จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

“ของดีเมืองตรัง…ดังที่ภูเก็ต”

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2553 ที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ของดีเมืองตรัง…ดังที่ภูเก็ต” ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรังจัดขึ้น ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาตลาดสินค้าหมู่ย่างเมืองตรังปี 2553 มีนายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายวีระพงษ์ ไวทยวงศ์สกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในจังหวัดภูเก็ต ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาภูเก็ต ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมในพิธี ขณะเดียวกันบรรยากาศภายในงานก็คึกคักไปด้วยประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยว ให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้นายธาดา พิชญาภรณ์ พาณิชย์จังหวัดตรัง ได้กล่าวว่า ด้วยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดภารกิจหลักของพาณิชย์จังหวัด เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าจังหวัดให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยมีภารกิจหลักประการหนึ่ง คือ การส่งเสริมและพัฒนาการตลาดสินค้าและบริการของจังหวัด ซึ่งให้แต่ละจังหวัดพิจารณาคัดเลือกสินค้าที่โดดเด่นจังหวัดละ 1 สินค้า โดยกระบวนการคัดเลือกให้ใช้ปัจจัยเด่นของจังหวัดต่างๆ เพื่อลดปัญหาความซ้ำซ้อนของสินค้าที่ออกสู่ตลาดและดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาให้สามารถแข่งขันและขยายตลาดในเชิงพาณิชย์

ในการนี้จังหวัดตรังได้พิจารณาแล้วเห็นว่า “หมูย่างเมืองตรัง” อาหารพื้นเมืองที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหอการค้าจังหวัดตรัง จนเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศสามารถที่จะแข่งขันและขยายตลาดได้เชิงพาณิชย์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมและพัฒนาตลาดสินค้าหมูย่างเมืองตรัง และเสนอให้ “หมูย่างเมืองตรัง” เป็นสินค้า OPOP (One Province One Product) ของจังหวัดตรัง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดที่มีเป้าประสงค์ในการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์สินค้าที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงของจังหวัด อันเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายเป็นของฝากได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้แก่ หมูย่างเมืองตรัง ขนมเค้กตรัง ขนมเปี๊ยะตรัง ผลิตภัณฑ์แกะสลักไม้มงคลเทพทาโร ผ้าทอนาหมื่นศรี ผลิตภัณฑ์หนังปลากระเบน ของที่ระลึกไม้ยางพารา และปุ้มปุ้ยปลายิ้ม

สำหรับการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ของดีเมืองตรัง…ดังที่ภูเก็ต” ในครั้งนี้ ทางสำนักงานพานิชย์จังหวัดตรังได้นำผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สินค้าของดีเมืองตรังจำนวน 16 ราย โดยมีผลิตภัณฑ์สินค้าดังกล่าวข้างต้น จำนวน 8 รายการเข้าร่วมแสดงและจำหน่ายเป็นเวลา 5 วันคือตั้งแต่วันที่ 27 – 31 สิงหาคม 2553 ณ ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาภูเก็ต นายธาดา กล่าวในที่สุด


แม่ใจแตกทำแท้งทิ้งศพทารกในกองขยะ

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 53 นายประเภท ติระนนท์ ประธานศูนย์ อปพร.อบต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากพนักงานคัดแยกขยะ อบต.ป่าคลอกว่า พบศพทารกในถุงขยะสีดำถูกทิ้งไว้ในรถเก็บขยะ ทะเบียน 80-5653 ภูเก็ต ซึ่งเก็บขยะมูลฝอยมาจากกองขยะหน้าสนามบินเล็ก ต.ป่าคลอก จึงประสาน พ.ต.ท.พิศิษฐ์ ชื่นเพ็ชร รอง.ผกก.สส.สภ.ถลาง นำกำลังรุดมาตรวจสอบ โดยรถเก็บขยะคันดังกล่าวจอดอยู่ภายใน อบต.ป่าคลอก

จากการตรวจสอบพบซากศพทารกเพศชาย น้ำหนักราว 2.8 กก.ยังมีสายสะดือและอวัยวะครบสมบูรณ์ห่อกระดาษ นสพ.ภายในห่อด้วยเสื้อยืดลายดอกอีกชั้นใส่อยู่ในถุงดำ ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายตามร่างกาย จึงมอบให้มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำส่ง รพ.ถลางเพื่อให้แพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด เบื้องต้นซากทารกอาจมีอายุในครรภ์ระหว่าง 7 – 9 เดือน

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่เก็บขยะของอบต.ป่าคลอก อ.ถลาง กำลังคัดแยกขยะอยู่ข้างที่ทำการ อบต.ป่าคลอก พบถุงขยะสีดำถูกทิ้งปะปะอยู่กับขยะ จึงเปิดออกมาดู ปรากฎว่ากลายเป็นซากศพทารก แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเก็บถุงดำดังกล่าวมาจากจุดใด เบื้องต้นตำรวจคาดว่าเป็นแม่ใจยักษ์หรือเด็กใจแตกที่ทั้งท้องโดยไม่ตั้งใจ จึงทำแท้งกับหมอเถื่อนแล้วนำซากเด็กมาทิ้ง ซึ่งจะได้สืบสวนติดตามจับกุมแม่ใจยักษ์มาดำเนินคดีต่อไป ที่ผ่านมารถเก็บขยะ อบต.ป่าคลอกพบศพทารกถูกทิ้งรายนี้เป็นรายที่ 2 ในรอบ 4 เดือน


“ชวน” แนะควรพัฒนาคนควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรม

นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวภายหลังเปิดการประชุมสัมมนา 5 ภาค ในส่วนของภาคใต้ เรื่อง การปฏิรูปประเทศท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ว่า ความจริงแล้วปัญหาทั้งหลายในบ้านเมืองอยู่ที่คน หากได้คนดีหน่วยงานนั้นๆ ก็จะดีด้วย หากเราได้คนไม่ดีหน่วยงานนั้นก็มีปัญหา เพราะฉะนั้นการพัฒนาทรัยากรมนุษย์ถือว่ายังเป็นเรื่องใหญ่ทุกยุคทุกสมัย ไม่มีวันจบสิ้น จะต้องมีการพัฒนาไปโดยต่อเนื่อง

“สมัยก่อนการศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องขยายโอกาส นโยบายกระจายโอกาสสถาบันการศึกษาขยายไปในภูมิภาคและการมีทุนการศึกษา เพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยมีโอกาสมากขึ้น แต่เดี๋ยวนี้จะต้องมองเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ความสำนึกรับผิดชอบ ค่านิยมของคนควบคู่ไปกับการให้ความรู้ เพราะว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่คนมีความรู้น้อยกว่าในอดีต แต่ปัญหาที่เจออยู่ทุกวันนี้ คือ ปัญหาความสำนึกของแต่ละคนที่ทำงานอยู่หน่วยงานนั้นๆ หากได้คนดีก็ดีไป ฉะนั้นส่วนงานทั้งหลายที่เจริญก้าวหน้าได้ส่วนหนึ่งก็มาจากได้คนดีเข้าไปดำเนินงาน แต่ส่วนงานไหนที่มีคนไม่ดีเข้าไป หรือคนที่มีจุดอ่อนในเรื่องของความสำนึกรับผิดชอบหน่วยงานนั้นก็จะมีปัญหา ดังนั้นการพัฒนาคนจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลาไม่มีวันจบสิ้น นายชวนกล่าว

ส่วนของการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา 7-8 ปีของบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปในทางดีและทางร้ายควบคู่กันไป แต่ส่วนใหญ่ก็ไปได้ดี ประเทศไทยก็ก้าวหน้า ประชาชนรู้จักสิทธิหน้าที่ของตัวเองมากขึ้น และเป็นห่วงประชาธิปไตยมากขึ้น สมัยก่อนมีอะไรขึ้นมานิดหน่อยก็ปฏิวัตแล้ว เดี๋ยวนี้เรื่องนั้นก็หมดไปทหารก็มีวุฒิภาวะ เขาไม่ทำสิ่งเหล่านี้ แต่ปัญหาที่เผชิญหน้าเหมือนกับโรคภัยชนิดใหม่เกิดขึ้น เช่น การเมืองระบบธุรกิจ การเมืองที่ใช้เงินซื้อ ก็เข้ามาแทรกแซง ทำให้การพัฒนาประชาธิปไตย มีจุดที่เป็นปัญหาเหมือนกัน มันไม่ใช่ดีทุกเรื่องมันมีเรื่องร้ายตามมาด้วยเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามนายชวน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะ ยอมรับว่าการเมืองก็มีผลทำให้เกิด และตามมาด้วยปัญหาอื่นๆ ต้องดูว่าการเมืองอะไรที่มีผลว่าเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่าการเมืองในระบบผลประโยชน์มีผลมาก เมื่อนักการเมืองมาจากระบบซื้อเสียง ก็ต้องเข้าไปหาประโยชน์ พอเข้าไปหาประโยชน์ก็มีการคดโกง ทุจริต ฝ่ายการเมืองโกง ข้าราชการโกง ก็กระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวม ฉะนั้นการเมืองก็มีส่วนทำให้เกิดปัญหา แต่ไม่ใช่การเมืองฝ่ายเดียว เพราะกลไกบ้านเมืองมากมาย มีองค์กรมากมายที่มีส่วนในการก่อให้เกิดแรงทัดทาน แม้กระทั่งสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมาจากหลายสาเหตุ การแก้ปัญหาทุกภาคส่วนต้องเข้ามาช่วยกันดูแลรับผิดชอบต่อบ้านเมืองร่วมกัน ไม่ใช่ปลาอยให้เป็นการแก้ของการเมืองฝ่ายเดียว สรุปคือ ทุกฝ่ายจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตัวเองด้วยความสำนึก รับผิดชอบในภารกิจ ไม่ว่าภารกิจเล็ก-ใหญ่ ล้วนมีความสำคัญไม่แตกต่างกัน

สภาที่ปรึกษาฯ ระดมสมองปฏิรูปประเทศ


เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2553 ที่ห้องประชุมโรงแรม รอยัลภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิดการประชุมสัมมนา 5 ภาค ในส่วนของภาคใต้ เรื่อง การปฎิรูปประเทศท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทางสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดขึ้น โดยมีผู้ร่วมสัมมนาจำนวนประมาณ 300 คน ประกอบด้วย ผู้นำองค์กรภาคเอกชน เครือข่ายและโครงข่ายของสภาที่ปรึกษาฯ ผู้นำภาคประชาคม นักวิชาการ สื่อมวลชน สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ และประชาชนทั่วไป ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ของการสัมมนา 5 ภาค และภาคสุดท้ายตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.ขอนแก่น ในระหว่างวันที่ 17-18 กันยายน 2553 นี้ และผลการสัมมนาทั้ง 5 ภาคทางสภาที่ปรึกษาฯ จะได้สรุปรวม เพื่อวิเคราะห์ และสังเคราะห์ เป็นความเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสัมมนาประจำปีของสภาที่ปรึกษาฯ ในวันที่ 30 กันยายน 2553 ที่กรุงบเทพมหานคร ก่อนนำเสนอต่อสภาที่ปรึกษาฯ และคณะรัฐมนตรีต่อไป

นางภรณี ลีนุตพงษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้านวิชาการ กล่าวว่า การสัมมนาเรื่อง การปฎิรูปประเทศท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นการระดมความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วนในทุกภูมิภาคและนำไปสู่การจัดสัมมนาประจำปี 2553 ของสภาที่ปรึกษาฯ ซึ่งเป็นปีที่สภาที่ปรึกษาฯ ตั้งมาครบ 10 ปี เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับบสภาที่ปรึกษาฯ ในการสะท้อนปัญหา และให้ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี ตลอดจนประชาสัมพันธ์บทบาทหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาฯ ให้เป็นรู้จักกว้างขวางมากขึ้น


นปส.ภูเก็ตสนธิกำลังรวบผู้ค้ายาบ้าเกือบ 7 พันเม็ด



เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 53 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.สุทธิรัฐ โทจำปา สว.กก.2 บก.ปส.4 หัวหน้านปส.ภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ประกอบด้วย นปส.ภูเก็ต ปกครองจังหวัดภูเก็ต ตำรวจน้ำ ตร.ท่องเที่ยว ทัพเรือภาคที่ 3 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายกรกฎ มาปิยะพันธ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1111/93 ม.4 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยของกลางจำนวน 970 เม็ด รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบอร์นทอง หมายเลขทะเบียน กพ 4408 นครราชสีมา และเงินสดที่ใช้ในการล่อซื้อจำนวน 2 หมื่นบาท สามารถจับกุมตัวได้ที่ โรงแรมภูคีตา ถ.เทพกระษัตรี อ.เมือง ภูเก็ต โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่นปส.ภูเก็ตได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีการนำยาบ้าจำนวนมากมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทางเจ้าหน้าที่นปส.ภูเก็ตก็ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เพื่อวางแผนและทำการล่อซื้อ โดยให้สายได้ทำการล่อซื้อจำนวน 400 เม็ดในราคา 50.000 บาท โดยได้มีการนัดส่งของกันที่ลานจอดรถโรงแรมภูคีตา เมื่อถึงเวลานัดหมายนายกรกฏก็ได้ลงมาจากโรงแรม พร้อมด้วยสิ่งของที่จะนำมาให้กับสาย เมื่อทางสายและผู้ต้องหาได้มีการแลกเปลี่ยนสิ่งของกับเงินสด ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงตัวพร้อมทั้งขอตรวจสอบ ก็พบเงินล่อซื้อของเจ้าหน้าที่อยู่กับผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวพร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 400 เม็ด พร้อมด้วยเงินสด 5 หมื่นบาท จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนายกรกฏไปตรวจสอบภายในห้องพักที่นายกรกฏได้เปิดพักที่ห้องหมายเลข 1206 จากการตรวจค้นภายในห้องทางเจ้าหน้าที่ก็ได้พบยาบ้าจำนวน 570 เม็ดอยู่ภายในกระเป๋าผ้าวางอยู่บนโต๊ะภายในห้องพักดังกล่าว จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจยึดรถยนต์คันดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบที่มาของทรัพย์สิน พร้อมทั้งควบคุมเพื่อไปสอบสวนเพิ่มเติมและขยายผล

ซึ่งจากการขยายผลของเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายธนสิน มานะจิตต์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/8 ม.1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ภูเก็ต นายสุทัศน์ เสริมจิตต์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/1 ม.1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ภูเก็ต และนายกฤษณะ พรมน้อย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 370 ม.18 ต.วังชะพลู อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 5,950 เม็ด สามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 131/87 หมู่บ้านศรีสุชาติแกรนด์วิว ถ.ประชาสามัคคี ต.รัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ หลังจากทางเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายกรกฏ ก็ขยายถึงเครือข่ายจนกระทั่งทราบว่านายธนสิน อยู่ที่บ้านหลังจับกุม ได้จำหน่ายยาบ้า ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้สายทำการล่อซื้อและมีการนัดหมายกันที่บ้านหลังดังกล่าว จนกระทั่งถึงเวลานัด ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้สายลงไปรับของที่หน้าบ้าน โดยนายธนสิน เป็นผู้ที่เดินออกมาส่งของให้ เมื่อมีการส่งมอบของทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงตัวและเข้าทำการตรวจค้นภายในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่พบนายสุทัศน์ และนายกฤษณะ อยู่ภายในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัว พร้อมทั้งตรวจค้นภายในบ้าน จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบยาบ้าจำนวน 1,860 เม็ด ซุกซ้อนอยู่ในกล่องชุดเก็บสายไฟหลอดไฟนิออนติดอยู่บนฝ้าเพดานในห้องน้ำภายในห้องนอนห้องแรก, พบยาบ้าจำนวน 1,925 เม็ด ซุกซ้อนอยู่ในกล่องชุดเก็บสายไฟหลอดไฟนิออนติดอยู่บนฝ้าเพดานในห้องน้ำกลางบ้าน, พบยาบ้าจำนวน 1,705 เม็ด ซุกซ้อนอยู่ในกล่องชุดเก็บสายไฟหลอดไฟนิออนติดอยู่บนฝ้าเพดานในห้องครัวด้านในและพบยาบ้าจำนวน 460 เม็ด ซุกซ้อนอยู่ในกล่องชุดเก็บสายไฟหลอดไฟนิออนติดอยู่บนฝ้าเพดานในห้องครัวด้านนอก รวมทั้งสิ้น 5,950 เม็ด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดทรัพย์ ประกอบด้วยรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน บธ 3030 ภูเก็ต ไว้เพื่อตรวจสอบที่มาของทรัพย์ ก่อนที่ควบคุมตัวผู้ต้องหามาทำการสอบสวนเพิ่มเติม

ด้านพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดต่างๆ ในการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับยาเสพติดในช่วงเดือนกรกฎาคม 53 ที่ผ่านมา สามารถจับตัวผู้ต้องหาได้จำนวน 470 รายจากการตรวจสอบทราบว่านายธนสินเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูเก็ตจับกุมตัวในข้อหาเดียวกัน เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2552 และอยู่ในระหว่างการประกันตัวออกมา และมากระทำความผิดซ้ำอีกจนกระทั่งเจ้าหน้าที่จับตัวได้อีกในครั้งนี้


วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ระดมความเห็นร่วมปฏิรูปประเทศไทย

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 53 ที่ห้องศรีตรัง โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจังหวัดภูเก็ต เรื่อง ปฏิรูปประเทศไทย เพื่อนำความคิดเห็นของภาคประชาชนจังหวัดภูเก็ตให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินโครงการปฏิรูประเทศไทย โดยมี ผู้นำชุมชน เยาวชน ภาคราชการ ภาควิชาการ ธุรกิจเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน จำนวน 50 คน เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น

นายสุพจน์ สงวนกิตติพันธ์ ประธานคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกครองจังหวัดภูเก็ต เล็งเห็นว่าสภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้แบ่งแยกความคิดเห็นทางการเมืองออกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและยกระดับไปสู่การใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาจนมีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

“จากเหตุการณ์ดังกล่าวรัฐบาลมีความคิดในการแก้ไขปัญหาโดยการกำหนดแผนปรองดองแห่งชาติ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปประเทศไทย สถาบันพระปกเกล้าในฐานะสถาบันทางวิชาการด้านการเมือง การปกครอง และมีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมความเข้มแข็งของการเมืองภาคพลเมืองผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมต่างๆ จึงได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจังหวัดภูเก็ต ขึ้นเพื่อจะเป็นการระดมความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางปฏิรูปประเทศไทย โดยเป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักและเห็นความสำคัญของการพลักดันให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทย สร้างความเข้มแข็งของการเมืองภาคพลเมืองผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน” นายสุพจน์ กล่าว

สาธิตมศว.ปทุมวัน MOU ร.ร.สตรีภูเก็ต


เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ที่หอประชุมมะฮอกกานี โรงเรียนสตรีภูเก็ต ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน โดยนายสมลักษณ์ จันทร์น้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตฯ กับโรงเรียนสตรีภูเก็ต โดยนายเกียรติศักดิ์ ปิลวาสน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีภูเก็ต มีนายเรวัต อารีรอบ สส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นายสมชาย ศิลปานนท์ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายเชษฐวิทย์ ตันติพันธุ์วดี ประธานเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนสตรีภูเก็ต แขกผู้มีเกียรติ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง คณะครู และนักเรียน เข้าร่วม


นายเกียรติศักดิ์ กล่าวถึงการลงนามฯ ในครั้งนี้ว่า ด้วยโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน และโรงเรียนสตรีภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือในการเพิ่มคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักเรียน จึงเห็นชอบให้มีข้อตกลงความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นสำคัญๆ ได้แก่ การเห็นชอบร่วมมือกันเป็นครั้งคราวและในเวลาที่เหมาะสม จะดำเนินการจัดให้มีการแลกเปลี่ยนนักเรียนเพื่อการเรียนรู้ หรือทัศนศึกษาในสถานศึกษาใดสถานศึกษาหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ การพัฒนาศักยภาพโดยรวมของทั้งครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกัน การจัดการประชุมสัมมนาร่วมกันเพื่อพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ การจัดประชุมสัมมนาร่วมกันเพื่อพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ของนักเรียนและบุคลากร โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2556

ทน.ภูเก็ต MOUนำสายไฟลงดินย่านเมืองเก่าระยะ 2


เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ที่ห้องประชุมชั้น 3 เทศบาลนครภูเก็ต ได้มีการลงนามความมือดำเนินโครงการก่อสร้างระบบเคเบิลใต้ดินระยะที่ 2 บริเวณถนนกระบี่ ถนนดีบุก ถนนภูเก็ตและถนนเทพกระษัตรีบางส่วน ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าในเขตเทศบาลนครภูเก็ต ระหว่างเทศบาลนครภูเก็ต โดยนางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยนายสาโรจน์ ลีลาธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ 2 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยนายวัชรินทร์ สกุลชิต ผู้ช่วยผู้จัดการโทรศัพท์ภูเก็ต และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยนายวรวิทย์ วรพิบูลพงศ์ ผจก.สำนักบริการลูกค้า จ.ภูเก็ต หลังจากที่ได้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและได้รับความเห็นชอบ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมกันเพื่อที่จะดำเนินการจัดระเบียบสายไฟฟ้าและเคเบิลสื่อสารบริเวณถนนแม่หลวน อ.เมืองภูเก็ต เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย


นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่เทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดำเนินโครงการก่อสร้างระบบเคเบิลใต้ดินระยะที่ 2 บริเวณถนนกระบี่ ถนนดีบุก ถนนภูเก็ตและถนนเทพกระษัตรีบางส่วน และได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยในบริเวณดังกล่าวไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งได้ข้อสรุปว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ กฟภ.จะดำเนินการปรับปรุงรูปแบบการก่อสร้างให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน โดยได้ประมาณการค่าก่อสร้างโครงการเป็นจำนวนเงินทิ้งสิ้น 39,740,900 บาท แยกเป็นงบประมาณของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำนวน 26,476,600 บาท และเทศบาลนครภูเก็ตสมทบจำนวน 13,264,300.-บาท โดยได้วางแผนการดำเนินงานออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 งานเตรียมความพร้อมใช้เวลา 40 วัน ระหว่างเดือนกรกฎาคม –สิงหาคม 2553 ระยะที่ 2 งานประกวดราคาระยะเวลา 120 วัน เริ่มจากเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2553 ระยะที่ 3 งานก่อสร้างด้านโยธา ระยะเวลา 150 วัน เริ่มจากเดือน ธันวาคม 2553-เมษายน 2554 ระยะที่ 4 งานก่อสร้างด้านไฟฟ้า ระยะเวลา 210 วัน เริ่มจากเดือน ธันวาคม 2553-มิถุนายน 2554 และระยะที่ 5 งานตัดจ่ายรื้อถอน ระยะเวลา 30 วัน ดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2554 รวมระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้นประมาณ 360 วัน


“การทำโครงการก่อสร้างระบบเคเบิลใต้ดินนั้น เนื่องจากปัจจุบันการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตกระจุกตัวอยู่บริเวณรอบนอกเมืองในแถบชายทะเล ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวในเขตตัวเมืองน้อยลง ทางเทศบาลฯ จึงเห็นควรที่จะพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ในเขตเทศบาลให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เช่น ปรับปรุงสวนสาธารณะต่างๆ การพัฒนาและอนุรักษ์ย่านเมืองเก่าบริเวณถนนถลาง ซอยรมณีย์ ถนนกระบี่ ถนนดีบุก แบะพื้นที่บริเวณโดยรอบๆ ที่ยังคงเหลือสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ และเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ตหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ในรุปแบบที่เรียกว่าชิโนโปรตุกิส ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากปีนังและสิงคโปร์ จึงได้มีการจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อพัฒนาปรับปรุงภูมิทัสน์ย่านการค้าเมืองเก่า โยจัดวางระเบียบสายไฟฟ้า สายเคเบิลลงดิน เพื่อให้เขตย่านการค้าเมืองเก่ามีทัศนยภาพที่ดีขึ้น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวในเขตเมืองมากขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในเขตเมืองมากขึ้นตามลำดับ”

นางสาวสมใจ ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากโครงการดังกล่าวแล้ว เทศบาลฯ ยังได้ร่วมมือกับ กฟภ.จัดทำโครงการจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายเคเบิลสื่อสาร บริเวณถนนแม่หลวน ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่จะออกสู่แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตให้มีความเรียบร้อยสวยงาม โดยจะปรับปรุงจัดระเบียบสายระบบจำหน่ายแรงต่ำที่หย่อนยาน เสื่อมสภาพจากการใช้งานตลอดแนวซ้าย -ขวา ปรับปรุงแป้นมิเตอร์ไฟฟ้าและสายด้านเข้า - ออก พร้อมรื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ยกเลิกการใช้งาน ส่วนงานด้านระบบสื่อสารอื่นๆ จะดำเนินการ จัดระเบียบสายสัญญาณ สายเคเบิ้ลต่างๆ ทั้งด้านซ้าย-ด้านขวา และรื้อถอนสายที่ไม่ได้ใช้แล้วออก ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการ ในวันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2553


วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

งานพ้อต่อในเขตนครภูเก็ตเริ่มแล้วที่ตลาดสด


เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 53 ที่ตลาดสดเทศบาลนครภูเก็ต 1 (ถนนระนอง) นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ สส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้เข้าร่วมงานประเพณีพ้อต่อ ตลาดสด 1 ประจำปี 2553 โดยมีพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งนำไหว้องค์พ้อต่อก๊ง ทำบุญ พร้อมเที่ยวชมกิจกรรมต่างๆ ภายใน ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานจำนวนมาก

สำหรับประเพณีพ้อต่อจัดขึ้นเพื่อบำเพ็ญกุศลบวงสรวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว เชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษจะเดินทางมาเยี่ยมลูกหลานในช่วงขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ของจีน องค์พ้อต่อก๊ง ซึ่งเป็นหัวหน้าผีจะนำบริวารออกจากขุมนรก เพื่อมาเยี่ยมลูกหลานและเที่ยวบนโลกมนุษย์ ในโอกาสที่เป็นการต้อนรับวิญญาณบรรพบุรุษที่กลับมาเยี่ยมบ้าน ตลอดจนวิญญาณที่ไม่มีญาติ ดังนั้นในวันนี้จะห้ามลูกหลานออกจากบ้านหลังพลบค่ำแล้ว เพราะอาจจะเคราะห์ร้ายถูกวิญญาณที่เดินทางกลับมาทักทาย ทำให้เจ็บป่วยได้ และวิญญาณเหล่านี้จะถูกทิ้งไว้ 1 เดือนแล้วจะมารับกลับในวันขึ้น 30 เดือน 7 ตามปฏิทินจีนอันเป็นวันสุดท้ายที่ส่งวิญญาณกลับ ผู้ใหญ่ก็จะห้ามลูกหลานออกจากบ้านเช่นเดียวกัน เพราะอาจจะเคราะห์ร้ายถูกกวาดต้อนวิญญาณกลับด้วย

ทั้งนี้ในประเพณีพ้อต่อ จะประกอบพิธีเซ่นไหว้ อันประกอบด้วยอาหารคาว หวาน ซึ่งที่ขาดไม่ได้คือขนมเต่า ที่ปั้นขึ้นขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้างตามศรัทธา รวมอยู่ในเครื่องบวงสรวงนี้ด้วยสาเหตุที่นำขนมเต่านี้มาเซ่นไหว้เพราะเพื่อระลึกถึงเต่ายักษ์ตัวหนึ่ง ซึ่งว่ายน้ำฝ่าคลื่นลมที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เพื่อไปช่วยพระถังซัมจั๋งให้รอดพ้นจากพายุ ในระหว่างเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก อีกนัยหนึ่งก็คือ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เซ่นไหว้ เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าเต่าเป็นสัตว์อายุยืนยาว แข็งแรง ส่วนสีแดง เป็นสีแห่งความเป็นมงคล ความยินดีปรีดา และความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นการเซ่นไหว้ด้วยขนมรูปเต่าสีแดง จึงเป็นการต่ออายุให้ตนเองและยังถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่อีกด้วย

อย่างไรก็ตามการจัดงานประเพณีพ้อต่อ ในปี 2553 นี้นอกจากจะเต็มไปด้วยขนมเต่าซึ่งมีขนาดใหญ่ที่พี่น้องประชาชนนำมาเซ่นไหว้ แล้วยังเต็มไปด้วยเครื่องเซ่นไหว้ประเภทเนื้อสัตว์ ทั้งหมู เป็น ไก่ ฯลฯ รวมไปถึงประเภทผัก ผลไม้ เครื่องดื่ม และอาหารประเภทขนม ซึ่งถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม สามารถดึงดูดความสนใจของพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวงานได้เป็นอย่างดี


แลกเปลี่ยนการทำงานด้านป้องกันอุบัติเหตุภาคใต้


เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2553 ที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานเปิดการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “พลังเครือข่ายภาคใต้สู่ทศวรรษความปลอดภัยท้องถนน:ESAN’s Partnership for Decade of Action for Road Safety” พร้อมรับฟังปาฐกถาพิเศษ “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน” โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์อุดมศิลป์ ศรีแสนงาม และพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มามอบนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับการป้องกันอุบัติเหตุจราจร ให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วยผู้บริหารและผู้รับผิดชอบงานอุบัติเหตุทางถนนในระดับจังหวัด คนทำงานโครงการที่ได้รับงบประมาณจาก สสส. คณะอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนภาคสังคม มูลนิธิต่างๆ นักวิจัย และผู้สนใจนำเสนอผลงานวิชาการรวม จำนวน 500 คน

ทั้งนี้การจัดสัมมนาดังกล่าวเป็นความร่วมมือของศูนย์วิชาการความปลอดภัยทางถนน (ศวปภ.) คณะทำงานสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และภาคีในภาคใต้ที่จะเข้าร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนไปสู่ทศวรรษแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน ได้แก่ ตำรวจ ขนส่ง แขวงการทาง ทางหลวงชนบท สาธารณสุข สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา เป็นต้น

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้านป้องกันอุบัติเหตุของแต่ละจังหวัดในภาคใต้พร้อมนำเสนอผลการปฏิบัติงานดีเด่นของแต่ละจังหวัด รวมทั้งการนำเสนอเทคนิคความรู้สำหรับการสร้างถนนปลอดภัย โดยสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน ซึ่งการจัดสัมมนาจะมีไปจนถึงวันที่ 27 สิงหาคมนี้ จะมีการบรรยายสะท้อนสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุของภาคใต้ โดย ดร.ปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาลถอดบทเรียนความสำเร็จในการดำเนินการรณรงค์การสวมหมวกนิรภัย 100% ในคนขับและคนซ้อน โดย พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พิธีทำ MOU และรับมอบหมวกนิรภัยจากบริษัท กลางฯในโครงการให้น้องยืมหมวกไปโรงเรียน ตลอดจนการนำเสนอผลงานประกวดด้านงานวิจัยและด้านนวัตกรรม การอภิปราย การถ่ายทอดความรู้สึกของเหยื่อ การประกวดผลงานวิชาการดีเด่นประเภทผลงานวิจับ งานโครงการแก้ปัญหาในพื้นที่ การจัดบูธสถานีเรียนรู้ และเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างแท้จริง มีห้องเรียนรู้ย่อยใน เกี่ยวกับท้องถิ่นกับการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ (ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช) เคล็ดลับการสืบสวนอุบัติเหตุกับการนำไปแก้ปัญหา เคล็ดลับนักเรียนกับทศวรรษแห่งความปลอดภัย เสวนาพิเศษ เคล็ดลับการสร้างเครือข่าย และก้าวต่อไปของ สอจร.ภาคใต้โดยนายแพทย์ต่อพงศ์ ครองไตรเวทย์

บขส.ใหม่ลงตัว ทดลองวิ่ง 3 เดือน


เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 53 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณาการเปิดใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต แห่งที่ 2 ครั้งที่ 1/2553 โดยมีนายกนก ศิริพานิชกร ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต นายอรุณ เสน่ห์ ผู้อำนวยการแหขงการทางจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายสุริทน เลี่ยนอุดม นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา นายสุทัศน์ หงษ์บุตร อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลรัษฎา นายเกชา เชื้อชิด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลรัษฎา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
นายกนก ศิริพานิชกร กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สืบเนื่องจากนายเกชา เชื้อชิด ผญบ.ม.2 ต.รัษฎา มีหนังสือร้องเรียนการเปิดดำเนินการของสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ตแห่งที่ 2 บริเวณถนนเทพกระษัตรี ม.2 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ว่าการเปิดใช้สถานี บขส.แห่งใหม่ ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารหรือการประสานใดๆจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ 2 ด้าน คือ 1 .ด้านการจราจร จากการเข้าออกของรถโดยสารประจำทาง 2 ปัญหาด้านสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม มลพิษ และความสงบเรียบร้อย เป็นต้น

นายกนก กล่าวอีกว่า สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต ถนนพังงา (หลังเก่า) เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2526 เนื้อที่ 2 ไร่ มีช่องจอดรถโดยสารประจำทางจำนวน 14 ช่อง มีรถโดยสารประจำทางหมวด 2 – 3 – 4เข้าใช้บริการ บขส.แห่งที่ (1) 33 เส้นทาง ทำให้เกิดความคับแคบและไม่ทันสมัย ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้า ท่องเที่ยว เศรษฐกิจและสังคมแล้วยังเป็นศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม ประชาชนจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกติดต่อกันอยู่เสมอ และอาศัยสถานีขนส่งเป็นจุดขนถ่ายผู้โดยสารหรือสับเปลี่ยนรถสำหรับเดินทาง ซึ่งกรมการขนส่งทางบกพิจารณาเห็นแล้วว่าการที่จะพัฒนาปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนหรือเครือข่ายคมนาคมภายในประเทศให้มีการเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สะอาด ปลอดภัยแก่ประชาชน และสถานีขนส่งผู้โดยสารถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดเป็นจุดศูนย์รวมและกระจายการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการค้า เศรษฐกิจ สังคมและการท่องเที่ยวในภูมิภาค จำเป็นต้องมีการก่อสร้างสถานีขนส่งแห่งใหม่

สำหรับสถานีขนส่งแห่งใหม่ กรมการขนส่งทางบกได้จัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2550 จำนวน 80 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินในการก่อสร้าง โดยคณะกรรมการจัดซื้อที่ดิน ได้ซื้อที่ดินของนายสิน วงศ์เจริญ ตามโฉนดเลขที่ 86573 เลขที่ดิน 191 ตำบลรัษฎา เนื้อที่ 9 ไร่ 3 งาน 57.70 ตารางวา จำนวน 79 ล้านบาทเศษ ซึ่งขณะที่ที่ดินแปลงดังกล่าวได้ขึ้นเป็นที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ภก.331 ต.รัษฎา เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2550 และได้ดำเนินการก่อสร้างด้วยงบประมาณ 47 ล้านบาทเศษ และมีการส่งมอบงานเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2552 และกำหนดเปิดบริการกลางเดือน ต.ค.นี้ แต่ติดปัญหาที่ชาวบ้านไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดการใช้บริการ ซึ่งเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องการจราจรติดขัดและมีการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ชะลอการเปิดให้บริการ เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่ให้เห็นด้วย

ผลการประชุมคณะกรรมการฯดังกล่าวได้มีมติว่าจะทดลองการใช้บริการไปก่อนเป็นเวลา 3 เดือน โดยจะให้รถที่จะให้รถเข้า – ออก บขส.วิ่งทางเลนด้านซ้าย แล้วให้ยูเทริ์นกลับที่บริเวณหน้าโรงไฟฟ้าเก่า หากการทดลองสามารถดำเนินการได้ดีและไม่มีปัญหาอุปสรรค แขวงการทางภูเก็ต ก็จะเปิดเกาะกลางให้กว้างขึ้นเพื่อรถจะได้กลับตัวอย่างสะดวก โดยจะยกเลิกการที่จะให้รถไปยูเทิร์นที่หน้าบ้านวานิช และยกเลิกการเปิดเกาะกลางบริหารหน้าบ้านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลรัษฎา ซึ่งทั้ง 2 แห่งนั้นประชาชนไม่ยอมให้ดำเนินการ

เกาหลีสนใจลงทุนอุโมงค์ป่าตอง

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 53 ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ จ.ภูเก็ต ได้นำนาย Kyug – keun Hong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท AZ worth Trust จำกัด จากประเทศเกาหลี พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากธนาคารแห่งชาติเกาหลี เข้าพบนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหาถึงการเข้ามาลงทุนโครงการอุโมงค์ป่าตอง ที่จังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้เนื่องจากบริษัท AZ worth Trust ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนอุโมงค์รถผ่านในเกาหลีหลายๆ แห่ง มีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนก่อสร้างอุโมงค์ป่าตอง ที่บริเวณเขาป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพราะขณะนี้เทศบาลเมืองป่าตอง ต้องการที่จะแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้นที่บริเวณถนนทางขึ้น – ลงเขาป่าตองที่เกิดขึ้นจำนวนมากในแต่ละปี ด้วยการเจาะอุโมงค์ผ่านภูเขาดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางเทศบาลเมืองป่าตองได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการดังกล่าวใกล้แล้วเสร็จ รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย โดยคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ในการหารือร่วมกันในครั้งนี้ นักลงทุนจากเกาหลีให้การสนใจลงทุนโครงการนี้มาก โดยนาย Kyug – keun Hong กล่าวว่า ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนโครงการอุโมงค์ป่าตอง ที่จังหวัดภูเก็ต เพราะเมื่อ 5 ปีก่อนได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ภูเก็ตและได้เห็นถึงสภาพของถนนในช่วงที่ขึ้น – ลงเขาป่าตองว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมาก จึงอยากที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าวเพื่อที่จะให้คนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตได้มีความปลอดภัยในการเดินทางมากยิ่งขึ้น

“ที่เกาหลีทางบริษัทได้ลงทุนอุโมงค์หลายจุดด้วยกัน ที่ภูเก็ตบริษัทสนใจที่จะเข้ามาลงทุนจริงๆ โดยวันนี้มาพร้อมกับผู้บริหารระดับสูงจากธนาคารแห่งชาติเกาหลีซึ่งจะแหล่งเงินทุน คาดว่าโครงการอุโมงค์ที่ป่าตองนั้นต้องใช้เงินลงทุน 3,000 – 4,000 ล้านบาท โดยสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในลักษณะเทิร์นคีย์”

ขณะที่นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้ให้ทางนักลงทุนเกาหลีที่สนใจเข้ามาลงทุนทำแผนการลงทุนอุโมงค์ป่าตองเสนอมายังจังหวัดภูเก็ตว่าจะเขามาลงทุนในลักษณะใด ซึ่งเท่าที่ทราบสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในลักษณะเทิร์นคีย์ และผลตอบแทนที่จะให้กับทางรัฐบาลไทย เพื่อที่ทางจังหวัดจะได้เสนอต่อไปยังรัฐบาล เพราะการลงทุนโครงการขนาดใหญ่นั้นทางนักลงทุนจะต้องทำสัญญาการลงทุนกับรัฐบาล


ขยายผลแกนนำประชาชนป้องกันทุจริต


เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 ที่ห้องประชุมศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาโครงการขยายผลแกนนำเครือข่ายประชาชนป้องกันการทุจริต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ เครือข่ายแกนนำประชาชน ซึ่งประกอบด้วยผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี อาสาพัฒนาชุมชน(อช.) อสม. องค์กร/กลุ่มต่างๆ เจ้าหน้าที่เทศบาล อบต.และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนผู้ประสานงานโครงการฯ ได้ตระหนักถึงปัญหาการทุจริต รวมทั้งผลเสียหายที่มีผลกระทบต่อทุกคนในสังคม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม สร้างฐานแกนนำเครือข่ายประชาชนระดับอำเภอ จังหวัด สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานได้ และกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ทั้งนี้สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(สำนักงาน ป.ป.ช.)ได้ดำเนินโครงการการมีส่วนร่วมขององค์กรในชุมชนในการป้องกันการทุจริตและโครงการสนับสนุนกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเพื่อเป็นการสร้างแกนนำเครือข่ายประชาชนที่จะเป็นผู้นำในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในท้องถิ่นและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในปีงบประมาณ 2553 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้อนุมัติงบประมาณให้จังหวัด โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดๆ ละ 100,000 บาท และงบบริหารโครงการ 5,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการขยายผลแกนนำเครือข่ายประชาชนป้องกันการทุจริต จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย 4 กิจกรรม

กิจกรรมที่ 1 ประชุมสัมมนาขยายผลแกนนำเครือข่ายประชาชนป้องกันการทุจริต ระยะเวลา 1 วัน(26 ส.ค.53) กิจกรรมที่ 2 ประกวดคำขวัญต่อต้านการทุจริต ดำเนินการเดือน ก.ย.53 กิจกรรมที่ 3 คัดเลือกหมู่บ้านนำร่องเรื่องความโปร่งใส และกิจกรรมที่ 4 ประชุมสรุปผลการจัดกิจกรรม ปี 2553 ดำเนินการเดือน ก.ย.53

โดยในส่วนของกิจกรรมการประชุมสัมมนาในวันนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาฯจะได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดภูเก็ต สำนักงานการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดภูเก็ต/อำเภอ


เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่สถานประกอบการ


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม 2553 ที่ห้องประชุม1 โรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยี นางจงดี พฤกษารักษ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง “การเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพก่อนเข้าสู่สถานประกอบการ” ให้กับนักศึกษาโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยี จัดโดยนักศึกษา กศ.บป.ภป.บธ.5011 (กลุ่ม 1) โปรแกรมบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต โดยมี นายกิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต รศ.ประภาศรี อึ่งกุล ประธานโปรแกรมบริหารทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมเป็นเกียรติและมีนักศึกษาจากโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยีเข้าร่วมสัมมนาจำนวน 30 คน

ทั้งนี้นางสาวสุภาพ จันทร์เมือง ประธานโครงการจัดงานได้กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยในประเทศไม่ว่าจะเป็นประชากรที่อยู่ในวัยทำงาน หรือที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานและประชากรที่อยู่ในตลาดแรงงาน หรือสถานประกอบการที่ขาดแคลนแรงงานในสาขาที่ต้องการ ต้องยอมรับกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ปัญหาแรงงาน ว่างงาน นักศึกษาที่จบใหม่ไม่มีงานทำ ควรจะนำปัญหาเหล่านี้มาเป็นบทเรียนเกี่ยวกับแรงงานไทยที่มีผลกระทบมาจากภาวะเศรษฐกิจ เพื่อนำมาวางแผนและเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มประชากรที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ควรได้รับการพัฒนาให้มีความพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน มีความรู้ความสามารถ มีคุณภาพ และสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันให้ได้

ทางนักศึกษา กศ.บป.ภป.บธ. 5011 (กลุ่ม 1) ได้ตระหนักถึงความสำคัญอันจะเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษา และจะเข้าสู่สถานประกอบการ จึงได้จัดทำโครงการสัมมนาการเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพก่อนเข้าสู่สถานประกอบการ ขึ้น เพื่อให้นักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษามีแนวทางในการตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพ มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน การพัฒนาบุคลิกภาพและการมีมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่นักศึกษาที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานได้มีการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองก่อนที่เข้าสู่สถานประกอบการหากทุกคนมีความพร้อมและสามารถปรับตัวได้จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และการสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดภูเก็ต มาให้การบรรยายพิเศษ เพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพก่อนเข้าสู่สถานประกอบการ และในอนาคตคาดว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาจะสามารถนำแนวทางในการสัมมนาครั้งนี้ไปตัดสินในเลือกประกอบอาชีพ ให้มีความเข้มแข็งได้ในโอกาสต่อไป

ด้านนางจงดี พฤกษารักษ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยี ได้กล่าวว่า การเตรียมความพร้อม และพัฒนาศักยภาพก่อนเข้าสู่สถานประกอบการของนักศึกษาที่ใกล้จะจบการศึกษานั้น เป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องด้วยปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทุกหน่วยงานต้องประสบกับความเดือดร้อนกับเหตุการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้แรงงานล้นตลาด มีอัตราการว่างงานมากขึ้น หรือบางหน่วยงานก็ขาดแรงงาน บุคลากรที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ ซึ่งวัยรุ่นจะมุ่งสนใจแต่วัฒนาการของเทคโนโลยีจนลืมพัฒนา และเตรียมความพร้อมให้กับตนเอง ให้เป็นที่ต้องการของสถานประกอบการ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ตนเองได้เข้าทำงานในสถานประกอบการที่ตนหวังไว้ และพัฒนาเส้นทางสายอาชีพของตนไปยังจุดมุ่งหมายในชีวิตได้


วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชมรมสตรีนานาชาติภูเก็ตมอบทุนการศึกษา

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 ที่ห้องประชุมมะฮอกกานี โรงเรียนสตรีภูเก็ต ชมรมสตรีนานาชาติภูเก็ต จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ประจำปี 2553 ให้แก่นักเรียน/นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีนางวิภา ตันมานะตระกูล ประธานชมรม สตรีนานาชาติภูเก็ต เป็นประธานกล่าวให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากสถานบันการศึกษาต่างๆ ผู้สนับสนุนทุนการศึกษา สมาชิกชมรมสตรีนานาชาติภูเก็ต รวมถึงตัวแทนนักเรียนนักศึกษาที่เข้ารับมอบทุนในครั้งนี้ และมีผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ในฐานะผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษาต่างๆ กล่าวแสดงความขอบคุณต่อผู้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษา

โดยนางวิภา ได้กล่าวถึงการจัดพิธีมอบทุนการศึกษาดังกล่าวว่า ทุนการศึกษานานาชาติ ภูเก็ต เป็นทุนการศึกษาที่ให้เปล่า แก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้นักเรียน นักศึกษามีอนาคตที่ดี สามารถช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้ รวมทั้งเป็นพลเมืองดีของสังคมไทยในอนาคต โดยในปี 2553 นี้ ชมรมฯ มอบทุนการศึกษาประจำปี และทุนการศึกษาต่อเนื่องในภูเก็ต รวมถึงนักศึกษาต่อเนื่องเรียนที่จังหวัดอื่นๆ รวมทั้งในกรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้น 197 ทุน ซึ่งรวมถึงทุนต่อเนื่องจากกองทุน สึนามิ ที่เขาหลัก จ.พังงา 25 ทุน เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,978,000 บาท

สำหรับการระดมทุนนั้น ทางชมรมสตรีนานาชาติภูเก็ตมีรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดเลี้ยงสังสรรค์อาหารกลางวันประจำทุกเดือน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ในภูเก็ตอย่างมีความสุข, การจัดเลี้ยงกาล่าดินเนอร์การกุศลประจำปี หรือการบริจาคโดยตรงจากผู้ใหญ่ใจดี ที่เห็นว่าการศึกษาเป็นรากฐานที่ดีของสังคม และเป็นการสนับสนุนให้เด็กในภูเก็ตได้มีอนาคตที่ดี และสามารถกลับมาช่วยพัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ทั้งส่วนตัว ครอบครัว และสังคม

โดยขั้นตอนการคัดเลือกนักเรียนทุน กระทำผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาประจำ โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โดยนักเรียนทุกคนต้องผ่านการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการทุนการศึกษาของชมรมฯ เมื่อได้รับการคัดเลือกแล้ว นักเรียนจะต้องประพฤติปฏิบัติตามกฎระเบียบของชมรมฯ อย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นทุนการศึกษาที่ให้เปล่า ดังนั้นชมรมสตรีนานาชาติภูเก็ต ต้องการให้นักเรียนทุนทุกคนรู้จักรับผิดชอบ และมีวินัย หากไม่ปฏิบัติตาม ทางคณะกรรมการชมรมฯ มีสิทธิ์ระงับการช่วยเหลือทันที เพราะในสังคมยังมีนักเรียนที่รอโอกาสอีกจำนวนมาก


ไทยใหม่ราไวย์สะเดาะเคราะห์ขอขมาเต่าทะเล


เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 53 ที่บริเวณหัวหาดบนเกาะไม้ท่อน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นชายหาดใกล้กับที่ตั้งศาลบาลัย ดาโต๊ะ ชาวไทยใหม่ (ชาวเล) จากหาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จำนวน 20 คน ได้ประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง เพื่อทำการแก้บนกรณีชาวไทยใหม่ได้นำเนื้อของเต่ากระขนาดใหญ่ไปปรุงอาหาร จนทำให้ผู้รับประทานเนื้อเต่าตัวดังกล่าวเสียชีวิต 2 ราย และมีอาการเจ็บป่วยเข้ารับการรักษาอาการที่โรงพยาบาลอีกหลายราย เนื่องจากอาการผิดปกติทางร่างกาย โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้นายหริ ฟองสายธาร ครูหมอประจำหมู่บ้านไทยใหม่ราไวย์ ได้ประกอบพิธีตามความเชื่อของชาวไทยใหม่ โดยนำเต่ากระ 3 ตัว มาประกอบพิธีขอขมา พร้อมจุดควันไฟเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย จากนั้นได้ทำการปัดเป่าไปที่ศีรษะของผู้ที่รับประทานเนื้อเต่า เพื่อให้เจ้าที่บาลัยดาโต๊ะให้อภัยจากที่เคยได้ล่วงเกิน และขอให้การดำเนินชีวิตของชาวไทยใหม่ทั้งหมดปราศจากสิ่งชั่วร้ายมากล้ำกราย จากนั้นได้นำเต่ากระทั้ง 3 ตัวปล่อยลงทะเล

ครูหมอชาวไทยใหม่ บอกว่า ศาลบาลัย ดาโต๊ะ ของเกาะไม้ท่อน เป็นศาลที่ชาวเรือประมงมีความเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ และเต่าตัวที่ถูกฆ่านำเนื้อไปกินชาวประมงก็จับได้บริเวณนี้ ชาวบ้านจึงเชื่อว่าเต่าตัวดังกล่าวเป็นเต่าเจ้าที่จึงต้องมาประกอบพิธีขอขมา และนับแต่นี้ไปชาวไทยใหม่หาดราไวย์ทุกคนได้ตั้งปฏิญาณตนว่าจะไม่รับประทานเนื้อเต่าทะเลและเต่าทุกชนิดอีกต่อไป

ทางด้านนายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ภูเก็ต กล่าวว่า พิธีกรรมที่เกิดขึ้นเป็นความเชื่อของชาวไทยใหม่ เพื่อเป็นการช่วยฟื้นฟูด้านจิตใจ ส่วนทางศูนย์ฯ ได้นำเต่ากระที่มาเกยตื้นจากการได้รับบาดเจ็บตามชายหาดในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 3 ตัวมาให้ชาวบ้านนำไปปล่อย และได้บริการเรืออำนวยความสะดวกมายังเกาะไม้ท่อน นอกจากนี้ยังจะได้ดึงชาวไทยใหม่ที่หาดราไวย์หันมาช่วยกันอนุรักษ์เต่าทะเลและทรัพยากรทางทะเลอื่นๆ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการลดการจับปลาสวยงามไปจำหน่ายได้ประสบผลสำเร็จ


วอนรัฐส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนท์ต่อเนื่อง


ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ เลขาธิการสมาพันธ์ สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวที่ จ.ภูเก็ต ว่า ในระหว่างวันที่ 23 – 27 สิงหาคม นี้ ทางสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ร่วมกับสมาพันธ์ สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ จัดงาน ASIA Business Matching for Creative Economy และ Venture Capital Forum Asia 2010 โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ตอาเคเดีย รีสอร?แอนด์สปา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ สมาคมผู้ประกอบการแอนนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟฟิกไทย (TACGA) สมาคมอิเล็คโทรนิคบันเทิง และพันธมิตรกว่า 10 ประเทศ ได้มีโอกาสแสดงผลงานสู่นานาชาติ และเตรียมความพร้อมพบปะกับบริษัทร่วมทุน พัฒนาโครงการให้มีศักยภาพ สร้างพันธมิตรและยกระดับอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดดสู่มาตรฐานโลก เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และความเชื่อมั่นด้านการลงทุนของอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง มุ่งสร้างรายได้ สร้างงาน พร้อมเซ็นสัญญาโครงการสร้างภาพยนตร์ ธุรกิจทีวีซีรี่ส์ และแอนนิเมชั่นไทยสู่ระดับโลก

“การจัดทั้งสองกิจกรรมดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการผนึกกำลังของภาคเอกชนด้านซอฟท์แวร์ ภาพยนตร์ เพลงเกม การแสดงสุดยอดผลงานแอนนิเมชั่น คอมิคส์และเกม ซึ่งในส่วนของการจับคู่ทางธุรกิจ หรือ Business matching ของอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนท์ ได้เชิญ Produce จากต่างประเทศทั้งด้านภาพยนตร์ เพลง เกมและแอนนิเมชั่นที่มีชื่อเสียงมากกว่า 50 บริษัททั้งจากเอเชียและยุโรป เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส อิหร่าน ฮ่องกง มาเลเซีย ออสเตรเลีย เป็นต้น ส่วนการทำ Venture Capital Forum เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ บริษัท อิเมจิแมซ์ จำกัด, บริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ จำกัด บริษัท G Motive จำกัด เป็นต้น มาร่วมแสดงและนำเสนอผลงานกับกองทุนต่างประเทศ อาทิ บริษัท Artop Intl จากประเทศจีน บริษัท Antah UTV บริษัท Red Turtle และบริษัท MFX จาประเทศมาเลเซีย เป็นต้น ที่พร้อมสนับสนุนผลงานด้านนี้ เพื่อการร่วมลงทุนในอนาคต รวมทั้งเปิดตัวผลงานฝีมือคนไทยอีกมากมาย เพื่อแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทยซึ่งโดดเด่นมากในภูมิภาคเอเชียในการขยายฐานธุรกิจของผู้ประกอบการซอฟต์แวร์และดิจิทัลคอนเทนท์”

ดร.สรจักร กล่าวด้วยว่า กลุ่มผู้ประกอบการของไทยนับว่ามีความเข้มแข็งและมีความพร้อมในการผลิตผลงานที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในวงการ โดยเฉพาะความโดดเด่นทางด้านเทคนิคและศิลปะ แต่ที่ผ่านมาเรายังมีปัญหาในเรื่องของการตลาด แม้ว่าจะมีนักลงทุนจากต่างชาติให้ความสนใจ แต่ก็ยังมีความต้องการการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะระบบภาษี และการอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงความต่อเนื่องในการให้การสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะตลาดของภาพยนตร์ในอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนท์ ซึ่งมีการประเมินว่ามีมูลค่า 80,000 – 100,000 ล้านบาท หากสามารถทำได้ก็จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโตไปได้อีกมาก เนื่องจากมีเด็กรุ่นใหม่ๆ และผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามผลการตัดสินภาพยนตร์ไทยในการประกวดรางวัลของ Venture Capital Forum Asia 2010 (VENTURE) ครั้งที่ 1 ประจำปี 2553 ในส่วนของภาพยนตร์กับภาพยนตร์แอนนิเมชั่น จำนวน 5 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม ได้แก่ บริษัท บลู แฟร์รี่ จำกัด จากเรื่อง ปืนใหญ่จอมสลัด รางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ได้แก่ ไกวัล กุลวัฒโนทัย จากเรื่อง แปดวันแปลกคน รางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม เพลงทางที่ต้องเดินของชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ จากเรื่องก้านกล้วย 2 รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ บริษัท จีทีเอช จำกัด เรื่อง บอดี้ศพ 19 และรางวัลภาพยนตร์แอนนิเมชั่นยอดเยี่ยม ได้แก่ บริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น จำกัด เรื่อง ก้านกล้วย

ส่วนรางวัลเกมส์ 5 รางวัล ประกอบด้วย 1.PC Game( Offline or Online or Social Networking Game) ได้แก่ เกม 12 หางออนไลน์ จาก BigBug Studio 2.Console Games (XBOX, Wii,Playstation) ได้แก่ เกม Biology Battle จากบริษัท โนวาลีฟ จำกัด 3.Mobile Games/Hand Held Games (PSP,NDS,NDSi,iPhone,Symbian,Windows mobile,Java,Android) ได้แก่ เกม Dream Salon จากบริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด 4.Serious Games ได้แก่ เกม Eternal Story จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 5.The Best Creative Game ได้แก่ เกม Biology Battle จากบริษัท โนวาลีฟ จำกัด


คนภูเก็ตเห็นด้วยสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ


เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 53 ที่ห้องประชุม โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั่วไป โครงการการศึกษาและวิเคราะห์โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าลาดกระบัง โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต เป็นผู้ดำเนินการ โดยได้รับความสนใจจากสถานประกอบการโรงแรม องค์กรเอกชน มูลนิธิ NGO หน่วยงานราชการและประชาชนผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมแสดงความเห็น


สำหรับการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนในการศึกษาจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคมและสุขภาพ เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็น และรายละเอียดโครงการเบื้องต้น นำเสนอขอบเขตและวิธีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นและเสนอแนะต่อร่างองค์ประกอบโครงการ และขอบเขตการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพของโครงการ รวมทั้งแผนการดำเนินงาน ทั้งนี้เพื่อนำข้อเสนอแนะที่ได้ ไปจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและออกแบบรายละเอียดศูนย์ประชุมฯ ให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ต่อไป


โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ตั้งอยู่บริเวณที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 (บางส่วน) หาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดภูเก็ต รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง เป็นแหล่งงานและกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นจากการดำเนินโครงการ พัฒนาที่ราชพัสดุ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้กับภาครัฐ ให้เกิดประโยชน์ทั้งกับภาครัฐและภคเอกชน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ(MICE) เพื่อให้เป็นศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่มีความพร้อมสูงสุด และเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและแสดงสินค้าในภูมิภาค โดยกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้รับการจัดสรรงบเงินกู้โครงการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อทำการก่อสร้างประกอบด้วย อาคารศูนย์ประชุม ซึ่งจะมีห้องประชุมใหญ่จุได้ 6,000 คน และห้องประชุมขนาดเล็กที่จุได้ตั้งแต่ 20-600 คนอีกจำนวนหนึ่ง ห้องจัดเลี้ยงจุได้ 1,000 คน อาคารนิทรรศการ อาคารหอพักสำหรับเจ้าหน้าที่ 100 ยูนิต และอาคารประกอบอื่นๆ มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 40,000 ตารางเมตร ไม่รวมพื้นที่ภายนอกอาคาร ได้แก่ ลานจัดแสดงนิทรรสการ ถนนทางเท้า ที่จอดรถ พื้นที่สำรองไว้สำหรับการก่อสร้างเพิ่มเติมในอนาคต


นายประสิทธิ์ สืบชนะ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ กล่าวว่า การจัดรับฟังความเห็นจากคนภูเก็ตทุกภาคส่วน เพื่อนำความต้องการและข้อเสนอแนะต่างๆ ไปใช้ในการออกแบบรายละเอียดโครงการและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดโครงการ หลังจากนั้นก็จะจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะต้องใช้เวลาดำเนินการประมาณ 6-7 เดือน โดยจะสามารถลงมือก่อสร้างได้ประมาณกลางปี 2554

“จากการรับฟังความคิดเห็นประชาชนชาวภูเก็ตภาคส่วนต่างๆเห็นด้วยเกือบ100% แต่ยังเป็นห่วงปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน น้ำอุปโภคบริโภค การคมนาคมขนส่ง ขยะ รวมไปถึงปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบศูนย์ประชุม โดยเฉพาะป่าชายหาดที่บริเวณนั้นต้องการที่จะให้รักษาไว้เป็นแนวกันคลื่นหากเกิดสึนามิ และเพื่อความสมดุลของธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว”นายประสิทธิ์กล่าว

สรุปภาพรวมของความคิดเห็นที่มีการนำเสนอนั้น มีความเป็นห่วงในเรื่องของสาธารณูปโภคสาธารณูปการ เส้นทางคมนาคมขนส่งในการเข้าออกสถานที่ประชุมซึ่งควรมีทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ระบบการรักษาความปลอดภัย การจัดให้มีลานจอดเครื่องบิน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะแนวกันคลื่นกรณีเกิดสึนามิ การมีส่วนร่วมของชุมชน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการขนส่งอุปกรณ์ในการจัดนิทรรศการ การควบคุมการก่อสร้างอาคารบริเวณรอบที่ตั้งศูนย์ประชุมฯ และอื่นๆ