จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

รวบยาบ้าและยาไอซ์มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท


เมื่อวันที่ 30 เมษายน 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.ชำนาญ แป้นนาบอน รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายอร่าม อ้อแย้ม อายุ 48 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 2,000 เม็ด, ยาไอซ์ ชนิดเกร็ด จำนวน 197.14 กรัม, รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บจ 4329 ระนอง โทรศัพท์มือถือ ในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า ด้วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมือง ภูเก็ต ได้จับกุมนางสาวพิชญา สุทธิเกียรติสุข อายุ 22 ปี พร้อมด้วยยาไอซ์ จำนวน 4.4 กรัมต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขยายผลจับกุมนายจำนง ชุมพลับ อายุ 38 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 10 เม็ด และจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ก็ทราบว่า นายจำนง ได้สั่งยาบ้ามาจากนายภาพ ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้นายจำนง โทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้า และยาไอซ์จำนวนดังกล่าวข้างต้น

จากนั้นก็ได้มีการนัดหมายรับส่งของกันที่ห้างแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อมีการนัดหมายที่รับส่งของแล้ว เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงพื้นที่เพื่อที่จะวางจุดเข้าจับกุม และเมื่อถึงเวลา ก็ได้มีรถยนต์หมายเลขทะเบียนดังกล่าวเข้ามาที่จุดนัดหมาย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงตัว พร้อมทั้งขอตรวจค้นภายในรถ และจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบยาบ้า จำนวน 2,000 เม็ด, ยาไอซ์ ชนิดเกร็ด จำนวน 197.14 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาทำการสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบสวนก็ทราบว่า นายอร่าม มีอาชีพทำสวนทุเรียน ได้รับการว่าจ้างให้มาส่งสิ่งของที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีค่าจ้างจำนวน 20,000 บาท จากนั้นก็ได้ยืมรถยนต์กระบะของญาติเพื่อมาส่งของ โดยได้มีการโทรศัพท์นัดหมายมารับสิ่งของตามที่นัดหมายจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม

สำหรับจำนวนของยาไอซ์ที่ทางเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในครั้งนี้ เป็นจำนวนมาที่สุดที่ทางเจ้าหน้าที่เคยจับกุมมา และมีมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท ส่วนยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด มีมูลค่าประมาณมูลค่าของยาเสพติดในครั้งมีมูลค่า 7 แสนบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

ท่าอากาศยานภูเก็ตปรับปรุงครั้งใหญ่


เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 ที่ท่าอากาศยานจังหวัดภูเก็ต นายธีรพล นพรัมภา พร้อมด้วยคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานภูเก็ต จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ผู้กำกับดูแลและบริหารงานท่าอากาศยานนานาชาติทั้งหมด 6 แห่งประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)



สำหรับท่าอากาศภูเก็ตนั้น เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางทอท.จึงได้มีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต และในขณะนี้ก็ได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความแออัดของผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยคาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2554นี้ ปัจจุบันมีผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ ทภก.เพิ่มมากขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2554 (ตุลาคม 2553 – มีนาคม 2554) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่ผ่านมา มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.94 จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.91 และมีสายการบินใช้บริการจำนวน 36 สายการบิน แบ่งเป็นสายการบินที่ให้บริการประจำ 31 สายการบิน และสายการบินเช่าเหมาลำจำนวน 5 สายการบิน มีเส้นทางการบิน 60 เมือง ใน 23 ประเทศ

ดังนั้น ทอท.จึงได้ดำเนินการปรับปรุง ทภก. เพื่อลดความแออัดของผู้โดยสารและเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก โดยการปรับปรุงพื้นที่อาคารผู้โดยสาร เช่น การปรับปรุงพื้นที่สำหรับห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ที่เป็น Bus Gate การปรับปรุงชานชาลา ห้องโถงผู้โดยสารขาออก บริเวณชั้น 1 และ 2 และการปรับปรุงห้องสูบบุหรี่ห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ การปรับเปลี่ยนและเพิ่มเก้าอี้พักคอยผู้โดยสาร บริเวณพื้นที่โถงขาออก การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ระบบสายพานรับ – ส่งกระเป๋า สะพานเทียบเครื่องบินและระบบไฟนำจอดอากาศยาน (Docking Guidance Sign) ระบบตรวจวัตถุแบบเดินผ่าน (Walk though) ระบบกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัย (CCTV) การปรับเปลี่ยนสุขภัณฑ์ ตลอดจนมีการพิจารณาการใช้หลุมจอดอากาศยานและ Check In Counter

