จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อบจ.ภูเก็ตส่งเสริมจริยธรรมอิสลามภูเก็ต


เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2554 ที่ห้องจามจุรี โรงแรม ภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการจริยธรรมอิสลามศึกษาจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 16 ประจำปี 2554 ซึ่งทางสมาคมส่งเสริมจริยธรรมอิสลามจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนงบประมาณของ อบจ.ภูเก็ต จำนวน 500,000บาท โดยมีนายบำรุง สำเภารัตน์ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ.ภูเก็ต นายจิรายุส ทรงยศและนายจิระศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต คณะกรรมการสมาคมส่งเสริมจริยธรรมอิสลามจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต อิหม่ามประจำมัสยิด ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น หัวหน้าครอบครัว นักเรียน นักศึกษาและบุคคลทั่วไปเข้าร่วม จำนวนประมาณ 1,000 คน โดยการอบรมดังกล่าวจะจัดขึ้นสัปดาห์ละหนึ่งครั้งในวันอาทิตย์ ที่โรงเรียนมุสลิมวิทยา โดยจะไปสิ้นสุดในวันที่ 23 กรกฎาคม 2554

นายปริญญา ประหยัดทรัพย์ นายกสมาคมส่งเสริมจริยธรรมอิสลามจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันหลักที่เป็นรากฐานของสังคม หากสถาบันครอบครัวไม่มั่นคงก็จะทำให้ความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันอันดับแรกในการสร้างบุคคลให้มีคุณภาพ ซึ่งพื้นฐานของการสร้างสถาบันครอบครัวให้มีคุณภาพ คือ การสร้างคุณธรรม จริยธรรมในครอบครัว โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความศรัทธายึดในหลักคำสอนของศาสนา

จากเหตุผลดังกล่าวทางสมาคมฯ จึงได้จัดให้มีโครงการอบรมจริยธรรมอิสลามจังหวัดภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาเป็นครั้งที่ 16 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการอบรมได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม เพิ่มศักยภาพแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ให้เกิดความรักความสามัคคีท่ามกลางพหุวัฒนธรรม มีความเข้าใจในชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ตลอดจนให้ผู้เข้าร่วมสัมมนานำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ชักนำประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง นายปริญญากล่าว

ขณะที่นายไพบูลย์ กล่าวว่า อบจ.ภูเก็ตมีนโยบายในการส่งเสริมการเรียนรู้ คู่คุณธรรม โดยสนับสนุนให้สถาบันศาสนาเข้ามามีส่วนร่วมในการเผยแพร่ความรู้ ด้วยการนำหลักคำสอนของศาสนามาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม สนับสนุน ส่งเสริมและทะนุบำรุงศาสนา ซึ่งโครงการอบรมจริยธรรมอิสลามเป็นหนึ่งในหลายๆ โครงการด้านศาสนาอิสลามที่ทาง อบจ.ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อบจ.ภูเก็ต ปิด “กีฬาพาสุขเพื่อลูกรัก”

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ที่ห้องประชุม สนามกีฬาสุระกุล จังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรและปิดการอบรมโครงการฝึกกีฬาภาคฤดูร้อน กีฬาพาสุขเพื่อลูกรัก ประจำปี 2554 พร้อมให้โอวาทแก่ทีมนักกีฬาเยาวชนรุ่นอายุ 14 ปี (ฟีฟ่า) ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นตัวแทนจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนและประชาชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2554 รอบคัดเลือก เขต 8 ในระหว่างวันที่ 7 – 13 พฤษภาคม 2554 ณ จังหวัดพังงา โดยมี นายวัชรินทร์ ปฐมวัฒนพงศ์ รองปลัด อบจ.ภูเก็ต นายอาซิ่น อร่ามเมธาพงศา ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต นายณรงค์ สิงห์ฆาฬะ รองประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายบุญอุ้ม เอื้อจิตตระกูล สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต นายจิรทีป นาวารักษ์ สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จาก อบจ.ภูเก็ต รวมถึงคณะวิทยากร และผู้ปกครอง เข้าร่วม

การฝึกอบรมตามโครงการฝึกกีฬาภาคฤดูร้อน กีฬาพาสุขเพื่อลูกรัก ประจำปี 2554 ได้ดำเนินการเปิดอบรม ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม – 6 พฤษภาคม 2554 โดยมีการฝึกอบรมทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล และเทเบิลเทนนิส สำหรับกีฬาฟุตบอลใช้สนามกีฬาฟุตบอลฟีฟ่า สนามกีฬาฟุตบอลโรงเรียนถลางพระนางสร้าง สนามกีฬาฟุตบอลโรงเรียนเทศบาล 2 บ้านกะทู้ และเทเบิลเทนนิส ใช้โรงเรียนภูเก็ตไทยหัวเป็นสถานที่ฝึกอบรม โดยมีผู้ผ่านการฝึกอบรมรวมทั้งสิ้น จำนวน 430 คน แยกเป็น ฟุตบอล 330 คน เทเบิลเทนนิส 100 คน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคณะวิทยากรที่ดำเนินการฝึกอบรมแก่เยาวชน ตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรมนั้น เยาวชนทุกคนได้ให้ความร่วมมือและตั้งใจฝึกฝนเป็นอย่างดี ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการฝึกอบรม จึงทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนจะได้รับความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในด้านกีฬาฟุตบอล และเทเบิลเทนนิส เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การฝึกอบรมตามโครงการฝึกกีฬาภาคฤดูร้อน กีฬาพาสุขเพื่อลูกรัก ทำให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ จึงขอให้นำความรู้จากการฝึกอบรมในครั้งนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา เป็นนักเรียนที่ดี มีความกตัญญูกตเวทีต่อคุณพ่อคุณแม่ สำหรับนักกีฬาเยาวชนรุ่นอายุ 14 ปี ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนและประชาชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2554 รอบคัดเลือกเขต 8 ณ จังหวัดพังงา ก็ขอให้ได้รับชัยชนะในการแข่งขันกลับมา ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะฝึกอบรมในลักษณะเช่นนี้เป็นประจำทุกปี และในโอกาสนี้ ขอขอบคุณคณะวิทยากร ท่านผู้มีเกียรติ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ตลอดจนหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ทุกฝ่าย ที่ได้ให้ความร่วมมือร่วมใจ จนทำให้การฝึกอบรมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเคารพนับถือ จงดลบันดาลให้ทุกท่าน จงประสบความสุขความเจริญโดยทั่วกัน

ธนารักษ์ตรวจสอบพื้นที่ให้เช่า


นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวภายหลังจากลงพื้นที่ในการตรวจสอบ พื้นที่ในการดูแลของธนารักษ์ ที่ทางบริษัท บางกอกแอร์เวย์ ได้เช่าพื้นที่ และปรับปรุงพื้นที่ ว่า ด้วยทางบริษัท บางกอกแอร์เวย์ ซึ่งเป็นบริษัทได้ขอเช่าพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของธนารักษ์ มีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่เศษ ซึ่งเดิมเป็นบ้านพักผู้จัดการธนาคารชาร์เตอร์เก่า และทำสัญญาตั้งแต่ปี 47 ที่ผ่านมา ซึ่งทางบริษัทบางกอกแอร์เวย์ได้เสนอว่าพื้นที่ตรงนี้จะทำเป็นออฟฟิศ และจะมีส่วนของที่พักพนักงานอยู่ด้วย เนื่องจากว่า ณ ขณะนี้ บริษัทบางกอกแอร์เวย์ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านมา มาโดยตลอด ก็เลยขอขยายเวลาในส่วนของการพัฒนาที่ดินแปลงนี้ให้เป็นไปตามโครงการที่วางไว้

สำหรับพื้นที่ดังกล่าว ทางบริษัทบางกอกแอร์เวย์ ได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ ภายในระยะเวลาเช่า 30 ปี ให้เป็นสถานที่ก่อสร้างออฟฟิศของบางกอกแอร์เวย์ เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่มีการสร้างออฟฟิศ หรือสถานที่ทำงานให้เป็นเรื่องเป็นราว สภาพยังเหมือนเดิม ซึ่งการพัฒนาพื้นที่มีน้อยมาก แต่มีการขอขยายเวลาในการปรับปรุงมาแล้ว 2 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่ที่ผ่านมาไม่มีการปรับปรุงแต่อย่างไร และจะมีการขยายเวลาในการปรับปรุงอีกหรือไม่ ซึ่งจะได้นำเรื่องนี้ไปเข้าคณะกรรมการอีกครั้งหนึ่ง

ด้านนายวัชระ อำนวยรักษ์สกุล ผู้จัดการส่วนพัฒนาธุรกิจทางบริษัทบางกอกแอร์เวย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทประสบปัญหา ไม่สามารถทำการปรับปรุง และก่อสร้างตามที่ได้สัญญาเอาไว้ ซึ่งปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ การเกิดภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ และปัญหาอื่นๆ อีกมาย ซึ่งทางบริษัทยังมีความตั้งใจที่จะก่อสร้างเหมือนเดิม ซึ่งจากเหตุผลที่ได้ชี้แจงไว้ หลังจากทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ ก็จะกลับมาดำเนินการต่อ ซึ่งต้องขอต่อเพิ่มสัญญาเพื่อที่จะดำเนินการก่อสร้างต่อไปให้เสร็จ และพยายามทำให้เร็วที่สุด

เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสนาม “ภูเก็ตเกมส์”

นายวิรัช พาที ผู้อำนวยการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจความของสนามที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 หรือ ภูเก็ตเกมส์ ว่า ในช่วงนี้ ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบสนามกีฬาต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต ที่เตรียมไว้จัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 “ภูเก็ตเกมส์” ทั้งนี้เพื่อดูความพร้อมของสนาม ว่าสนามที่จะใช้จัดการแข่งขันได้มาตรฐานตามที่กำหนดหรือไม่ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับปรุงสนามให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิวของสนาม ระบบแสงสว่าง ความสามารถในการรองรับผู้เข้าชม หรือแม้แต่ห้องพักนักกีฬาก่อนการแข่งขัน ระหว่างพักการแข่งขัน

สำหรับสนามที่จะใช้จัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 28 นั้นในเบื้องต้น ทางจังหวัดภูเก็ตได้เตรียมเอาไว้ประกอบด้วย สนามกีฬากลางจะใช้สนามสุระกุล โรงยิมเนเซียม 1, 2, 3 และบริเวณศูนย์กีฬาสะพานหิน ซึ่งเป็นสถานที่แข่งขันวอลเล่ย์บอล แบดบินตัน เปตอง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสนามโรงเรียนสตรีภูเก็ต สนามมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต

ซึ่งจากการตรวจสอบสนามในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้กำหนดว่า สนามไหนเหมาะที่จะใช้ในการแข่งขันกีฬาประเภทใด เพื่อให้จังหวัดเจ้าภาพได้ปรับปรุงสภาพสนามให้มีความพร้อมสูงสุด และได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 มีความพร้อมมากที่สุด

ชาวเกาะราชาเดินหน้ายื่นออกโฉนด

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีที่ดินอยู่อาศัยและทำกินบนเกาะราชาใหญ่ หมู่ที่ 3 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต จำนวนกว่า 20 คน นำโดยนายยุทธนา จันทร์ดี เดินทางมายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินบนเกาะราชาใหญ่กับทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยทางเจ้าหน้าที่ฯ ได้ลงรับคำยื่นขอออกโฉนดที่ดินไว้จำนวน 30 แปลง เพื่อดำเนินการต่อไป
นายยุทธนา จันทร์ดี แกนนำชาวบ้านเกาะราชาใหญ่ กล่าวว่า เหตุที่รวมตัวกันมายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินกับทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่อาศัยและทำกินบนเกาะราชาใหญ่ได้รับความเดือดร้อนด้วยไม่สามารถออกโฉนดที่ดินบนเกาะราชาใหญ่ได้ ในขณะเดียวกันมีข้อมูลว่าที่ดินของนายทุนสามารถออกโฉนดได้ จึงได้มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินในครั้งนี้จำนวนประมาณ 30 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินของชาวบ้านที่ทำมาหากินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ และมีหลักฐานการยื่นขอออกโฉนดเป็นใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ใบภ.ท.บ.5 และใบ ภ.ท.บ. 6

“ในช่วงที่ผ่านมาชาวบ้านได้ว่าจ้างรังวัดเอกชนมาดำเนินการรังวัดพื้นที่แต่ละแปลงไว้แล้ว ทำให้ที่ดินแต่ละแปลงมีขอบเขตที่ชัดเจน ซึ่งเมื่อทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตลงรับหนังสือแล้ว ก็อยากทราบคำตอบด้วยว่าจะสามารถออกโฉนดให้กับชาวบ้านได้หรือไม่ โดยขอให้ตอบหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะใช้เวลาในการรอคำตอบประมาณ 90 วัน หากยังไม่มีผลการดำเนินการใดตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ก็จะนำเอกสารหลักฐานที่ชาวบ้านมีอยู่ทั้งหมดยื่นฟ้องต่อศาลปกครองที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกันนี้จะฟ้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ด้วย”
นายยุทธนา กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่ได้รับทราบมามีที่ดินของนายทุนที่ได้ออกเอกสารสิทธิไปแล้วประมาณ 8 แปลง แต่ในช่วงระยะหลังจะมีการออกเพิ่มเติมหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบ จึงเกิดข้อกังขาว่าทำไมของนายทุนออกเอสารได้ แต่ของชาวบ้านกลับออกเอกสารไม่ได้ ทั้งๆที่อยู่บนเกาะราชาใหญ่เหมือนกัน โดยล่าสุดชาวบ้านซึ่งมีที่ดินอยู่ติดกับของนายทุนรายหนึ่งได้รับหนังสือจากสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตให้ไปชี้แนวเขตที่ดินข้างเคียง เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2554 ที่ผ่านมา และมีการปักมุดที่ดินเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหากภายใน 30 วัน นับจากวันดังกล่าวเจ้าของที่ดินที่อยู่ข้างเคียงไม่คัดค้านก็คงจะมีการดำเนินการออกเอกสารสิทธิที่ดินต่อไป

ขณะที่นายไพฑูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีการยื่นคำขอเพื่อออกโฉนดที่ดินของชาวบ้านเกาะราชาใหญ่นั้น เจ้าหน้าที่ได้รับคำขอไว้แล้ว และขั้นตอนต่อไปจะมีการตรวจสอบว่าเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายหรือไม่ เมื่อทราบผลแล้วจะได้มีการแจ้งให้ทราบแต่ละรายไป กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการออกเอกสารสิทธิได้ก็จะได้มีการนำไปยื่นอุทธรณ์ต่อไป
อย่างไรก็ตามในกรณีของรายที่ถูกระบุว่าเป็นนายทุนและทำไมออกเอกสารสิทธิได้นั้น เนื่องจากในรายดังกล่าวมีการนำหลักฐานซึ่งเป็น นส.3 มาขอยื่นออกเอกสารสิทธิก่อนที่จะมีการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับที่ 43 พ.ศ.2537 ซึ่งกำหนดว่าพื้นที่เป็นเกาะไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ มีจำนวนประมาณ 3 แปลงใหญ่ แต่ปัจจุบันได้มีการแบ่งแยกแปลงออกไปหลายแปลง และปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระดับนโยบาย เพราะกฎกระทรวงดังกล่าวประกาศใช้ในภาพรวม ทราบเบื้องต้นว่าขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข นายไพฑูรย์กล่าว

รวบโจรลักทรัพย์ ได้ของกลางเพียบ


เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์, พ.ต.อ.ชำนาญ แป้นนาบอน รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ตและชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายอุทัย สวนดอกไม้ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/10 ม.8 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง, กล้องถ่ายรูป จำนวน 1 ตัว, กระเป๋าเงินแบบผู้หญิง จำนวน 3 ใบ, ตั๋วจำนำที่ระบุชื่อนายอุทัย สวนดอกไม้ เป็นผู้จำนำ จำนวน 8 ใบ, กุญแจบ้าน จำนวน 10 พวง, กุญแจรถจยย.จำนวน 5 ดอก, กุญแจรถยนต์ จำนวน 4 ดอก และของกลางอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง

โดยถูกจับกุมในข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับบุคคลหรือทรัพย์ และเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือรับของโจร โดยทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ชุมชนสะพานร่วม 1 ซ.5 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ได้กล่าวว่า ด้วยเมื่อวันที่ 28 – 30 เมษายน 2554 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้าไปทำการลักทรัพย์ที่บ้านพักข้าราชการตำรวจ ถ.นคร ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นของร.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ซึ่งเป็นนายเวรของพล.ต.ต.พิกัดตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ขณะเกิดเหตุเดินทางไปราชการต่างจังหวัด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปทำการตรวจสอบความเสียหาย และชุดสืบสวนก็ได้ออกทำการสืบสวนจนกระทั้งทราบว่า ผู้ที่เข้าไปลักทรัพย์ในครั้งนี้คือนายอุทัย สวนดอกไม้

พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดภูเก็ตเพื่อออกหมายจับ ศาลจังหวัดภูเก็ตได้อนุมัติตามหมายจับที่ จ.261/2554 ลง 4 พฤษภาคม 2554 จึงได้ทำการตรวจสอบทราบว่าผู้ต้องได้หลบหนีไปอยู่ ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ชุมชนสะพานร่วม 1 ซ.5 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบตัว จึงได้ทำการจับกุมและตรวจยึดของกลางที่ได้มาจากการลักทรัพย์ภายในห้องพักของผู้ต้องหา หลายรายการ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบถามผู้ต้องรับว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ตามที่พักอาศัยในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ตมาแล้วจำนวน 7 ครั้ง หลังลักทรัพย์มาแล้วก็ได้นำไปจำนำตามร้านต่างๆ เพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อเข้าค้น ร้าน เคเคพี โมบาย ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และจากการเข้าตรวจค้นทางเจ้าหน้าที่ได้การตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ยี่ห้อ เอเซอร์ จำนวน 1 เครื่อง โดยเอกสารระบุชื่อ นายอุทัย สวนดอกไม้ เป็นผู้นำไปขาย ส่วนคดีอื่นๆ ได้ทำการสืบสวนขยายผล และติดตามผู้เสียหายมาทำการยืนยันของกลางที่ตรวจยึดได้ เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผู้การฯ บุกลุยสินค้าก็อปปี้ในป่าตอง


เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 54 พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ร่วมกันตรวจยึดสินค้าปลอมแปลงและลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า เช่น เสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา เป็นต้น ยี่ห้อต่างๆ เช่น ลาคอร์ด อาดิดาส โปโล เป็นต้น ในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จำนวน 3 จุด ได้แก่บริเวณล็อคหรือแผงลอยแบ่งเช่าจิตนาพล่าซ่า กับซอยต้นสน ถนนทวีวงศ์หรือถนนสายหน้าชายหาดป่าตอง และบริเวณศูนย์การค้าโอทอป ถนนราษฎร์อุทิศ 200 ปี

ซึ่งในแต่ละจุดที่มีการเข้าตรวจค้นจะมีการแบ่งพื้นที่ให้เช่าเป็นล็อคขนาดประมาณ 4x1 เมตร ซึ่งมีบางล็อครู้ตัวก็ปิดร้านไปก่อน โดยได้ของกลางประเภทต่างๆ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา เป็นต้น จำนวนประมาณร่วม 100,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท พร้อมผู้ต้องหาอีกจำนวนหนึ่ง ระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดสินค้าบรรดาเจ้าของร้านซึ่งเป็นชาวไทยและลูกจ้างซึ่งเป็นต่างด้าวรวมตัวกันติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย

พล.ต.ต.พิกัด กล่าวว่า จากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้มีการประชุมหารือร่วมกัน และโดยการสั่งการของพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ปป. และพล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผช.ผบ.ตร.ในฐานะ รอง ผอ.ศปลป.(ศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้มีการดำเนินการกวาดล้างจับกุมผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกจับตามมองและถูกระบุจากประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีการลักลอบจำหน่ายสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาสูงเป็นอันดับต้นๆ

“การระดมกวาดล้างในครั้งนี้ถือเป็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตองซึ่งมีปัญหาค่อนข้างมาก แม้ที่ผ่านมาทางพื้นที่จะมีการดำเนินการกวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีผู้ลักลอบดำเนินการ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น จำเป็นที่ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเรียนให้เท่าทัน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย”

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีที่มีผู้ประกอบการค้าออกมาระบุว่ามีการรับส่วยของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานแล้วทำไมยังมีการจับกุมกันอีก และเคยมีการรวมตัวกันประท้วงด้วย ซึ่ง พล.ต.ต.พิกัด กล่าวว่า กรณีที่มีการจ่ายเงินทองกันเพื่อให้สามารถค้าขายได้อย่างอิสระนั้น คงไม่สามารถที่จะไปห้ามผู้ที่จะรับหรือผู้ที่จะจ่ายได้ แต่เมื่อมีการตรวจสอบและพบว่ามีการกระทำผิดก็จะต้องว่ากันไปตามกฎหมาย และในการกวาดล้างจับกุมเรื่องของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้นจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม เป็นต้น และนอกจากพื้นที่ป่าตอง ก็ยังมีพื้นที่เป้าหมายอื่นๆ อีก จะมีการดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ (4 พ.ค.54) ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และตำรวจภูธรกะทู้ ร่วมกับชุดปฏิบัติการศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้มีการกวาดล้างจับกุมร้านจำหน่ายแผ่นดีวีดีกอบปี้ ซึ่งได้ของกลางร่วม 100,000 แผ่นด้วย

