จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

อ.เมืองภูเก็ตจัดงานวิสาหกิจชุมชน

เมื่อคืนวันที่ 10 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา ที่บริเวณศูนย์โอทอปอบจ.ภูเก็ต สะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสินค้าวิสาหกิจชุมชน อำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งอำเภอเมืองภูเก็ต จัดขึ้น โดยมี นายเรวัต อารีรอบ สส.ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต นายประพาส บุญสุข เกษตรจังหวัดภูเก็ต นางนภารัสมิ์ ละอองเพชร ประธานเครือข่ายผู้ประกอบการโอทอปจังหวัดภูเก็ต และแขกผู้มีเกียรติ โดยมีนายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต และคณะร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน

สำหรับงานมหกรรมสินค้าวิสาหกิจชุมชน อำเภอเมืองภูเก็ต ได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-14 กันยายน 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาวิสาหกิจชุมชน อำเภอเมืองภูเก็ตแบบครบวงจร ตั้งแต่ระบบการผลิต การเชื่อมโยงเครือข่าย และการตลาด ด้วยการมีส่วนร่วมจากวิสาหกิจชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ โดยเป็นการนำสินค้าจากผู้ผลิต/วิสาหกิจชุมชนสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การออกร้านจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชน สินค้าเกษตร ผลผลิต ผลิตภัณฑ์ จากกลุ่มผู้ผลิตและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และการบริการความรู้

นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีการซื้อ การขายและการบริโภคมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีของเกษตรกรผู้ผลิต และวิสาหกิจชุมชนในการที่จะขยายการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และนักท่องเที่ยว

อำเภอเมืองภูเก็ตมีวิสาหกิจชุมชน 87 แห่ง มีสมาชิกทั้งหมด 1,256 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องส่งเสริมสนับสนุนตามแผนการผลิต แผนของการดำเนินกิจกรรมของแต่ละวิสาหกิจชุมชน ทั้งในด้านการเรียนรู้ วิจัยและพัฒนา การบริหารจัดการกลุ่มเพื่อการพึ่งพาตนเอง การส่งเสริมและสนับสนุนด้านการตลาดเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม จะต้องมีตลาดรองรับ และมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง

โครงการนี้จึงถือว่าเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรและประชาชนจังหวัดภูเก็ต สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมในยุคปัจจุบัน สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมีการผลิต การซื้อ การขาย เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนชาวภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง นายนิวิทย์ กล่าวในที่สุด


ทน.ภูเก็ตจัดระเบียบสายไฟฟ้า 2 ข้างถนน

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 53 ที่บริเวณหน้าอำเภอเมือง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุนรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลสื่อสาร ซึ่งเทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท TOT จำกัด (มหาชน) บริษัทกสท.โทรคมนามคม จำกัด (มหาชน) บริษัท TT&T จำกัด (มหาชน) และผู้ให้บริการระบบสื่อสานอื่น ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลบริเวณถนนแม่หลวน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นโครงการนำร่อง เนื่องจากปัจจุบันมีสภาพรกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ และบดบังทัศนียภาพของอาการเก่าแก่ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุกว่า 100 ปีของจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้กลับมามีสภาพสวยงามไม่บดบังทัศนียภาพของอาการเก่าแก่ ประกอบกับถนนแม่หลวนเป็นถนนสายหลักที่ใช้สัญจรไปสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหลายๆ แห่ง อาทิ หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน

ทั้งนี้นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมาก หากพื้นที่จังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะตัวเมืองภูเก็ตได้รับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม ก็จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้าเมืองได้เพิ่มขึ้น สำหรับในเขตเทศบาลนครภูเก็ตนั้นได้มีการกำหนดเขตพื้นที่อนุรักษ์ย่านการค้าเมืองเก่าไว้ ซึ่งประกอบด้วย ถนนถลาง ถนนกระบี่ ถนนดีบุก ถนนพังงา และถนนรัษฎา โดยขณะนี้เทศบาลฯ มีแผนในการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวให้มีทัศนียภาพที่สวยงามขึ้น โดยร่วมกับการไฟฟ้าและผู้ให้บริการระบบสื่อสารดำเนินโครงการนำสายไฟฟ้าสายเคเบิ้ลลงดิน โดยได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในส่วนของถนนถลาง และซอยรมณีย์ ส่วนในระยะที่ 2 จะดำเนินการในถนนกระบี่ ถนนดีบุก ถนนภูเก็ตและถนนเทพกระษัตรี ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือไปแล้วคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ ก.ค. 2554 ส่วนระยะที่นั้นจะดำเนินการในโอกาสต่อไปเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เขตอนุรักษ์ย่านเมืองเก่า ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน

เพราะฉะนั้นระหว่างรอโครงการในระยะที่ 3 ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นได้เมืองไรทางเทศบาลฯและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมีความเห็นร่วมกันว่าในเขตพื้นที่รอบเขตอนุรักษ์ย่านการค้าเมืองเก่าและพื้นที่โดยรอบเขตเทศบาลนครภูเก็ตควรที่จะมีการจัดระเบียบสายไฟฟ้าสายเคเบิ้ลให้เป็นระเบียบ สวยงามก่อน หากมีความพร้อมในเรื่องของงบประมาณก็จะดำเนินการตามโครงการนำสายไฟฟ้าสายเคเบิ้ลลงดินต่อไป
นางสาวสมใจ กล่าวว่าต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการจัดระเบียบสายไฟฟ้าสายเคเบิ้ลในครั้งนี้เริ่มดำเนินการที่ถนนแม่หลวน ก่อนที่จะขยายไปยังถนนสายอื่นต่อไป โดยงานที่จะดำเนินการประกอบด้วย งานส่วนไฟฟ้า ดำเนินการจัดระเบียบสายระบบจำหน่ายแรงต่ำตลอดแนวระยะ 1.4 กิโลเมตร ปรับปรุงแป้นมิเตอร์ไฟฟ้าและสายเข้ามอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 67 เครื่อง รื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ยกเลิกการใช้งานจำนวน 3 ต้น ปรับปรุงสายระบบจำหน่ายแรงต่ำแนวข้ามถนนจำนวน 3 จุด ปรับปรุงรื้อถอนสายสัญญาณ สายเคเบิ้ลสื่อสารที่ใช้งานตลอดแนวระยะ1.4 กิโลเมตร ปรับปรุงจัดระเบียบสายสัญญาณ สายเคเบิ้ลตลอดแนวระยะ 1.4 กิโลเมตร และปรับปรุงคอนรับสายเคเบิ้ลสื่อสารต่างจำนวน 20 จุด


