จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

ด.ช.วัย 5 และ 6 ขวบ จมน้ำคลองมุดง


เมื่อวันที่ 24 กันยายน 54 ร.ต.อ.ธีระวัฒน์ อำนาจเจริญยิ่ง ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดเหตุเด็กจมน้ำ ที่บริเวณคลองมุดง ต.วิชิต อ.เมือง ขอให้ประสานนักประดาน้ำ เพื่อดำหาเด็กที่จมในน้ำ หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งประสานชุดประดาน้ำของมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ชุดประดาน้ำ และหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นจุดชมวิวคลองมุดง โดย 2 ข้างลำคลองเป็นป่าโกงกาง ป่าชายเลนที่แยกจากทะเล รอบข้างเป็นป่าชายเลน นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังเป็นท่าเทียบเรือประมงพื้นบ้านของชาวบ้านในละแวก และเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง ก็พบชาวบ้านกำลังช่วยกันปั้มหัวใจ เด็กชายพินิจนันท์ ณ ร้อยเอ็ด อายุ 5 ปี เพื่อยื้อชีวิต แต่ทุกอย่างสายไป จึงได้รีบนำเด็กส่งรพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ยังมีเด็กที่จมหายไปอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ ด.ช.วรรณวุฒิ ฐานะกาญจน์ อายุ 6 ปี จากนั้นนักประดาน้ำมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ก็ได้ลงไปงมค้นหาโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็พบร่างของพบด.ช.วรรณวุฒิ แต่เสียชีวิตแล้วในที่สุด จากนั้นมูลนิธิได้นำศพส่งชันสูตรที่ รพ.วชิระภูเก็ตอีกราย
ทั้งนี้จากการสอบถามชาวบ้านก็ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ช.พินิจนันท์ ด.ช.วรรณวุฒิ และเพื่อนวัยไล่เลี่ยกันอีก 1 คนได้ชักชวนกันไปเล่นน้ำริมคลองมุดง ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต โดยที่บริเวณดังกล่าวพื้นด้านล่างเป็นโคลนเลน ประกอบกับในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงน้ำขึ้น ทำให้มีคลื่นและเชี่ยว ทำให้ด.ช.พินิจนันท์ ก้าวพลาดและลื่นไถลตกลงไปในคลองที่มีน้ำลึก ทำให้ ด.ช.วรรณวุฒิ ซึ่งอยู่ใกล้กับด.ช.พินิจนันท์ พยายามเข้าช่วยเหลือ ทำให้จมน้ำหายไปอีก 1 คน ส่วนเพื่อนอีก 1 คนตกใจกับเหตุการณ์ ก็ได้พยายามวิ่งขึ้นฝั่งและกลับบ้านพักไป โดยทั้งหมดว่ายน้ำไม่เป็น ทำให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดดังกล่าวขึ้น
ด้านนางละอองศรี ดีเสมอ อายุ 46 ปี มารดาของ ด.ช.พินิจนันท์ ได้กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม้ค้าขายส้มตำชื่อ “ร้านอีสานมะรุม” มีลูกในสายเลือด 2 คน ส่วนด.ช.พินิจนันท์ เป็นลูกบุญธรรม แต่มีความผูกพันและรักเหมือนลูกในสายเลือด ขณะนี้ด.ช.พินิจนันท์ กำลังเรียนอยู่ในชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียน อบจ.บ้านตลาดเหนือ ก่อนเกิดเหตุตนเห็นลูกชายและเพื่อนๆ รวม 4 คน กำลังเล่นน้ำอยู่ที่คลองมุดง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านก็ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากปกติลูกของตนและลูกของแม่ค้าในตลาดนัดคลองมุดงได้เล่นน้ำทะเล เกือบทุกวัน จึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุอย่างนี้ได้ และตนมีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

อบต.ฉลองยกฐานะเป็นเทศบาลตำบล


เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 23 ก.ย.นี้ ที่ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทย นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบประกาศกระทรวงมหาดไทย เพื่อจัดตั้งและเปลี่ยนฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 15 แห่ง ประกอบ จากองค์การบริหารส่วนตำบล ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบล จำนวน 12 แห่ง โดยอบต.ฉลองเป็น 1 ใน 12 แห่งด้วย นอกจากนี้ยังมีองค์การบริหารส่วนตำบล ยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองจำนวน 2 แห่ง และยกฐานะจากเทศบาลตำบล เป็นเทศบาลเมือง 1 แห่ง

