินหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลอันดามัน และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ประสานงานด้านการข่าว เพิ่มมาตรการตรวจลาดตระเวนอย่างเข้มข้นครอบคลุมทะเลอันดามัน โดยเฉพาะการเข้าออกตามตะเข็บชายแดน เขตรอยต่อในประเทศพม่า อินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาก่อการร้ายในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการจัดลาดตระเวนทางอากาศร่วมกับเพื่อนบ้านทั้ง 4 ประเทศด้วย
ส่วนกรณีของเรือสำราญกีฬาหรือเรือยอช์ทที่เข้ามาในพื้นที่ จ.ภูเก็ตที่มีจำนวนค่อนข้างมากนั้น พล.ร.ท.ธราธร กล่าวว่า ในการผ่านเข้า-ออกเมืองนั้นก็จะมีกฎหมายควบคุมดูแลเรื่องของจุดผ่านแดนอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของภูเก็ตนั้นเรือที่เข้า-ออกก็จะต้องมีการแจ้งตรวจลงตราเข้าเมืองที่บริเวณอ่าวฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลในลักษณะวันสต๊อบเซอร์วิส เช่น ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร เป็นต้น ส่วนกรณีที่อาจจะมีเรือบางลำที่ลักลอบหรือเล็ดลอดเข้ามานั้นก็มีความเป็นห่วงอยู่เช่นกัน ซึ่งก็ได้จัดกำลังตรวจตราและลาดตะเวนเพิ่มเติม ซึ่งมีการตรวจพบอยู่บ้างแต่ไม่มากนักส่วนใหญ่จะปฏิบัติถูกต้อง รวมทั้งการขอความร่วมมือจากส่วนราชการอื่นๆ ในการเพิ่มความเข้มการตรวจตราให้มากขึ้น