ชาวไทยฮินดูบวงสรวงองค์พระพิฆเณศ

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2553 ที่ศาสนสถานตันดายูดาปานี (วัดอินเดีย) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีบวงสรวงองค์พระพิฆเณศ เพื่อให้ชาวไทยทุกเชื้อสายได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ความดี เกิดความสามัคคี ปรองดองในหมู่คณะ และเป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการลานบุญลานปัญญา ตามแผนปฏิบัติไทยเข้มแข็งประจำปี 2553 โดยมีคนไทยเชื้อสายฮินดูทมิฬ และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ได้มีการประกอบพิธีเปิดกรวยดอกไม้ ถวายสักการะ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ พิธีบวงสรวงองค์พระประจำศาสนสถาน 3 องค์ ได้แก่ พิธีบูชาไฟ สรงน้ำองค์พระ พิธีขอพรพระพิฆเณศ ได้แก่การประโคมดนตรี เป่าปี่ตีกลองโดยชุดนาฎศิลป์อินเดีย และตัวแทนองค์พระพิฆเนศ (ช้าง) เดินเวียนโบสถ์ ส่วนในช่วงค่ำมีการประกอบพิธีถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พิธีบวงสรวงองค์พระพิฆเนศ และการแสดงโชว์โดยนาฎศิลป์อินเดีย

นายทวิชาติ อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย โดยกรมศาสนา ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อจัดทำโครงการลานบุญ ลานปัญญา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะพลิกฟื้นวิถีธรรมในอดีตให้คืนกลับมาสู่สังคมไทย เพื่อเปิดพื้นที่ศาสนสถานให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ เป็นศูนย์กลางของชุมชนในการเรียนรู้และถ่ายทอดภูมิปัญญาเพื่อเสริมสร้างปัญญาให้กับคนในชุมชน ซึ่งหมายถึงลานปัญญา และให้คนในชุมชนร่วมกันทำกิจกรรมทางศาสนาสร้างความดี หมายถึง ลานบุญ ในโอกาสต่างๆ เป็นการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งด้วยกิจกรรมเพื่อชุมชนจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนนั้นๆ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้เป็นคนดีมีคุณธรรมที่ประกอบด้วยปัญญาและความดี รวมทั้งการดำรงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ยั่งยืนมั่นคงสืบไป

สำหรับศาสนสถานตันดายูดายูดาปานี เป็นชื่อเรียกตามองค์พระประธาน ตันดายูดาปานี ซึ่งหมายถึง องค์พระขัณฑกุมาร และเหตุอันเนื่องมาจากชาวอินเดียทมิฬที่เข้ามาติดต่อค้าขายและอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น จึงเรียกศาสนสถานแห่งนี้ว่า วัดอินเดีย โดยปัจจุบันมีคนไทยเชื้อสายฮินดูทมิฬ อาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต จำนวนประมาณ 2,000 คน บรรพบุรุษมาจากแคว้นทมิฬนาดู ประเทศอินเดียและประเทศมาเลเซีย จึงเรียกชนกลุ่มนี้ว่า ชาวอินเดียทมิฬหรือทมิฬนาดู ซึ่งมีลักษณะผิวดำ ผู้ชายสวมโสร่งสีขาว เป็นเอกลักษณ์ ส่วนผู้หญิงสวมใส่ผ้าส่าหรี


อบจ.ภูเก็ตผลักดันพัฒนาสู่องค์การสมรรถนะสูง HPO

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2553 ที่โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “พัฒนา อบจ.ภูเก็ต สู่องค์การสมรรถนะสูง HPO” ซึ่งทางสำนักปลัด อบจ.ภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อจุดประกายความคิดและปรับปรุงผลการปฏิบัติงานขององค์กรให้ดีขึ้น รวมทั้งเพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่บุคลากร โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย คณะผู้บริหารท้องถิ่นและที่ปรึกษา สมาชิกสภา อบจ.และข้าราชการสังกัด อบจ.ภูเก็ต จำนวนประมาณ 175 คน

นายวัชรินทร์ ปฐมวัฒนพงศ์ รองปลัด อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ด้วย อบจ.ภูเก็ตมีงบประมาณที่จะต้องดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ 2554 จำนวนไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท โดยจัดทำเป็นโครงการตามแผนยุทธศาสตร์แต่ละด้านรวมไม่ต่ำกว่า 200 โครงการต่อปีที่ต้องเร่งดำเนินการบริหารจัดการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสู่ท้องถิ่น ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนา อบจ.ภูเก็ตสู่องค์การสมรรถนะสูงสุด HPO (High Performance Organization) ที่มุ่งเน้นการนำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปสู่ความเป็นเลิศ โดยใช้กลยุทธ์และเครื่องมือในการบริหารจัดการประกอบด้วย 3 เอช (Triple H) ประกอบด้วย ต้นแบบที่ 1 H1=Head องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีสมองดี โดยมุ่งเน้นการบริหารเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) ต้นแบบที่ 2 H2=Hand องค์กรปกครองส่วนถิ่นต้องมีเครื่องมือดี โดยมุ่งเน้นเครื่องมือใหม่ในการบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสู่ความเป็นเลิศ และต้นแบบที่ 3 H3=Heart องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีหัวใจดี หัวใจเกินร้อย ซึ่งหมายถึงมีบุคลากรที่มีสมรรถนะในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ

ขณะที่นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ กล่าวว่า ทางคณะผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ตได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาองค์กรให้มุ่งไปสู่การเป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง HPO (High Performance Organization) เพื่อให้เป็นต้นแบบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้วย 6 สมรรถนะหลัก คือ จิตสำนึกบริการ ความรอบรู้ด้านวัฒนธรรมองค์การ การสร้างและบริการเครือข่าย การทำงานมุ่งผลสัมฤทธิ์ การคิดประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่และการทำงานเป็นทีม



วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

คัดค้านสร้างกะตะคอนโดมีเนียม

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2553 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานรับฟังปัญหาและข้อเท็จจริงผลกระทบจากการก่อสร้างและดำเนินการโครงการกะตะ คอนโดมีเนียม โดยมีส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น ที่ดินจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเทศบาลตำบลกะรน เป็นต้น

สำหรับการประชุมในครั้งนี้เพื่อพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีประชาชนในพื้นที่ตำบลกะรน คัดค้านการก่อสร้างโครงการกะตะ คอนโดมิเนียม บริเวณซอยปฎัก 2 ถนนปฎัก ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัยขนาดใหญ่ สูง 7 ชั้น ปัจจุบันได้มีการก่อสร้างในชั้นที่ 5 และหากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะทำให้ปิดบังทัศนียภาพของเกาะปู และหาดกะตะทำให้ทัศนียภาพความสวยงามสูญเสียไป และกระทบกับวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งคณะทำงานตรวจสอบเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 และได้มอบหมายให้ส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาระเบียบข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง รวมทั้งมอบหมายส่วนราชการ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไปศึกษาสภาพข้อเท็จจริง และประเด็นข้อกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ในประเด็นการร้องเรียน

ทั้งนี้ผลการตรวจสอบของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองภูเก็ต รายงานว่าอาคารดังกล่าวได้อนุญาตให้ก่อสร้างจากพนักงานท้องถิ่นแล้ว จึงไม่ขัดกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการอนุญาต และประกาศผังเมืองรวมเป็นสีเหลือง และได้ผ่านการนำเสนอเอกสารรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในขณะที่การตรวจสอบของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าได้รับความเห็นชอบในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม บริเวณจังหวัดภูเก็ต เรียบร้อยแล้ว โดยมีมาตรการป้องกันฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง การขนส่ง เสียงดัง และทางเจ้าของโครงการทำหนังสือยินยอมรับผิดชอบและชดเชยค่าเสียหายในทุกกรณี

ขณะที่ทางเทศบาลตำบลกะรนได้สั่งระงับการก่อสร้างชั่วคราว ส่วนประเด็นกรณีของการก่อสร้างอาคารที่บดบังทัศนียภาพนั้น เทศบาลฯ มีหน้าที่ตรวจสอบแบบแปลนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เท่านั้น โดยดุลยพินิจการก่อสร้างอาคารสูงเป็นอำนาจของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในช่วงการศึกษาฯ เทศบาลได้เคยมีการแจ้งคณะกรรมการทราบผลการคัดค้านจากประชาชนด้วยแล้ว

หลังจากที่ได้มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากในแง่ของกฎหมายนั้นทางผู้ประกอบการดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ยังมีปัญหาในเรื่องของการบดบังทัศนียภาพซึ่งเป็นเรื่องของจิตใจ และจะต้องให้สองฝ่ายได้มีพูดคุยกันเพื่อว่าสามารถที่จะยอมรับเงื่อนไขของแต่ละฝ่ายได้หรือไม่ และให้ทำรายงานแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้รับทราบผลการดำเนินงาน ส่วนข้อเสนอแนะที่จะเสนอกับทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมนั้นก็ให้ว่ากันไปตามขั้นตอน โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 15 กันยายน ที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนปัญหาดังกล่าวได้มี
การมาติดตามผลการประชุม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้ขัดขวางเรื่องของการพัฒนา แต่อยากเห็นการพัฒนาแบบยั่งยืนไม่ทำลายธรรมชาติและวิถีชุมชน ทั้งนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าในส่วนของการจัดรับฟังความคิดเห็นของบริษัทที่ปรึกษาของประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่ตั้งโครงการในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นนั้นยังไม่ครอบคลุม นอกจากนี้ยังมีการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเฉพาะกรณีของบ้านเรือนประชาชนที่ตั้งอยู่บริเวณรอบโครงการ ดังนั้นในการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของพื้นที่ให้ละเอียดมากกว่านี้



วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ตร.เมืองรวบผู้ค้ายาบ้า และยาไอซ์ อย่างต่อเนื่อง


เมื่อวันที่ 9 กันยายน 53 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง.ผกก.ป.สภ.เมือง ภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายสมปอง วงษ์เสน่ห์ อายุ 27 ปี พร้อมด้วยยาบ้าจำนวน 37 เม็ด นายไพรบูรณ์ จันทรสุต อายุ 26 ปี พร้อมด้วยยาบ้าจำนวน 1,414 เม็ด ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และ น.ส.ภัทรวรรณี อุ้มบุญ อายุ 30 ปี พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์จำนวน 10 ถุง น้ำหนักรวม 13.94 กรัม ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนที่จะนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า ด้วยทางชุดจับกุมนำโดยพ.ต.ท.เดชศักดิ์ เชิดชูศักดิ์ สวป.-หน.ชปส.สภ.เมืองภูเก็ตพร้อมพวก สืบทราบว่านายสมปองมียาบ้าไว้ในครอบครองและกำลังจะนำไปส่งให้กับเอเย่นต์ จึงวางแผนดักซุ่มติดตามพฤติกรรม จนกระทั่งเมื่อกลางดึกวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาพบนายสมปองกำลังเดินอยู่บริเวณหน้าปากซอยบุษราคัม ถ.วิชิตสงคราม อ.เมือง จึงเข้าตรวจค้น พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงจำนวน 37 เม็ด จากนั้นได้ขยายผลเข้าจับกุมนายไพรบูรณ์ที่ห้องเช่าเลขที่ 82/11 ซ.อาจ๊ะ ถ.ศักดิ์เดช ต.วิชิต อ.เมืองพร้อมยาบ้าอีก 1,414 เม็ด และขยายผลเข้าจับกุม น.ส.ภัทรวรรณี ที่พรศิริอพาร์ทเม้นท์ ห้อง 101 ซ.อิ่มจิต ถ.เจ้าฟ้า อ.เมืองพร้อมยาไอซ์อีก 10 ถุง น้ำหนักรวม 13.94 กรัม มูลค่ากว่า 2 แสนบาท โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพ แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่า นำยาเสพติดมาจากที่ใดและจะนำไปส่งให้กับใคร ซึ่งตำรวจจะได้ขยายผลติดตามจับกุมเอเย่นต์รายใหญ่ต่อไป