ต่างชาติดำน้ำโผล่ใต้ท้องเรือเจอใบพัดเรือฟันตาย


เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 พฤษภาคม 54 ร.ต.อ.อรรถวัฒน์ สุวรรณรัตน์ ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งจากบริษัทดำน้ำ ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ถูกใบพัดเรือตีเข้าบริเวณหน้าเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณทางทิศตะวันตกของเกาะราชาน้อย ม.3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ส่วนศพขณะนี้ชาวบ้านได้ช่วยนำกันกลับขึ้นฝั่งบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย

โดยเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปรออยู่ที่เทียบเรืออ่าวฉลอง จากนั้นก็ได้มีเรือของชาวบ้านที่ได้นำศพกลับเข้าฝั่ง กลังจากเรือเข้าเทียบท่า ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าทำการตรวจสอบ ทราบชื่อคือ นางสาวไอโตมิ ชิบาต้า Hitomi Shibata อายุ 22 ปี สัญชาติญี่ปุ่น สภาพศพถูกใบพัดเรือตีเข้าที่บริเวณใบหน้าจนเป็นแผลฉกรรจ์ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิรีบนำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บริษัทนำเที่ยวก็ทราบว่า นางสาว ไอโตมิ ชิบาต้า ได้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกับแฟนหนุ่ม โดยพักอยู่ที่โรงแรมรอยัลพาราไดส์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ โดยในวันนี้ได้เดินทางมาด้วยบริษัทดำน้ำ เพื่อไปเที่ยวดำน้ำชมปะการังอันสวยงามที่เกาะราชาน้อย ซึ่งทั้งคู่ได้เดินทางมาด้วยรถยนต์จากป่าตองมาที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง จากนั้นก็ได้ลงเรือเดินทางไปที่เกาะราชาน้อย เมื่อถึงบริเวณเกาะดังกล่าวผู้ตายก็ได้ดำน้ำชมปะการังตามปกติ ขณะที่กำลังชื่นชมกับความงามของท้องทะเลอยู่นั้น ผู้ตายได้ว่ายน้ำเข้าไปใต้ท้องเรือเร็วลำหนึ่งที่จอดติดเครื่องยนต์อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 เมตร ทำให้บริเวณใบหน้าของผู้ตายถูกใบพัดจนเป็นแผลฉกรรจ์ นักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์พยามยามที่เข้าช่วยเหลือแต่เนื่องจากเสียเลือดมาและทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้เชิญในส่วนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป


ภูเก็ตประกอบพิธีวันฉัตรมงคล ปี 2554


เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ที่ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานกล่าวถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวนำปฏิญาณในการปกป้องสถาบัน เนื่องในโอกาสมหามงคลวันฉัตรมงคล โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนชาวภูเก็ตทุกหมู่เหล่าเข้าร่วม

ทั้งนี้เพื่อแสดงความจงรักภักดี และความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระวิริยะอุตสาหะ ปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่อทรงขจัดทุกข์ผดุงสุข แก่อาณาประชาราษฎรโดยถ้วนหน้า ทรงเป็นศูนย์รวมใจของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ ในยามที่ประเทศต้องประสบวิกฤตการณ์ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระราชทานแนวทางในการแก้ปัญหา ทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ ได้ทุกครั้ง ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถ ทรงเป็นหลักชัยของประเทศ นำความผาสุกร่มเย็นและความรุ่งเรืองมาสู่ราชอาณาจักรไทย และอาณาประชาราษฎร

สำหรับวันฉัตรมงคล เป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ คือ พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาอยู่ ณ ทวีปยุโรป จนกระทั่งทรงบรรลุนิติภาวะแล้วจึงได้เสด็จนิวัติในประเทศไทย และรัฐบาลไทยได้น้อมเกล้าฯ จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกถวาย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 เหล่าพสกนิกรชาวไทย จึงได้ถือเอาวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันฉัตรมงคลรำลึก

เปิดศูนย์ “ภูมิใจไทย” เขต 2 ภูเก็ต


เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ที่บริเวณศูนย์ประสานพรรคภูมิใจไทย เขต 2 จังหวัดภูเก็ต อาคารพาณิชย์เลขที่ 245/25 หมู่ที่ 3 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ใกล้กับอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร นายจิรายุส ทรงยศ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภูเก็ต เขต 2 พรรคภูมิใจไทย เปิดศูนย์ประสานพรรคภูมิใจไทย เขต 2 จังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้สนับสนุนมาร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)ภูเก็ต, ส.อบจ.ภูเก็ต, ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจากหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่เขต 2 ที่ให้การสนับสนุน

นอกจากนี้ยังมีนักฟุตบอลทีมเอฟซี ภูเก็ตมาร่วมแสดงความยินดีก่อนจะเดินทางไปทำการแข่งขันกับทีมสมุทรปราการ เนื่องจากนายจิรายุส ป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล ภูเก็ต เอฟซี รวมถึงนายวิสิษฐ์ ใจอาจ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ตเขต 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายแพทย์ประสิทธิ์ โกยศิริพงษ์ ผู้ให้การสนับสนุนเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีด้วย

โดยนายจิรายุส ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านในพื้นที่ในช่วง หนึ่งเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา ประกอบกับในช่วงระยะเวลา 3 ปี ที่ทำงานร่วมกับนายก อบจ.ภูเก็ต ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี รวมทั้งยังทำให้ทราบถึงความต้องการของชาวบ้านเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการสะท้อนความต้องการของชาวบ้าน โดยเฉพาะที่ ส.ส.ยังเข้าไม่ถึง

ในส่วนที่จะต้องแข่งขันกับ ส.ส.เก่าของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจิรายุส ก็ได้กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจหนักใจแต่อย่างใด เพราะในช่วงที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่พบปะกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทราบถึงปัญหาต่างๆที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

นายจิรายุส กล่าวด้วยว่า หากได้รับความไว้วางใจเลือกเป็นส.ส.เขต 2 และพรรคภูมิใจไทยได้ร่วมเป็นรัฐบาล สิ่งแรกที่อยากจะผลักดันให้เกิดขึ้น คือ การจัดตั้งกองทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวผ่านทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดละ 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของทางพรรคอยู่แล้ว รวมทั้งการส่งเสริมด้านการกีฬาในภูเก็ต โดยการผลักดันให้มีโรงเรียนกีฬา ประกอบการในส่วนของทางพรรคก็มีนโยบายในการที่จะสร้างศูนย์พัฒนาการกีฬาอยู่แล้ว ซึ่งยืนยันว่าสองสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากได้รับเลือกเป็น ส.ส.และพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล ตามสโลแกนพูดแล้วทำ

ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 1 พื้นที่ อ.เมืองภูเก็ตทั้งหมด ยกเว้น ต.เกาะแก้ว กับ ต.รัษฎา ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 พื้นที่ อ.ถลาง อ.กะทู้ และ ต.รัษฎา ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต

ได้ข้อสรุปแท็กซี่ท่าเทียบเรือน้ำภูเก็ต


เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 54 ที่ห้องประชุมหลังใหม่ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหากรณีการชุมนุมปิดถนนทางเข้าออกท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต โดยมีนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวแทนจากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่รับนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือ และตัวแทนบริษัทเดินเรือสำราญ เข้าร่วมเพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

จากการประชุมได้ข้อสรุป ว่า จะมีการแบ่งนักท่องเที่ยวระหว่างบริษัทนำเที่ยวกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่ในพื้นที่ 50:50 โดยจะมีการทำเอ็มโอยูร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งร่างเอ็มโอยูที่จะลงนามร่วมกันนั้นทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ตจะเป็นผู้กำหนดและร่างให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้สามารถลงนามได้โดยเร็วที่สุด และเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า กรอบเอ็มโอยูที่จะทำร่วมกันนั้นก็จะกำหนดเรื่องการแบ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือ โดยให้บริษัทนำเที่ยวรับไป 50% และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ 50% แต่อย่างไรก็ตามจะมีข้อตกลงปลีกย่อยกำกับ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย นอกจากนั้นจะมีในเรื่องความปลอดภัยของรถ และการกำหนดอัตราค่าโดยสารด้วย เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเกิดผลดีกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต

ขณะที่ตัวแทนบริษัทเรือนำเที่ยวที่เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ปัญหาการปิดทางเข้า-ออกท่าเทียบเรือครั้งล่าสุดได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และได้มีการสอบถามเข้ามาตลอดว่ามีปัญหาอะไร เนื่องจากปัจจุบันการสื่อสารสามารถติดต่อถึงกันได้ตลอดเวลา ฉะนั้นอยากให้ทางจังหวัดเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก เพราะว่าการที่จะเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลับมาได้ต้องใช้เวลานาน นอกจากนั้นสิ่งที่ทางเรือต้องการให้คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยทางเรือจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพจึงไม่อยากให้มีภาพการหลอกลวงนักท่องเที่ยวหรือการปิดทางเข้า-ออกเกิดขึ้นอีก

ฝึกช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน



ฝึกช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน
โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) ส่งทีมพยาบาลวิชาชีพจัดอบรมให้ความรู้ในเรื่อง การปฐมพยาบาลเบื้องต้น (First Aid) ให้แก่ พนักงานของ บริษัท Absolute Sales เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่โรงพยาบาลสิริโรจน์ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่างๆ

“เรวัต อารีรอบ” เสนอผลงานกว่า 3 ปี


เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 54 ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลกล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ว่า ขณะนี้มีความพร้อมอยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง รับทราบปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ประกอบกับในการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.นั้นก็ได้ทำหน้าที่ทั้งการเป็นฝ่ายค้านและรัฐบาลมาแล้ว

“ที่ผ่านมาทางพรรคมีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน เช่น นโยบายเรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพซึ่งส่งตรงให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมและสนับสนุนงาน อสม. เป็นต้น

ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนของพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะในช่วงที่ทางพรรคฯ เป็นรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกอบกับนางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทาง ส.ส.ของพรรคได้มีการผลักดันงบประมาณต่างๆ ลงมาในพื้นที่รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ผ่านทางหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เช่น การก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติ โครงการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต งบพัฒนาและซ่อมแซมสถานศึกษาทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต งบพัฒนาโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลถลางและโรงพยาบาลป่าตอง งบก่อสร้างโรงยิมเนเซี่ยม 4,000 ที่นั่ง โครงการยกฐานะสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต เป็นต้น”

นายเรวัต กล่าวด้วยว่า ในฐานะ ส.ส.ได้มีการประสานความร่วมมือกับท้องถิ่นต่างๆ ในการผลักดันงบประมาณลงมาพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาความเดือนร้อนและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง แหล่งน้ำ ไฟฟ้า การศึกษา การดูแลสุขภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการพัฒนาและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากที่ผ่านมาๆ หากติดตามการจัดสรรงบประมาณสำหรับจังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะในช่วงที่เป็นฝ่ายค้านจะได้รับค่อนข้างน้อยมาก ทั้งๆ ที่ภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญและทำรายได้ให้กับประเทศปีละร่วมแสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามนายเรวัต กล่าวด้วยว่า สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ทางพรรคฯ ได้ดำเนินการภายใต้แนวทางที่ว่าเดินหน้าต่อไป ด้วยนโยบายเพื่อประชาชน ซึ่งในส่วนของตนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วยพื้นที่ อ.ถลาง อ.กะทู้ และ ต.เกาะแก้ว ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต โดยพร้อมที่จะเดินหน้าในการนำเสนอนโยบายเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และยืนยันในเจตนาขอรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันในพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ซึ่งครั้งนี้ทางพรรคภูมิใจไทยได้ประกาศส่งผู้สมัครลงแข่งขันด้วยว่า ไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด เพราะเป็นปกติของการเลือกตั้งทุกครั้งซึ่งจะมีการแข่งขันอยู่แล้ว ส่วนที่มีข่าวเรื่องของกระแสเงิน และกระแสเลือกพรรคไม่เลือกคนว่า ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาและตัดสินใจของประชาชน รวมถึงการนำเสนอข่าวของประชาชนด้วย

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 ว่าจะส่งใครแทนนายทศพร เทพบุตร ซึ่งนายเรวัต กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพรรคว่าส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งการที่ไม่เคาะรายชื่อผู้จะลงสมัคร ส.ส.นั้นไม่ได้มีเฉพาะภูเก็ตเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายจังหวัด เช่น พังงา ยะลา เป็นต้น เพราะในการพิจารณาจะต้องมีความรอบคอบ โดยเฉพาะในส่วนของคุณสมบัติผู้สมัคร เนื่องจากผู้เป็น ส.ส.จะต้องรักษาหน้าของจังหวัดภูเก็ต รักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและของพรรคด้วย