อาชีวศึกษาภูเก็ตเปิดจำหน่ายมาสคอต



เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสุนทร พลรงค์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต พร้อมด้วยนายวิรัช พาที ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต คณะครู นักเรียน นักศึกษา ได้ร่วมกันเปิดตัวมาสคอต การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 “ภูเก็ตเกมส์” เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การจัดการแข่งขันดังกล่าว
ทั้งนี้นายสุนทร กล่าวว่า ตามที่จังหวัดภูเก็ต จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 “ภูเก็ตเกมส์” ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม – วันที่ 5 มิถุนายน 2555 และแต่งตั้งให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจัดจำหน่ายมาสคอตที่ระลึก “มักกรฮ้ายเหล็ง” เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เยาวชนและประชาชนจังหวัดภูเก็ต ตื่นตัวและมีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ในครั้งนี้นั้น ขณะนี้ทางวิทยาลัยได้มีการวางแผนที่จะจำหน่ายมาสคอตที่อยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน 30,000 ตัว อย่างเป็นระบบโดยจะมอบหมายให้อาจารย์ และนักศึกษาแผนกการขายและการตลาดออกไปจำหน่ายให้กับประชาชนทุกภาคส่วน
นอกจากนั้นได้ประสานกับสถานประกอบการต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ทั้งโรงแรม ภัตตาคาร และร้านค้าต่างๆ เพื่อที่จะวางประชาสัมพันธ์แล้วก็จำหน่ายมาสคอต อีกส่วนหนึ่งจะขอความอนุเคราะห์จาก หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนในจังหวัดภูเก็ต พังงา และจังหวัดกระบี่ เพื่อขอรับการสนับสนุน ก็คาดว่าจะจำหน่ายได้ตามเป้า ซึ่งถ้าจำหน่ายได้มาก ส่วนหนึ่งก็จะเป็นการประชาสัมพันธ์กีฬาเยาวชนในครั้งนี้ และส่วนหนึ่งรายได้ทั้งหมดจะนำเข้ากองสิทธิประโยชน์ที่จะมาช่วยทำให้การจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติภูเก็ตเกมส์ครั้งที่ 28 มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับมาสคอตมี 2 ราคา คือราคาตัวละ 250 บาท และ 350 บาท อย่างไรก็ตามถ้าหากองค์กรใดให้ความสนใจที่จะมัสคอตไปจำหน่าย สามารถติดต่อได้ที่งานประชาสัมพันธ์วิทยาลัยอาชีวศึกษา
ด้านนายวิรัช พาที ผอ.กกท.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 ภูเก็ตเกมส์ ขณะนี้ในส่วนของการประชาสัมพันธ์ ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดได้มีการดำเนินการในการติดตั้งป้าย ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า มาต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ส่วนในเรื่องของงบประมาณขณะนี้ ก่อนเดือน เม.ย.55 งบประมาณทั้งหมดจะลงตัว คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 120 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถพิจารณาได้ เนื่องจากว่ายังไม่ได้เบ็ดเสร็จในเรื่องของงบที่จะให้กับคณะกรรมการแต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตามในส่วนของงบประมาณที่เกินอยู่ประมาณ 30 กว่าล้านบาทจะทำอย่างไรเพื่อให้อยู่ในงบประมาณที่เรามีอยู่ ขณะนี้คณะกรรมการก็ดูอยู่
ขณะที่ในเรื่องของการประชุม ขณะนี้ได้รับแจ้งจากการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งประเทศไทยว่า การประชุมเรื่องของการสำรวจสนามจากคณะกรรมการสมาคม กีฬาต่างๆ จะเดินทางลงมาระหว่างวันที่ 18-19 เม.ย.55 และในระหว่างวันที่ 20-21 เม.ย.55 ก็จะมีคณะกรรมการโอซีเอ หรือไอโอซี เดินทางลงมาประชุม และดูสนามการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ด้วย ก็จะเป็นการทำงานควบคู่กันไป เพราะว่าคณะกรรมการชุดนี้จากสมาคมแห่งประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นวอลเล่ย์บอล ฟุตบอล จะต้องเป็นคณะทำงานของเอเชียนบีชเกมส์ด้วย จึงเป็นการมาประชุมในคราวเดียวกัน
นอกจากนี้ในวันที่ 26 เม.ย.55 จะเป็นการประชุมอำนวยการแสดงความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตที่จะเดินทางไปร่วมประชุมที่กรุงเทพฯ ร่วมกับคณะกรรมการจากส่วนกลาง คือการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยทางจังหวัดจะเตรียมผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่พัก ฝ่ายเทคนิค และอำนวยการจัดการแข่งขันนำทีมโดยผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางไปเพื่อที่จะนำเรียนในเรื่องความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต และหลังจากนั้นในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ก็จะต้องเตรียมที่จะแถลงความพร้อมในวันที่ 25 พ.ค.55 ซึ่งจังหวัดภูเก็ตจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
นายวิรัช กล่าวถึงเรื่องที่พักนักกีฬาและทีมงานทั้งหมดด้วยว่า ในเรื่องของที่พัก ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะจัดให้กี่ห้อง เบื้องต้นทราบแน่นอน นักกีฬาทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางเข้ามา ประมาณ 14,000 คนเพราะฉะนั้นเรื่องที่พักจะต้องกระจายเป็นสองส่วน ส่วนที่ 1 คือสถาบันการศึกษา และอีกส่วนเป็นโรงแรม คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ตามภาพรวมตอนนี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือนเศษ มีความพร้อมด้านต่างๆ แล้วตอนนี้ประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ 








พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่กะทู้รับมอบก้อนแร่ขนาดใหญ่

นายอรรถพงษ์ จันทรัตนวงศ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ตได้กล่าวถึงการรับบริจาคก้อนแร่ว่า ตามที่ทางเทศบาลเมืองกะทู้ได้เปิดพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ การทำเหมืองแร่การทำเหมืองแร่ดีบุก แห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดภูเก็ต โดยรวบรวมเครื่องมือ เครื่องจักรสมัยโบราณ และการจำลองการทำเหมืองแร่ดีบุกในยุคต่างๆ เพื่อบริการแก่นักเรียน นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยเปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.
รองนายกยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางพิพิธภัณฑ์ได้รับจากบริจาคก้อนแร่ดีบุก น้ำหนัก 4 เมตริกตัน จากบริษัท เหมืองแร่ภูเก็ต จำกัด จังหวัดยะลา โดยคุณบัณฑิต ตันติวิท ได้มอบก้อนแร่ดีบุกให้พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต เพื่อจัดแสดงให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้แก่นักเรียน นักศึกษา ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปได้ชม และก้อนแร่ที่ได้รับในครั้งนี้คาดว่า จะเป็นก้อนใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันยกแก่การพบเห็น ทางพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ตจะดำเนินการส่งหนังสือถึง Guinness World Records เพื่อบันทึกสถิติก้อนแร่ดีบุกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
สำหรับอัตราค่าเข้าชมภายในพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่กะทู้นั้น หากเป็นชาวต่างชาติ มีค่าใช่จ่ายจำนวน 100 บาท สาวนชาวไทย มีค่าใช้จ่ายจำนวน 50 บาท เด็กต่างชาติ (ต่ำกว่า 15 ปี) 50 บาท เด็กไทย (ต่ำกว่า 15 ปี) 20 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปี ฟรี และที่มีทะเบียนบ้านในเขตกะทู้ ฟรี เช่นกัน
 