สำหรับพิธีมอบประกาศในครั้งนี้นับเป็นการมอบประกาศกระทรวงมหาดไทย เพื่อจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครั้งที่ 3 ภายในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ที่นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งได้ลงนามในประกาศจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้ว 35 ฉบับ และได้จัดพิธีมอบเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพนักงาน ซึ่งผู้เข้าร่วมพิธีต่างมีความภาคภูมิใจและแสดงความชื่นชมที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเชิงโครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เป็นเทศบาลตำบลฉลอง โดยกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า มีสภาพเหมาะสม สมควรให้จัดตั้งเป็นเทศบาลตำบล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพ้นสภาพแห่งการเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล รวมทั้งให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสิ้นสุดลง และนายยกองค์การบริหารส่วนตำบลพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ได้มีประกาศนี้ จัดตั้งขึ้นเป็นเทศบาลตำบลเป็นต้นไปบรรดางบประมาณ ทรัพย์สิน สิทธิ สิทธิเรียกร้อง หนี้พนักงานส่วนตำบลและลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลโอนไปเป็นของเทศบาลตำบลที่จัดตั้งขึ้นและบรรดาข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลที่ได้ใช้บังคับเรื่องใดอยู่ก่อนแล้วคงใช้บังคับได้ต่อไปเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการตราเทศบัญญัติในเรื่องนั้นขึ้นใหม่ ตามมาตรา 42แห่งราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสภาส่วนตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546 โดยองค์การบริหารส่วนตำบลฉลองนั้นยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลฉลอง มีผลตั้งแต่ วัน ที่ 1 ต.ค.นี้
นายณัฎฐ์พงศ์ วิมลพันธุ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉลอง กล่าว หลังจากที่อบต.ฉลอง มีการทำประชาคมสอบถามให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการยกฐานะจากอบต.ฉลองเป็นเทศบาลตำบล รวมทั้งให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเรื่องการยกฐานะ ซึ่งประชาชนทั้งหมดต้องการให้มีการยกฐานะจากอบต.เป็นเทศบาลตำบล จากนั้นอบต.ฉลอง มีการดำเนินการตามขั้นตอนการขอยกฐานะ เพื่อเสนอให้กระทรวงมหาดไทยอนุมัติ การยกฐานะ กระทั่งมีเซ็นอนุมัติยกฐานะดังกล่าว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป และหลังจากนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้จัดการเลือกตั้งโดยจะต้องพิจารณาเรื่องเขตเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จ หรือมีผู้คัดค้าน กกต.ก็สามารถขยายเวลาเลือกตั้งออกไป จนกว่าจะจัดเรื่องระบอบการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ซึ่งกกต.จะต้องเร่งดำเนินการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด

มอบทุนเด็กเรียนดีแต่ขาดแคลน จำนวน 27 ทุน


เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2554 ที่บ้านวานิช เลขที่ 7/3 ม.2 ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอภิรักษ์ วานิช ประธานมูลนิธิบุญรอด – เอกพจน์ วานิช พร้อมด้วยนางอัญชลี วานิช เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 1 จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานมูลนิธิฯ และกรรมการมูลนิธิฯ ได้ร่วมกันมอบทุนการศึกษา “มูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช” ครั้งที่ 15 ประจำปี 2554 ให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนใน จ.ภูเก็ต จำนวน 27 ทุน เป็นเงินรวม 99,400 บาท โดยมีผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครองนักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับทุนเข้าร่วม
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า มูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช เกิดขึ้นจากดำริของคุณแม่บุญรอด ที่ต้องการสละทรัพย์ เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนการศึกษาให้แก่เด็กในจังหวัดภูเก็ต โดยจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2539 จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ด้วยทุนจะทะเบียน 2 ล้านบาท และนำดอกผลมามอบเป็นทุนการศึกษา เริ่มตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา เพื่อเป็นการจัดสรรทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ส่งเสริมงานวัฒนธรรม ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือร่วมกับองค์กรกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด
ทั้งนี้ในส่วนของทุนการศึกษาที่มอบในปีการศึกษา 2554 ซึ่งเป็นครั้งที่ 15 มีจำนวน 27 ทุน เป็นเงินรวม 99,400 บาท ประกอบด้วยโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 8 ทุน ระดับประถมศึกษา จำนวน 3 ทุน ทุนละ 2,000 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 4 ทุน ทุนละ 3,300 บาท และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 1 ทุน ทุนละ 4,000 บาท, สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 10 ทุน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 4 ทุน ทุนละ 3,300 บาท และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 6 ทุน ทุนละ 4,000 บาท,
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จำนวน 2 ทุน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1 ทุน ทุนละ 4,000 บาท และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จำนวน 1 ทุน ทุนละ 4,000 บาท สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาจำนวน 4 ทุน ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นต้น (ปวช.) จำนวน 4 ทุน ทุนละ 4,000 บาท และสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน ในระดับปริญญาตรี จำนวน 3 ทุน ทุนละ 5,000 บาท
อย่างไรก็ตามการมอบทุนการศึกษาในช่วงระหว่างปี 2540-2553 มีการมอบไปแล้วจำนวน 347 ทุน เป็นเงิน 1,086,900 บาท

คนร้ายกระจอก ใช้ลูกซองยิงกำนันต.กะรน


เมื่อวันที่ 24 กันยายน 54 ร.ต.อ.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งจากนายวินัย ชิดเชี่ยว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 218/1 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ตและนายณรงค์ แซ่มิ่น อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/12 ซอยปฎัก 22 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า ถูกคนร้ายขับรถยนต์กระบะมาจอดแล้วใช้อาวุธปืนยิงหมายเอาชีวิต โชคดีที่กระสุนไม่โดน แต่ไปถูกรถยนต์ตู้ของชาวบ้านได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่หน้าโรงแรมบ้านกะรน ถนนปฎัก ซอย 9 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย
หลังจากได้รับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 44 ภูเก็ต เดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดหน้าโรงแรมดังกล่าวพบรถยนต์ตู้สีบอร์น หมายเลขทะเบียน ขน – 4101 ภูเก็ต จอดอยู่หน้าโรงแรม สภาพด้านหลังของรถยนต์คันดังกล่าวถูกยิงเป็นรูพรุน รวม 7 รู พบหัวกระสุนตกอยู่ที่เกิดเหตุจำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้จากการสอบสวนนายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปร่วมพิธีงานศพของนายเปลื้อง โกนสร้าง ซึ่งอยู่ในซอยข้างโรงแรมบ้านกระรน ต.กะรน จนกระทั่งเกือบรุ่งเช้าของวันที่ 24 ก.ย. ตนก็ได้ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน เมื่อขับมาถึงหน้าโรงแรม ซึ่งอยู่ห่างกับบ้านพักของตนประมาณ 50 เมตร ก็พบนายณรงค์ แซ่มิ่น อายุ 42 ปี ก็ได้แวะยืนคุยกันได้ประมาณ 5 นาที จากนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อคนร้ายขับรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียนจำได้ 3813 ตรัง ขับเข้ามาจอดที่ริมถนน ห่างจากจุดที่ยืนอยู่ประมาณ 30 เมตร จากนั้นคนร้ายที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับได้ชักอาวุธปืนยิงมา 1 นัด เมื่อเห็นเช่นนั้นตนก็ได้หลบเข้าที่กำบัง ส่วนคนร้ายเมื่อยิงปืนแล้ว ก็ได้หลบหนีไปทางวงเวียนกะรน ต.กะรน เมื่อคนร้ายหลบหนีไปแล้ว ตนก็ได้ออกจากที่กำบัง แล้วเดินสำรวจรอบ พบรถยนต์ตู้ถูกกระสุนจนได้รับความเสียหายที่บริเวณประตูด้านหลัง จากนั้นก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบดังกล่าว
นายวินัย ยังกล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุครั้งนี้คาดว่าน่าจะเกิดมาจากที่ตนมีความขัดแย้ง และร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง 2 นาย ประเด็นที่ 2 อาจจะเกิดมาจากตนเป็นแกนนำต่อต้านการฮุบที่ดินสาธารณะของโรงแรมดังระดับ 5 ดาว ในพื้นที่กะรน จนทำให้รมว.มหาดไทย ให้หน้าห้องโทรมาหาตนและได้สั่งให้เลิกการต่อต้านการฮุบที่ดินสาธารณะดังกล่าว ส่วนประเด็นที่ 3 น่าจะเกิดมาจากที่ตนเตรียมแฉความไม่ชอบมาพากลของการบริหารเงินวัดกิตติสังฆาราม วัดกะตะ ต.กะรน จึงสั่งคนมาตามฆ่าตน เพื่อหวังไม่ให้ตนได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

แอร์เอเชียบินรับปิดเทอมเริ่ม 690 บาท


สายการบินแอร์เอเชีย ชวนบินเครื่องใหม่สัมผัสประสบการณ์นอกห้องเรียนฉลองปิดเทอมสู่ปลายทางหลากหลาย เจาะกลุ่มเที่ยวแบบครอบครัวและเที่ยวกับเพื่อน ในราคาสุดคุ้ม ราคารวมเริ่มต้นเพียง 690 บาท/เที่ยว ในเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เชียงราย เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต นราธิวาส ย่างกุ้ง พนมเปญ โฮจิมินห์ และบินตรงจากภูเก็ตสู่เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี สิงคโปร์ บาหลี ราคารวมเริ่มต้น 1,090 บาท ในเส้นทางบินตรงจากเชียงใหม่ สู่หาดใหญ่ สิงคโปร์ จองด่วนได้แล้วตั้งแต่วันที่ 26 กันยายนถึง 2 ตุลาคมนี้ เพื่อเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคมถึง 16 พฤศจิกายน 2554 ดูรายละเอียดและสำรองที่นั่งจำนวนจำกัดได้แล้วที่ http://www.airasia.com/

นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่นักเรียนนักศึกษามีเวลาว่างในการทำกิจกรรมและท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ซึ่งสายการบินแอร์เอเชียก็พร้อมที่จะเป็นผู้สนับสนุนให้ทุกคนได้มีโอกาสท่องเที่ยวในราคาประหยัด ทั้งเที่ยวแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อน

“เราจะมีความสุขทุกครั้งที่เห็นนักเรียนนักศึกษาแบกเป้เที่ยวกันในช่วงปิดเทอม ทั้งในเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ เพราะเราถือว่าสายการบินมีส่วนช่วยให้พวกเขามีประสบการณ์นอกห้องเรียนที่มีค่า ได้เห็นโลกในมุมมองที่กว้างขึ้น และถือเป็นการเที่ยวพักผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเรียนด้วย” นายทัศพลกล่าว

จับน้ำมันเตา 40,000 ลิตร กว่า 8 แสนบาท


เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2554 ที่บริเวณท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตำรวจภูธรภาค 8 นำโดย พ.ต.อ.สุริศักดิ์ วิชัยดิษฐ์ ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.8 หัวหน้าชุดปฏิบัติการฯ ร.ต.อ.สมพร รักแก้ว รองสว.สส.2บก.สส.ภ.8 และ ร.ต.อ.วิชาญ รักพริก รอง สว.กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการฯ พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สารวัตรทำหน้าที่ทางน้ำตำรวจน้ำภูเก็ต ร่วมกันทำการจับกุมนายอนุสิทธิ์ เก็บทรัพย์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 6 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ผู้ดูแลเรือ พร้อมของกลาง เรือประมงดัดแปลงสีน้ำเงิน ชื่อเปรมิกา ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 20 เมตร จำนวน 1 ลำ และน้ำมันเชื้อเพลิง(น้ำมันเตา) เกรด A บรรจุซุกซ่อนอยู่ในตัวเรือลำดังกล่าว จำนวน 40,000 ลิตร มูลค่ากว่า 880,000 บาท โดยกล่าวหาว่า ได้กระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยมีไว้ซึ่งในครอบครองซึ่งสินค้า (น้ำมันเตา) ของกลางโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่ยังมิได้ชำระภาษีเก็บซุกซ่อนมากับเรือประมง
สำหรับการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายว่า ได้มีเรือลักลอบขนน้ำมันเถื่อนเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยนำมาขึ้นที่บริเวณท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ออกไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือประมงดัดแปลงจอดเทียบท่าอยู่จริง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าทำการตรวจสอบ พบภายในตัวเรือได้ทำเป็นช่องสำหรับบรรทุกน้ำมัน โดยภายในช่องบรรทุกมีน้ำมันอยู่จำนวนหนึ่ง โดยมีนายอนุสิทธิ์ เก็บทรัพย์ เป็นผู้ดูแลเรือลำดังกล่าว จึงได้ขอตรวจสอบถึงที่มาของน้ำมัน แต่นายอนุสิทธิ์ ไม่มีเอกสารให้ตรวจสอบ เพียงแต่แจ้งว่าเป็นผู้ดูแลเรือเท่านั้น ไม่ใช้เจ้าของเรือ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดเรือและน้ำมันของกลางดังกล่าว โดยแจ้งข้อกล่าวหาควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน ส.รน.3 กก.บก.รน.อ.เมืองภูเก็ต เพื่อลงบันทึกประจำวัน พร้อมรับตัวไปทำการเปรียบเทียบปรับที่สรรพสามิตพื้นที่ สาขาเมืองภูเก็ตต่อไป
และจากการสอบสวนนายอนุสิทธิ์ เก็บทรัพย์ ก็ทราบว่า เรือลำดังกล่าวเป็นของนายแม็ค ไม่ทราบชื่อ – นามสกุลจริง โดยนายแม็คได้ว่าจ้างให้มาเฝ้าเรือ ซึ่งเรือลำดังกล่าวได้เข้ามาจอดเทียบท่าเมื่อประมาณ 10 วันที่แล้ว ส่วนตนเองมีหน้าที่เฝ้า และคอยสูบน้ำภายในลำเรือออก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ทราบว่าเรือลำดังกล่าวมีน้ำมันอยู่ภายในเรือ แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นน้ำมันเถื่อน
จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ เรือลำดังกล่าวสามารถบรรทุกน้ำมันได้ทั้งสิ้น 70,000 ลิตร และครั้งนี้มีการขนน้ำมันมาจำนวน 60,000 ลิตร ได้มีการถ่ายออกไปแล้วประมาณ 20,000 ลิตร จึงเหลืออยู่ในเรือเพียง 40,000 ลิตร

สนามบินภูเก็ตฝึกซ้อมสถานการณ์เกิดสึนามิ


เมื่อวันที่ 23 กันยายน 54 บริเวณลานจอดรถอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานภูเก็ต นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานภูเก็ต ประจำปี 2554 เรื่องภัยสึนามิ (TSUNAMI) (PEMEX-2011) โดยมีเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต พนักงานบริษัทสายการบินและร้านค้าต่างๆ ในท่าอากาศยานภูเก็ต ตลอดจนประชาชนในบริเวณใกล้เคียงเข้าร่วมการฝึกซ้อมในครั้งนี้
เรืออากาศตรีธานี ช่วงชู รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต (ฝ่ายปฏิบัติการ) กล่าวว่า ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กำหนดให้ท่าอากาศยานของรัฐภาคี จัดให้มีแผนฉุกเฉิน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งกำหนดให้มีการฝึกซ้อมประจำทุกๆปีนั้น ในปี 2554 นี้ คณะทำงานฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานภูเก็ต ประกอบด้วย ผู้แทนท่าอากาศยานภูเก็ตและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานภูเก็ตบทที่ 13 ภัยสึนามิ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเกิดความมั่นใจ และมีประสบการณ์ในการปฏิบัติตามแผนฉุกเฉิน รวมทั้งสร้างความคุ้นเคยในพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ต
สำหรับการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้มีการสมมุติสถานการณ์ว่าเกิดภัยสินามิขึ้น และได้มีการประสานงานของหน่วยงานต่างๆ ทำการอพยพผู้โดยสาร พนักงานสายการบิน ผู้ประกอบการในเขตท่าอากาศยานภูเก็ตและประชาชนในบริเวณใกล้เคียงออกจากพื้นที่ไปยังจุดปลอดภัย ซึ่งได้กำหนดไว้ที่ บริษัท ครัวการบิน ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารของสนามบินประมาณ 1 กม. โดยเน้นการสั่งการ การสื่อสาร และการประสานงานกรณีเกิดภัยสึนามิ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและเรียบร้อย

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

British International School ดูงาน


British International School ดูงาน
คณะอาจารย์ และนักเรียนจาก British International School ได้เข้าเยี่ยมชมทัศนศึกษา ณ โรงพยาบาลสิริโรจน์ โดยเข้าเยี่ยมชมคลินิก และแผนกต่างๆ ภายในโรงพยาบาลฯ อาทิ เช่น แผนกฉุกเฉิน, อายุรกรรม, ศูนย์ทันตกรรม โดยมีเจ้าหน้าที่ และพยาบาลวิชาชีพ ประจำคลินิก เป็นผู้ให้ข้อมูล ความรู้แก่เหล่านักเรียน และคณะอาจารย์

กีฬาภายในอบจ.เมืองต้านภัยยาเสพติด


เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2554 ที่ สนามโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาภายในโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต ครั้งที่ 12 ประจำปีการศึกษา 2554 โดยมีนายอรุณ โสรฬ นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายโอภาส ชอบดี รองนายกอบต.ฉลอง นายไกรวุฒิ คุ้มบ้าน รองประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายอวยพร สกุลตัน ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.ภูเก็ต นายวิโรจน์ ตันติวิริยาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย คณะครู อาจารย์ คณะกรรมการสถานศึกษา ตลอดจน นักเรียน และผู้ปกครอง เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้นายวิโรจน์ ตันติวิริยาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาภายในโรงเรียน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทางโรงเรียนได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตามโครงการ “กีฬาต้านภัยยาเสพติด” เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และมุ่งเน้นในการฝึกฝนความสามารถทางด้านกีฬา ความสามัคคี ความรับผิดชอบ รวมไปถึงคุณลักษณะอันพึงประสงค์อื่นๆ ที่โรงเรียนได้กำหนดขึ้น พร้อมทั้งเป็นการรณรงค์ให้นักเรียนทุกคนห่างไกลจากยาเสพติด โดยใช้กิจกรรมเป็นสื่อกลางตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ จะเป็นการคัดเลือกนักกีฬาที่มีความสามารถ เข้าร่วมแข่งขันในระดับจังหวัด ประจำปี 2554 ต่อไป
ทั้งนี้ ในการจัดแข่งขันกีฬาดังกล่าว ทางโรงเรียนได้รับความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจจากคณะครู อาจารย์ นักเรียน ผู้ปกครอง รวมถึงได้รับการสนับสนุนเงินงบประมาณ ชุดนักกีฬา และอุปกรณ์การแข่งขัน จาก อบจ.ภูเก็ต ได้แก่ เงินอุดหนุนตามโครงการ “กีฬาต้านภัยยาเสพติด” เป็นเงินจำนวน 350,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก อบต.ฉลอง เทศบาลตำบลราไวย์ สถานีตำรวจภูธรตำบลฉลอง สถานีอนามัยตำบลราไวย์ เป็นต้น
ทางด้าน นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า “รู้สึกภาคภูมิใจและดีใจแทนผู้ปกครองนักเรียนทุกครั้งที่ได้มาโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต เพราะว่าที่นี่ เป็นโรงเรียนที่ให้การศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมปลาย ซึ่งคุณครูได้เอาใจใส่ดูแลนักเรียนอย่างเต็มที่ ยิ่งได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจกันของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ความพร้อมเพรียง และการประสานงานที่ดีของนักกีฬาและกองเชียร์ทุกสี ที่แสดงถึงคุณธรรม และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พี่น้องชาวไทยควรต้องรำลึก โดยนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิต
ในการนี้ ต้องขอขอบคุณ ผอ.วิโรจน์ ตันติวิริยาภรณ์ ที่นำคณะครู และนักเรียน มาร่วมทำการแข่งขันกีฬา ซึ่งคนเป็นนักกีฬา จะต้องมีความสามารถ และมีการประสานงานที่ดีติดตัวไป บุคคลที่จบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้ จะต้องเป็นผู้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ซึ่งไม่เพียงแต่เก่งด้านการเรียนเท่านั้น แต่จะต้องเก่งคน เก่งงานด้วย นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการแข่งขัน ขอให้ทุกท่านจงประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ และขอให้นักเรียนทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเป็นกำลังสำคัญของจังหวัดภูเก็ตในอนาคต

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

อบรมให้ความรู้ผู้เดินทางไปฮัจญ์ ประจำปี 2554


เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 ที่โรมแรมโบ๊ทลากูน รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานกล่าวเปิดการอบรมโครงการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประจำปี 2554 โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ.ภูเก็ต, นายจีรศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต, นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัด อบจ.ภูเก็ต, สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต เข้าร่วม
สำหรับการจัดอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.อิสมาแอล อาลี ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักจุฬาราชมนตรี ผู้แทนจากบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหน้าที่จากท่าอากาศยานภูเก็ต รวมทั้งคณะแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต มาเป็นวิทยาการให้ความรู้ ซึ่งมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 230 คน
นายจีรศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า “การประกอบพิธีฮัจญ์ เป็นหลักการหนึ่งของศาสนาอิสลามที่กำหนดให้ผู้ที่มีความสามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ โดยต้องเป็นมุสลิมที่มีสุขภาพแข็งแรง สติปัญญาสมบูรณ์ มีทรัพย์สินเพียงพอในการใช้จ่ายโดยมิต้องเป็นหนี้สินและเดือดร้อนบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ และเส้นทางที่จะเดินทางไปจะต้องปลอดภัย หากผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ไม่ได้เตรียมตัวให้มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ขาดความรู้และขั้นตอนการเตรียมความพร้อมในการไปปฏิบัติศาสนกิจของการประกอบพิธีฮัจญ์ อาจจะทำให้การประกอบพิธีฮัจญ์ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงได้เห็นความสำคัญของการดังกล่าว จึงได้กำหนดจัดทำโครงการอำนวยความสำหรับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประจำปี 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เดินทางได้มีความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนทราบถึงขั้นตอนในการประกอบพิธีฮัจญ์ที่ถูกต้องและทราบถึงแนวทางและวิธีการปฏิบัติตนในเรื่องของสุขภาพอนามัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมตลอดจนการปฏิบัติตนในช่วงของการไปประกอบพิธีฮัจญ์ เพื่อเตรียมการเดินทาง รวมทั้งการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์และญาติที่ไปร่วมส่งผู้เดินทาง และเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการปฏิบัติตามหลักศาสนาของชาวไทยมุสลิม”
ด้านนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับพี่น้องที่เข้าร่วมการอบรมในวันนี้ถือว่าเป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง เพราะว่าอัลเลาะห์ได้เลือกท่านแล้ว ซึ่งเป็นผู้ที่มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงทรัพย์สินในการเดินทางไปแสวงบุญ ในการนี้ จึงอยากแสดงความยินดีสำหรับทุกท่านที่จะกลับมาเป็นทูต โดยนำความดีทั้งหลายกลับมาแบ่งปัน และเป็นทูตที่ดีต่อไป
สำหรับการจัดอบรมในครั้งนี้ จะทำให้ทุกท่านได้ทราบถึงความพร้อมในการประกอบพิธีฮัจญ์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้าใจ และเกิดความร่วมแรงร่วมใจกลับมาทำงานในสิ่งที่อัลเลาะห์ปรารถนา จึงขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ขอให้ทุกท่านเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์โดยสวัสดิภาพ และได้รับพระพรจากองค์อัลเลาะห์โดยทั่วหน้ากัน นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าว

ภูเก็ตพร้อมจัดโตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต 2011


เมื่อวันที่ 22 กันยายน 54 ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ จังหวัดภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายกวี ตันสุคตานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายรุ่งโรจน์ ขันชะลี รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต 2011 สนามที่ 5 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 8 – 9 ตุลาคม 2554 ณ สนามชั่วคราว สะพานหิน อ.เมือง ภูเก็ต โดยมี นายรณชัย เขมนิพัทธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต นายวิบูลย์ชัย ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทโตโยต้าเพิร์ล จำกัด นายวิรัช พาที ผอ.กกท.สาขาภูเก็ต แขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหารผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า สื่อมวลชน เข้าร่วมการแถลงข่าว
ทั้งนี้ นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า นับเป็นโอกาสอันดี ที่ทางจังหวัดภูเก็ต ได้รับความสนใจจากค่ายรถยนต์ถึง 2 ค่าย ในเวลาใกล้เคียงกัน มาจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งจะนักนักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจด้านการแข่งขันรถทางเรียบเดินทางเข้ามาจังหวัดภูเก็ต และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ไม่ว่าโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ต ให้การสนับสนุนอยู่แล้วสำหรับการแข่งขันรถทางเรียบ
ด้านนายกวี ตันสุคตานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้กล่าวว่า ทางเทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ยินดีที่จะให้การสนับสนุน ถึงแม้จะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้ได้การรับรองจากผู้จัดการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้เคยจัดการแข่งขันมาแล้ว และอีกบริษัทก็ได้จัดการแข่งขัน 2 ปีติดต่อกัน นักว่าประสบความสำเร็จอีกก้าวหนึ่ง นอกจากนี้สนามยังใกล้เมือง และใกล้ทะเลที่สุดก็ว่าได้ ไม่มีสนามใดอยู่ใกล้ทะเลมากว่านี้แล้ว ฉะนั้นจึงขอเชิญชวนผู้ที่ชื่นชอบความเร็วมาสัมผัสได้ในช่วงดังกล่าว
ส่วนนายรุ่งโรจน์ ขันชะลี รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้บุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทย นับตั้งแต่ปี 2529 ในนาม โตโยต้า ทีม ไทยแลนด์ ตลอดระยะเวลา 25 ปี ได้สร้างผลงานโดดเด่นมากมาย ทั้งระดับชาติ และระดับนานาชาติ และยังได้ริเริ่มจัดการแข่งขัน โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 เพื่อสร้างโอกาสให้นักแข่งทุกระดับได้พัฒนาทักษะและประสบการณ์ในการแข่งขัน พร้อมทั้งนำความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ อันเป็นจุดเด่นของการแข่งขันของกีฬาประเภทนี้ ขยายไปยังผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยได้รับความไว้วางใจจากผู้ชมและสื่อมวลชนเป็นอย่าดี นอกจากนี้ยังเป็นการสร้าง ทีมแข่งชั้นนำและนักแข่งดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นจากระดับมือสมัครเล่น สู่ทำเนียบแข่งมืออาชีพ เพื่อสร้างโอกาสให้นักแข่งทุกระดับได้พัฒนาทักษะและสร้างประสบการณ์ในการแข่งขัน
นายรุ่งโรจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้ โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต มุ่งมั่นพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทย กับการแข่งขันมอเตอร์ สปอร์ตเต็มรูปแบบ ภายใต้การสนับสนุนของการกีฬาแห่งประเทศไทย และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นสร้างความสุข สนุกสนานและกิจกรรมความบันเทิงต่างๆมากมาย ได้แก่ กิจกรรมการสร้างโอกาสให้กับนักแข่งหน้าใหม่ มีรายการสำคัญ 3 รายการ ได้แก่ รายการสำหรับนักแข่งหญิงล้วน ที่สร้างสีสันชวนติดตามสำหรับผู้ชมตลอดทุกรอบการแข่งขัน
รายการแข่งขันหน้าใหม่ที่มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจและมีรถแข่งเข้าร่วมแข่งขันมากถึง 20 คัน รายการแข่งขันเพื่อสร้างสมประสบการณ์ให้กับนักแข่งที่ก้าวหน้าขึ้นจากนักแข่งหน้าใหม่ เพื่อปูเส้นทางสู่การเป็นนักแข่งมืออาชีพ กิจกรรมการสร้างสีสันให้กับการแข่งขันด้วย โตโยต้า เรซซิ่ง สตาร์ ทีม
จะมีดารารับเชิญเข้าร่วมเพื่อเป็นสีสันของการแข่งขัน กิจกรรมรายการแข่งขันใหม่ล่าสุด PRIUS No One Else Experience พิสูจน์สมรรถนะการประหยัดน้ำมันของรถยนต์ไฮบริค กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนนักแข่งหน้าใหม่ เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่การแข่งขัน กิจกรรมรณรงค์เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ภายใต้โครงการ “ถนนสีขาว” และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายภายในงานดังกล่าว
ในโอกาสเดียวกันนี้ ทางผู้จัดการแข่งขันโดยนายรุ่งโรจน์ ขันชะลี รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ยังได้มอบเงินสนับสนุนในด้านทุนการศึกษาให้กับทางเทศบาลนครภูเก็ตเป็นเงินจำนวน 150,000 บาท และมอบเงินสนับสนุนวงโยธวาทิต ให้กับโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต จำนวน 10,000 บาทด้วย

ประเพณีถือศีลกินผักยึดตามประเพณีดั้งเดิม


เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 ที่ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนางเอมอร กิตติธรกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และนายประเสริฐ ฟักทองผล ประธานชมรมอ๊ามภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 โอกาสเดียวกันนี้ยังรับมอบเสื้อสีขาวจากหน่วยงานเอกชนเพื่อสนับสนุนงานประเพณีถือศีลกินผัก ประกอบด้วยศูนย์การค้าจังซีลอน จำนวน 100 ตัว ห้างแม็คโคร 180 ตัว ห้างบิ๊กซี ภูเก็ต จำนวน 100 ตัว และโครงการพนาสนธิ์ จำนวน 200 ตัว
นายตรี กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับชมรมอ๊ามภูเก็ต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดงานประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 ในระหว่างวันที่ 27 กันยายน - 5 ตุลาคม 2554 เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่เก่าแก่ของชาวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปี โดยกำหนดจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดขบวนแห่เทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ในวันพุธที่ 28 ก.ย. เวลา 16.00 น.จากบริเวณสนามชัย ไปสู่เวทีกลางสะพานหิน,จัดพิธีซงเก้ง(สวดมนต์) ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันพุธที่ 28 ก.ย. เริ่มเวลา 17.00 น. ณ บริเวณเวทีกลางสะพานหิน,การออกเยี่ยม และร่วมรับประทานอาหารกับคณะกรรมการอ๊าม(ศาลเจ้า)ต่างๆ ของผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และคณะ ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-5 ต.ค. 2554, การจำหน่ายอาหารเจ ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-5 ต.ค. ณ บริเวณอ๊าม (ศาลเจ้า) ต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต
นอกจากนี้อ๊าม(ศาลเจ้าต่างๆ ) จะประกอบพิธีกรรม ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-5 ต.ค. อาทิ พิธีโข้กุ้น(พิธีเลี้ยงอาหารทหารที่รักษาอ๊าม) พิธีป้ายชิดแช(พิธีบูชาดาว) พิธีอิ้วเก้ง(พิธีแห่งพระรอบตัวเมืองภูเก็ต) พิธีอาบน้ำมัน พิธีอาบน้ำมัน พิธีขึ้นบันไดมีด พิธีโก้ยโห้ย(พิธีลุยไฟ) พิธีโก้ยห่าน(พิธีสะเดาะเคราะห์) ฯลฯ
ด้านนางเอมอร กล่าวว่า ในการจัดงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ปีทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้เน้นเป็นพิเศษในเรื่องสุขาภิบาลอาหาร การจุดปะทัด และม้าทรง โดยในเรื่องของสุขาภิบาลอาหาร มีการอบรมแม่ค้า ผู้ประกอบการค้า และผู้ประกอบการอาหารในอ๊าม ให้เน้นความสะอาด และวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารต้องให้ปลอดภัย ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าปี 2553 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการจุดประทัดมากกว่าปี 2552 แบ่งเป็นบาดเจ็บตามร่างกายเนื่องจากโดนประทัด และประทัดเข้าตา รวมจำนวน 40 ราย โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากประทัดมากที่สุด จึงอยากจะเตือนประชาชนเรื่องของประทัด ทั้งที่จุดเพื่อถวายพระ หรือจุดเล่นกันเอง ให้จุดอยู่กับที่ไม่ต้องวิ่งตามพระ และที่ให้ความสำคัญอีกเรื่อง คือ การใช้อาวุธของม้าทรง อยากให้รักษาประเพณีไว้ โดยการใช้อาวุธตามตำนาน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของม้าทรงเอง และเพื่อให้ม้าทรงและมีเลี้ยงมีสุขภาพดี ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้จัดเตรียมปลั๊กเอียแจกให้ด้วย
ส่วนทางด้าน นายไพบูลย์ กล่าวว่า ด้วยปีนี้เป็นปีมหามงคลของชาวไทย ประกอบกับงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ตเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ทาง อบจ.ภูเก็ต ได้จัดขบวนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นในวันที่ 28 ก.ย.เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.จากสนามชัย ไปยังเวทีกลางสะพานหิน นอกจากนี้ในวันที่ 26 ก.ย.จะมีการเปิดตัวโครงการน้ำพุดนตรีขึ้นอย่างเป็นทางการ พร้อมจัดให้มีการแสดงม่านน้ำ แสง สี เสียง บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมกันสืบทอดประเพณีอันดีงามของจังหวัดภูเก็ตต่อไป โดยจะเริ่มจัดแสดงตั้งแต่เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป นอกจากนี้ ทาง อบจ.ยังได้จัดทำโครงการที่จะนำข้าวสาร น้ำมันปาล์ม ไปมอบให้กับทุกศาลเจ้าที่ร่วมงานประเพณีถือศีลกินผักด้วย
ขณะที่ทางด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า ประชาชนที่ร่วมงานประเพณีถือศีลกินผักสามารถเดินทางไปทำบุญที่ศาลเจ้าได้ทุกศาลเจ้า โดยใกล้ศาลเจ้าไหนก็ให้ไปที่นั้น เพราะทุกศาลเจ้ามีพระองค์เดียวกัน และที่สำคัญเพื่อความสะดวกในเรื่องการจราจรด้วย ส่วนการจุดประทัดนั้น ไม่ใช่จุดใส่คนหรือองค์พระ แต่เป็นการจุดเพื่อต้อนรับองค์พระเท่านั้น โดยการจุดลงที่พื้น แต่ที่ผ่านมาประเพณีการจุดประทัดของเราเป็นการเล่นประทัดเสียมากกว่า และสำหรับประทัดที่นำมาจุดก็ต้องเป็นประทัดแพเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกับการใช้วัสดุทิ่มแทงตามร่างกายของม้าทรงซึ่งเชื่อว่าเป็นการรับเคราะห์แทนประชาชนนั้นก็ขอให้ใช้อาวุธตามตำนาน เพราะการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการแสดงอภินิหาร แต่เป็นเรื่องของความศรัทธา