ภูเก็ตเร่งรณรงค์กำจัดแหล่งลูกน้ำยุงลาย


เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 ที่ห้องประชุมโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม “รวมพลังพหุภาคี เร่งรัดมาตรการ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อปกป้องครอบครัวชุมชน คนที่รัก จากยุงลายและไข้เลือดออก” กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 1 วัน โดยภาคเช้ามีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน ครูอนามัยโรงเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ประมาณ 250 คน ส่วนภาคบ่ายจะเป็นการประชุมอาสาสมัครสาธารณสุขทั้งจังหวัด และผู้แทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประมาณ 400 คน

นายแพทย์วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกของประเทศ มีแนวโน้มสูง พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคใต้มีอัตราป่วยสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ สำหรับจังหวัดภูเก็ตมีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง คือ มีแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในอาคารบ้านเรือน ชุมชน สถานศึกษาสถาน สถานที่ทำงาน และศาสนสถาน ทั้งนี้จากการสำรวจดัชนีลูกน้ำยุงลาย พบว่า ภาชนะขังน้ำตามอาคารบ้านเรือน โรงเรียน ชุมชนและสถานที่อื่นๆ มีลูกน้ำยุงลายเกินเป้าหมายที่กำหนด ประกอบกับขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน ก่อให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในจังหวัดภูเก็ต

ดังนั้นเพื่อเร่งรัดมาตรการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกพื้นที่ และดำเนินการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายภายในบ้าน ชุมชน โรงเรียน สถานที่ทำงาน ศาสนสถาน หน่วยงานรัฐ เอกชนอย่างเข้มข้น สม่ำเสมอต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ จังหวัดภูเก็ตจึงได้จัดประชุม “รวมพลังพหุภาคี เร่งรัดมาตรการ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อปกป้องครอบครัวชุมชน คนที่รัก จากยุงลายและไข้เลือดออก” ขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือจากพหุภาคีในการดำเนินการ พร้อมกันทุกภาคส่วนในการเร่งรัดกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายทุกพื้นที่ให้มีจำนวนลดลง เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาและเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์วิวัฒน์กล่าว

นายแพทย์วิวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้นมีรายงานจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้วประมาณกว่า 300 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต โดยมีจำนวนผู้ป่วยเป็นลำดับที่ 17 ของประเทศ ซึ่งค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดจิตสำนึกในการดูแลภาชนะที่มีน้ำท่วมขังตามอาคารบ้านเรือน และสถานที่ต่างๆ และการใช้สารเคมีฉีดพ่นก็ไม่ค่อยมีผลมากนัก เพราะพบว่าปัจจุบันยุงมีการดื้อยา 70 – 80% จึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการร่วมรณรงค์ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดไป พร้อมฝากเตือนผู้ที่ป่วยมีไข้สูงอย่าซื้อยารับประทานเอง เพราะอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนได้ ควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการให้ชัดเจน


ทางหลวงชนบทภูเก็ตปลูกต้นไม้ 8,000 ต้น

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 ที่บริเวณด้านหน้าบริษัท อนุภาษวิวิธการ จำกัด (เจ้าฟ้า) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการ “รักษ์ทาง-รักษ์ถิ่น ถนนสวยงาม” บนถนนสาย ภก.4010 แยกทางหลวงหมายเลข 4022-บ้านกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับบริษัท อนุภาษวิวิธการ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ โดยจัดให้มีการจัดนิทรรศการและร่วมกันปลูกต้นไม้บริเวณเกาะกลางถนนสาย ภก.4010 แยกทางหลวงหมายเลข 4022-บ้านกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จำนวน 8,402 ต้น เช่น ต้นโกสน ต้นราชพฤกษ์ เป็นต้น โดยมีข้าราชการ ประชาชนในพื้นที่ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลวิชิต นักเรียน นักศึกษา และอาสาสมัครทางหลวงชนบทเข้าร่วม จำนวนประมาณ 150 คน

นายธีรพร จิระรัตนากร ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่กรมทางหลวง ได้มีนโยบายในการบำรุงรักษาถนนทางหลวงชนบทให้มีความสะดวก ปลอดภัย และสวยงาม โดยได้ดำเนินการโครงการรักษ์ทาง–รักษ์ถิ่น ถนนไร้หลุมบ่อ และโครงการรักษ์ทาง-รักถิ่น ถนนสวยงาม โดยได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา อาสาสมัคร ประชาชน ทั่วไป เข่าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ทั้งนี้การปรับปรุงและพัฒนาถนนในโครงข่ายทางหลวงชนบท เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญและภาครัฐต้องการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม และดูแลบำรุงรักษาถนนเพื่อให้โครงการนั้นๆ สัมฤทธิผลตามวัตถุประสงค์ของกรมทางหลวง

สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดภูเก็ตได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่ควรให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล และบำรุงรักษาทางที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบเพื่อให้โครงข่ายทางหลวงชนบทมีสภาพพร้อมใช้งาน สะอาด สะดวก สวยงามและปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทางสัญจรไปมา และทำให้ผู้ใช้เส้นทางเกิดความประทับใจ เพื่อให้การดูแลและบำรุงรักษาทางนั้นเป็นไปอย่างมีระบบ ถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐานของกรมทางหลวงชนบท จึงได้มีการจัดทำโครงการ รักษ์ทาง-รักษ์ถิ่น ถนนสวยงาม” บนถนนสาย ภก.4010 แยกทางหลวงหมายเลข 4022-บ้านกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ขึ้น เพื่อให้ทางหลวงชนบทมีสภาพพร้อมใช้งาน สะอาด สะดวกสบาย สวยงาม ปลอดภัยในการสัญจร และเกิดความประทับใจแก่ผู้ใช้เส้นทาง รวมทั้งเพื่อให้การดูแลและบำรุงรักษาทางนั้นเป็นไปอย่างมีระบบ ถูกต้อง เป็นไปตามมาตรฐานของกรมทางหลวงชนบท และเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกรมอีกทั้งเป็นการส่งเสริมเอกลักษณ์ทางหลวงชนบทให้เป็นที่แพร่หลายด้วย นายธีรพรกล่าว



วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

แชมป์ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 2010

นายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายไพบูลย์ อุปติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมแสดงความยินดีกับสโมสรเอฟซี ภูเก็ต ที่สามารถคว้าแชมป์โชนภาคใต้ ในการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอส ลีกภูมิภาค “ดิวิชั่น 2” ฤดูกาล 2010 หลังจากเอาชนะทีมพังงา เอฟซี ด้วยสกอร์ 2 : 1


สภาอบจ.ภูเก็ตผ่านงบ 900 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 53 ที่ห้องประชุมสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ได้มีการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต สมัยสามัญ ประจำปี 2553 สมัยที่ 2 มีนายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภาอบจ.ภูเก็ต เป็นประธาน โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกอบจ.ภูเก็ต คณะบริหาร สมาชิกสภาอบจ.ภูเก็ต ที่ปรึกษานายกอบจ.ภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการอบจ.ภูเก็ต เข้าร่วมประชุม โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญคือ ญัตติร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554

โดยนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้แถลงถึงการตั้งงบประมาณรายจ่ายของ อบจ.ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวนทั้งสิ้น 900 ล้านบาท แยกเป็นด้านบริหารงานทั่วไป ด้านบริการชุมชนและสังคม เช่น ด้านสาธารณสุข ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 150 กว่าล้านบาท ด้านการศึกษา มีการตั้งงบประมาณไว้กว่า 238 ล้านบาท ด้านงานสังคมสงเคราะห์จำนวนกว่า 51 ล้านบาท ด้านการศาสนา วัฒนธรรมและนันทนาการกว่า 189 ล้านบาท รวมงบประมาณในทุก ๆ ด้านเป็นจำนวนเงิน 900 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตพิจารณาเพื่อใช้ในการดำเนินงานตามนโยบายของคณะผู้บริหารที่ได้วางแผนไว้ตามแผนพัฒนาท้องถิ่นตลอดปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป

ในที่ประชุมได้มีการซักถามถึงความจำเป็นในการใช้งบประมาณ และการใช้งบประมาณให้เป็นประโยชน์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตในการใช้งบประมาณด้วย ซึ่งที่ประชุมยังได้มีการเสนอแนะผ่านทางประธานไปยังคณะผู้บริหาร โดยที่ประชุมได้มีการรับหลักการในญัตติร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำงบประมาณพ.ศ.2554 พร้อมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการในการแปรญัตติเป็นเวลา 2 วัน เพื่อให้สภาได้มีการแปรญัตติในวาระ 2 และวาระ 3 ต่อไป


คาดเตาเผาขยะหัวที่ 2 เสร็จธันวาคม 54

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2553 ที่ห้องประชุมโรงงานเตาเผาขยะ เทศบาลนครภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจังหวัดภูเก็ต และคณะทำงานสนับสนุนการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสาธิต กลิ่นภักดี ท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต นายองอาจ ชนะชาญมงคล ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายถาวร จิรพัฒนะโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยนายประชุม สุริยะ หัวหน้ากลุ่มงานสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครภูเก็ต ได้กล่าวรายงานต่อที่ประชุมถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเตาเผาขยะขนาดไม่น้อยกว่า 300 ตัน หัวที่ 2 เพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ทางบริษัทเอกชนกำลังเตรียมการก่อสร้าง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการปรับพื้นที่ งานตอกเสาเข็ม 1,500 ต้น บนพื้นที่โรงเตาเผาขยะ งานสำรวจ งานรื้อระบบไฟฟ้า งานก่อสร้างสำนักงานชั่วคราว และงานก่อสร้างบ้านพักคนงาน ใช้งบประมาณ 940 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2554

นอกจากนี้ยังมีโครงการปรับปรุงพื้นที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย เทศบาลนครภูเก็ต โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างถนนแอสฟัลท์ ทางเข้า – ออก พื้นที่ฝังกลบ โครงการติดตั้งเสาไฟไฮเมท บริเวณพื้นที่ฝังกลบขยะมูลฝอย โครงการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 12 ชุด โครงการก่อสร้างสถานที่ล้างรถ และโครงการจัดซื้อยานพาหนะ และเครื่องฉีดพ่นละอองฝอย

นายประชุม กล่าวอีกว่า สำหรับปริมาณขยะในปัจจุบันมี 500 ตันต่อวัน ขณะที่ระบบเตาเผาขยะหัวที่ 1 สามารถรองรับขยะได้ 250 ตันต่อวัน ส่วนขยะที่เหลือเข้ากระบวนการฝังกลบ โดยคาดว่าหัวเตาเผาตัวปัจจุบันมีอายุการใช้งานอีกกว่า 1 ปี ทั้งนี้ได้วางแผนการดำเนินงานศึกษาความเหมาะสม และออกแบบรายละเอียดระบบกำจัดขยะโดยรวม ทั้งระบบฝังกลบขยะ และระบบเตาเผา ซึ่งจะมีการศึกษาและออกแบบรายละเอียด การปรับปรุง และซ่อมเปลี่ยนเตาเผาขยะชุดเดิม รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถการผลิตไฟฟ้า