จอดรถข้างขุมน้ำกินข้าวเหนี่ยวไก่ รถไหลลงขุมน้ำ



เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุสภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุรถยนต์เก๋งตกขุมน้ำด้านหลังมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ถนนสามกอง ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้ช่วยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งนำรถขึงจากขุมน้ำดังกล่าวด้วย หลังรับแจ้งก็ได้ประสานไปยังมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่หน้าชุดประดาน้ำ พร้อมทั้งประสานไปยังรถยก เพื่อช่วยกันนำรถคันดังกล่าวขึ้นกลับมาจากขุมเหมือดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึง ก็พบว่าได้มีประชาชนยืนมุงดูที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก โดยได้พบรถคันดังกล่าวหัวทิ่มลงไปในขุมน้ำ โดยโผล่เฉพาะท่อนหลัง และล้อ 2 ล้อ ชี้ขึ้นบนฟ้า เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำจึงได้ลงไปตรวจสอบบริเวณโดยรอบและภายในรถ ก็ไม่พบว่ามีร่างของคนขับ หรือสิ่งมีชีวิตติดอยู่ภายในรถ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ให้รถลาก เพื่อที่จะลากให้ตัวรถกลับด้าน โดยให้ล้อทั้ง 4 ล้อตั้งอยู่บนพื้น ก่อนที่จะลากตัวรถขึ้นมาที่ฝั่ง
จากการตรวจสอบรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวมีสีขาว หมายเลขทะเบียน กง-7510 กระบี่ มีนายเสนอ กิจการ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/2 ม.5 ต.เขาใหญ่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เป็นเจ้าของ สภาพรถกระจกด้านหน้าพังเสียหาย กระจกด้านฝั่งข้างคนขับด้านหน้าเปิดอยู่ ส่วนที่เหลืออีก 3 บาน ปิดสนิท
ทั้งนี้จากการสอบถามนายเสนอ กิจการ เจ้าของรถ มีอาชีพเปิดบริษัททัวร์อยู่ที่บ้านเขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ก่อนเกิดเหตุ ได้เดินทางมาหาญาติที่จังหวัดภูเก็ต ในช่วงเช้าของวันที่เกิดเหตุ ก็ได้ขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวพร้อมด้วยเพื่อนมาเที่ยวที่มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต หลังจากออกจากมหาวิทยาลัย ก็ได้แวะซื้อไก่ทอดข้างทาง แล้วไปนั่งทานภายในรถข้างขุมเหมือง โดยไม่ได้เดินเครื่องยนต์ เกียร์ในตำแหน่งเกียร์ว่าง แต่ไม่ได้ดึงเบรคมือแต่อย่างไร เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่อร่อยกับข้าวเหนียวไก่ทอดอยู่นั้น รถเกิดเคลื่อนตัวและกำลังไหลลงในขุมบังคับน้ำดังกล่าว ด้วยความตกใจ จึงสตาร์ทรถเพื่อที่จะใส่เกียร์ถอยหลัง แต่ไม่ทันการณ์รถได้ไหลลงในขุมเหมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ตนและเพื่อนที่นั่งอยู่ในรถติดรถจมลงไปในน้ำด้วย แต่เดชะบุญ กระจกบานด้านซ้ายไม่ได้ยกขึ้น ตนและเพื่อนได้รีบว่ายน้ำออกมาทางกระจกดังกล่าว ทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด