จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

“เด็จพี่” เตรียมเสนอมติ ที่ดินฟรีดอมภูเก็ต



นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนว่าการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 98414 และ 98415 บริเวณหาดฟรีดอม ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่จำนวน 65 ไร่ น่าจะเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบ เนื่องจากออกทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด ว่า จากการที่คณะกรรมาธิการฯ ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่และรับฟังคำชี้แจงของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ที่แสดงตนเป็นเจ้าของเอกสารสิทธิดังกล่าวด้วย ว่า ขณะนี้ทางกรรมาธิการฯ เตรียมออกมติว่าการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ดังกล่าวว่าน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยจะขอความเห็นชอบทางคณะกรรมาธิการฯ อีกครั้งเพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป 

“นอกจากเรื่องการออกเอกสารสิทธิแล้ว ยังจะมีการตรวจสอบด้วยว่ามีการทำถนนขึ้นไปในพื้นที่ที่มีการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวได้อย่างไร เพราะการขออนุญาตทำถนนนั้นแม้จะมีการขออนุญาตจาก สปก.แล้วแต่จะต้องขออนุญาตจากทางป่าไม้ด้วย ซึ่งคิดว่าในประเด็นนี้ก็น่าจะเป็นการร่วมมือกันทำความผิดอีกอย่างหนึ่ง เบื้องต้นทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้มีการไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ฉลองแล้ว ส่วนของคณะกรรมาธิการฯ จะไปดำเนินการในชั้นที่มีการตรวจสอบและพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยดำเนินการกันเป็นกระบวนการ โดยจะต้องมีการขอมติจากคณะกรรมาธิการฯ อีกครั้ง

คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ หากมีข้อสรุปและชี้ออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ส่งจะเรื่องไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ก็จะส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.กรณีที่มีมติสั่งให้มีการเพิกถอนก็จะส่งเรื่องให้กับกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดิน ดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการป้องกันและป้องปราม โดยเป็นการดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมาธิการฯ ที่ได้รับมาจากสภาผู้แทนราษฎรในการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริต แต่สิ่งที่อยากเรียกร้อง คือ ขอให้ชาวภูเก็ตและจังหวัดอันดามันที่เป็นเกาะหรือติดชายฝั่งทะเลซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามได้รักษาและหวงแหนเพื่อจะได้ใช้ทรัพยากรในธุรกิจการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดไป”
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การออกเอกสิทธิใน จ.ภูเก็ต จ.พังงาและกลุ่มจังหวัดอันดามัน ซึ่งมีสภาพเป็นพื้นที่เกาะและติดชายฝั่งทะเล มีการดำเนินการกันเป็นกระบวนการ โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ความร่วมมือด้วย และอาจจะรวมถึงผู้มีอิทธิพลต่างๆ ด้วย ซึ่งเราจะต้องร่วมมือกันในการป้องกันและป้องปรามเพื่อไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติใน จ.ภูเก็ต และกลุ่มจังหวัดอันดามันถูกทำลายหรือถูกยึดครอง โดยทำให้ประชาชนและประเทศชาติเสียประโยชน์ 

ศุลกากรจับน้ำมันเถื่อนแสนลิตร กว่า 20 ล้าน



เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2555 ที่บริเวณท่าเทียบเรือศุลกากร นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นางนันท์ฐิตา คงเมือง นายด่านศุลกากรภูเก็ต นายนิมิต แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 2 และหน่วยสืบสวนปราบปรามภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเรือเหล็กบรรทุกน้ำมันชื่อ Singa Maju สัญชาติมาเลเซีย โดยมีนาย Ranlan สัญชาติอินโดนิเซีย เป็นผู้ควบคุมเรือ พร้อมด้วยลูกเรือจำนวน 6 คน และน้ำมันดีเซลเกรด A จำนวน 100,000 ลิตร
ทั้งนี้นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากรได้มุ่งเน้นนโยบายในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อจำกัด เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด ให้เข้มงวดในการสกัดกั้นป้องกัน และปราบปรามขบวนการลักลอบนำสินค้าที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรเข้ามาในราชอานาจักร โดยเฉพาะประเภทน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตราภาษีสูงและต้องควบคุมคุณภาพของสินค้า
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ทางเรือศุลกากร 1101 ที่ควบคุมโดยนายนิมิต แสงอำไพ ผอ.ส่วนสืบสวน ปราบปราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามและเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ได้ออกตรวจตราความเรียบร้อยภายในทะเล จนกระทั่งลาดตระเวนมาถึงบริเวณแลตติจูด 07 องศา 29ลิปดา 24 ฟิลิปดาเหนือ ลองติจุด 98 องศา 30 ลิปดา 09 ฟิลิปดาตะวันออก ห่างจากเกาะราชาน้อย อ.เมือง ภูเก็ต ทิศตะวันตกประมาณ 11 ไมล์ทะเล พบเรือ Singa Maju สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งมีความยาวประมาณ 35 เมตร กว้างประมาณ 5 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร จึงได้เข้าทำการตรวจค้น และจากการตรวจค้นพบบริเวณหน้าลำเรือได้แบ่งเป็นช่องเพื่อบรรจุน้ำมันจำนวน 10 ช่อง โดยแต่ละช่องสามารถบรรจุน้ำมันได้ประมาณ 5 หมื่นลิตร รวมทั้งลำเรือสามารถบรรทุกได้จำนวน 5 แสนลิตร และในขณะที่เข้าทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบน้ำมันดีเซลจำนวน 1 แสนลิตร จึงได้ควบคุมเรือและลูกเรือเข้ามาที่ท่าเทียบเรือศุลกากรจังหวัดภูเก็ต
นายสมชาย ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะมีการขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ต่อไป ส่วนมาตรการในการเฝ้าระวังจับกุมผู้ลักลอบทำผิดกฎหมายศุลกากร จะมีการประสานด้านการข่าวกับทางทหารเรือของทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ซึ่งก็มีการร่วมมือกันอยู่แล้ว และจะเน้นให้มีการลาดตระเวนให้ถี่ขึ้น โดยเฉพาะการเข้มงวดตรวจตรารถที่วิ่งออกไปเติมน้ำมันตามท่าเรือต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้จากการสอบถามลูกเรือก็ทราบเรือเรือลำดังกล่าวเป็นเรือของชาวมาเลเซีย โดยเรือจะไปรับน้ำมันจากรัฐปีนัง แล้วนำมาส่งให้กับเรือประมงในน่านน้ำไทย หรือในแทบอันดามัน ส่วนค่าใช้จ่ายนั้น ทางบริษัทกับเจ้าของเรือได้ติดต่อกันเอง โดยที่พวกตนจะมีหน้าที่มาส่งน้ำมันเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรฐานลักลอบนำสินค้าน้ำมันดีเซล หรือรับซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องจำกัด หรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา 27,27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบมาตรา 16,17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลการ (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 และได้นำของกลางเรือเหล็กบรรทุกน้ำมัน และน้ำมันดีเซลพร้อมลูกเรือดังกล่าวข้างต้นส่งด่านศุลกากรภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กมธ.ปปช.พบพิรุธออกเอกสารสิทธิป่าต้นน้ำ



เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต (ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รองประธานฯ นายเรวัต อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ และคณะ อาทิ ผู้เชี่ยวชาญกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐหรือ ป.ป.ท. เป็นต้น ประชุมติดตามผลเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกรณีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนพื้นที่ป่า สงวนแห่งชาติโดยมิชอบ บริเวณ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ร่วมชี้แจงรายละเอียด อาทิ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรภาค 8 เป็นต้น
หลังจากที่คณะทั้งหมดได้เดินทางไปตรวจสอบที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าดิบชื้น ป่าต้นน้ำอนุรักษ์หรือป่าโซน C และเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำของน้ำตกกะทู้ นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปตรวจสอบการสร้างถนนเพื่อขึ้นไปยังป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา บริเวณซอยพระบารมี 3 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งทางเทศบาลเมืองป่าตองได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนทำการก่อสร้างถนนหินคลุกบดอัดแน่นพร้อมรางระบายน้ำ ค.ส.ล.ยาวประมาณ 610 เมตร
อย่างไรก็ตามภายหลังการรับฟังคำชี้แจงและการตอบข้อซักถามของทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า การตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ดังกล่าว เนื่องจากมีกลุ่มประชาชนชาวจังหวัดร้องเรียนว่ามีความพยายามของกลุ่มข้าราชการในจังหวัดภูเก็ตที่เป็นอดีตข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันพยายามออกเอกสารสิทธิ์โฉนดทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา จำนวนประมาณ 200 ไร่ ซึ่งหากสามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศป่าดิบชื้น และมีผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต จึงต้องลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะสภาพพื้นที่บางส่วนที่มีการขอออกโฉนดไปแล้วเป็นป่าไม้ที่มีความสมบูรณ์ และมีความลาดชันสูงมาก รวมถึงกรณีการสร้างถนนของทางเทศบาลเมืองป่าตองเพื่อขึ้นไปยังจุดที่มีการพยายามขอออกเอกสารสิทธิ
“จากการที่ได้ดูพื้นที่จริงทำให้เห็นว่า การออกโฉนดหรือการก่อสร้างตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ที่พยายามจะออกโฉนด ซึ่งเป็นเรื่องที่สอดรับกัน โดยด้านหนึ่งพยายามออกเอกสารสิทธิ ขณะที่อีกด้านหนึ่งพยายามสร้างถนนขึ้นไป ทั้งๆ ที่ถนนที่ก่อสร้างนั้นเป็นหน้าผา ซึ่งชัดเจนว่ามีหลายฝ่ายร่วมมือกันในการพยายามอุบพื้นที่ป่า ทำรีสอร์ทและธุรกิจโดยอาศัยงบประมาณของแผ่นดินประมาณ 3.9 ล้านบาท ทำถนนขึ้นไประยะทางประมาณ 600 เมตร ซึ่งเป็นภาษีของราษฎร มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล และไม่ดีเลย”
พล.ต.ท. วิโรจน์ กล่าวว่า ได้ให้ข้อสังเกตไปกับรองผู้ว่าฯ ว่าในการทำถนนขึ้นไปนั้น นอกจากไม่ได้ขออนุญาตป่าไม้ และไม่ได้จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งผิดกฎหมายและมีโทษทางอาญาด้วย จึงขอให้ไปดูรายละเอียดในเรื่องนี้ รวมทั้งได้แนะนำให้ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรงไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ รวมทั้งจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในพื้นที่ภูเก็ตและส่วนกลางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ที่กรุงเทพมหานคร ด้วย โดยเรื่องนี้ทางกรรมาธิการฯ จะมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ประเด็นที่มาการมาติดตามเป็นเรื่องของการออกเอกสารสิทธิและการเตรียมขอออกเอกสารสิทธิในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่ามีการออกไปแล้ว 2 แปลง ซึ่งน่าจะเชื่อมโยงกับข้าราชการในจังหวัดหลายหน่วยงาน รวมถึงอดีตข้าราชการระดับสูงในจังหวัดภูเก็ต และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อขอออกโฉนดอีกประมาณ 8 แปลง ซึ่งตรวจพบว่ามีการปักมุดแนวเขตแดนไว้แล้ว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นป่าอนุรักษ์โซนซี และเป็นป่าต้นน้ำของน้ำตกกะทู้ จึงมองว่าเมื่อมีการออกเอกสารสิทธิน่าจะมีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่
“การขอออกเอกสารสิทธิโยใช้ ส.ค.1 นั้นจะเป็นลักษณะ ส.ค.1บวมทั้งหมด โดยพื้นทื่ ส.ค.1 จำนวน 4 ไร่ แต่กับไปออกถึง 40 ไร่ และที่ 6 ไร่ก็ออกไปเกือบ 57 ไร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการออกเอกสารไปชนกับแนวเขตป่าอนุรักษ์นั้นโดยส่วนใหญ่หากใช้ ส.ค.1 มีจำนวนเท่าใดก็ออกให้เท่านั้น ซึ่งเมื่อตรวจสอบรายละเอียดต่อไปพบว่าทั้ง 10 แปลงนั้นรายชื่อผู้ยื่นขอออกเอกสารสิทธินั้นเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงของจังหวัดภูเก็ต และเมื่อมองถึงการสร้างถนนก็ไปตัดผ่านที่ดินดังกล่าวอีก เห็นได้ชัดว่าน่าจะมีความร่วมมือกัน และเป็นขบวนการ แต่ทั้งนี้ในการตรวจสอบก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงข้าราชการด้วย และทางกรรมาธิการฯ ก็จะได้เรียกขึ้นไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่กรุงเทพมหานคร”
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่พี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตต้องรวมตัวกันในการที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นจุดขายของภูเก็ต เพราะหากสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายด้วยการออกเอกสารสิทธิซึ่งมีทั้งเอกสารบวมและเอกสารบิน ต่อไปภูเก็ตก็เหมือนคนที่ขาดชีวิต แลไม่มีคนมาท่องเที่ยว หากยังปล่อยให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าโดยไม่มีการดำเนินการใดๆ เหมือนเป็นการทำลายอนาคตของลูกหลานและเป็นการฆ่าตัวตาย


วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

ปทส.สนธิกำลังพิสูจน์รูปพรรณช้างที่ยึดไว้



เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.5 บก.ปทส.( กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.5 สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาพระแทว สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น รวมทั้งนายเจริญ เทวบุตร กำนันตำบลฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้เข้าทำการตรวจสอบช้าง จำนวน 37 เชือก จากปางช้างจำนวน 4 แห่งในจังหวัดภูเก็ต
ประกอบด้วย ปางช้างบริษัท แอทฮิลล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ 2009 จำกัด จำนวน 9 เชือก ปางช้างบริษัทสยามซาฟารี เน็ทเชอ ทัวร์ จำกัด จำนวน 18 เชือก ปางช้างเอทีวี ซีวิว ออนทัวร์ จำนวน 8 เชือก และปางช้างบริษัท ลากูน่า เอ็กซ์เคอร์ชั่น จำกัด จำนวน 2 เชือก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดไว้ในคราวที่ได้มีการเข้าตรวจสอบปางช้างต่างๆ ดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบ เนื่องจากไม่มีหลักฐานตั๋วรูปพรรณต้นฉบับจริงมาแสดง จึงยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีหลักฐานได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้เวลากับทางผู้ดูแลปางช้างนำหลักฐานมาแสดง
พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.5 บก.ปทส. กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเข้าตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบว่าตำหนิรูปพรรรณของช้างแต่ละเชือกตรงกับที่แจ้งไว้ในตั๋วรูปพรรณหรือไม่ เพื่อใช้ในการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งหากมีตรวจสอบและพบว่าช้างตัวใดมีตำหนิรูปพรรณไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ก็จะการยึดและนำส่งไปยังศูนย์คชบาลที่ จ.ลำปางต่อไป
“ในการมาตรวจสอบครั้งที่แล้ว และได้มีการตรวจยึดลูกช้างไป 2 เชือก คือ ลูกช้างพลายป๊อบอาย หรือป๊อบหรือฟลุ๊ค กับพลายบุญหลายหรือโจอี้ เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่าตัวแม่ผิด และในกรณีของลูกช้างพลายบุญหลายหรือโจอี้ ของบริษัทลากูน่า เอ็กซ์เคอร์ชั่น จำกัดนั้นศาลได้สั่งปรับ 2,500 บาทในข้อหารับลูกช้างไว้ เนื่องจากแม่ช้างไม่ถูกต้อง และสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนของพลายป๊อบอาย หรือป๊อบหรือฟลุ๊คยังอยู่ระหว่างการสอบสวน”
พ.ต.อ.วัชรินทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับลูกช้างทั้ง 2 เชือกดังกล่าวนั้นตัวแม่ที่ทางปางช้างแจ้งไว้นั้นถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี ดังนั้นในส่วนของตัวลูกก็เชื่อว่าน่าจะผิดด้วย ส่วนการตรวจดีเอ็นเอเพื่อตรวจว่าเป็นแม่ลูกกันหรือไม่ก็ยังคงต้องมีการดำเนินการ แต่ก็ไม่น่าจะไม่มีผลมากนั้น
ส่วนกรณีที่ทางผู้ประกอบการไม่สามารถนำเอกสารที่เป็นเอกสารสิทธิในที่ดินที่มีการจัดตั้งปางช้างบางส่วนมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้นั้น ก็ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ซึ่งทราบว่าอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนของทางพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.วัชรินทร์กล่าว 

บัณฑิตน้อย ร.ร.อบจ.บ้านไม้เรียบ



เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ที่โรงเรียน อบจ.บ้านไม้เรียบ(ตันติโกวิทบำรุง) อ.กะทู้ ภูเก็ต นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์บริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่บัณฑิตน้อยที่ผ่านการศึกษาระดับชั้นอนุบาล 2 และระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียน อบจ.บ้านไม้เรียบ(ตันติโกวิทบำรุง) ประจำปีการศึกษา 2554 โดยมี นายเสถียร แก้วพระปราบ ผู้อำนวยการกองแผนและงบประมาณ อบจ.ภูเก็ต นางวาสนา ศรีวิลัย ผู้อำนวยการกองช่าง อบจ.ภูเก็ต นางวรรณี สุประดิษฐ์ ผู้อำนวยการกองคลัง อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหาร คณะครู ผู้ปกครอง และผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
ผอ.ปิยมน แซ่อ๋อง ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.บ้านไม้เรียบ(ตันติโกวิทบำรุง) กล่าวว่า ขอขอบคุณปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นอย่างสูง ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่บัณฑิตน้อยที่ผ่านการศึกษาระดับชั้นอนุบาล 2 และระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียน อบจ.บ้านไม้เรียบ(ตันติโกวิทบำรุง) ประจำปีการศึกษา 2554 ซึ่งปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาให้เด็กมีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา และเสริมสร้างให้เด็กมีพัฒนาการอย่างสมดุล เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขและเติบโตเป็นพลเมืองที่ดี อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ทางโรงเรียนจึงได้จัดงานบัณฑิตน้อยขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เด็กสนใจในการเรียนและเป็นแรงเสริมให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจที่ได้สำเร็จการศึกษาระดับต้นและเป็นขวัญกำลังใจให้กับเด็กเกิดความมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อในระดับชั้นสูงต่อไป ซึ่งในปีการศึกษา 2554 มีเด็กที่สำเร็จการศึกษาระดับชั้นอนุบาล 2 จำนวน 61 คน และระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 30 คน รวม 91 คน
นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัด อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมและยินดีเป็นอย่างยิ่งกับบัณฑิตน้อยทุกคน เนื่องจากการศึกษาเป็นการวางรากฐานที่ดี ที่ถูกต้องให้ตัวบุคคลทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา สามารถปรับตัวให้อยู่กับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นนโยบายองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ที่ได้ส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนมาโดยตลอด เป็นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคมต่อไป ในการนี้ จึงขออำนวยพรให้บัณฑิตน้อยทุกคนและแขกผู้มีเกียรติทุกท่านมีความสุขกายสุขใจ มีพลานามัยที่สมบูรณ์ สามารถทำหน้าที่ให้เกิดความมั่นคง และความก้าวหน้าต่อตนเอง ส่วนรวมและประเทศชาติ ให้สมความตั้งใจทุกประการ





รถรองผู้ว่าถูกรถแซงเข้าขบวนชนเสียหาย



เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ร.ต.อ.สากล ไกรนรา ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ในขบวนคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฏรเฉี่ยวชนกันเอง บริเวณตรงข้ามร้านภูเก็ตอะไหล่ยนต์ ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บายพาส) ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีรถยนต์เก๋งประจำตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตถูกชนท้ายได้รับความเสียหายเล็กน้อย หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยที่เกิดซึ่งอยู่ห่างจาก สี่แยกสัญญาณไฟจราจรโลตัส ประมาณ 500 เมตร พบรถยนต์เก๋งโตโยต้าแคมรี่สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กจ 9893 ภูเก็ต ตรวจสอบพบร่องรอยถูกชนที่กันชนด้านหลังเสียหายเล็กน้อย ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถยนต์เก๋งฮอนด้าซิตี้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กพ 1213 ภูเก็ต จอดอยู่ ทราบว่ายังมีรถอีกคันซึ่งเป็นรถโตโยต้า ฟอร์จูเนอร์ หมายเลขทะเบียน 2354 ภูเก็ต ซึ่งไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเนื่องจากได้ขับตามขบวนต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุรถยนต์เก๋งโตโยต้าแคมรี่คันดังกล่าว ขับโดยนายสมศักดิ์ แสงแก้ว อายุ 35 ปี ปลัดอำเภอ เลขานุการนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รอง ผู้ว่าฯ ได้ขับร่วมอยู่ในขบวนของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีนายสมเกียรติ นั่งอยู่ภายในรถด้วย เพื่อมุ่งหน้าไปยัง ต.กะทู้ อ.กะทู้ ไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีการบุกรุกบริเวณป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถยนต์เก๋งฮอนด้าคันดังกล่าว มีนายบรรเจิด หนูแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135/1 หมู่ 4 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นคนขับและไม่ใช่รถในขบวนได้ขับแซงเข้ามาอยู่ในขบวนตั้งแต่บริเวณหน้าโบ๊ทลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุ รถขบวนชะลอความเร็วทำให้มีคันดังกล่าวชนกับรถของรองผู้ว่าฯ และถูกรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำ ซึ่งเป็นของนายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน ที่ขับร่วมตามมาในขบวนด้วย เบรกไม่ทันชนท้ายรถยนต์เก๋งฮอนด้าคันดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกคนขับรถทั้ง 3 คันมาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
ขณะที่นายสมเกียรติ สังข์สุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังเกิดเหตุว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางไปรับคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าวจากท่าอากาศยานภูเก็ต โดยมีรถในขบวนประมาณกว่า 10 คัน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุในระหว่างรถขบวนชะลอความเร็ว เนื่องจากด้านหน้ามีการล้างถนน และใกล้ถึงทางแยกตัดเข้าถนนพระภูเก็จแก้วมุ่งหน้าสู่พื้นที่เทือกเขากมลา หมู่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ระหว่างนั้นก็ถูกรถยนต์เก๋งที่ขับตามหลังมากระแทกเข้าบริเวณท้ายรถ ทำให้รถได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด




บัณฑิตน้อย ร.ร.อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา



เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 ที่ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์บริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่บัณฑิตน้อยที่จบการศึกษาชั้นอนุบาล ประจำปี 2554 ของโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา โดยมีนายอวยพร สกุลตัน ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหาร คณะครู และผู้ปกครอง เข้าร่วม
นางจันทร์สุวรรณ ตามภานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา กล่าวว่า การศึกษาหลักสูตปฐมวัย ในการเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน จากโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา ประจำปีการศึกษา 2554 ซึ่งปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ความรับผิดชอบสู่ท้องถิ่น โรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา จึงได้มีการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนระดับปฐมวัยให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยผ่านกระบวนการเรียนการสอนแบบโครงการ (Project Approch) และเสริมสร้างให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการอย่างสมดุล เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขและเติบโตเป็นพลเมืองที่ดี และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กที่จะเข้ารับการศึกษาในระดับชั้นที่สูงต่อไป
ทางโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา จึงได้จัดกิจกรรมบัณฑิตน้อยขึ้น เพื่อให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจที่จบการศึกษาระดับชั้นปฐมวัยจากโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา และเป็นขวัญกำลังใจให้กับเด็กเกิดความมุ่งมั่นที่จะศึกษาในระดับชั้นสูงต่อไป ซึ่งในปีการศึกษา 2554 มีเด็กที่ผ่านการศึกษาหลักสูตรปฐมวัยเตรียมความพร้อมในระดับก่อนวัยเรียนจากโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา จำนวน 36 คน
นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัด อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมและยินดีต่อความสำเร็จของนักเรียน โรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา ทุกคนและรู้สึกภูมิใจแทนผู้ปกครอง คุณครู ที่มีส่วนร่วมในการปลูกฝังพัฒนาเด็ก เพื่อเตรียมพร้อมไว้สำหรับที่จะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้นักเรียนประสบความสำเร็จ เนื่องจากการศึกษาเป็นการวางรากฐานที่ดี ที่ถูกต้อง ให้ตัวบุคคลทั้งด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม สติปัญญา รวมทั้งส่งเสริมความมั่นคงของชีวิต ตลอดจนเป็นการพัฒนาประชากรของชาติ ให้มีความรู้ ทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันนี้ แสดงให้เห็นว่านักเรียนได้ผ่านขั้นตอนการเรียนรู้ ได้มีทักษะชีวิต และได้รับประสบการณ์ในระดับหนึ่งแล้ว หวังว่าจะนำความสามารถ ทักษะต่างๆ ที่ได้รับ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับการศึกษาในโอกาสต่อไป 




รถบัสเสียหลักชนรถตุ๊กตุ๊กก่อนชนพุ่งชนบ้าน



เมื่วันที่ 16 มีนาคม 2555 ร.ต.ท.ธณกฤต เขียวใหญ่ ร้อยเวร สภ.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถบัสบรรทุกผู้โดยสารชนกับรถตุ๊กตุ๊กและเสียหลักพุ่งเข้าชนบ้าน บริเวณถนนพระบารมี ฝั่งขาเข้าเมืองป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่กุศลธรรมภูเก็ต เจ้าหน้าที่รถกู้ชีพรพ.ป่าตอง เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรเข้า – ออกพื้นที่ป่าตอง ซึ่งเริ่มติดขัดอย่างหนัก ทั้งขาเข้าและขาออกพื้นที่ป่าตอง เนื่องจากเป็นช่วงเช้าและมีผู้คนใช้ยวดยานสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก โดยได้มีการปิดเส้นทางตั้งแต่แยกทุ่งทอง ต.กะทู้ อ.กะทู้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนพระบารมีฝั่งขาเข้าเมืองป่าตอง เป็นทางโค้งลาดชัน พบรถบัสโดยสาร ระบุด้านข้างตัวรถชื่อ บริษัท กุลสวัสดิ์ ทรานสปอร์ต จำกัด หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 32-1177 กรุงเทพมหานคร เป็นรถขนาด 32 ที่นั่ง ด้านหน้ารถเสียบติดอยู่กับตัวบ้านของ น.ส.สุนิสา มาชม ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นมีรั้วล้อมรอบ จนได้รับความเสียหาย นอกจากนั้นยังพบว่ารถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ หมายเลขทะเบียน กบ.704 ที่จอดอยู่ภายในบ้านก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน และห่างกันออกไปเล็กน้อยถนนฝั่งขาเข้าเมืองภูเก็ตพบรถตุ๊กตุ๊กสีเหลือง หมายเลขทะเบียน พข 380 ภูเก็ต สภาพถูกชนด้านหน้าได้รับความเสียหาย ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บและทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตได้นำส่งโรงพยาบาลป่าตองไปก่อนหน้าแล้ว
จากการสอบสวนทราบว่า รถบัสโดยสารคันดังกล่าวเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครเพื่อนำเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน มาสัมมนาที่โรงแรมซีเพิร์ลป่าตอง วิลล่า รีสอร์ทแอนด์สปา จำนวน 3 คัน โดยทางเข้าออกโรงแรมดังกล่าวอยู่ระหว่างทางที่จะเดินทางเข้าป่าตอง ซึ่งเป็นเนินเขาทำให้รถเข้าออกด้วยความลำบาก โดยรถ 2 คันแรก สามารถเข้าประตูโรงแรมเข้าไป แต่คันที่เกิดเหตุได้ขับผ่านโรงแรมดังกล่าวไป เนื่องจากพนักงานขับรถไม่รู้เส้นทาง จึงได้หักเลี้ยวกลับกะทันหันทำให้ชนเข้ากับรถตุ๊กตุ๊กซึ่งบรรทุกนักท่องเที่ยว เพื่อจะเดินทางเข้ามาในตัวเมืองภูเก็ต และรถบัสโดยสารคันดังกล่าวยังได้เสียหลักพุ่งชนบ้านของ น.ส.สุนิสา มาชม อย่างแรงจนส่งผลให้พนักงานขับรถบัสและเด็กประจำรถได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานซึ่งนั่งมาในรถบัสบางส่วนก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่คนขับรถตุ๊กตุ๊กและผู้โดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลป่าตองเช่นกัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนขับรถบัสโดยสารไม่รู้เส้นทาง
อย่างไรก็ตามสำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย 1.นายเฉลิมชัย ศรีมุงกุล อายุ 45 ปี คนขับรถบัสโดยสาร 2.นายสมจิต อินทร์จันทร์ อายุ 50 ปี 3.นางนิดาวัลย์ คำมาส อายุ 50 ปี 4.ด.ช.ฤทธิชัย สีหะมาศ อายุ 15 ปี 5.นายภูนิตย์ โพธิ์แก้ว อายุ 46 ปี 6.นายวิเชียร ตั้งจิต อายุ 46 ปี คนขับรถตุ๊กตุ๊ก 7.นายอักฎายุทธิ์ เต็มวิริยะกุล อายุ 36 8.นายสิทธิ์ชัย เรืองชัยเลิศ อายุ 23 ปี และอีกรายไม่ทราบชื่อ 





เปิดประตูสู่ฝันวันขาว-แสด ครั้งที่ 6



เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 ที่โรงเรียน อบจ.บ้านตลาดเหนือ (วันครู 2502) นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานกิจกรรมวันวิชาการ โครงการเปิดประตูสู่ฝันวันขาว-แสด (Open House) ครั้งที่ 6 ประจำปีการศึกษา 2554 และเปิดศูนย์การเรียนรู้บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อพสกนิกรชาวไทย โดยมี คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู ผู้ปกครอง และผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
ทั้งนี้นายมงคล เพาะผล ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.บ้านตลาดเหนือ (วันครู 2502) ได้กล่าวว่า ปัจจุบันการศึกษามีบทบาทและมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการศึกษาเป็นปัจจัยพื้นฐานอันสำคัญยิ่ง ที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติให้เติบโตไปเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ทางโรงเรียนได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ ที่สำคัญในการจัดการศึกษาของโรงเรียนให้สอดคล้อง และเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 โดยเฉพาะหมวด 4 ว่าด้วยแนวทางการจัดการศึกษา ซึ่งมีใจความว่า “การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและศักยภาพ”
ดังนั้น ทางโรงเรียน อบจ.บ้านตลาดเหนือ (วันครู 2502) จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างชุมชนกับโรงเรียน เผยแพร่กิจกรรมของโรงเรียนสู่สาธารณชน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผลงานครู และนักเรียนตลอดหนึ่งปีการศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งมีกิจกรรมการแสดงนิทรรศการของกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่มสาระภายในห้องศูนย์การเรียนรู้ จำนวน 15 ศูนย์ การแสดงความสามารถต่างๆ ของนักเรียน รวมถึงการเปิดให้ทุกท่านได้เยี่ยมชมอาคารเรียนลีลาวดี ซึ่งเป็นอาคารเรียนชั้น 5 ที่สมบูรณ์ และทันสมัยด้วยห้องเรียน ห้องศูนย์การเรียนรู้ และห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ทั้งตัวอาคาร และห้องปฏิบัติการต่างๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 40 ล้านบาท และห้องสมุดมีชีวิต ที่มีความพร้อม และทันสมัย อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเช่นเดียวกัน เป็นเงินทั้งสิ้น 6,500,000 บาท รวมไปถึงอาคารฟ้าประดิษฐ์ ซึ่งเป็นอาคารเรียน 4 ชั้น จัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนในแผนการเรียน English Programme และระดับประถมวัย โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งสิ้น 8,500,000 บาท
นอกจากนี้ ในปีการศึกษา 2554 ทางโรงเรียนได้รับมอบหมายภารกิจจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ให้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อพสกนิกรชาวไทย เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนทุกระดับชั้น ตลอดจนประชาชนในชุมชนได้ศึกษาเรียนรู้ และเห็นถึงความสำคัญของบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยในด้านต่างๆ ทางโรงเรียนจึงได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าว เพิ่มขึ้นอีก 1 ศูนย์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย
ด้านนายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัด อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า กิจกรรมวันวิชาการ โครงการเปิดประตูสู่ฝันวันขาว-แสด ประจำปี 2554 ที่ทางโรงเรียน อบจ.บ้านตลาดเหนือ (วันครู 2502) จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถของผู้เรียนให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น และพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศในที่สุด อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของทางโรงเรียน เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ อันจะส่งผลไปยังผู้เรียนให้ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอย่างสูงสุด รวมถึงการจัดตั้ง ศูนย์การเรียนรู้บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อพสกนิกรชาวไทย ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก และเยาวชน ที่จะต้องเติบโตไปเป็นอนาคตที่ดีของชาติ ได้ตระหนักและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย ทั้งนี้ จึงขอขอบคุณคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร คณะครู และผู้ปกครองทุกท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ และขอให้การจัดกิจกรรมเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