โรงแรมกว่า 60 % ที่ยังไม่มีใบอนุญาต


เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2553 ที่ห้องศรีตรัง โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาหามาตรการ/แนวทางเสนอขอผ่อนผัน (นิรโทษกรรม) โรงแรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อศึกษารายละเอียด มาตรการ หลักเกณฑ์การขอผ่อนผัน (นิรโทษกรรม) โรงแรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ไม่ได้รับอนุญาต ให้ได้รับอนุญาตและจดทะเบียนเข้าระบบให้ถูกต้อง เพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการดำเนินงานตามมติ กรอ.จังหวัด และรายงานผลการดำเนินงานให้ กรอ.จังหวัด เพื่อขอเป็นมติ และนำเสนอให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาผ่อนผันให้จดทะเบียนให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายต่อไป โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม เช่น ปลัดจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เป็นต้น

ทั้งนี้มีข้อมูลว่าจากจำนวนโรงแรมทั้งจังหวัดของภูเก็ตมีจำนวน 702 แห่ง จำนวนห้องพัก 42,684 ห้อง แบ่งเป็นโรงแรมที่มีใบอนุญาต 273 แห่ง จำนวนห้องพัก 28,972 ห้อง หรือคิดเป็นร้อยละ 38.89 ของจำนวนโรงแรมทั้งหมด และโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต 429 แห่ง จำนวนห้องพัก 13,712 ห้อง หรือคิดเป็นร้อยละ 61.12 ของจำนวนโรงแรมทั้งหมด

อย่างไรก็ตามได้มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง และสรุปถึงสาเหตุที่โรงแรมส่วนใหญ่ไม่ขออนุญาตให้ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.โรงแรม เนื่องจากจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่หลายฉบับและมีขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยากทั้งกฎหมายโรงแรม กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการกฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และค่าใช้จ่ายสูง จึงทำให้มีการหลบเลี่ยงที่จะขออนุญาตให้ถูกต้อง


กกท. เดินหน้าพัฒนากีฬาจังหวัด SPORTS HERO

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 53 ที่ห้องประชุมรายา โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง ภูเก็ต นายกนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนากีฬาจังหวัด SPORTS HERO โดยมีนายพะร พงดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพสิทธิประโยชน์ นายวิรัช พาที ผอ.ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต และกรรมการเข้าร่วม

สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญ มีการรายงานผลการแข่งขันกรีฑารายการ SAT-Sprint&Jump Elito Athletics การพิจารณานักกอล์ฟเข้าโครงการพัฒนากีฬาจังหวัด SPORTS HERO และรายงานผลการเดินทางไปแข่งขันกีฬา YOUTH Olympic Games ครั้งที่ 1 ณ ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โครงการพิจารณากีฬาจังหวัด SPORTS HERO และพิจารณาบริษัทยูนิลิเวอร์ จำกัด เสนอโครงการประชาสัมพันธ์ร่วมกับ SPORTS HERO

นายกนกพันธ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อสรุปผลงานนักกีฬาโครงการ SPORTS HERO ที่ไปแข่งขันรายขการต่าง ๆ ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ต้องแก้ไขปรับปรุงอะไรบ้าง ซึ่งปัจจุบันนักกีฬามีจำนวน 986 คน เป้าหมายคือ การคว้าเหรียญการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่ประเทศจีน และโอลิมปิคเกมส์ ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีนักกีฬาจำนวน 10 คน แยกเป็นประเภทกรีฑา 1 คน กอล์ฟ 2 คน เทนนิส 4 คน และแบดมินตัน 2 คน ซึ่งปัจจุบันติดทีมชาติชุดใหญ่แล้วคือ มณีพงศ์ จงจิตรและอรณิชา จินดาพล


วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ภูเก็ตพร้อมซ้อมเตือนและอพยพหนีภัยสึนามิ

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 ที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายสันติ์ จันทรวงษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต นายสุภัทร รัตนสมการ รองปลัดเทศบาลเมืองป่าตอง และนายวีระพงษ์ ไวทยวงศ์สกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมฝึกซ้อมระบบเตือนภัยและการอพยพหลบภัยสึนามิ ปี 2553 จังหวัดภูเก็ต ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในในวันที่ 13 กันยายน ที่จะถึงนี้ พร้อมกันทั้ง 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันที่เคยประสบภัยพิบัติสึนามิเมื่อปี 2547

นายนิวิทย์ กล่าวว่า ด้วยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้กำหนดให้มีการฝึกซ้อมระบบเตือนภัยและอพยพหลบภัยสึนามิ พร้อมกันในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันประกอบด้วยภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ สตูล และตรัง ในวันที่ 13 กันยายน 2553 นี้ ตั้งแต่เวลา 09.30-10.30 น. เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญเหตุจากภัยสึนามิและภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทราบถึงศักยภาพของระบบเตือนภัย อีกทั้งเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบในบทบาทและภารกิจของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต มีหอเตือนภัยที่จะฝึกซ้อมทั้งหมด 19 หอ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 แห่ง เข้าร่วมฝึกซ้อมในการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งได้กำหนดให้บริเวณซอยบางลาหาดป่าตอง อ.กะทู้ เป็นจุดหลักในการฝึกซ้อม ซึ่งจะมีประชาชนเข้าร่วมทำการฝึกซ้อมประมาณ 1,500 คน โดยเริ่มอพยพประชาชนออกจากชายหาดไปยังจุดปลอดภัย ซึ่งกำหนดไว้ที่บริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง รวมระยะทางประมาณ 800 เมตร นายนิวิทย์กล่าว

ขณะที่นายสันติ์ จันทรวงษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพื้นที่หลักในการฝึกซ้อมนั้นขณะนี้ถือว่ามีความพร้อมเป็นที่น่าพอใจ ในส่วนของระบบเสียงของหอเตือนภัยทั้ง 19 จุดนั้นจากการตรวจสอบพบว่ามีเสียงสัญญาณออกมาทั้งหมด แต่จากการฝึกซ้อมในปีที่ผ่านมาได้รับแจ้งว่ามีหอเตือนภัยประมาณ 5 จุด ซึ่งเสียงไม่ดัง และขาดหายเป็นช่วงๆ ซึ่งได้แจ้งให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติทราบแล้ว และได้รับการยืนยันว่าหอเตือนภัยทั้ง 19 จุดของภูเก็ตมีเสียงดัง เพราะมีการทดสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกวัน ทั้งนี้หากเกิดปัญหาในวันที่มีการฝึกซ้อมก็ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยการใช้รถกระจายเสียงช่วยแจ้งเตือนประชาชนอีกทางหนึ่ง

ด้านนายสุภัทร รัตนสมการ รองปลัดเทศบาลเมืองป่าตอง กล่าวว่า ในส่วนของเทศบาลฯ ได้มีการเตรียมประชาชนที่จะมาร่วมทำการฝึกซ้อมไว้จำนวนประมาณ 1,500 คน และได้เตรียมพร้อมรับมือหากเสียงสัญญาณไม่ดังพอก็จะมีรถกระจายเสียงเคลื่อนที่มาแจ้งประกาศเตือน ทั้งนี้ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติในส่วนของเทศบาลเมืองป่าตองนั้นได้มีการเตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง ส่วนของหน่วยงานอื่นๆ ที่เป็นกำลังมาสมทบก็จะมาเตรียมพร้อมในจุดที่กำหนด ทั้งนี้ทั้งนั้นเป้าหมายของการฝึกซ้อมนั้นก็เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในเรื่องของการบริหารจัดการ เพื่อจะได้รับทราบจุดบกพร่องและหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป

 

เปิดใช้ห้องน้ำบนแหลมพรหมเทพ

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 53 ที่บริเวณลานจอดรถแหลมพรหมเทพแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศบาลตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ลงนามบันทึกความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต กับนายดำรงค์ แสงกวีเลิศ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมรับมอบห้องน้ำที่มีการก่อสร้างใหม่ด้วยงบประมาณ 3.8 ล้านบาท จากสำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว โดยก่อสร้างอาคารรูปทรงไทยประยุกต์ มีห้องประน้ำทั้งหมด 28 ห้อง แบ่งเป็นชาย 6 ห้องโถปัสสาวะ 8 โถ ห้องน้ำผู้หญิง 12 ห้อง และห้องน้ำ สำหรับคนพิการจำนวน 2 ห้อง

นายอรุณ กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแหลมพรหมเทพนั้นได้แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 ระยะ โดยระยะแรก เป็นการพัฒนาห้องน้ำสาธารณะให้มีมาตรฐานสากล เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกน้ำปีละกว่า 1 ล้านคน ซึ่งมีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายและมีความประทับใจในขณะที่เดินทางมาเที่ยวที่แหลมพรหมเทพ และห้องน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวมาก โดยเฉพาะการเข้าห้องน้ำที่มีมาตรฐานสากล มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ สะอาด บรรยากาศดี จะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจในอันดับต้น

โดยห้องน้ำดังกล่าวใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 3.8 ล้านบาท โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดูแลในด้านงบประมาณ และการฝึกอบรมให้ความรู้กับพนักงานในการดูแลความสะอาด รวมทั้งการปรับภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ตำบลราไวย์ ส่วนทางเทศบาลมีหน้าที่ในการดูแลบริหารจัดการเพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกนักนักท่องเที่ยว

นายอรุณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแหลมพรหมเทพในระยะที่ 2 และระยะที่ 3 นั้นจะดำเนินการปรับภูมิทัศน์ และการดูแลรักษาสภาพสิ่งแวดแหล่งท่องเที่ยว เชื่อว่าหลังจากการมีการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแหลมพรหมเทพเสร็จแล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น



จ.ภูเก็ตทบทวนแผนพัฒนา 4 ปี พ.ศ.2553 – 2556



เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 ณ ห้องประชุมจามจุรี 1 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง ภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต 4 ปี พ.ศ.2553 – 2556 โดยได้กำหนดตามนโยบายหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (อกนจ.)


ทั้งนี้โดยมติในการประชุม ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 เห็นชอบให้มีการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัด ก่อนที่จะมีการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 เพื่อปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัดให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการด้านแผนและด้านงบประมาณ ทั้ง 5 คณะไปประกอบแนวทางการพิจารณาทบทวนปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัด


และเพื่อให้การทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ปี พ.ศ.2553 – 2556 เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 และเป็นไปตามมติ ของคณะอนุกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (อกนจ.) จังหวัดภูเก็ต จึงได้กำหนดการประชุมเชิงปฏิบัติการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ตขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการระดมความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะและการมีส่วนร่วมในการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2553 – 2556 จากทุกภาคส่วน และเพื่อให้แผนพัฒนาจังหวัดมีความสมบูรณ์ ชัดเจน สอดคล้องกับศักยภาพและทิศทางการพัฒนาในอนาคตและปัญหาความต้องการในพื้นที่



ตะวันออกกลางบินตรงเยือนภูเก็ตช่วงไฮซีซั่น

นายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันที่จะถึงในเดือนพฤศจิกายนนี้ เบื้องต้นมีสายการบินต่างๆ ที่แจ้งความประสงค์ใช้บริการของท่าอากาศยานภูเก็ตจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 เที่ยวบินต่อวัน จากปัจจุบันที่มีเที่ยวบินเข้า-ออกวันละประมาณ 100 เที่ยวบิน แต่จะสามารถทราบจำนวนที่ชัดเจนทั้งในส่วนของจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารได้ประมาณต้นเดือนตุลาคมนี้ สายการบินที่จะเพิ่มเที่ยวบินเข้ามา เช่น เกาหลี รัสเซีย จีน ยุโรป สแกนดิเนวีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เป็นต้น ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าวจะทำให้ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


“สายการบินที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ คือ สายการบินที่มาจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นสายการบินใหม่ที่ไม่เคยบินตรงเข้าภูเก็ตมาก่อนและจะบินประจำ มีทั้งสายการบินกาต้าร์แอร์ ซึ่งจะเริ่มบินตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีสายการบินเอมิเรต์และสายการบินเอทิฮัด ซึ่งเป็นสายการบินที่ใช้เครื่องบินหรูระดับ 5 ดาว เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ 777 นำผู้โดยสารเข้ามาสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารเที่ยวบินละ 300 คน เป็นกลุ่มผู้โดยสารที่มีกำลังซื้อสูงจากกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดีของการท่องเที่ยวของภูเก็ตและใกล้เคียง”

