จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทัพเรือภาคที่ 3 ให้ความช่วยเหลือนทท.


เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 54 นาวาโทจงเจริญ แจ้งจุล นายทหารเวร ศปก. ทรภ. 3 ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3 (ศปก.ทรภ. 3) ได้รับแจ้งจากศูนย์นเรนทร ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีน ได้รับบาดเจ็บจากการเดินทางจากเกาะภูเก็ต ไปเกาะราชใหญ่ ขอให้ทางทัพเรือภาคที่ 3ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานพลเรือโท ชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ทราบและได้สั่งการให้ จัดเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงให้กับทางศูนย์นเรนทร
และเมื่อเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปถึงเกาะราชาใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดการลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมายังเฮลิคอปเตอร์ จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อคือ นาง เซียว หมิง เฮา (Xiao Ming Hao) อายุ 53 ปี นักท่องเที่ยวชาวจีน ได้รับบาดเจ็บจากการเดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ท ระหว่างเกาะภูเก็ตเพื่อไปยังเกาะราชาใหญ่ อาการบาดเจ็บของนางเซียว หมิง เฮา เกิดขึ้นเนื่องจากขณะเดินทาง ได้มีคลื่นลมแรงจึงทำให้เรือกระแทก ทำให้นางเซียว หมิง เฮา ซึ่งเคยมีปัญหาบาดเจ็บด้านกระดูกสันหลังและโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้วเกิดบาดเจ็บเพิ่มขึ้นและไม่สามารถขยับตัวได้
จากนั้นทางเฮลิคอปเตอร์ก็ได้ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บ มาลงจอดที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ด้านหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพื่อลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์เวรได้ช่วยกันรับษานักท่องเที่ยวรายนี้ต่อไป

นัดพบแรงงานและมหกรรมอาชีพจังหวัดภูเก็ต


เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2554 ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน “นัดพบแรงงานและมหกรรมอาชีพจังหวัดภูเก็ต” ซึ่งทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้าง ได้มีโอกาสสมัครงานและเข้ารับการสัมภาษณ์งานโดยตรง โดยมีนายนภดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสถานประกอบการต่างๆ เข้าร่วมรับสมัครงานจำนวนกว่า 80 บริษัท มีตำแหน่งงานว่างกว่า 3,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีการสาธิตอาชีพอิสระกว่า 30 อาชีพ ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษา ผู้ว่างงาน และผู้ถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก
นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการและการท่องเที่ยว ทำให้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนลงทุนเพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้มีความต้องการด้านแรงงานในทุกระดับเป็นจำนวนมาก ซึ่งแรงงานที่มีอยู่ในจังหวัดมีไม่เพียงพอ จึงมีประชาชน คนหางานจากต่างถิ่นเคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานในจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ดังนั้นการจัดงานนัดพบแรงงานและมหกรรมอาชีพจังหวัดภูเก็ต จึงเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์กับนายจ้าง/สถานประกอบการ คนหางาน นักเรียน นักศึกษาที่จบการศึกษาใหม่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานทั้งในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง ได้มีโอกาสสมัครงานกับนายจ้างโดยตรงและนายจ้างจะได้คัดเลือกพนักงานได้ตรงตามความต้องการ ในครั้งนี้มีสถานประกอบการเข้าร่วมกว่า 80 บริษัท และมีตำแหน่งงานว่างกว่า 3,000 อัตรา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ มีการสาธิตและฝึกปฏิบัติจริงในแต่ละอาชีพ ที่น่าสนใจกว่า 30 อาชีพ ซึ่งเป็นการเพิ่มความรู้และทักษะในการนำไปประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวต่อไปด้วย นายวีระวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตามนายวีระวัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากมีการพบกันโดยตรงระหว่างผู้ประกอบการกับผู้สมัครงานจึงหวังว่าจะมีผู้สมัครงานจำนวนไม่น้อยจะได้รับการบรรจุเข้าทำงานทันที ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและตอบสนองต่อนโยบายการแก้ปัญหาการว่างงานของรัฐบาลแล้ว ยังเป็นแนวทางและมาตรการของจังหวัดภูเก็ตในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตอีกทางหนึ่ง

“สืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์”


เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์ วัดสว่างอารมณ์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ พร้อมด้วยนายยงยุทธ โสตถิอุดม ผู้จัดการศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ตำบลราไวย์ จังหวัดภูเก็ตในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายาฯ นายวีระ กาวิเศษ ประธานคณะทำงานภาคประชาชนศูนย์ 3 วัยฯ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “สืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์” ครั้งที่ 4 ซึ่งทางเทศบาลตำบลราไวย์ ร่วมกับศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ตำบลราไวย์ฯ ร่วมกันกำหนดจัดขึ้น ในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ระหว่าเวลา 09.00 – 15.00 น. บริเวณลานวัดสว่างอารมณ์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
สำหรับการจัดงานดังกล่าว สืบเนื่องจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มอบหมายให้ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จัดตั้งศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ขึ้นในพื้นที่ตำบลราไวย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของสมาชิกในครอบครัว โดยเน้นความต่อเนื่องและเชื่อมโยงเป็นวงจรของคนทุกช่วงวัยให้อยู่ร่วมกันในครอบครัว ชุมชน และสังคม ด้วยสายใยรักที่รักใคร่ กลมเกลียวมีความเอื้ออาทรต่อกันอันจะก่อให้เกิดความยั่งยืน และจะเป็นรากฐานที่สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
โดยยึดแนวทางการดำเนินงานของศูนย์ฯ คือ เตรียมพร้อมก่อนครองคู่ เรียนรู้ร่วมกันในครรภ์ คิดสร้างสรรค์แต่เยาว์วัย ครอบครัวเสริมกายใจ ผู้สูงวัยสานใยรัก ซึ่งได้ให้ความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุ นอกจากการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ของผู้สูงอายุแล้ว ผู้สูงอายุหลายคนที่มีความรู้ ความสามารถ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาส่วนตัว และหากไม่ได้รับการฟื้นฟู หรือถ่ายทอดสู่อีกรุ่นหนึ่ง ภูมิปัญญาต่างๆที่สั่งสมอยู่กับผู้สูงอายุก็จะสูญหายไป
ทางศูนย์ 3 วัยฯ จึงจัดงานสืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์ ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วม และทำประโยชน์ต่อสังคม โดยรวบรวมและคัดเลือกภูมิปัญญา ความรู้ของผู้สูงอายุที่มีความสามารถทางด้านต่างๆ เพื่อนำมาถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นหลัง ซึ่งตำบลราไวย์ เป็นพื้นที่ที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งเป็น “ของดีที่มีอยู่ในชุมชน” จำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นและสังคมของตนเอง
อย่างไรก็ตามการจัดงานสืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์ มีกิจกรรมการจัดนิทรรศการ การถ่ายทอด การสาธิตภูมิปัญญาด้านต่างๆ การจำลองการใช้ชีวิตของคนภูเก็ตในอดีต จนถึงปัจจุบัน ทั้งภูมิปัญญาวิถีชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิมและชาวไทยใหม่ อาทิ การสาธิตกวนกาละแมต้นรับของชาวราไวย์ การสาธิตการทำศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน สาธิตการทำอาหาร เช่น น้ำพริกหยำ เกลือเคย ข้าวยำภูเก็ตสูตรโบราณ การแฟโบราณ ขนมจาก การรำวงย้อนยุค การรำรองเง็ง มวยกาหลง วิถีชีวิตชาวประมง การทำข้าวหมก การเล่นสะบ้า การสาธิตดำนา เป็นต้น โดยมีการจัดประกวดการแต่งกายพื้นเมืองของชาวราไวย์ของผู้ที่มาร่วมงานด้วย

“ผลไม้ไทย ผลไม้ดี ภาคตะวันออกสู่ภูเก็ต”

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 54 ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ ปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอนันต์ ลิลา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดงาน “ผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ภาคตะวันออก สู่ภูเก็ต” ซึ่งทางสำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานเกษตรจันทบุรี จัดขึ้น โดยมีนายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายเฉลิมศักดิ์ ลิ้มวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 5 จังหวัดสงขลา นายวินัย ขวัญแก้ว เกษตรจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการในจังหวัดภูเก็ต และจากจังหวัดจันทบุรี เกษตรกรจากจังหวัดจันทบุรี เข้าร่วม โดยได้รับความสนใจจากประชาชนชาวภูเก็ตซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก
นายวินัย ขวัญแก้ว เกษตรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการที่กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินงานโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2554 นั้น ทางจังหวัดภูเก็ต จึงได้ร่วมกับจังหวัดจันทบุรี จัดงาน “ผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ภาคตะวันออก สู่ภูเก็ต” ในระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายนนี้ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต เพื่อบริหารจัดการผลผลิตผลไม้ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ป้องกันการเกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ รวมทั้งกระจายผลผลิตในช่วงที่มีการกระจุกตัว ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาผลผลิตตกต่ำ และประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดี คาดว่าจะมีชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาร่วมงานไม่น้อยกว่าวันละ 2,500 คน
ทั้งนี้ภายในงานได้มีการนำผลไม้คุณภาพดีจากเกษตรกรผู้ผลิตในจังหวัดจันทบุรีมาจำหน่าย ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย สละ และกล้วยไข่ รวมวันละประมาณ 10 ตัน โดยตัวแทนเกษตรกรจากจันทบุรีมาจำหน่ายด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชนจังหวัดภูเก็ต สินค้าเกษตรปลอดภัยของเกษตรกรในจังหวัดภูเก็ต อาหารพื้นเมืองภูเก็ต ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขาย ได้แก่ การประกวด และแข่งขันการปอกทุเรียน แข่งขันการกินผลไม้ การจัดกระเช้าดอกไม้ การชิมผลไม้ และรายการนาทีทองผลไม้ราคาถูถ
ด้านนายอนันต์ ลิลา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคในประเทศในโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคตะวันออกปี 2554 เพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตในช่วงกระจุกตัว มีมากเกินความต้องการของผู้บริโภค จนเกินกำลังของกลไกตลาดปกติที่จะรองรับได้ ทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการผลผลิตกระจายสู่ภาคต่างๆ ภายในประเทศ โดยการจัดงาน ผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ภาคตะวันออกในแหล่งจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ คือเชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต โดยกำหนดจัดงานพร้อมกันทั้ง 3 จังหวัด ในภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับจังหวัดตราด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่นร่วมกับจังหวัดระยอง และภาคใต้ จังหวัดภูเก็ตร่วมกับจังหวัดจันทบุรี
“การจัดงาน ผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ภาคตะวันออก นับเป็นมาตรการที่สำคัญในการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ เป็นการบริหารจัดการผลผลิตผลไม้ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดที่มีศักยภาพในการซื้อขายสูง ผู้บริโภคเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร เช่น จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะทำให้สามารถกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตในช่วงที่มีการกระจุกตัว เกษตรกรยังสามารถขายผลผลิตได้ไม่ต่ำกว่าต้นทุน รวมทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติ รู้จักและนิยมบริโภคผลไม้ไทย ซึ่งจะสามารถสร้างตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศได้ในโอกาสต่อไปด้วย” นายอนันต์ กล่าวในที่สุด

สวท.ภูเก็ตจัดโครงการหน้าบ้าน น่ามอง


เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2554 ที่อาคารทำการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต นายปราโมช รัฐวินิจ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี และนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการหน้าบ้าน น่ามอง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งทาง จังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ สวท.ภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีนายประวิน พัฒนะพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 ผู้บริหารระดับสูงสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 พนักงานข้าราชการ สวท.ภูเก็ต และส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วม
นายประวิน พัฒนะพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 กล่าวว่า ด้วยปี พ.ศ.2554 เป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 สวท.ภูเก็ต จึงได้เชิญชวนประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจัดกิจกรรมเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่านในโครงการหน้าบ้าน น่ามอง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 จนสิ้นสุดโครงการ 31 ธันวาคม 2554 ด้วยการจัดหน้าบ้านให้สะอาด สวยงาม น่ามอง น่าอยู่อาศัย และส่งภาพถ่ายหน้าบ้าน น่ามอง เข้าร่วมประกวดกับทาง สวท.ภูเก็ต ตามช่องทางที่กำหนด
ซึ่งนอกจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจะได้มีโอกาสร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผ่านทางกิจกรรมที่ สวท.ภูเก็ตจัดขึ้นแล้ว กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันและกระตุ้นเตือนจิตสำนึกการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวภูเก็ต เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมต้อนรับการเป็นเจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติในปี 2555 ของจังหวัดภูเก็ตอีกส่วนหนึ่งด้วย
ขณะที่นางจิรดา ดีชัยยะ ผู้อำนวยการ สวท.ภูเก็ต สำหรับการคัดเลือกภาพถ่ายที่เข้าร่วมประกวดนั้น จะมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ตัดสิน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินสด 5,000 บาท รางวัลที่ 2 เงินสด 3,000 บาท และรางวัลที่ 3 เงินสด 2,000 บาท พร้อมประกาศเกียรติคุณจากนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในขณะเดียวกันทาง สวท.ภูเก็ตจะพิจารณานำรูปถ่ายหน้าบ้านน่ามองที่เข้าร่วมโครงการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ และจัดบอร์ดนิทรรศการเพื่อร่วมรณรงค์ให้ทุกฝ่ายร่วม สร้างสรรค์ หน้าบ้านให้น่ามอง ผู้สนใจสามารถ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 076- 523420

เปิดสำนักงานตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต


เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 54 ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2(ภูเก็ต) กองบังคับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เลขที่ 327 ถนนเยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา(ป.กก.) เป็นประธานในพิธีเปิดสถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงาน บุคคล ที่ให้การสนับสนุนงานตำรวจท่องเที่ยว ด้วยมี นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางธันยรัศมิ์ อัจฉริยะฉาย ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยว วุฒิสภา นายปกรณ์ รัตนพัทย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาครัฐ เอกชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี
ทั้งนี้นายสมบัติ กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานที่สำคัญภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมีภารกิจหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ผ่านมาตำรวจท่องเที่ยวได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่รู้จัก และได้รับความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ และนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมบัติ กล่าวอีกว่าจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ที่มีชื่อเสียง และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวปีละประมาณ 4 – 6 ล้านคน สร้างรายได้ให้จังหวัดภูเก็ต และประเทศไทยปีละประมาณ 90,000 – 110,000 ล้านบาท ประชากรจังหวัดภูเก็ตมีรายได้เฉลี่ยจากการท่องเที่ยวประมาณ 2.06 หมื่นบาทต่อคนต่อปี อันเป็นการสร้างรายได้ที่สำคัญให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนในการก่อสร้างอาคารที่ทำการถาวรของสถานีตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต แห่งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และได้รับความไว้วางใจในการให้บริการดูแลอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้ดียิ่งขึ้น อันเป็นการส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่มั่นหมายจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก จะต้องมีการสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก
“กลุ่มท่องเที่ยวอันดามันโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต เป็นกลุ่มที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศไทย เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มการเติบโตดีมาโดยตลอด จากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มยุโรป รัสเซีย จีน กลุ่มเอเชียตะวันออก มาเลเซีย และสิงคโปร์ คาดว่าจะมีการขยายตัวต่อเนื่อง 7-10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยจะมาเที่ยวกลุ่มอันดามันเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัจจัยด้านแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม มีการเดินทางที่สะดวกสบาย มีที่พักที่ได้มาตรฐานระดับโลก และที่สำคัญ มีความปลอดภัยที่เป็นเลิศจากทางจังหวัด ที่พร้อมคอยช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมงด้วย” นายสมบัติ กล่าวและว่า
“ในอนาคต กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและรัฐบาลไทย เตรียมส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวและการกีฬาของจังหวัดภูเก็ต ในระดับนานาชาติ ทั้งการวางแผนจัดสร้างศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ และการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ในปี 2014 ด้วยปัจจัยเหล่านี้นับว่า การสร้างสรรค์ความเชื่อมั่น ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว และแข่งขันกีฬา จึงต้องเป็นอันดับแรกของจังหวัดภูเก็ตไปโดยปริยายและต้องดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเชิงบูรณาการต่อไป”

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หนองบัวลำภูโรดโชว์ภูเก็ต เจรจาธุรกิจ-จัดแสดงสินค้า


เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 54 ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง ภูเก็ต นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วยนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการแสดงสินค้า เจรจาธุรกิจ และศึกษาดูงาน Road Show หนองบัวลำภู – ภูเก็ต โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาครัฐ/เอกชน ตลอดจนผู้ประกอบการ OTOP/SMEs จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดหนองบัวลำภู เข้าร่วม
นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวรายงานว่า การจัดงานในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าตามภูมิภาค ครั้งที่ 2 (ภาคใต้) ณ จังหวัดภูเก็ต พังงา ภายใต้โครงการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย Road Show และประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 15-18 มิ.ย.2554 ได้มีการแสดงสินค้าจากจังหวัดหนองบัวลำภูและภูเก็ต จำนวน 10 คูหา ได้แก่ ข้าวฮาง ข้าวกล้องงอก ข้าวหอมมะลิ ผ้าและผลิตภัณฑ์ ของใช้ผลิตภัณฑ์ใยบวบ ผลิตภัณฑ์อาหาร อาหารทะเล และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและเชื่อมโยงตลาด จึงจัดให้มีกิจกรรมการเจรจาธุรกิจ Business Matching ระหว่างผู้ประกอบการจังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดภูเก็ต และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาครัฐและเอกชนของสองจังหวัด
ด้านนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวภายหลังเปิดงานว่า การมาจัด Road Show ที่จังหวัดภูเก็ตก็เพื่อที่จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าแก่ผู้ประกอบการ และทางจังหวัดภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาปีละจำนวนมาก ฉะนั้นโอกาสที่จะจำหน่ายสินค้าก็คงจะมีสูง สินค้าที่เรานำมาจำหน่ายในครั้งนี้เป็นสินค้าเด่นของจังหวัดหนองบัวลำภู เช่น ข้าวฮาง ซึ่งทั่วโลกให้ความนิยม
นอกจากนี้ยังมี ผ้าไหม ผ้าทอมือ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางจังหวัดหนองบัวลำภู รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากใยบวบ สามารถเป็นสินค้าในเรื่องของการฟอกตัว แล้วก็รองเท้า คิดว่าหลังจากนี้ต่อไปทางผู้ประกอบการคงจะได้มีการประสานงานแล้วก็เพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้า ทำให้พี่น้องในจังหวัดหนองบัวลำภูมีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
"ในส่วนของจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นเมืองเกษตรกรรม ในขณะนี้นโยบายรัฐบาลในเรื่องของการประกันรายได้ ทำให้พี่น้องที่ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น รายได้ต่อหัวของจังหวัดหนองบัวลำภู ในแต่ละปี ขณะนี้ประมาณ 41,050 บาท" นายวินัย กล่าวในที่สุด

ภูเก็ตจัดโรดโชว์ไปที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตจัดโรดโชว์ไปประเทศจีน (Phuket Road Show to China) ระหว่างวันที่ 20 – 24 มิถุนายน 2554 เพื่อสนับสนุนการส่งเสริมการขายและการตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตลาดออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันผู้ซื้อแพคเกจท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดออนไลน์เติบโตขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตระหว่างปี 2549 – 2553 พบว่ามีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปี 2552 มีนักท่องเที่ยวเดินทางจังหวัดภูเก็ตจำนวน 71,376 คน ส่วนในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 131,109 คน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 84 สาเหตุเนื่องมาจากปัจจัยบวก อาทิ ครบรอบ 35 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน และภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น สำหรับในปี 2554 ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระที่มีการซื้อแพคเกจท่องเที่ยวผ่านบริษัทซีทริปซึ่งเป็นบริษัทออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของจีน โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนซื้อแพคเกจท่องเที่ยวผ่านบริษัทซีทริปในปี 2554 ประมาณ 80,000 คน และร้อยละ 20 เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่มีความชื่นชอบการท่องเที่ยวทางทะเลเช่น ภูเก็ต สมุย เป็นต้น

นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า หากมองถึงโอกาสทางการตลาดของนักท่องเที่ยวชาวจีนพบว่าจังหวัดภูเก็ตมีความโดดเด่นในด้านความสวยงามของทะเลและชายหาดและเป็นแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามายังภูเก็ตอย่างต่อเนื่องในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ หากภาคธุรกิจขยายกลุ่มตลาดออนไลน์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม FIT โดยนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น เช่น กิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเลที่เป็นที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ แหล่งที่พักที่ดึงดูดใจกลุ่มตลาดฮันนีมูน คาดว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพในอนาคต

เผยแพร่งานประกันสังคมต่อผู้ประกันตน


เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2554 ที่ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม โครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมต่อผู้ประกันตน ครั้งที่ 3/2554 จังหวัดภูเก็ต ซึ่งฝ่ายนิเทศและโสตทัศนูปกรณ์ ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานประกันสังคม และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ผู้เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนท้องถิ่นที่อยู่ในส่วนภูมิภาคเข้าร่วม ประมาณ 200 คน
ทั้งนี้เพื่อให้นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ผู้เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนที่อยู่ในส่วนภูมิภาค มีความรู้ความเข้าใจถึงหน้าที่และสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ตามกฎหมายประกันสังคมและกฎหมายเงินทดแทน เพื่อเป็นการสื่อสารแบบสองทาง โยให้นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ผู้เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนในส่วนภูมิภาค มีโอกาสสอบถามข้อมูลหรือปัญหาเกี่ยวกับประกันสังคม รวมทั้งรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ จากกลุ่มเป้าหมายโดยตรง รวมทั้งเพื่อให้สื่อมวลชนในส่วนภูมิภาคทราบและเข้าใจในหลักการของการประกันสังคม เพื่อเป็นแนวทางในการประชาสัมพันธ์แก่สมาชิกประกันสังคมและประชาชนทั่วไป
นายสงวน วงศ์สัมพันธ์สุข ประกันสังคมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม มีภารกิจในการดำเนินการตามกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2537 และ(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 มีหน้าที่รับผิดชอบให้ความคุ้มครองและหลักประกันให้แก่ลูกจ้างที่ประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตาย เนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง และให้ความคุ้งครองและหลักประกันให้แก่ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตายอันไม่เนื่องจากการทำงาน รวมถึงการคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพและว่างงาน ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป และดำเนินการบริหารงานเสนอแนะนโยบายและแนวทางการขึ้นทะเบียนนายจ้างและผู้ประกันตน ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดเก็บเงินสมทบ จ่ายเงินทดแทน และประโยชน์ทดแทนตามกฎหมายเงินทดแทน กฎหมายประกันสังคม และดำเนินการฟื้นฟูสมรรถภาพให้ลูกจ้าง ผู้ประกันตนที่พิการสามารถกลับเข้าทำงาน หรือสามารถประกอบอาชีพได้ตามความเหมาะสม รวมถึงดำเนินการให้บริการทางการแพทย์แก่ลุกจ้าง ผู้ประกันตนที่อยู่ในโครงการประกันสังคม
โดยสำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร สาระความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันสังคมและสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนถึงมีสิทธิได้รับจากทั้ง 2 กองทุน ทางสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคม ได้มีการพัฒนาระบบการให้บริการและปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กองทุนเงินทดแทน กองทุนประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งหวังให้นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุดจากการประกันสังคม โยทำการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวคราวความเคลื่อนไหวต่างๆ มาตลอด ทางสื่อประเภทต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติที่ดีต่อนายจ้าง ลุกจ้าง และผู้ประกันตน แต่เนื่องจากกลุ่มนายจ้าง ลุกจ้าง ผู้ประกันตนมีความแตกต่างกันในด้านปัจจัยพื้นฐาน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทำให้การประชาสัมพันธ์ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นายสงวนกล่าว

ตร.เขตถลางณรงค์ต่อต้านซื้อสิทธิ์ขายเสียง


เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรถลาง สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล ร่วมกับพนักงานหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชนและนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวนมาก ร่วมเดินรณรงค์เรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ และร่วมกันต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยเริ่มขบวนรณรงค์ตั้งแต่บริเวณหน้าตลาดนัดศรีสุนทร อ.ถลาง ผ่านอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร ไปยังสนามฟุตบอลหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง ซึ่งขบวนรณรงค์ได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนในพื้นที่ เป็นจำนวนมาก
โอกาสเดียวกันนี้ พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรถลาง พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล และพ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย ร่วมกันกล่าวนำปฎิญาณตนไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง รวมทั้งไม่เล่นการพนันที่มีผลต่อการเลือกตั้งทุกรูปแบบ
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ในครั้งนี้เป็นการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสามสถานี หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน และนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่ ซึ่งเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อร่วมกันปลุกจิตสำนึกให้กับประชาชนในจังหวัดภูเก็ตได้ตื่นตัวสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ และต้องการรณรงค์ให้ประชาชนไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพื่อให้ได้คนดีไปบริหารประเทศ เนื่องจากขณะนี้ในพื้นที่มีกระแสข่าวการซื้อสิทธิ์ขายเสียงค่อนข้างมาก รวมถึงการเล่นพนันด้วย



“ภูเก็ตอันดามันฮาลาล สืบสานวัฒนธรรม”

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2554 ที่ห้องรายา โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และรองประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดภูเก็ต รศ.ดร.อิสมาแอ อาลี ประธานฝ่ายกิจการฮาลาล คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และนายอิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพล ผู้แทนท่านจุฬาราชมนตรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวจัดงาน “ภูเก็ตอันดามันฮาลาล สืบสานวัฒนธรรม นำผลิตภัณฑ์ฮาลาลไทย สู่สากล” Phuket Halal International Forum and Andaman Muslim Expo’2011(PhHIF&AMEX’2011) โดยมี คณะผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วม
สำหรับงาน “ภูเก็ตอันดามันฮาลาล สืบสานวัฒนธรรม นำผลิตภัณฑ์ฮาลาลไทย สู่สากล” ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกับ สำนักจุฬาราชมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิม และสถาบันอาหาร ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 25 มิถุนายน 2554 ณ โรงแรมภูเก็ตเกรซแลนด์รีสอร์ท แอนด์ สปา และสวนสาธารณะสะพานหิน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
นายไพบูลย์ อุปติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า งานภูเก็ตอันดามันฮาลาล ประจำปี 2554 ได้แบ่งการจัดงานเป็น 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมแรกเป็นการประชุมวิชาการนานาชาติ ในวันที่ 22 – 25 มิถุนายน 2554 ณ โรงแรมภูเก็ตเกรซแลนด์รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต และมีการบรรยายจากหน่วยงานรับรองฮาลาลจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีพี่น้องมุสลิมเกือบ 20 ประเทศจากทั่วโลกได้ ตอบรับมาร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนี้ ในส่วนกิจกรรมที่สองเป็นงานแสดงสินค้าฮาลาลจำนวนกว่า 100 ร้าน ในระหว่างวันที่ 24 – 25 มิถุนายน 2554 ณ สวนสาธารณะสะพานหิน ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การแสดงวิถีชีวิตวัฒนธรรมอิสลาม ได้แก่ การประกอบพิธีฮัจย์ การแสดงพิธีแต่งงานแบบมุสลิม พิธีสุหนัต การอากีเกาะห์ และการแสดงบนเวที ได้แก่ การแสดงขับร้องนาซีด in-team จากประเทศมาเลเซีย ลาบานูน แฮมเมอร์ และการแสดงจากโรงเรียนมุสลิมวิทยา
ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของไทย และส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต โดยสนับสนุนผู้ผลิตในการนำเสนอขายสินค้าฮาลาลผ่านงานแสดงสินค้า และการจัดการประชุมระดับนานาชาติ โดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนพัฒนามาตรฐานฮาลาลสินค้าและบริการ เพื่อการพัฒนาภาพรวมสินค้าและบริการของกลุ่มจังหวัดอันดามันทางภาคใต้ของประเทศ และเผยแพร่องค์ความรู้การจัดการให้ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนา ยกระดับและพัฒนาระบบการจัดการสินค้าฮาลาลที่จำหน่าย สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทย โดยนำเอาวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมมุสลิมท้องถิ่นอันดีงามในจังหวัดภูเก็ตมาเป็นสื่อในการนำเสนอ
จึงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศไทยจะมีจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง นำตราฮาลาลสู่เวทีโลก และในอนาคตจะต้องผลักดันขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าฮาลาลของจังหวัดภูเก็ต ทั้งในด้านการผลิตและบริการ ผ่านการรับรองฮาลาลขององค์กรศาสนาให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ในการนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวภูเก็ต และชาวจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานดังกล่าวในวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ สวนสาธารณะสะพานหิน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เอฟซีภูเก็ต ยำ กรุงเทพคริสเตียน 7 – 3


เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 54 ที่ผ่านมา ที่สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต “กิเลนทะเลใต้” เอฟซี ภูเก็ต ทีมอันดับที่ 9 ในลีก ดิวิชั่น 1 เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ “ชงโคสีม่วง” กรุงเทพคริสเตียน ทีมอันดับ 5 ของลีกดิวิชั่น 2 โซน กรุงเทพและปริมณฑล โดยมี นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ ประธานสโมสรเอฟซีภูเก็ต นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ รองประธานสโมสร นายนฤเบศ อายุพงศ์ ผู้จัดการทีมสโมสรเอฟซีภูเก็ต นายวิรัช พาที ผอ.กกท.จังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งแฟนคลับและกองเชียร์ทั้งสองทีม ที่มาร่วมชมกว่า 3 พันคน
เปิดเกมในครึ่งแรก ทางเอฟซีภูเก็ต ที่เจนสนามกว่า บุกทีม “ชงโคสีม่วง” อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนาทีที่ 13 เป็นจังหวะที่ได้ ลูกคอนเนอร์ นายประตู ชงโคสีม่วง ปัดสุดปลายมือบอลเด้งชนเสาออกไกล และเป็นการสวนกลับเร็ว โคเน่ อดาม่า หมายเลข 39 ของ กิเลนทะเลใต้ ก่อนจะล็อคเข้ากลางหลอกผู้เล่น กรุงเทพคริสเตียน สองคนก่อนจะตวัดเบาๆ สวนไกล เข้าประตูไปง่ายๆ เอฟซี ภูเก็ต ขึ้นนำ 1 – 0
หลังจากเปิดสกอร์แรกได้แล้วขุนศึก เอฟซี ภูเก็ต ยังครองเกมบุกได้เหนือกว่า มาได้ประตูหนีเป็น 2 - 0 ในนาที 16 จาก จังหวะที่ โคเน่ ลากบอลมาทางริมเส้นขวาก่อนจะเลาะเส้นหลังเข้ามาในกรอบโทษ เปิดบอลยัดเข้ามาที่เสาแรก ศุภชัย แสงสุริยา นายทวาร ทุบบอลออกมายังมาเข้าทาง โคเน่ คราวนี้เจ้าตัวเลือกจ่ายย้อนกลับมาบริเวณจุดโทษให้กับ เสกสิทธิ์ ศรีใส ที่ยืนอยู่คนเดียวตวัดเต็มข้อเสียบโคนเสาไกลเข้าไป
นาที 36 กรุงเทพคริสเตียน มาตีไข่แตกเป็น 2 - 1 จากจังหวะที่ อวาลอส หลุดเข้ามาในกรอบโทษทางขวาก่อนจะตักบอลข้ามตัว ลือชา จันทวงษ์ นายประตู ของ กิเลนใต้ บอลย้อยเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม แม้ว่า ทีมเยือนจะเล่นอย่างมั่นใจมากขึ้นแต่ก็ต้านทานเอาไว้ไม่ได้ ช่วงท้ายเกม นาที 44 เนเนบี้ ของเอฟซีภูเก็ต ขึ้นมาช่วยโหม่งทำประตูให้ เอฟซี ภูเก็ต หนีห่างออกไปอีก 3 – 1 จนกระทั่งหมดเวลาครึ่งแรก
เริ่มเกมครึ่งหลังได้ไม่ถึง 10 นาทีทีมเยือน กรุงเทพ คริสเตียนก็มาได้ประตูไล่มาเป็น 2-3 จาก โยซึเกะ ทาชิ กระชากบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดบอลแรงเข้ามาหน้าปากประตู อวาลอส วิ่งเข้ามาถึงบอลก่อนซัดด้วยขวา บอลพุ่งแฉลบตัว ปรมัตถ์ กรองบริสุทธิ์ ของ กิเลนทะเลใต้ ที่วิ่งมาบล็อค เปลี่ยนทางเข้าประตูไป หลังเสียประตูไม่นานด้านเจ้าบ้านก็มายิงหนีอีกครั้งเป็น 4 – 2 จาก โคเน่ อดาม่า ที่หลุดเข้ามาซัดรอดขานายประตู เข้าไป อย่างสวยงาม
ต่อจากนั้นในนาที 64 ก็ได้ประตูที่ 5 จาก เสกสิทธิ์ ศรีใส ที่ได้บอลจาก วัชรพงษ์ ที่ แปเข้ามาให้จากทางริมเส้นขวา ก่อนจะล็อคบอลเข้าเท้าขวา หวดเต็มข้อบอลแฉลบ กองหลัง กรุงเทพคริสเตียน เบียดเสาแรกเข้าไปทำให้ กิเลนทะเลใต้ ทิ้งห่างเป็น 5 – 2 หลังจากนั้นรูปเกมส่วนใหญ่ยังเป็นของ เจ้าบ้านเกือบทั้งหมด และนาที 73 ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 6 – 2 จากการประสานของ เสกสิทธิ์ หลุดไปถึงสุดเส้นหลังทางขวาก่อนจะตวัดต่ำ เข้ามาให้ โคเน่ วิ่งเข้ามาแปด้วยขวา นิ่มๆ เป็นแฮตทริคของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย
ถัดมาถึง นาที 79 เอฟซี ภูเก็ต มาได้ประตูทิ้งท้ายเป็น 7 – 2 จากการผ่านบอลของ สารัช ไปทางขวา โคเน่ กระชากบอลยาวเข้ามาในกรอบโทษก่อนจะแป เข้าไปง่ายๆ ด้านทีมเยือนแม้ว่าจะสู้ไม่ได้แต่ก็มาได้ประตูปลอบใจจากลูกโทษของ กีรติกร นิลมาศ ที่อาสาซัดฟรีคิกจุดโทษเข้าไปขยับสกอร์ไล่ห่างๆ เป็น 7 – 3 หลังจากนั้นก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้อีก ทำให้เอฟซีภูเก็ตฝ่านเข้ารอบต่อไป