จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

“จุฬาราชมนตรี” เปิดงาน “ภูเก็ตอันดามันฮาลาล”

เมื่อคืนวันที่ 18 มิถุนายน 2553 ที่เวทีกลางสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอาศีส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เป็นประธานเปิดงาน "ภูเก็ตอันดามันฮาลาล" ประจำปี 2553 ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายนนี้ โดยมีนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สว.ภูเก็ต นางเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ส.ส.ภูเก็ต นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายบำรุง สำเภารัตน์ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ตนายปมุข อัจฉริยะฉาย กุงศุลกิตติมศักดิ์ฟิลแลนด์ ประจำจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการ พนักงาน อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก


นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ด้วย อบจ.ภูเก็ต ได้พิจารณาเห็นว่าการดำรงชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิมใน จ.ภูเก็ต ถือได้ว่าเป็นจุดหนึ่งที่สามารถจะดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง ได้เข้ามาเยือนและศึกษาวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมุสลิม ซึ่งจะเป็นจุดขายที่สามารถทำรายได้ให้กับจังหวัดภูเก็ต ดังนั้นจึงได้ร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้องจัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต โดยนำวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวมุสลิมเป็นสื่อในการนำเสนอ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น อีกทั้งชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมได้ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น อันเป็นการแสดงถึงความสมัครสมานสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ซึ่งสามารถดำรงชีวิตและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด

สำหรับการจัดงานครั้งนี้มี 2 ส่วน คือ การประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล อุตสาหกรรมและธุรกิจ ณ โรงแรมเจดับบลิว มาริออท รีสอร์ทแอนด์สปา และการจัดงานภูเก็ตอันดามันฮาลาล ที่บริเวณเวทีกลางสะพานหิน ซึ่งกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนมุสลิมวิทยา โรงเรียนอนุบาลมุสลิมภูเก็ต และศูนย์อบรมศาสนาและจริยธรรมประจำมัสยิดต่างๆ การแสดงดนตรี โดยวงดนตรีรายฮาน จากประเทศมาเลเซีย การแสดงเกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมของชาวมุสลิม เช่น สาธิตการทำอาหารสำหรับในพิธีกรรม ประเพณีขึ้นเปล จำลองพิธีการแต่งงาน (นิกะฮ์) การแต่งกายตามแบบชาวไทยมุสลิม การละศีลอด การกวนขนมอาซูรอ และการสอนอ่านอัลกุรอาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการออกร้านอาหารฮาลาล และจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP และวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดภูเก็ต เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับคนภูเก็ตด้วย

ขณะที่นายอาศีล พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี กล่าวว่า นับเป็นแนวคิดที่ดีในการสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานที่ดี ด้วยการดึงประชาชนในทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วน โดยการส่งเสริมเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวด้วยการนำวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมมาเป็นสื่อในการนำเสนอ และเชื่อว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันออกกลางเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ตมากขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น อันถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตามหวังว่าการจัดงานครั้งนี้จะอำนวยประโยชน์แก่ราชการ ประชาชนและนักท่องเที่ยวเพราะจะได้ร่วมกันกระทำกิจกรรมซึ่งถือเป็นประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น และฝากข้อคิดด้วยว่าชาวไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธหรือชาวไทยมุสลิม ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยด้วยกัน ขอให้มีความรักใคร่ สามัคคี ปรองดองกัน ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา ก็จะทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จุฬาราชมนตรีกล่าว

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพิ่มความรู้การแก้ไขปัญหายาเสพติด

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 53 ที่ห้องประชุมชั้นล่าง ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมเยาวชนด้านการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด ในโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดประจำปี 2553 โดยมีนายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วม

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีการให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในเรื่องของยาเสพติดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การบรรยายให้ความรู้เบื้องต้นเรื่อง “ยาเสพติด” เรื่อง “ผลกระทบของการติดสารยาเสพติด” เรื่องพิษภัยบุหรี่ จากนายธนชิต โสดสิงห์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต การบรรยายเรื่อง “ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) วัคซีนใจวัยรุ่น” และโรคสมองติดยา โดยนางเจ๊ะฮาลือเมาะ พันทรกิจ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กิจกรรมการพัฒนาทักษะชีวิต โดยการแบ่งกลุ่มจัดกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมล้มลุก กิจกรรมเปลี่ยน กิจกรรมแลกน้ำ กิจกรรม Condom education mobile กิจกรรมจินตนาการรัก กิจกรรมทักษะการปฎิเสธ และกิจกรรมต้นกับอ้อ โดยนางกอบกุล เกิดโชค พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลถลาง และนายทัสสยุ เตชะโชติ นักงิชการสาธารณสุขชำนาญการสำนักงานด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต

ทั้งนี้นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการดำเนินการในเรื่องนี้ว่า การสร้างสังคมปลอดยาเสพติด โดยสร้างจิตสำนึก และการรู้จักป้องกันตนเองจากปัญหายาเสพติดให้แก่เด็ก และเยาวชนเป็นเรื่องสำคัญที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้ ประสานส่วนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมาดำเนินการอยู่ตลอดเวลา จึงจะเห็นว่าที่ผ่านมามีโครงการมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในการที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ให้เป็นไปอย่างยั่งยืน นอกจากหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชนแล้ว ครอบครัวนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการจัดการกับปัญหานี้ได้ ซึ่งในนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงขอความร่วมมือกับพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านในการดำเนินการเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ทต.รัษฎาเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน

ในระหว่างวันที่ 11 – 13 มิถุนายน 53 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมพีซ ลากูน่า รีสอร์ทแอนด์สปา ตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ นายสุรทิน เลี่ยนอุดม นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต ได้เป็นประธาน เปิดโครงการศึกษาดูงานและฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเทศบาลตำบลรัษฎา โดยมีคณะผู้บริหารผู้บริหารสมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ลูกจ้างและพนักงานจ้าง รวมทั้งสิ้นประมาณ 125 คน เข้าร่วมในโครงการครั้งนี้

ทั้งนี้นายสุรทิน ได้กล่าวว่า ด้วยทางเทศบาลตำบลรัษฎา โดยคณะผู้บริหารได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรเนื่องจาก ประกอบกับเทศบาลเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทใกล้ชิดกับประชาชน มีหน้าที่ต้องให้บริการประชาชนตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย รวมทั้งบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน เจ้าหน้าที่จึงต้องปฏิบัติงานให้ตรงตามเป้าหมายและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อท้องถิ่น ดังวิสัยทัศน์การพัฒนาของเทศบาลที่ว่า “สังคมอยุ่เย็นเป็นสุข คุณภาพชีวิตดี มีคุณธรรม ท้องถิ่นมีเอกลักษณ์วัฒนธรรม นำท้องถิ่นพัฒนา”

ดังนั้นทางเทศบาลตำบลรัษฎา จึงได้จัดโครงการศึกษาดูงานและฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเทศบาลตำบลรัษฎา ขึ้น เพื่ออบรมให้ความรู้และพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ มีศักยภาพมากขึ้น มีการพัฒนาการทำงานเป็นทีมเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กร การทำงานร่วมกันเป็นทีม การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีคุณค่าต่องาน ครอบครัวและสังคม ตามบริบทของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการให้บริการประชาชน โดยมีทีมคณะวิทยากรจากมหาวิทยาลัยมหิดล ดร.อาดัม นีละไพจิตร และอาจารย์วริทธิ์ตา จารุจินดา บรรยายเรื่องการทำงานเป็นทีม ทำกิจกรรม Walk Rally เพื่อสร้างการทำงานเป็นทีม ละลายพฤติกรรมกลุ่ม สร้างทีมงานในการทำงานเป็นทีม โดยกิจกรรมในการศึกษาดูงานและฝึกอบรมจำนวน 3 วัน โดยแบ่งกิจกรรมเป็น 3 ช่วง คือ ศึกษาดูงานองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง, บรรยายเกี่ยวกับ การพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงาน โดยดร.อาดัม นีละไพจิตร และกิจกรรมกลุ่มเสริมสร้างความสามัคคีและการทำงานเป็นทีมโดย ดร.อาดัม นีละไพจิตร และอ.วริทธิ์ตา จารุจินดา



อนุ กก.ปราบปรามจับกุมแรงงานต่างด้าว


เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 ที่ห้องประชุมชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.อ.วุฒิ พัสเวส ที่ปรึกษา (มก2) ประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามจับกุมดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปราบปรามจับกุมดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ทั้งในระดับภาค ระดับจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจสันติบาล เป็นต้น เพื่อเร่งรัดการจับกุมดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา รวมทั้งการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยการใช้แรงงานต่างด้าวโดยถูกกฎหมาย

ทั้งนี้ในส่วนของอนุกรรมการฯ มีนโยบายและเป้าหมาย เพื่อป้องกันปราบปราม จับกุมดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมถึงนายจ้าง ผู้นำพาและผู้ให้ที่พักพิงคนต่างด้าวผิดกฎหมาย เพื่อเสริมการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวทั้งระบบของคณะอนุกรรมการฯ จับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา และอื่นๆ ที่หลบหนีเข้าเมือง หรือลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายจำนวน 300,000 คนต่อปี จับกุมดำเนินคดีนายจ้างที่รับแรงงานต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย จำนวน 2,000 คนต่อปี จับกุมดำเนินคดีผู้นำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองหรือลักลอบทำงาน จำนวน 2,000 คนต่อปี รวมทั้งจับกุมดำเนินคดีผู้ให้ที่พักพิงแก่แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองหรือลักลอบทำงาน จำนวน 2,000 คนต่อปี

พล.ต.อ.วุฒิ พัสเวส ที่ปรึกษา (มก2) ประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามจับกุมดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงาน กล่าวว่า การประชุมร่วมกับภาคส่วนต่างๆของตำรวจภูธรภาค 8 นั้น เพื่อให้เร่งรัดดำเนินการปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ได้แก่ พม่า ลาวและกัมพูชา รวมถึงรับทราบปัญหาและอุปสรรคการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ให้คำแนะนำและหาแนวทางในการแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้


อย่างไรก็ตามได้เน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดโดยนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับมาบังคับใช้กับแรงงานต่างด้าวที่ทำผิดกฎหมาย และมีลักษณะของการกระทำที่ก่อให้เกิดปัญหาหรือสร้างความเสื่อมเสียให้กับสังคม รวมไปถึงในส่วนของผู้ที่จัดหาลักลอบนำเข้าแรงงานในลักษณะเข้าข่ายของการข่มขู่ ทำร้ายและค้ามนุษย์ ตลอดจนบรรดานายจ้างหรือผู้ให้ที่พักพิงกับบรรดาแรงงานที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ในการปฏิบัตินั้นจะต้องคำนึงถึงศีลธรรม มนุษยธรรมและยุติธรรมกับแรงงานที่เข้ามาอย่างถูกต้อง และมาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ พล.ต.อ.วุฒิ กล่าว



อบจ.ภูเก็ตหนุนงบวิทยากรอิสลามศึกษา


นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) กล่าวว่า เนื่องจากในปีงบประมาณ 2553 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเป็นค่าตอบแทนวิทยากรอิสลามศึกษาให้โรงเรียนในสังกัดที่เปิดสอนอิสลามศึกษาในระดับประถมศึกษาและดับมัธยมศึกษา สำหรับภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 และภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 848,000 บาท และได้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 ไปแล้วส่วนหนึ่ง ยังคงเหลืองบประมาณอีกส่วนที่จะจัดสรรสำหรับภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 312,000บาท
เนื่องจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ตได้รับจัดสรรงบประมาณไม่เต็มวงเงินที่เสนอขอตั้ง จึงได้เสนอโครงการเพื่อขอรับเงินอุดหนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตในส่วนที่ยังขาดอยู่เพื่อจัดสรรในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ให้กับโรงเรียนที่เปิดสอนอิสลามศึกษาใน19 โรงเรียน จำนวน 67 ห้องเรียน โดยมีจัดการสอนห้องเรียนละ 40 คาบ ใช้งบประมาณ 536,000 บาท เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนอิสลามศึกษาในโรงเรียนให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น

นายไพบูลย์ กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าว และด้วยการสนับสนุนด้านการศึกษาเป็นภารกิจหนึ่งของ อบจ.ภูเก็ต และในช่วงที่ผ่านมา อบจ.ได้มีการสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับสถานศึกษาต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษา การพัฒนาความพร้อมของสถานที่เรียน การอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรครู เพื่อสร้างครูที่มีคุณภาพ รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรให้ได้มาตรฐาน เช่นเดียวกับการอุดหนุนงบประมาณให้กับสถานศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนอิสลามศึกษา เพื่อเป็นค่าตอบแทนวิทยากรอิสลามศึกษา ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ผู้เรียนจะได้รับความรู้อย่างเต็มที่ เพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาภูเก็ตต่อไปในอนาคต

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พบผู้ป่วยไข้เลือดออกภูเก็ตแล้วกว่า 200 ราย

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 ที่ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม “รวมพลังอาสาสมัครสาธารณสุขภูเก็ต ปกป้องชุมชน ครอบครัว คนที่รัก จากยุงลาย และไข้เลือดออก” ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อเป็นการณรงค์ให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายภายในบ้าน ชุมชน โรงเรียน สถานที่ทำงาน ศาสนสถาน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ รวมทั้งเพื่อเร่งรัดการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ทุกพื้นที่ให้มีจำนวนลดลง ไม่ให้เป็นปัญหาและเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในจังหวัดภูเก็ต โดยมีสมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.)ในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต อ.ถลาง และอ.กะทู้ เข้าร่วม


นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – วันที่ 12 มิถุนายน 2553 พบว่าแนวโน้มมีการระบาดเพิ่มมากขึ้น โดยมีจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นหลายพื้นที่ มีรายงานผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้วจำนวน 213 ราย สูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดแถบชายฝั่งอันดามัน เป็นอันดับ 7 ของภาคใต้ และอันดับ 13 ของประเทศ ซึ่งเป้าหมายทั้งปีของจังหวัดภูเก็ตที่กำหนดไว้ไม่เกิน 170 ราย และไม่ให้มีผู้ป่วยตายด้วยไข้เลือดออก ขณะนี้ทุกพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตเสี่ยงต่อการเป็นโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะอำเภอถลางมีอัตราป่วยสูงสุด รองลงมาอำเภอเมืองภูเก็ต และอำเภอกะทู้ แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนระดับตำบลมีผู้ป่วยสูงสุด 6 อันดับ ได้แก่ ตำบลรัษฎา ตลาดใหญ่ วิชิต ศรีสุนทร ป่าคลอกและเทพกระษัตรี


จากผลการสุ่มประเมินความชุกชุมของลูกน้ำยุงลายจังหวัดภูเก็ตเดือนมีนาคม 2553 พบลูกน้ำยุงลายสูงเกินเกณฑ์ทุกพื้นที่ ประกอบกับขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝน ก่อให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ไข้เลือดออกจะระบาดสูงที่สุด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในจังหวัดภูเก็ต นพ.นรินทร์รัชต์ กล่าว



ตร.เมือง ภูเก็ตรวบชิงทรัพย์และโทรมหญิง

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 53 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายนพพล เกิดผล อายุ 21 ปี นายชัยวุฒิ เปล่งศรี อายุ 20 ปี และนายวิทวัส แซ่นาย อายุ 23 ปี พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน วธบ – 51 กทม. จำนวน 1 คัน เครื่องช๊อตไฟฟ้า ขนาด 1,800 Kv. จำนวน 1 อัน กระเป๋าถือสตรีจำนวน 8 ใบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 ซิม ตั๋วจำนำโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 ใบ และเอกสารประจำตัวของผู้เสียหายๆ จำนวนมาก โดยกล่าวหาว่านายนพพล เกิดผล และนายชัยวุฒิ เปล่งศรี ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ, ร่วมกันโทรมหญิง ส่วนนายวิทวัส แซ่นาย รับของโจร

ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ได้กล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 16 มิถุนายน 53 ที่ผ่านมา ทางศูนย์วิทยุสภ.เมือง ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ได้ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ตั้งด่านเพื่อสกัดจับคนร้าย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายทั้ง 2 ได้ จากนั้นก็ได้นำตัวไปขยายผล โดยคนร้ายได้ให้การยอมรับว่าได้ก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์, ร่วมกันทำอนาจาร และร่วมกันโทรมหญิง ในเขตพื้นที่เมืองจำนวนหลายครั้ง ซึ่งมีพฤติการณ์โดยคนร้ายทั้ง 2 จะขับขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนหาเหยื่อซึ่งเป็นหญิงสาว เมื่อพบเหยื่อ คนร้ายจะขับรถจยย.ปาดหน้า จากนั้นก็จะใช้มีด และเครื่องช๊อตไฟฟ้าข่มขู่ให้ส่งมอบทรัพย์สิน จากนั้นก็จะทำอนาจารเหยื่อโดยการจับหน้าอก หรือหอมแก้ม หรือบังคับไปข่มขืนสำหรับเหยื่อบางราย ที่ผ่านมาได้มีการลงมือมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามผู้เสียหายมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ถูกคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ โดยมีผู้เสียหายยืนยันจำนวน 6 รายแล้ว

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการขยายผลถึงผู้ที่ดำเนินการในการนำทรัพย์สินไปขายต่อ จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาได้นำไปฝากกับนายวิทวัส แซ่นาย ซึ่งจะเป็นผู้ที่นำทรัพย์สินไปจำนำหรือจำหน่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามตัวนายวิทวัส จนสามารถติดตามตัวและจับกุมตัวได้ และจากการตรวจสอบและทำการค้นตัว พบโทรศัพท์และซิมการ์ดของผู้เสียหายหลายรายการ จึงได้ควบคุมตัว พร้อมทรัพย์สินมาให้เหยื่อมาตรวจสอบทรัพย์ ก่อนที่จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป


แบงค์กรุงไทยขยายสาขาห้าแยก


เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดที่ทำการธนาคารกรุงไทย สาขาห้าแยกฉลอง ซึ่งเป็นลำดับที่ 915 ของธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ โดยมีนายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นายรังสรรค์ บำบัดสรรพโรค ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มเครือข่ายภาคใต้ 1 กล่าวที่ จ.ภูเก็ต นายวิเชียร อาทิตยพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารสำนักงานเขตภูเก็ต ตลอดจนลูกค้าและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม

นายวิเชียร อาทิตยพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารสำนักงานเขตภูเก็ต กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ ประกอบธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2509 มีนโยบายหลัก คือ การเพิ่มศักยภาพเพื่อให้บริการตามความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยดำเนินการปรับปรุงระบบงาน การพัฒนาพนักงานให้มีคุณภาพ การปรับปรุงสำนักงานสาขา การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทยมีนโยบายที่จะขยายเครือข่าย และช่องทางการให้บริการลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบาย สมกับการเป็นธนาคารแสนสะดวก The Convenience Bank

ทางด้านนายธีระยุทธ เอี่ยมตระกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากวัตถุประสงค์ของการเปิดที่ทำการสาขาแห่งใหม่ แสดงให้เห็นว่าธนาคารกรุงไทย เป็นธนาคารที่มีการพัฒนาและปรับปรุงงานด้านต่างๆอยู่เสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวการณ์ เปลี่ยนแปลงของระบบการเงินในปัจจุบัน ทำให้การดำเนินธุรกิจของธนาคารก้าวหน้าขึ้นมาเป็นลำดับ และจากการที่ธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ประกอบกับธนาคารได้ให้ความมั่นใจว่าจะดำเนินธุรกิจให้เจริญก้าวหน้าสมกับเป็นธนาคารที่ประชาชนไว้ใจ

อย่างไรตามนอกจากการเปิดสาขาห้าแยกฉลองแล้ว ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ จะมีการเปิดสาขาเชิงทะเล อ.ถลาง อีกสาขา พร้อมกันนี้ในส่วนของ บริษัทเคทีบี ลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ได้จัดแคมเปญพิเศษ เช่น ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 36 เดือน เป็นต้น ในโอกาสเปิดสาขาใหม่ภายใต้แคมเปญ “ไปช๊อป ไปแบงค์” สำหรับลูกค้าของธนาคารภายใต้สโลแกน “ซื้อถูก..ซื้อง่าย..ผ่อนสบายกว่า”


มอ.ปัตตานีระดมสมองภาษาเกาหลี


เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 53 ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต รศ.ดร.ปรารถนา กาลเนาวกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นประธานเป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกาหลีศึกษา เพื่อผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาของประเทศไทย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ร่วมกับมูลนิธิเกาหลี จัดขึ้น เพื่อระดมความคิดการจัดการเรียนการสอนภาษาเกาหลีในระดับมัธยมศึกษาและสร้างเครือข่ายความร่วมมือการจัดการเรียนการสอนภาษาเกาหลีในประเทศไทย โดยมีผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนจากสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย และผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาของประเทศไทย เข้าร่วม มีประเด็นการเจรจาหาความร่วมมือทางวิชาการ เช่น การจัดการเรียนการสอนภาษาเกาหลีในระดับโรงเรียนมัธยมศึกษาในประเทศไทย วิธีการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนภาษาเกาหลี การผลิตคู่มือเรียนหนังสือ เงื่อนไขการกำหนดภาษาเกาหลีให้เป็นวิชาที่ใช้สอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย เป็นต้น

รศ.อาหวัง ล่านุ้ย คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมามีการขยายตัวของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลีเพิ่มมากขึ้นในทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การท่องเที่ยว การแพทย์ สื่อสารมวลชน และศิลปวัฒนธรรม ส่งผลให้สาธารณรัฐเกาหลีเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของสังคมไทย ขณะเดียวกันส่งผลต่อความต้องการศึกษาภาษาเกาหลีและเกาหลีศึกษาในประเทศไทยให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย คณะมนุษยศาสตร์ฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี จึงได้เปิดการเรียนการสอนภาษาเกาหลีขึ้นเป็นสถาบันแรกในระดับอุดมศึกษาของไทย เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดและสร้างสรรค์องค์ความรู้ รวมไปถึงแหล่งรวบรวมทรัพยากรทางเกาหลีศึกษาที่สำคัญ



“เคทีบี ลีสซิ่ง” จัดงาน “ไปช๊อป ไปแบงค์”


นายภิญญาวัฒน์ จันทรกานตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทีบี ลีสซิ่ง จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้วางแผนในการเปิดเกมรุกตลาดในภูมิภาคทุกรูปแบบ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการเปิดตลาดใหม่ๆ ในหัวเมืองใหญ่ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้รับทราบ ซึ่งในโอกาสที่ธนาคารกรุงไทยเปิดสาขาใหม่ที่ จ.ภูเก็ต ทางเคทีบีลีสซิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ธนาคารกรุงไทยจึงได้มีการนำบริการด้านต่างๆ ของบริษัท ประกอบด้วย เช่าซื้อรถยนต์ เช่าซื้อรถยนต์แบบดำเนินการ ลีสซิ่งเครื่องจักร แลเช่าซื้อสินค้าอุปโภค มาจัดแสดง พร้อมเสนอแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าภายใต้สโลแกน ซื้อถูก..ซื้อง่าย..ผ่อนสบายกว่า


สำหรับแคมเปญพิเศษดังกล่าวจัดขึ้นในวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่สาขาห้าแยกฉลอง และในระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายนนี้ ที่สาขาเชิงทะเล โดยได้มีการเตรียมสินค้ามาจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ที่มีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงไทย เช่น ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 36 เดือน เป็นต้น ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เช่น โตโยต้า, ฮอนด้า, ซูซูกิ, แอลจี, Elvira, BIG CAMERA, I-MOBILLE, IT CITY เป็นต้น หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTB Call Center 02-299-3888



วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทม.กะทู้ จัดงานถนนสายวัฒนธรรมครั้งที่ 2

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2553 ที่ห้องราชินีเหมืองแร่ พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับนายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายทวิชาติ อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต นายศิริพัฒ พัฒกุล นายอำเภอกะทู้ นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต และนายชัยอนันท์ สุทธิกุล นายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ แถลงข่าวงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ถนนสายวัฒนธรรมเมืองกะทู้ ครั้งที่ 2 ซึ่งทางเทศบาลเมืองกะทู้ ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ททท.สำนักงานภูเก็ต และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ภูเก็ต กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน นี้ ที่บริเวณตลาดศาลเจ้ากะทู้

นายชัยอนันนท์ กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าว เพื่อเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรม สู่การเรียนรู้ของชุมชนท้องถิ่น เพื่อสร้างโอกาสการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยใช้มิติทางวัฒนธรรม เป็นการสร้างกระแสการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เสริมรายได้ และธุรกิจของท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต

สำหรับภายในงานจะได้พบกับขบวนแห่ย้อนอดีตชุมชนกะทู้ การแสดงแสง สีเสียง นิทรรศการศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินชั้นนำในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การแสดงวิถีชีวิตชุมชนกะทู้ การละเล่นพื้นบ้าน การออกร้านและสาธิตอาชีพตัวอย่างสร้างสรรค์ ขบวนรถโบราณ นิทรรศการศิลปกรรมร่วมสมัยวิถีกะทู้ กิจกรรมการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น

นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า การจัดงานถนนสายวัฒนธรรมเมืองกะทู้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนเมืองกะทู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ บนถนนในงาน รวมถึงสถานที่บางจุดจะมีประวัติความเป็นมาดั้งเดิมของพื้นที่ เช่น สภาพเหมืองโบราณของตำบลกะทู้ บ้านชุมชนเก่าแก่ ศาลเจ้าเก่าแก่ เป็นต้น เป็นการสร้างมูลค่าให้กับแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดภูเก็ตให้เพิ่มขึ้น และการจัดกิจกรรมในช่วงดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของภูเก็ตได้เป็นอย่างดี

Animation Youth Festival Asia 2010


เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต นายเกริกเกียรติ พันธุ์พิพัฒน์ ผู้ควบคุมโครงการฝึกอบรมในเรื่องภาพยนตร์ และ Visual Effect เป็นประธานเปิดการฝึกอบรม Animation Youth Festival Asia 2010 โดยวิทยากรที่มีชื่อเสียง ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ เช่น ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ยิ่งใหญ่แห่งเอเชีย นายนนทรีย์ นิมิบุตร นักเขียนบทมืออาชีพ อมรศรี เย็นสำราญ ผู้เชี่ยวชาญในด้าน Post Production ภาพยนตร์ เป็นต้น มีตัวแทนนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงเข้ารับการอบรมจำนวนประมาณ 500 คน

สำหรับการจัดอบรมดังกล่าว ทางสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA ภายใต้การกำกับของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือกระทรวงไอซีที ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ได้จัดการฝึกอบรมการผลิตสื่อดิจิทัล (Digital Content) ใน พื้นที่ 5 จังหวัดทั่วประเทศคือ กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการ Digital Media Asia 2010 (DMA2010) โครงการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2552 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้คนไทยมีศักยภาพและมีฝีมือด้านสร้างสรรค์สื่อดิจิทัลคอนเทนท์ที่ครอบคลุมทั้งภาพยนตร์ แอนิเมชั่น หรือเกมคอมพิวเตอร์

ในขณะเดียวกัน เพื่อให้ความรู้และพัฒนาทักษะ รวมทั้งให้เกิดการตื่นตัวในงานสร้างสรรค์ด้านนี้ ที่ยังสอดคล้องกับเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์โดยสมาพันธ์ฯ มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรมืออาชีพเฉพาะทางให้มีจำนวนเพียงพอป้อนสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้วยวิธีการอันทันสมัย ทั้งในส่วนของการอบรมด้านการผลิต Digital Content, Film, Sound for Digital Content จากคณาจารย์และวิทยากรผู้ชำนาญและมีชื่อเสียงด้านต่างๆ



นายนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับการทำภาพยนตร์ตั้งแต่ต้น แต่มีความสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์มาตั้งแต่สมัยที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปากร และมีโอกาสไปร่วมสังเกตการณ์ในโครงการถ่ายทำสารคดีกับเพื่อนรุ่นพี่จากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ที่เลือกสถานที่ถ่ายทำในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นเวลา 5 วันดังนั้นจึงเริ่มซึมซับข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนบทภาพยนตร์ การถ่ายทำ หรือการจัดแสง ในเวลาต่อมาจึงพยายามลงชื่อกลุ่มนักศึกษาประมาณ 100 คน เพื่อเรียกร้องให้มหาวิทยาลัย เปิดหลักสูตรด้านภาพยนตร์ได้สำเร็จ หลังจากนั้นเรียนอยู่ปี 3 จึงมีโอกาสศึกษาความรู้เพิ่มเติม และเริ่มไปมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์มิวสิควีดิโออย่างต่อเนื่อง


พมจ.ภูเก็ต ติวเข้มทีมสหวิชาชีพครู ข


เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ที่ห้องประชุมมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดอบรมทีมสหวิชาชีพครู ข โครงการคาราวานเสริมสร้างเด็กจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต (พมจ.ภูเก็ต) จัดขึ้น โดยมีหน่วยงานเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และอาสาสมัครในพื้นที่ตำบลเกาะแก้ว ตำบลกะรน และตำบลศรีสุนทร เข้าร่วม จำนวน 50 คน

น.ส.พรรณี สิทธิการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สืบเนื่องจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดโครงการคาราวานเสริมสร้างเด็ก เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการพัฒนาให้มีความรู้และจริยธรรม เริ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิด และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ครอบครัวที่อบอุ่น ปลูกฝังความรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มดำเนินการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549 และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ได้รับจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการขยายผลในพื้นที่ตำบลใหม่ อีก 3 ตำบล ได้แก่ตำบลเกาะแก้ว ตำบลกะรน และตำบลศรีสุนทร

ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานคาราวานเสริมสร้างเด็กเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และความต้องการของชุมชนทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงได้กำหนดจัดอบรมทีมสหวิชาชีพครู ข โครงการคาราวานเสริมสร้างเด็กจังหวัดภูเก็ตขึ้น เพื่อให้ทีมสหวิชาชีพในพื้นที่เป้าหมายได้รับทราบแนวทางการดำเนินงานโครงการคาราวานเสริมสร้างเด็กและหลักการทำงานกับเด็ก ครอบครัวและชุมชน ตลอดจนเพื่อให้เกิดแผนปฏิบัติการโครงการคาราวานเสริมสร้างเด็กในระดับชุมชน ตลอดจนให้ทีมสหวิชาชีพครู ข สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดต่อในชุมชน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กและครอบครัวและมีเครือข่ายการเฝ้าระวังปัญหาในชุมชนมากขึ้น น.ส.พรรณีกล่าว

ขณะที่นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาเด็กได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากกระแสโลกาภิวัฒน์ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมและสภาพแวดล้อม พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับเด็กเริ่มลดน้อยลงในปัจจุบัน การพัฒนาเด็กจึงต้องดำเนินการอย่างรอบด้าน และครอบคลุมการพัฒนาในกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเด็ก ครอบครัว ชุมชน และระบบการบริหารจัดการของหน่วยงาน องค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับเด็ก ซึ่งการจัดอบรมทีมสหวิชาชีพครู เป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องกับเด็กในชุมชนให้มีศักยภาพในการถ่ายทอดความรู้และสามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามช่วงวัย รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับครอบครัวและชุมชน



Amazing Thailand Golf Paradise 2010

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ที่คลับเฮ้าส์ สนามกอล์ฟ เรด เมาท์เท่น นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต พร้อมด้วย น.ส.เพลินพิศ โกศลยุทธสาร รองผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการขาย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด นายอรรณพ ทินนาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัทบางกอก แทรเวลคลับ จำกัด นายวัชร จารุอริยานนท์ นายกสมาคมกอล์ฟภูเก็ต นายชาญวุฒิ หงส์หยก ผู้จัดการทั่วไปสนามกอล์ฟภูเก็ตคันทรีคลับ นายพงษ์ศักดิ์ ศัพทเสน รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มบี เค รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสนามกอล์ฟเรด เมาท์เท่น ร่วมกันแถลงข่าว โครงการ Amazing Thailand Golf Paradise 2010

นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า ทาง ททท.สำนักงานภูเก็ตและพัทยา ได้ร่วมกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ สมาคมกอล์ฟภูเก็ต และสมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก จัดโครงการ Amazing Thailand Golf Paradise 2010 ขึ้นเพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคภาคใต้กับภาคตะวันออก เผยแพร่และประชาสัมพันธ์สนามกอล์ฟ และแหล่งท่องเที่ยวของภูเก็ตกับพัทยา ซึ่งมีศักยภาพระดับนานาชาติให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ขยายตลาดนักท่องเที่ยวที่สนใจการเล่นกอล์ฟ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวในราคาพิเศษได้ทั้งครอบครัวโดยใช้กิจกรรมกอล์ฟสร้างกระแสความสนใจ เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ ได้กำหนดจัด Golf Package ราคาพิเศษ คุ้มค่า ซึ่งนักท่องเที่ยว นักกอล์ฟสามารถเล่นกอล์ฟในสนามที่มีมาตรฐานและสวยงาม ทั้งในภูเก็ตและภูมิภาคตะวันออก อีกทั้งผู้ติดตามยังสามารถเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหาดทราย ชายทะเล ดำน้ำชมปะการังและฝูงปลา

สำหรับโปรแกรมท่องเที่ยว Amazing Thailand Golf Paradise 2010 กำหนดจัดขึ้นตั้งแต่บัดนี้ จนวันที่ 16 สิงหาคม 2553 โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ในเส้นทางพัทยา(อู่ตะเภา)-ภูเก็ต หรือ ภูเก็ต-พัทยา(อู่ตะเภา) ด้วยแพ็คเก็จ 3 วัน 2 คืน ราคาเริ่มต้นที่ 16,800 บาทต่อคน ราคานี้รวมบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ ค่าภาษีสนามบินและค่าประกันภัยการเดินทาง ค่า Green Fee 18 หลุม ที่สนามกอล์ฟภูเก็ตคันทรีคลับ กับสนามกอล์ฟเรดเมาท์เท่น โรงแรมที่พัก 2 คืนพร้อมอาหารเช้า รถรับส่งระหว่างสนามบิน-ที่พัก- สนามกอล์ฟ


ตร.ภูเก็ตสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน


เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ที่ห้องประชุมโรงแรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ต พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเยาวชนสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด รุ่นที่ 1/2553 ซึ่งทางสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตร่วมกับเทศบาลตำบลวิชิต และคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จัดขึ้น จำนวน 4 รุ่น ใช้เวลาอบรมรุ่นละ 5 วัน ประกอบด้วยรุ่นที่ 1 ฝึกอบรมในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลวิชิต รุ่นที่ 2 เทศบาลนครภูเก็ต รุ่นที่ 3 เทศบาลตำบลรัษฎา และรุ่นที่ 4 องค์การบริหารส่วนตำบลรัษฎา รวมเยาวชนที่เข้าร่วมจำนวน 1,200 คน

พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน ในฐานะที่เป็นพลังและทรัพยากรอันสำคัญยิ่งของประเทศชาติในอนาคต และเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องยุทธศาสตร์และกลไกป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของประชาชนและเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้เพราะยาเสพติดในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการสำรวจเพื่อประมาณการจำนวนผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ในปี 2551 ปรากฏว่ามีจำนวน 605,095 คน เพิ่มจากปี 2550 ที่มีจำนวน 575,312 คน โดยผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี ประมาณ 70 % เป็นรายใหม่ โดยมียาบ้าเป็นตัวหลัก รองลงมาเป็นกัญชาและสารระเหย ซึ่งการจะหยุดยั้งและลดระดับปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทุกระดับ ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันของรัฐบาลอย่างจริงจัง

การจัดฝึกอบรมดังกล่าว เพื่อเป็นวัคซีนป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด เพื่อให้เยาวชนเป็นพลเมืองดี มีทัศนคติที่ถูกต้อง ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ให้เป็นผู้เคารพกฎหมาย ระเบียบ และเคารพสิทธิของผู้อื่น เป็นการรวมพลังให้เยาวชนมีความสามัคคีในการต้ายภัยยาเสพติด รู้จักรวมกลุ่มเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม รู้จักการเสียสละเพื่อบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น พ.ต.อ.วันไชยกล่าว

ขณะที่ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผบช.ภาค 8 กล่าวว่า เยาวชนนับเป็นกำลังสำคัญที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของชาติต่อไปในอนาคต ซึ่งการให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวกับกลุ่มเยาวชนจึงเป็นเรื่องที่ดีในการปลูกฝังเห็นถึงพิษภัยของยาเสพติด ซึ่งนอกจากการจัดโครงการดังกล่าวใน จ.ภูเก็ตแล้วก็มีเป้าหมายที่จะจัดโครงการในลักษณะเดียวกันนี้ในจังหวัดอื่นๆในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 เช่น พังงา กระบี่ เป็นต้น ในอนาคตต่อไป
สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 นั้น พล.ต.ท.พิทักษ์ กล่าวว่า ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ และปัจจุบันได้มีการจัดตั้งด่านตรวจยาเสพติดที่ท่าแซะ จ.ชุมพร มีรถโมบายสามารถตรวจเอ็กซ์เร่ย์ยาเสพติดโดยเฉพาะ ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี


ตร.ภาค 8 สั่งคุมเข้มเล่นพนันฟุตบอลโลก


พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเยาวชนสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด รุ่นที่ 1/2553 ซึ่งทางสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตได้จัดขึ้น ถึงการคุมเข้มการเล่นพนันฟุตบอลโลก ว่า เนื่องจากในช่วงระยะนี้มีการจัดแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 โดยในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่จังหวัดชุมพรจนถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาจากการเล่นพนันฟุตบอล จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มในการปราบปรามการเล่นพนันฟุตบอลอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการชมการแข่งขันฟุตบอลโลกจำนวนมาก และเป็นจังหวัดที่จะต้องจับตาเป็นพิเศษ นอกจากจะมอบหมายให้ทุกจังหวัดดำเนินการอย่างเข้มงวดแล้ว ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันฟุตบอลขึ้นมาเป็นการเฉพาะด้วย หากชุดดังกล่าวเข้าไปตรวจสอบและจับกุมโต๊ะบอลได้ในพื้นที่ใด เจ้าของพื้นที่จะต้องถูกพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ แต่ทั้งนี้จะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่อย่างไร

ทางด้านพล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ในการจับกุมผู้ลักลอบเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลกและโต๊ะบอลนั้น ขณะนี้ทุกจังหวัดมีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจ มีรายงานผลการจับกุมจังหวัดละ 4 – 5 ราย ส่วนใหญ่เป็นรายเล็กๆ ทั้งนี้ได้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเป็นกรณีพิเศษทั้งเฝ้าติดตาม เฝ้าระวัง และสืบสวนหาข่าว

ขณะที่พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้มอบนโยบายในการกวาดล้างการเล่นพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานี โดยได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครปล่อยแถวกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดไปแล้วก่อนที่จะมีการแข่งขัน ขณะนี้พบว่าได้มีการจับกุมได้แล้ว 3 ราย เป็นผู้เล่นการพนัน 2 ราย ในเขตพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และเป็นเจ้ามือรับแทงพนันฟุตบอล พื้นที่ความรับผิดชอบสถานีตำรวจภูธรถลาง 1 ราย ส่วนการเฝ้าติดตามโต๊ะพนันฟุตบอลที่ขึ้นบัญชีไว้จำนวน 15 รายทั้ง 3 อำเภอ คือ อ.เมืองภูเก็ต อ.กะทู้และอ.ถลาง ซึ่งขณะนี้ได้ปิดไปแล้ว และทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามสอบสวนสืบสวนเพื่อหาข่าวว่าจะมีการไปเปิดที่ใหม่หรือไม่อย่างไร

ส่วนของนายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการออกตรวจสอบเพื่อป้องกันการลักลอบเล่นพนันฟุตบอลอย่างเข้มงวด ทุกคืนจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติการตรวจเข้มงวดเพื่อเป็นการป้องปราบ แต่ยอมรับว่าการจับกุมทำได้ยาก เนื่องจากผู้เล่นและเจ้าของโต๊ะมักจะนำระบบเทคโนโลยีมาใช้

ตร.ภูเก็ตรวบแก็งค์แบล็คมันนี่


เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2553 ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตพร้อมด้วยพ.ต.อ.พีระยุทธ์ การะเจดีย์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ตและชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.ผดุงพงค์ ดุกสุขแก้ว สวป.สภ.เชิงทะเล ได้ร่วมแถลงการจับกุมแก็งค์แบล็คมันนี่ โดยมีผู้ต้องหาประกอบด้วยนายอังเดร เซยานู (Andre Sieyannou) อายุ 49 ปี สัญชาติแคเมอรูน และนายเคนมู (Kenmoue) อายุ 43 ปี พร้อมของกลาง กระดาษเปื้อนฝุ่นสีเทาแดง ตัดขนาดเท่าธนบัตร ที่บรรจุอยู่ในการเป๋าเดินทาง จำนวน 1 กระเป๋า ขวดแก้วภายในบรรจุน้ำปิดฝา ด้านนอกห่อหุ้มด้วยปูนพลาสเตอร์สีขาว 1 ขวด และอื่นๆ เช่น เงินสกุลยูโร เงินสกุลดอลล่าห์สหรัฐ ใบโอนเงินธนาคารกรุงไทย ใบสั่งซื้อน้ำยา เป็นต้น โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหมู่ที่ 1 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ภูเก็ต ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ


ทั้งนี้ พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า สำหรับการกระทำผิดของผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่สภ.เชิงทะเล ได้รับแจ้งจากนายพิเล็ก บูดดี้ ชาวเนปาล ซึ่งได้ประกอบอาชีพอยู่ที่พื้นที่ตำบลป่าตอง อ.กะทู้ ภูเก็ต ผู้เสียหายว่า กลุ่มของผู้ต้องหามาติดต่อผู้เสียหายว่าสามารถที่ทำให้กระดาษที่เคลือบสารเคมีไว้กลายเป็นเงินที่สามารถใช้ได้จริง และเมื่อทำให้กระดาษดังกล่าวเป็นที่แท้จริงแล้ว จะมอบให้ผู้เสียหายทั้งหมด แต่ผู้เสียหายจะต้องจ่ายเงินซื้อน้ำยาเคมี เป็นเงิน 900,000 บาท และผู้เสียหายหลงเชื่อ จนโอนเงินให้กลุ่มของผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ติดต่อกลับมา จึงคิดว่าน่าจะถูกหลอก จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบ กระทั่งวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้เสียหายแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้ต้องหาได้ติดต่อมาและแจ้งให้ผู้เสียหายหาห้องพักไว้เพื่อจะนำน้ำยาเคมี พร้อมกระดาษมาทดสอบให้ผู้เสียหายดูพร้อมกับได้นัดหมายกับผู้ต้องหาที่อยู่กรุงเทพฯ ให้เป็นผู้ดำเนินการทดสอบ โดยจะนัดหมายเวลากันภายหลัง

จนกระทั่งวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. ผู้ต้องหาได้ติดต่อผู้เสียหายแจ้งว่า ให้ดำเนินการหาห้องพักไว้ และให้ไปรับผู้ต้องหาเพื่อจะพาไปทดสอบให้ผู้เสียหายดู โดยได้มีการแจ้งข้อมูลสถานที่นัดหมายกันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบ และได้เฝ้ายังจุดนัดหมาย เพื่อดูพฤติกรรมของของกลุ่มผู้ต้องหา กระทั่งตามวันเวลาเกิดเหตุ ผู้เสียหายพร้อมผู้ต้องหาได้เดินทางมาถึงยังห้องที่เกิดเหตุ และผู้เสียหายได้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ ว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้ทำการทดสอบน้ำยาขวดใหม่ให้ดู แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากน้ำยาหมดสภาพแล้ว ต้องซื้อน้ำยามาใหม่ ซึ่งผู้เสียหายต้องจ่ายเงินค่าน้ำยาอีก แต่ผู้เสียไม่หลงเชื่ออีก จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กุญแจสำรองเปิดประตูห้องพักดังกล่าวเข้าไปแสดงตัวพร้อมจับกุม

สำหรับแก็งค์แบล็คมันนี่ที่มาก่อเหตุในจังหวัดภูเก็ตนั้น ในอดีตที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ในพื้นที่ป่าตองมาแล้วหลายครั้ง และได้หายไปกว่า 5 ปี และในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเริ่มเข้ามาในเมืองไทยอีกครั้ง จึงขอฝากเอาไว้ว่าสำหรับผู้ที่ต้องการเงินเป็นจำนวนมาก หรือ สิ่งใดที่ได้มาง่ายๆ มันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด และอย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด หรือทราบเบาะแสของผู้ที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ ก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจะได้กำจัดให้สิ้นไปจากจังหวัดภูเก็ต


เสริมสร้างความร่วมมือบริการประชาชน


เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ที่โรงแรมคาทีน่า อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างความร่วมมือการให้บริการประชาชนระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับสำนักงานยุติธรรม เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ในกระบวนการยุติธรรมให้ประชาชนได้รับทราบบทบาท ภารกิจ และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสำนักงานยุติธรรม อันจะนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนภารกิจ โครงสร้างให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชน มีความเป็นธรรม มีการเข้าถึงประชาชน มีการเข้าถึงประชาชน โดยไม่เลือกชั้น วรรณะ ความรู้ฐานะซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยมีส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชนเข้าร่วม

นางสุขพร อุดมสิน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ต ประธานกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม เป็นองค์กรหลักของกระบวนการยุติธรรม ในการอำนวยความยุติธรรม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เพื่อป้องกันและควบคุมอาชญากรรม บำบัด แก้ไข ฟื้นฟูและสงเคราะห์ผู้กระทำผิด สนับสนุนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาระบบงานยุติธรรมและกฎหมายอย่างมีเอกภาพทันต่อสภาวการณ์และเป็นมาตรฐานสากล โดยยึดหลักความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในสังคมและมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งมีภารกิจในการดำเนินการเพื่อพัฒนากฎหมายและระบบการบริหารจัดการกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นเอกภาพ โปร่งใส คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ช่วยเหลือและให้ความรู้แก่ประชาชนทางด้านกฎหมาย


สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นผู้แทนกระทรวงยุติธรรมในการบริหารงานยุติธรรมจังหวัด มีหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ทั้งระบบอย่างรวดเร็วและเท่าเทียม รวมทั้งคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประชาชน ป้องกันและควบคุมอาชญากรรม ตลอดจนประสานความร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและนอกสังกัด กระทรวงยุติธรรมในระดับจังหวัดจึงเป็นศูนย์รวมในการบริหารที่เป็นเอกภาพ โดยนำแนวทางการบริหารงานแบบบูรณาการมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ นำภารกิจของทุกส่วนราชการมาบริหารร่วมกัน และมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการเป็นหน่วยบริการในพื้นที่ และรับผิดชอบงานด้านปฏิบัติการในการบริการประชาชน ตามแนวทางการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง อันมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุก และความเป็นอยู่ของประชาชน ความสงบ ความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักยุทธศาสตร์ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม นางสุขพรกล่าว



วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดสถานประกอบการ

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 53 ที่โรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดในสถานประกอบการจังหวัดภูเก็ต จัดโดยสำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ต โดยมีหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงแรงงานร่วมในพิธี โดยมีตัวแทนจากสถานประกอบการเข้าร่วมในการสัมมนาในครั้งนี้จำนวน 70 คน


ทั้งนี้นายสุทธิพงศ์ สายสาคเรศ แรงงานจังหวัดภูเก็ตได้กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดแม้จะทุเลาเบาบางไประยะหนึ่ง หลังการทำสงครามเพื่อเอาชนะยาเสพติดในปี พ.ศ.2546 แต่ในระหว่างปี 2549 – 2551 ปัญหายาเสพติดมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในกลุ่มพนักงานในสถานประกอบการ สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่สกัดกั้นมิให้ยาเสพติดแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในสถานประกอบการ ก็คือ “ผู้ประสานพลังแผ่นดินในสถานประกอบการ” โครงการนี้นับว่าเป็นกลไกสำคัญในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานประกอบการ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ให้ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการซึ่งจะสามารถทำให้ปัญหายาเสพติดทุเลาเบาบางหรือหมดสิ้นไปได้ ทางสำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ตจึงได้ดำเนินพัฒนาศักยภาพให้แก่ผู้ประสานพลังแผ่นดินในสถานประกอบการมาตลอด โดยการจัดอบรมให้กับแกนนำผู้ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดในสถานประกอบการ เพื่อให้ทราบกรอบทิศทางการดำเนินการที่ชัดเจน สามารถเฝ้าระวังจัดการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการของตนเองได้ และสามารถประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในโครงการนี้ทางสำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ตได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 8 เป็นเงินทั้งสิ้น 60,000 บาท


ด้านนายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้ให้ความสำคัญในการรณรงค์แก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ของจังหวัดโดยในปีงบประมาณ 2553 ได้จัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดถึง 7 ล้านบาท นอกเหนือจากงบประมาณที่ได้รับจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจำนวน 3 ล้านบาทในการแก้ไขปัญหายาเสพติด


สำหรับโครงการอบรมผู้ประสานพลังแผ่นดินในสถานประกอบการในครั้งนี้ จังหวัดภูเก็ตได้มอบหมายให้สำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ตดำเนินการจัดอบรม โดยหวังว่าผู้เข้าร่วมการอบรมตามโครงการจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ในสถานประกอบกิจการ ส่งเสริมและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการต่อไป

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

“สร้างครู สร้างเยาวชน สร้างสังคมภูเก็ต”

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 53 ที่ศูนย์สื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย มูลนิธิเพื่อการศึกษาของศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย จัดให้มีพิธีมอบทุนการศึกษา โครงการ “สร้างครู สร้างเยาวชน สร้างสังคมภูเก็ต” มีนายสกุล ณ นคร ประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาของศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย พร้อมด้วยคณะกรรมการดำเนินงาน ประกอบด้วยนายอิสสระ กิ่งแก้ว นายนิกร ธีระจามร อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และน.ส.สดศรี ตันสุธัญลักษณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยภูเก็ต ร่วมรับเงินทุนการศึกษาจำนวน 3 ทุนๆ ละ 600,000 บาท จากผู้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษา ซึ่งเป็นศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย มีแขกผู้มีเกียรติ คณะครูโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ผู้ปกครอง และนักเรียนที่ได้ทุนการศึกษาเข้าร่วมในพิธี

นายสกุล ณ นคร ประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาของศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย กล่าวว่า ในปีปัจจุบันมูลนิธิฯ และโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยได้พิจารณาและเกิดความตระหนักในวิกฤตการศึกษาของชาติ ที่เกิดจากการขาดแคลนครู ซึ่งกระทบต่อคุณภาพการศึกษาที่โรงเรียนได้ผลิตนักเรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง สู่สังคม โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ได้ก่อตั้งมามากกว่า 100 ปี ปัจจุบันจะมีครูอาวุโสที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการสอน จะเกษียณอายุราชการอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงเรียนขาดครูที่มีคุณภาพ และเชี่ยวชาญทางการสอน ถึงแม้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการจะจัดอัตรากำลังมาทดแทน โดยการโยกย้ายครูจากที่อื่น หรือบรรจุแต่งตั้งหรือครูอัตราจ้าง ซึ่งไม่เพียงพอ ปัจจุบันโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย มีครูอัตราจ้างประมาณ 20-30 คน ครูอัตราจ้างเหล่านี้ถึงแม้มีความตั้งใจในการปฏิบัติงาน แต่ต้องลาออกเมื่อมีแหล่งงานที่มั่นคงกว่า เพื่ออนาคตของเขาเอง ทำให้โรงเรียนเกิดปัญหาบุคลากร กลายเป็นสถานที่ฝึกประสบการณ์การสอนของครูที่เป็นครูอัตราจ้าง

จากปัญหาดังกล่าว มูลนิธิเพื่อการศึกษาของศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย ได้จัดทำโครงการ “สร้างครู สร้างเยาวชน สร้างสังคมภูเก็ต” ขึ้น เพื่อเริ่มต้นสร้างครูที่มีความมุ่งมั่น เป็นครูเก่ง ครูดี มีคุณภาพ ให้กับโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยในอนาคตต่อไป โครงการนี้เป็นการสร้างครูที่มีความรักศรัทธาในอาชีพครู เข้าศึกษาในสถาบันผลิตครูของรัฐบาล เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว กลับมาเป็นครูที่โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย โดยมูลนิธิฯ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ประมาณปีละ 120,000 บาทต่อคนต่อปี จนสำเร็จการศึกษาระยะเวลา 5 ปี รวมเป็นเงิน 600,000 บาทต่อคนต่อปี

ในปีการศึกษา 2553 มูลนิธิฯ ได้ประกาศรับสมัครนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดภูเก็ตเพื่อคัดเลือกให้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนในคณะคุรุศาสตร์ หรือศึกษาศาสตร์ระดับปริญญาตรีเพื่อกลับมาเป็นครูของโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ในปีนี้ มูลนิธิฯ ประกาศรับนักเรียนเพื่อขอรับทุนจำนวน 3 ทุน มีนักเรียนมาสมัคร จำนวน 8 คน กรรมการได้พิจารณารอบแรกได้ 5 คน และได้คัดเลือกนักเรียนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามวัตถุประสงค์จำนวน 2 คน คือ น.ส.กิ่งแก้ว ขอถาวรทรัพย์ เข้าศึกษาต่อในคณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี และนายประกาศิต พรหมพิริยพงศ์ เข้าศึกษาต่อในคณะคุรุ วิชาเอกสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จ.ภูเก็ต

นายสกุล กล่าวอีกว่า ในการรับทุนครั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธา นายมิชัย สวรรณดิษฐกุล นายธนิต รัตนกชัย และนายสมชาย ศิลปานนท์ ซึ่งผู้มีจิตศรัทธาทั้ง 3 ท่านเป็นชาวภูเก็ตโดยกำเนิด อีกทั้งเป็นศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย และเห็นความสำคัญในการสร้างครูที่มีคุณภาพตามโครงการ “สร้างครู สร้างเยาวชน สร้างสังคมภูเก็ต” โดยสนับสนุนเงินทุนๆ ละ 600,000 บาท จำนวน 3 ทุน รวมเป็นเงิน 1,800,000 บาท