อย่างไรก็ตามนายประเทือง กล่าวด้วยว่า จำนวนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเดียวกันของปีนี้กับปีก่อน พบว่าปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เฉลี่ยแต่ละเดือนจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 80,000 คน ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กรกฎาคมมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละประมาณ 80,000 คน มีทั้งจากเอเชีย จีน เกาหลี รัสเซีย และยุโรป




หนุ่มอาสากู้ภัยควบเก๋งแหกโค้งชนเสาไฟฟ้าดับคาที่

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 พ.ต.ต.อนุกูล หนูเกตุ สารวัตรเวร สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ไดัรับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดเหตุรถยนต์เสียหลักชนแหกโค้ง ไปชนเสาไปไฟฟ้าข้างถนน มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถ เหตุเกิดหน้าโรงเสาไฟฟ้าฉลอง หลังรับแจ้งก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย

ที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งที่จะเดินทางไปยังวัดฉลอง และ 5 แยกฉลอง เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ-6846 ภูเก็ต ประตูด้านคนขับอัดติดกับเสาไฟฟ้าเป็นรูปตัววี ส่วนคนขับถูกแรงอัดมาอยู่ที่ด้านข้างคนขับด้านซ้าย จากการตรวจสอบทราบชื่อคือนายวรรักษ์ สิงห์บำรุง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลข 76/1 ซอยนาใน ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ ภูเก็ต เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัยเอง เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเอาร่างของผู้เสียชีวิตออกมาได้ เนื่องจากร่างถูกอัดติดอยู่กับเบาะรถ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตและเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลตำบลวิชิต พร้อมด้วยเครื่องตัดถ่าง เพื่อมาตัดตัวถังรถยนต์ และนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมา โดยต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงสามารถนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาได้ จากการตรวจสอบร่างของผู้เสียชีวิตพบว่า ศีรษะแตก คอหัก แขน และขาทั้งสองข้างหัก ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มอบศพของผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมใจกู้ภัยนำส่งรพ.วชิระ ภูเก็ต เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้จากการสอบถามก็ทราบว่า นายวรรักษ์ มีอาชีพขับรถแท็กซี่ป้ายดำอยู่คิวหน้าโรงแรม ฮิวตัน ภูเก็ตอาเคเดีย ต.กะรน อ.เมือง ภูเก็ต และใช้เวลาว่างมาเป็นอาสาสมัครมูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุ เป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีดีมาก ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมเป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้องและเพื่อนๆ โดยในช่วงเกิดเหตุนายวรักษ์ขับรถเก๋งคันดังกล่าวมา ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง ประกอบกับในช่วงดังกล่าวฝนตกตกลงมา และขับมาด้วยความเร็ว ทำให้รถยนต์เสียหลักและแหกโค้งโดยที่ด้านคนขับไปกระแทรกกับเสาไฟฟ้า ทำให้นายวรรักษ์ เสียชีวิตคาที่

 

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

สนามบินภูเก็ตจัดฝึกอบรมช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2553 ที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานหรือ CPR & First Aid สำหรับบุคลากรท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งท่าอากาศยานภูเก็ตร่วมกับคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี พ.ต.อ.นพ.โสภณ กฤษณรังสรรค์ เลขาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต พนักงานประจำสายการบินต่างๆ เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีนักเรียนจากโรงเรียนสตรีภูเก็ตร่วมสาธิตการช่วยเหลือชีวิตขั้นพื้นฐานด้วย ทั้งนี้จัดระหว่างวันที่ 6-7 กันยายน นี้ ที่ห้องประชุมชั้น 3 การท่าอากาศยานภูเก็ต นำโดยคณะแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตเป็นผู้ฝึกสอน ซึ่งการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในภาวะวิกฤตและการกู้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสำคัญยิ่งในการช่วยชีวิตผู้ที่หัวใจหยุดเต้นหรือไม่หายใจให้ได้ภายใน 4 นาที เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะสมองตายจากการขาดออกซิเจน ที่อาจทำให้เกิดภาวะทุพพลภาพ

นายประเทือง กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมดังกล่าว เพื่อเพิ่มความรู้พื้นฐานด้านการช่วยชีวิตให้กับบุคลากรของการท่าอากาศยานฯ ผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ของสายการบินต่างๆ ซึ่งน่ายินดีที่มีองค์กรตอบรับส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมกว่า 50 องค์กร อาทิ การบินไทย บางกอกแอร์ แอร์เอเชีย ซิลค์แอร์ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างความมั่นใจในศักยภาพการดูแลนักเดินทางให้กับการท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตได้เป็นอย่างดี และนับเป็นครั้งแรกของท่าอากาศยานที่มีการจัดฝึกอบรมลักษณะเช่นนี้

ทางด้านพ.ต.อ.นพ. โสภณ กล่าวเสริมว่า การฝึกอบรมครั้งนี้มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการช่วยชีวิตของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ที่ผ่านการรับรองจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย และมีประสบการณ์การสอนให้กับบุคลากรองค์กรต่างๆ รวมทั้งนักเรียนนักศึกษามาแล้วต่อเนื่อง ซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้ความรู้จากหลักสูตรตามมาตรฐานการช่วยชีวิตของสมาคมแพทย์โรคหัวใจฯ ทั้งยังได้ฝึกปฏิบัติ ทำการสอบและได้รับประกาศนียบัตรจากสมาคมฯ ด้วยหวังให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นในยามฉุกเฉิน

สำหรับการอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR & First Aid ให้กับบุคลากรการท่าอากาศยานภูเก็ต เป็นการสานต่อจากโครงการฝึกอบรมช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสอนให้กับนักเรียน นักศึกษา ผู้สื่อข่าว จำนวนรวมกว่า 2,000 คน ในจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียง โดยขยายโครงการไปยังองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรด้านการท่องเที่ยว ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา