จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จับเรือประมงลักลอบทำประมงอ่าวป่าตอง


นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการกระทำความผิดทางทะเล โดยเฉพาะในเขตห้ามทำการประมงอวนลาก 3,000 เมตร จากชายฝั่งทะเล ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมเรือประมงอวนลาก จำนวน 2 ลำ ได้แก่เรือบำรงไทยนาวา 18 และเรือบำรงไทยนาวา 19 พร้อมด้วยลูกเรือรวม 11 คน เป็นคนไทย 2 คน และชาวพม่า 9 คน ในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นอกจากนี้ยังได้ของกลางเป็นเครื่องมือประมงอวนลาก 1 ปาก และสัตว์น้ำเบญจพรรณ จำนวนประมาณ 70 กิโลกรัม ซึ่งมีสภาพเน่าเสีย โดยได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันลักลอบทำการประมงอวนลากคู่ประกอบเรือยนต์ในเขตห้ามทำการประมงอวนลาก 3,000 เมตร ท้องถิ่น ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2490 ตามมาตรา 32 (2) (4) และมาตรา 35 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 65,66,70 และ 71 ซึ่งในการจับผู้ต้องกาให้การรับสาภาพตลอดข้อกล่าวว่า
“การจับกุมดังกล่าวนั้นสืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีเรืออวนลากทำการประมงใกล้ชายฝั่งมีโอกาสจะลักลอบทำการประมงในเขตหวงห้ามตามกฎหมายจึงได้นำเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 105 ออกไปดักซุ่ม และพบเรือประมงอวนคู่ดังกล่าวกำลังทำการประมงบริเวณพื้นที่ด้านทิศใต้ของอ่าวป่าตอง อ.กะทู้ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบปรากฏว่าอยู่ในเขตห้ามทำการประมงอวนลาก บริเวณที่ละติจูด 07 องศา 52 ลิปดา 634 ฟิลิปดาเหนือ ลองติจูดที่ 98 องศา 15 ลิปดา 026 ฟิลิปดาตะวันออก ห่างจากฝั่งบริเวณทางด้านทิศใต้ของอ่าวป่าตองประมาณ 2,000 เมตร”
นายไพทูล กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังเรือประมงที่ทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการไปทำการประมงในเขตหวงห้ามอย่างต่อเนื่อง แต่การจับกุมนั้นก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากระยะนี้คลื่นลมค่อนข้างแรงบางครั้งมีความสูง 2-3 เมตร ประกอบเรือของเจ้าหน้าที่มีขนาดเล็ก จึงต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก และจะต้องใช้วิธีการดักซุ่ม ซึ่งกลุ่มที่ทำผิดนั้นก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ และเคยถูกจับกุมมาแล้ว

งานวันเกษตร อบต.เชิงทะเล


เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 บริเวณหลังห้างเทสโก้โลตัส สาขาเชิงทะเล นายวีรวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานเกษตร องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล จัดโดยกองส่งเสริมการเกษตรอบต.เชิงทะเล ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1 – 3 กรกฎาคม 54 โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายก อบต.เชิงทะเล หัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้นายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายก อบต.เชิงทะเล กล่าวว่า การจัดงานวันเกษตรกร อบต.เชิงทะเลนับเป็นครั้งที่ 7 แล้ว เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาชีพทางด้านการเกษตรของตำบลเชิงทะเล ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณของผลผลิตให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังได้นำแนวทางการประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่นำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว
นายมาโนช กล่าวอีกว่า พื้นที่ทำเกษตรของตำบลเชิงทะเลมีทั้งการทำนาและการทำสวนผลไม้ เช่น สวนลองกอง สวนทุเรียน สวนมังคุด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการทำสวนยางพารา และเกษตรกรกลุ่มเลี้ยงสัตว์ เช่น ควาย แพะ เป็ดเทศ เป็นต้น โดยในพื้นที่ตำบลเชิงทะเลยังมีประชากรที่ไม่เข้าสู่การประกอบธุรกิจท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และยังคงยึดมั่นในการทำการเกษตรซึ่งมีประมาณ 40 % ของพื้นที่
สำหรับกิจกรรมภายในงานมีการประกวดสัตว์เลี้ยงต่างๆ เช่น แพะ ควาย เป็ดเทศ เป็นต้น ประกวดผลิตผลทางการเกษตร เช่น สะตอ จำปาดะ กล้วย ทุเรียนพื้นบ้าน ส้มแขก มะพร้าวเป็นต้น การแข่งขันประกอบอาหารพื้นบ้าน การจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การแสดงดนตรีจากกลุ่มเยาวชนและศิลปินชื่อดัง

ตร.คืนเงินของกลางหลังตรวจยึดมา 5 วัน


เมื่อคืนวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 ที่ สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายประสงค์ ไตรรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999 ม.1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เข้าพบ พ.ต.ท.สมคิด สังข์ขาว พงส.(สบ.3) สภ.เชิงทะเล ช่วยราชการ สภ.ถลาง เพื่อรับเงินสดจำนวนจำนวน 542,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจนำโดย พ.ต.ท.สานิช หนูคง สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.ถลาง และ ร.ต.อ.ธีรเดช จิรักษา สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.ทุ่งทอง พร้อมกำลังกว่า 20 นาย นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ตเลขที่ 161/2554 เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายประสงค์ และยึดเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อไปตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือ โดยเหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในการคืนเงินสดจำนวนดังกล่าวให้กับนายประสงค์ เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้มีการประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.ภูเก็ต เพื่อหารือว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรกับเงินจำนวนดังกล่าวที่ชุดเฉพาะกิจตรวจยึดมา ซึ่งทาง กกต.แจ้งว่ามีหน้าที่ในการให้ใบเหลืองใบแดงเท่านั้นไม่สามารถที่จะยึดเงินไว้ได้ โดยให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน แต่ขอให้มีการบันทึกรายละเอียดของเงินดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย จากนั้นให้ผู้เสียหายตั้งตัวแทนทำการตรวจสอบเงินทั้งหมดและมีการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของเงินทั้งหมดไว้ จากนั้นก็ส่งมอบให้กับเจ้าทรัพย์
ขณะที่นายประสงค์ ไตรรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเงินของตนไปตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา และไม่ได้ทำอะไรเลย ติดต่อสอบถามไปก็ไม่ได้คำตอบ และการได้รับเงินนั้นก็มาจากการที่ตนประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความชัดเจน หลังจากนี้ก็จะได้ปรึกษากับผู้รู้เพื่อจะดำเนินการกับชุดที่เข้าทำการจับกุมต่อไป

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผญบ.พาราร้องขอพิสูจน์ลายนิ้วมือบนของกลาง


จากกรณีที่ถูกเจ้าหน้าชุดเฉพาะกิจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นบ้านพัก เลขที่ 10/1 หมู่ 4 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา และตรวจพบเงินสดจำนวน 69,500 บาท สำเนากระดาษรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พร้อมเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนจำนวน 157 ชื่อ บริเวณขนำเล้าไก่หลังบ้าน และถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า เตรียมการเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียง เลือกตั้งให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด
และในวันนี้ 1 กรกฎาคม 2554 ที่บริเวณอาคารโรงอาหารโรงเรียนบ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายจรัญ ท่อทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์และเรียกร้องความเป็นธรรม ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจพบ และไม่ทราบว่าสิ่งของดังกล่าวเข้ามาอยู่ในบริเวณบ้านของตนได้อย่างไร เพราะในการตรวจค้นนั้นตนก็ยินยอมให้เจ้าหน้าตรวจค้นตามความพอใจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งในการตรวจค้นภายในตัวบ้านก็ไม่พบอะไร ตนก็ยังมาไปตรวจค้นบริเวณรอบตัวบ้านจนมาเจอกับสิ่งของต่างๆ ที่ขนำเล้าไก่หลังบ้าน เนื่องจากบ้านตั้งอยู่ในสวนยางพารา และไม่มีรั้วรอบขอบชิด ประกอบกับตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน จึงมีผู้ที่มาพบและเข้าออกได้ตลอด จึงอาจจะมีผู้นำมาวางไว้เพื่อกลั่นแกล้งตน
“สำหรับตนพึ่งได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมาได้ประมาณ 3 เดือน ซึ่งค่อนข้างยังใหม่และขาดประสบการณ์ด้านการเมือง ส่วนตัวก็ไม่เคยคิดอาฆาตมาดร้ายใคร ด้วยยึดคำสั่งสอนขององค์อัลเลาะห์ที่ว่า การให้ที่สำคัญที่สุด คือ การให้อภัย และได้ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด จึงไม่คิดโทษว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ต้องการของความเป็นธรรมและพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบลายมือที่มีการจดบัญชีรายชื่อลูกบ้านด้วยว่าเป็นลายมือของใครกันแน่ เพราะตนเป็นคนถนัดมือซ้าย ดังนั้นน้ำหนักลายเส้นที่มีการเขียนก็จะแตกต่างจากผู้ที่ถนัดมือขวา รวมทั้งลายมือที่ของกลางด้วย ซึ่งตนก็ไม่ได้แตะต้องของกลาง”
นายจรัล กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐก็วางตัวเป็นกลางมาตลอด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองใด และพร้อมที่จะทำงานได้กับทุกพรรคการเมืองที่ได้รับเลือก และในส่วนของคนในครอบครัวก็ไม่มีใครเป็นหัวคะแนนเลย ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าว เพราะขณะนี้ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของตน ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

“วิสิษฐ์” พร้อมทำงานร่วมทุกฝ่าย

“วิสิษฐ์” พร้อมทำงานร่วมทุกฝ่าย
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เขต 1 จังหวัดภูเก็ต ถนนหลวงพ่อ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวิสิษฐ์ ใจอาจ ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 พรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวใช้ชื่อว่า “วิสิษฐ์พบสื่อมวลชน” โดยกล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะหาเสียงเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน ทำให้ได้รับทราบปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนที่มีถิ่นฐานอาศัยในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสามารถสรุปลำดับปัญหาและความต้องการที่อยากให้มีการแก้ไข ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาการจราจร ปัญหามลพิษ โดยเฉพาะน้ำเสีย และขยะล้นเมือง ปัญหาค่าครองชีพสูง รายได้ที่หาได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ปัญหาสาธารณูปโภคไม่เพียงพอ และยังไม่ได้มาตรฐานสากล ปัญหาสังคม ยาเสพติดแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น โจรผู้ร้ายชุกชุม ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวภูเก็ต และขาดประสิทธิภาพในการควบคุมแรงงานข้ามชาติ
แนวทางในการแก้ปัญหานั้น กรณีปัญหาจราจร จะผลักดันการก่อสร้างทางลอดบริเวณสี่แยกที่มีการจราจรคับคั่ง 2 จุดหลัก คือ สี่แยกโลตัสและสี่แยกไทยนาน ผลักดันการก่อสร้างถนนเส้นใหม่คู่ขนานถนนเทพกระษัตรี ลักษณะมอเตอร์เวย์ (ทางใต้แนวสายไฟแรงสูง) ผลักดันการก่อสร้างถนนเชื่อมตำบลฉลอง – ป่าตอง ผลักดันการก่อสร้างถนนยกระดับผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี ผลักดันการก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมตำบลกะทู้ – ป่าตอง และผลักดันโครงการขนส่งมวลชนที่เหมาะสมกับจังหวัดภูเก็ตให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่นรถไฟรางเบา
ส่วนปัญหาที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ จะเอาจริงกับการแก้ปัญหาขยะให้ครอบคลุมถึงอนาคตอย่างน้อย 10 ปี
และแก้ปัญหาน้ำเสียของเกาะภูเก็ต ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่, ปัญหาค่าครองชีพสูง โดยเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ผู้สำเร็จปริญญาตรีมีเงินเดือนเบื้องต้น 15,000 บาทต่อเดือน ผลักดันโครงการปรับปรุงเมืองเก่าภูเก็ตเป็นเมืองมรดกโลก โดยร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระดับสากล และผลักดันให้ภูเก็ตเป็นศูนย์ส่งออกผลิตภัณฑ์โอทอป
ด้านปัญหาสาธารณูปโภคไม่เพียงพอ และไม่ได้มาตรฐาน จะทำการผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของชาวภูเก็ต ลดขั้นตอนการทำงานตามระบบราชการปกติสามารถปฏิบัติได้ในระดับพื้นที่ ขณะที่ปัญหายาเสพติดและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะทำสงครามกับยาเสพติดให้เห็นผลชัดเจนใน 1 ปี เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยให้เหมาะสมกับจำนวนประชากรที่แท้จริง และจัดตั้งอุปกรณ์เฝ้าระวัง อาทิ cctv ให้ครอบคลุมทั้งระบบ เป็นต้น รวมทั้งทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, โรงเรียน และองค์กรอื่นๆ เพื่อจัดหาลานกีฬา, ศิลปะ, ดนตรี เพิ่มขึ้น เพื่อดึงเยาวชนให้ห่างไกลปัญหายาเสพติด
ทั้งหมดนี้บางเรื่องเชื่อว่าสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลา 4 ปี ขณะที่บางเรื่องอาจต้องใช้เวลามากกว่า 4 ปี แต่ทั้งนี้ต้องมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้นายวิสิษฐ์ กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า จะทำงานภายใต้การมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ราชการส่วนภูมิภาค, ราชการส่วนกลาง, องค์กรเอกชน และองค์กรประชาชนเพื่อให้การทำงานราบรื่นและก่อเกิดความสามัคคี เข้าใจกัน อันเป็นเรื่องสำคัญของสังคมภูเก็ต

“อัญชลี” ใช้ขบวนรถหาเสียงโค้งสุดท้าย


เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 54 ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดภูเก็ต ได้มีการจัดขบวนรถออกหาเสียงในเขตเทศบาลเมืองภูเก็ต โดยขบวนรถหาเสียงทั้งรถมอเตอร์และรถยนต์ เพื่อขอคะแนนเสียงจากชาวบ้านในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้
โอกาสนี้นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า จากการลงพื้นที่พบปะกับประชาชนชาวภูเก็ต ภาคเอกชน และสถานศึกษา รวมถึงการจัดเวทีปราศรัยเป็นระยะๆ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจในนโยบายและผลงานในช่วงที่ได้เข้าเป็นรัฐบาลและบริหารประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงมั่นใจว่าจะยังคงได้รับความไว้วางใจจากชาวภูเก็ตเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสองเขตเลือกตั้ง เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
“จากที่ได้ทำงานทางการเมืองมาเป็นเวลานาน พบว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งมักจะมีการโจมตีในลักษณะต่างๆ ซึ่งเป็นเช่นนี้มาทุกยุคทุกสมัย ด้วยการหยิบจุดอ่อนของคู่แข่งมาบิดเบือนความจริง ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการออกใบปลิวมาใส่ร้ายตนว่ามีปัญหากับนายเรวัต ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 2 และกลุ่มเพื่อนนายเรวัต ซึ่งก็ได้ออกมาแถลงข่าวข้อเท็จจริงไปแล้ว คิดว่าการกระทำดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของประชาชน”
อย่างไรก็ตามนางอัญชลี กล่าวยอมรับว่า การแข่งขันทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้รุนแรงกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งเข้าไปในทุกจุด แบบไม่อายฟ้าอายดิน จับไม่มั่นคั้นไม่ตาย ทางเจ้าหน้าที่ต้องจับผีใส่หม้ออยู่เรื่อยๆ แต่ชาวบ้านก็ได้บอกว่ากินเหยื่อไม่กินเบ็ด เพราะครั้งนี้พวกเขาเลือกส.ส.เพื่อไปทำหน้าที่เลือกคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเลือกอนาคตของประเทศไทย

พิธีสถาปนานายกสโมสรโรตารี


เมื่อคืนวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ที่ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานเปิดงานฉลองพิธีสถาปนา นายกและคณะกรรมการบริหารสโมสรโรตารี 6 สโมสร ภาค 3330 โรตารีสากล ปีบริหาร 2554 – 2555 ประกอบด้วย สโมสรโรตารีภูเก็ต ทุ่งคา อันดามัน ป่าตองบีช จังซีลอน และภูเก็ตเซ้าท์ โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต แขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานจำนวนกว่า 1,000 คน
สำหรับงานฉลองในครั้งนี้ จะเป็นการแนะนำนายกและคณะกรรมการชุดใหม่ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผลงานของแต่ละสโมสรในปีบริหารที่ผ่านมา โดยวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสิ้นสุดการทำงานของนายกและคณะกรรมการชุดเก่า และเป็นการเริ่มการทำงานชุดใหม่ ซึ่งได้แก่ นย.กิตติพงศ์ องค์วิมลการ นายกสโมสรโรตารีภูเก็ต นย.วีระ หริจันทนะวงศ์ นายกสโมสรโรตารีทุ่งคา นย.ณรัน โกยสมบูรณ์ นายกสโมสรโรตารีอันดามัน นย.ภูวไนย วรรณมะกอก นายกสโมสรโรตารีป่าตองบีช นย.มณีรัตน์ บุญพีรพัฒน์ นายกสโมสรโรตารีจังซีลอน และ นย.สุชนา เฉลิมเติม นายกสโมสรโรตารีภูเก็ตเซ้าท์

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ผู้สมัคร ภท.เขต 2 ขอความเป็นธรรมจากผู้ว่า

 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายจิรายุส ทรงยศ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดภูเก็ต เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต (นายตรี อัครเดชา) ผ่านทางนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เรื่อง ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วยความเป็นธรรมและเสมอภาค โดยมีนายประสงค์ ไตรรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และผู้ให้การสนับสนุนมาให้กำลังใจ พร้อมเรียกร้องอย่ารังแกประชาชน
สำหรับเนื้อหาของจดหมายเปิดผนึก มีใจความว่า ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งขณะนี้คงเหลือระยะเวลาให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรณรงค์หาเสียงเพียง 3 วัน นั้น ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ตนมีความประสงค์ไม่ต่างจากประชาชนโดยทั่วไปต้องการเห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์เที่ยงธรรม ประชาชนทั่วไปสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการรณรงค์สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่ตนสนับสนุน เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนราษฎรที่แท้จริง คือ เป็นผู้เสียสละสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตรงตามหน้าที่และสมศักดิ์ศรี อันจะนำไปสู่รัฐบาลที่มีคุณภาพเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งต่อการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดและเสมอภาคต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.และประชาชนทั่วไปเพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมบนพื้นฐานของความสุขุม รอบคอบ และความสุจริตใจไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลหรือเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่บรรยากาศการเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดภูเก็ต เขตเลือกตั้งที่ 2 ในช่วงระยะเวลา 3-4 วันที่ผ่านมามิได้เป็นเช่นนั้น เพราะปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดภูเก็ตได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ โดยปิดล้อมบ้านของประชาชนที่ช่วยรณรงค์สนับสนุนตน และเข้าตรวจค้นบ้านในยามวิกาล โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทั้งที่บุคคลเหล่านั้นมิได้กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่อย่างใด
พฤติการณ์ดังกล่าว จึงไม่น่าถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม แต่ส่อแสดงให้เข้าใจว่าเป็นการข่มขู่ให้ประชาชนผู้สนับสนุนผู้สมัครฯ หวาดกลัวไม่อาจใช้สิทธิเสรีภาพของตนได้ และเกิดการได้ประโยชน์เสียประโยชน์แก่ผู้สมัครฯ ไม่ว่าฝ่ายใด และไม่แน่ใจว่าจะเกิดการยัดเยียดพยานหลักฐานเท็จ เพื่อหาเหตุจับกุมดำเนินคดีสร้างสถานการณ์ให้มีผลต่อเนื่องไปถึงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของผู้สมัครฯ ที่เขาให้การสนับสนุน และมีผลต่อการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วย

ในฐานะที่ผู้ว่าฯ เป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่รัฐ และในฐานะประธาน กกต.ภูเก็ต ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวอ้างว่าปฏิบัติการดังกล่าวทำตามคำสั่ง โปรดแสดงความรับผิดชอบต่อพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น และใช้ดุลยพินิจตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองและพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนำเสนอด้วยความสุขุมรอบคอบในการสั่งการหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพื่อให้เกิดความเที่ยงธรรมแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทุกฝ่าย

นอกจากนี้ขอวิงวอนให้กำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดภูเก็ตให้บริหารการเลือกตั้งบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ อย่างเสมอภาค ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลหรืออามิสของนักการเมืองและพรรคการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรม รวมทั้งขอให้กำชับพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่พรรคการเมือง และหัวคะแนนรณรงค์หาเสียงในกรอบของกฎหมายตามครรลองระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช้อำนาจครอบงำเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งที่ขาวสะอาด

อย่างไรก็ตามนายจิรายุส กล่าวกล่าวภายหลังยื่นจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรมไม่แบ่งพรรคแบ่งฝ่าย และอย่าลิดรอนสิทธิของประชาชนในการให้การสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่ง เพราะในอดีตที่ผ่านมาเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นกับการเลือกตั้งใดๆ ในภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นการตรวจค้นยามวิกาล การตรวจค้นคนกลับจากกรีดยางพารา ทำให้ผู้สนับสนุนตนหลายคนต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว และขณะนี้มีชาวบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่ต่ำกว่า 5 คนแล้ว

ภ.8 ติดตามเผ้าระวังเลือกตั้ง ส.ส. เป็นพิเศษ


พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวที่ จ.ภูเก็ต เกี่ยวกับการติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งในพื้นที่รับผิดชอบว่า ยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่ชัดเจน แม้ว่าล่าสุดในส่วนของพื้นที่ จ.ภูเก็ต จะมีการจับกุมผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง พร้อมด้วยเงินสด และบัญชีรายชื่อของประชาชน แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งหรือไม่อย่างไร ส่วนพื้นที่อื่นๆ ยังไม่มีรายงาน แต่ก็ไม่ประมาทได้มีการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่คุ้มกันเพิ่มเติม
ส่วนกรณีที่ทางชุดเฉพาะกิจลงไปตรวจสอบหรือตรวจค้นบ้านเรือนหรือบุคคลต้องสงสัยนั้น พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวว่า เป็นการดำเนินการไปตามที่มีการแจ้งเบาะแสหรือมีการพิสูจน์ทราบข้อมูลตามที่ได้รับมา ซึ่งก็เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ซึ่งตนก็ได้เน้นย้ำไปแล้วในคราวมาให้นโยบายกับผู้ใต้บังคับบัญชาโดยขอให้ดำเนินการอย่างเป็นธรรม
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของหวยผู้แทนซึ่งมีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจากการลงพื้นที่ของชุดเฉพาะกิจในระดับจังหวัดและในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ก็ยังไม่พบความผิดปกติ มีเพียงการจับผู้ต้องหาในคดีสลากกินรวบจำนวนหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหวยผู้แทน ซึ่งในการดำเนินการทุกอย่างนั้นจะมีกระบวนการพิสูจน์ทราบ ซึ่งรวมไปถึงในเรื่องของการเข้ามาของกลุ่มมือปืนต่างๆ

ทำลายของกลางคดีสินสุด 95,038 ชิ้น


เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ที่บริเวณโรงเตาเผาขยะ จ.ภูเก็ต นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นประธานในพิธีประชาสัมพันธ์และทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว โดยมีนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นายสมบูรณ์ เฉยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 (ด่านศุลกากรกันตัง ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ด่านศุลกากรสะเดา ด่านศุลกากรภูเก็ตและด่านศุลกากรสงขลา) กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต และภาคเอกชนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เข้าร่วม
ทั้งนี้มีของกลางที่ทำลายจำนวน 95,038 ชิ้น อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า น้ำหอม แผ่นดีวีดี เป็นต้น น้ำหนักประมาณ 25 ตัน มูลค่ากว่า 58 ล้านบาท โดยเป็นของกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จำนวน 27,677 ชิ้น ของกลางจากกรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 จำนวน 63,236 ชิ้น และของกลางจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 4,125 ชิ้น โดยใช้ค้อนทุบทำลายของกลางและกรีดกระเป๋าของปลอมจากนั้นทำลายด้วนรถบด และนำเข้าเตาเผา นอกจากนี้ยังมีการมอบป้ายหยุดละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้กับด่านศุลกากรภูเก็ต ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ยังได้มีการเดินรณรงค์ต่อต้านสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่บริเวณอ่าวนาง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ (พื้นที่สีแดง) เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ซื้อ ไม่ใช้และไม่ขายของปลอม
นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า การปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ถือเป็นนโยบายที่สำคัญยิ่งของรัฐบาลในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้สร้างสรรค์ นักลงทุนและผู้ประกอบการค้า ตลอดจนคุ้มครองเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญามิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบทางการค้า คุ้มครองผู้บริโภคมิให้ถูกหลอกลวง สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และป้องกันมิให้ต่างชาติหยิบยกปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามาเป็นประเด็นต่อรองหรือกีดกันทางการค้า
“ทรัพย์สินทางปัญญาเปรียบเสมือนยาดำที่แทรกอยู่ในทุกกิจกรรมและมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบาย Creative Economy หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันให้เป็นทิศทางหลักในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้รัฐบาลได้เริ่มต้นประกาศแนวนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยได้แถลงพันธะสัญญาของรัฐบาล 12 ข้อ ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อวางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จากร้อยละ 12 ของผลผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ เป็นร้อยละ 20 ภายในปี 2555”
นางปัจฉิมา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หน่วยงานป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (IP Agents) อันได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งผลการปฏิบัติการปราบปรามในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ.2554 (ต.ค.53-เม.ย.54) มีผลการจับกุมรวม 4,769 คดี เป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4,502คดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ 18 คดี และกรมศุลกากร 249 คดี ยึดของกลางได้รวม 3,418,614 ชิ้น นอกจากนี้จากการประชุมคณะทำงานสืบสวนและปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2554 มีมติส่วนหนึ่ง คือ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มข้น ทั้งในส่วนของการนำเข้า ส่งออก การผลิต การจำหน่าย รวมถึงการสืบสวนขยายผลให้ผู้ที่เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังด้วย
ในส่วนของการรณรงค์ปลุกจิตสำนึก กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมศุลกากร ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และกระตุ้นเตือนประชาชนไม่ซื้อ ไม่ใช้และไม่ขายของปลอมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมในโรงเรียน การแจกเอกสารให้ความรู้ให้แก่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติในบริเวณด่านศุลกากรที่สำคัญ เช่น ด่านศุลกากรอรัญประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีโครงการรณรงค์ปลูกจิตสำนึก ซึ่งกรมฯ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ถ้อยคำของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ว่า“หยุดละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มึงเจริญ ชาติเจริญ” ในรูปแบบของเสื้อ โปสการ์ด และบิลบอร์ด เพื่อขยายผลการประชาสัมพันธ์ให้ออกไปในวงกว้างขึ้นด้วย นางปัจฉิมา กล่าว

ฉก.กกต.ภูเก็ตบุกค้นบ้านพักผู้ใหญ่บ้านพารา


ฉก.กกต.ภูเก็ตบุกค้นบ้านพักผู้ใหญ่บ้านพารา
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก.สภ.ถลาง พ.ต.ท.พิศิษฐ์ ชื่นเพ็ชร รอง.ผกก.สส.สภ.ถลาง ร่วมกันสอบปากคำนายจรัญ ท่อทิพย์ อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง อยู่บ้านเลขที่ 10/1 หมู่ 4 ต.ป่าคลอก หลังถูกชุดเฉพาะกิจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.ภูเก็ต ภายหลัง ร.ต.อ.ธีรเดช จิรักษา สว.สส.สภ.ทุ่งทอง หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปราม ชุดเคลื่อนที่เร็ว กกต.ภูเก็ต ซึ่งได้นำกำลังพร้อมหมายค้นจากศาล จ.ภูเก็ต เลขที่ 166/2554 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 10/1 หมู่ 4 บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เมื่อเวลา 06.30 น.วันเดียวกัน
จากการตรวจค้นขนำ ด้านหลังบ้านพักดังกล่าว พบเงินสดจำนวน 69,500 บาท สำเนากระดาษรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พร้อมเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนจำนวน 157 ชื่อ บรรจุอยู่ในซองกระดาษสีน้ำตาล และห่อด้วยเสื้อกันฝนสีส้ม วางอยู่บนเก้าอี้เอนไม้ระแนงภายในโรงเก็บของของบ้านดังกล่าว โดยมีบัตรแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) ในเขตเลือกตั้งที่ 2 อีกจำนวนหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสซุกซ่อนอยู่ใต้กระทะเหล็กบนชั้นวางของขนำดังกล่าว
ขณะที่นายจรัญ ท่อทิพย์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเงินและเอกสารที่พบดังกล่าว ไม่ทราบว่ามีผู้ใดนำมาวางไว้ เนื่องจากบ้านของตนเป็นบ้านตั้งอยู่เดี่ยวๆ ไม่มีรั้วรอบขอบชิด คนสามารถเข้า-ออกได้สะดวก ซึ่งตนนั้นเพิ่งได้รับเลือกเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ได้ไม่นาน และยังไร้ประสบการณ์ จึงอาจจะมีคนไม่ชอบ และยังไร้ประสบการณ์จึงถูกกลั่นแกล้งได้ จากนั้นก็ได้ใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านพร้อมหลักทรัพย์อีกจำนวนหนึ่งยื่นประกันตัวไป
ด้านพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบหลักฐานซึ่งเป็นรายชื่อของลูกบ้านพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของลูกบ้านในเขตรับผิดชอบของนายจรัญ ประกอบกับเบาะแสที่มีการสืบทราบว่า นายจรัญเป็นหัวคะแนนให้กับผู้สมัครรายหนึ่ง จึงส่อว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จึงได้ทำการตรวจค้นและพบหลักฐานดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสำหรับนายจรัญ ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากยังต้องสอบสวนเพิ่มเติม และตำรวจให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และยืนยันว่าจะไม่หลบหนีไปไหน และในชั้นจับกุมก็ได้ให้การปฎิเสธ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เตรียมการเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียง เลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด

เอฟซี ภูเก็ต 2 - บีบีซียู เอฟซี 1


 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 54 ที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต ทีมกิเลนทะเลใต้ เอฟซี ภูเก็ต ทีมอันดับ 9 ของตารางศึกดิวิชั่น 1 ให้การต้อนรับการมาเยือนของทีม เสือสามย่าน บีบีซียู เอฟซี ทีมรองจ่าฝูงของตารางคะแนน ในการแข่งขันฟุตบอลในศึกโตโยต้า ลีก คัพ รอบ 32 ทีม ที่ผ่านมาในศึกดิวิชั่น 1 ทั้ง 2 ทีม เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ประธานสโมสรเอฟซีภูเก็ต นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต รองประธานสโมสรเอฟซีภูเก็ต และกองเชียร์ร่วมเข้าชมการแข่งขันจำนวนมาก
เริ่มเกมส์ ทั้งสองทีมต่างก็เล่นแบบระวังตัว ไม่ให้เสียประตูก่อน จนกระทั่งในนาทีที่ 15 แฟนบอลของกิเลนทะเลใต้ก็ได้เฮ เมื่อ นิรันดร์ พันทอง กองกลางตัดบอลมาได้จากกลางสนาม แล้วไหลบอลต่อให้กับ นิธิโรจน์ โสขุมา ฝั่งซ้าย เปิดบอลไปหน้าประตู ให้ โคเน่ อดาม่า ที่วิ่งขึ้นมาแปที่เสาสองตุงตาข่ายเข้าประตูไป ทำให้ ทีมกิเลนทะเลใต้ นำ บีบีซียู เอฟซี ไปก่อน 1 – 0 เวลาที่เหลือทั้ง 2 ทีม ทำอะไรไม่ได้ หมดครึ่งแรก เป็นทางด้านเจ้าบ้านเ อฟซี ภูเก็ตออกนำบีบีซียู เอฟซีทีมเยือนไปก่อน 1 – 0
เริ่มครึ่งหลัง ทีมเยือนที่แก้เกมมาได้ดี ในนาทีที่ 62 กองเชียร์ บีบีซียู ได้เฮบ้าง เมื่อ จัสติน ปริ๊นซ์ ได้บอลบริเวณกลางสนามแล้วไหลบอลต่อให้ อดิศักดิ์ กานู ที่วิ่งเติมมาทางฝั่งขวา แล้วเปิดเรียดมาหน้าประตู โดยมี มาริค ที่วิ่งสอดมาแป เข้าประตูไป ทำให้ทั้งสองทีม เสมอกันที่ 1 – 1
จนกระทั่งหมดเวลา ทั้งสองทีมไม่สามารถเพิ่มสกอร์ได้ เสมอกันไป 1 – 1 ทำให้ต้องต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที ช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีมต่างเปิดเกมบุกเข้าใส่กันทันที แต่ก็ยังไม่มีทีมไหนที่ได้จังหวะลุ้นประตูและในนาทีที่ 107 ทีมเยือนบีบีซียู เอฟซี ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน จากจังหวะที่ มาริก เข้าสกัดบอลช้ากลายเป็นไปรวบขาของ กรพรหม จรูญพงศ์ ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงต้องออกจากสนามไป
หลังจากนั้นเจ้าบ้าน เอฟซี ภูเก็ตก็น่าจะมาได้ประตูชัย เมื่อ ยีน มาร์ค ประตูทีมเยือน ทำผิดกติกาโดยการรับลูกได้โดยสมบูรณ์แต่กลับมารับบอลอีกครั้งทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกฟรีคิกสองจังหวะในกรอบเขตโทษ และเป็น นิรันดร์ พันทอง ที่รับหน้าที่ยิงลูกนี้ เต็มข้อ แต่บอลไปโดนแขนของ วัฒนศัพท์ เจริญศรี ผู้ตัดสินเลยเป่าเป็นลูกจุดโทษทันที และเจ้าตัวก็ได้ใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้สถานการณ์ของทีมเยือน บีบีซียู ยิ่งแย่เข้าไปอีก และ เนเนบี้ เป็นผู้รับหน้าที่ในการสังหารจุดโทษ ลูกนี้เข้าประตูไปไม่พลาด ในนาทีที่ 114 ของเกมต่อเวลาพิเศษ จากนั้นเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำสกอร์เพิ่มกันได้อีก จบเกม “กิเลนทะเลใต้” เอฟซี ภูเก็ต ชนะ “เสือสามย่าน” บีบีซียู เอฟซีไปได้ 2 – 1 ผ่านเข้าไปเล่นรอบต่อไป