รวบมือฆ่าทิ้งข้างถนนในสวนยางแล้ว


เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 ที่ห้องประชุมสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.วิฑูลย์ กองสุดใจ ผกก.สภ.ถลาง ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายอภิรักษ์ แซ่เอี๋ยว อายุ 23 ปี นายบูม นามสมมุติ อายุ 16 ปี และนายโย นามสมมุติ อายุ 16 ปี พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือ และท่อเหล็กทรงกระบอกซึ่งเป็นส่วนประกอบของอาวุธปืนที่ประกอบขึ้นเอง 1 ทอน โดยกล่าวหาว่า ได้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนและอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตได้กล่าวว่า ด้วยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า นายธวัชชัย เมลานนท์ อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/2 หมู่ 5 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ถูกทำร้ายร่างกายจนกระทั่งเสียชีวิต และถูกนำศพไปทิ้งไว้ข้างถนนบ้านในหม่อน ม.8 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ภูเก็ต โดยมีโทรศัพท์มือถือหายไป 1 เครื่อง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่สืบสวนได้ออกติดตาม และหาข่าว ซึ่งจากการสอบสวนบุคคลรอบข้างของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายได้ออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2554 ด้วยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีม่วง ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ของนายอภิรักษ์ ที่ผู้ตายยืมมา

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามตัวนายอภิรักษ์ จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2554 จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมจนสามารถจับกุมตัวนายบูม และนายโย และจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ก็ได้ให้การรับสารภาพว่า ในวันที่ 19 มีนาคม 2554 ผู้ตายได้ยืมรถจักรยานยนต์ เพื่อกลับไปที่บ้าน จากนั้นก็ได้ออกจากบ้านมารับเพื่อออกไปเที่ยว โดยมีนายบูม และนายโย ได้ขับรถจักรยานยนต์ตามมาอีกคันด้วย เมื่อขับมาได้ระหว่างทางหรือจุดเกิดเหตุ ก็ได้มีการทวงเงินที่ผู้ตายค้างอยู่เป็นเงินจำนวน 5,000 บาท แต่ผู้ตายไม่ยอมจ่าย โดยบอกว่ายังไม่มีเงิน ทำให้นายอภิรักษ์ เกิดความโกรธแค้น นายอภิรักษ์ ก็ได้ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ชับโพง) ยิงผู้ตาย 1 นัด แต่ปืนไม่ลั่น นายอภิรักษ์พร้อมด้วยนายบูม ก็ได้ร่วมกันใช้เหล็กขูดชาร์ปแทงผู้ตายจนกระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว แล้วเอาไปทิ้งไว้ข้างถนนจนกมีผู้มาพบเห็นและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สอบสวนและจับกุมตัวได้ดังกล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

แนะภูเก็ตยกระดับเป็นเมืองหลวงการท่องเที่ยวอาเซียน


เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2554 ที่ห้องพระทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง “คนภูเก็ตจะเตรียมตัวอย่างไรกับการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งทางกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต และมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ตจัดขึ้นเพื่อสร้างความองค์ความรู้ และสร้างความพร้อมให้กับประชาชน ภาคราชการ ภาควิสาหกิจ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต มีความเข้าใจ เรื่องการค้าเสรีอาเซียน และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 หรือในปี 2558 โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังประมาณ 300 คน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2558 นี้ หรือปี 2015 อาเซียนจะเป็นหนึ่งเดียวทั้งในเรื่องของการตลาด ฐานการผลิตสินค้าและบริการ การค้าและการลงทุนในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีความสำคัญ และเกิดประโยชน์กับประเทศไทยและประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนด้วยกันเป็นอย่างมาก ปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะประเทศไทยมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ขณะนี้ไทยมีคู่ค้าอันดับหนึ่งที่เป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้งนี้รัฐบาลได้ดำเนินการที่จะให้มีการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนเพิ่มสูงขึ้น

“การเตรียมความพร้อมของภูเก็ตในการใช้ประโยชน์จากการเปิดการค้าเสรีและประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปี 8 เดือนข้างหน้านั้น จะต้องยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้เป็นเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวของอาเซียน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การขยายฐานนักท่องเที่ยวและการลงทุนด้านการท่องเที่ยวจากไทยไปสู่อาเซียนให้มากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการและประชาชนจะต้องมีการศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามข้อตกลงการค้า บริการ การลงทุน และการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีองค์ความรู้ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศอาเซียนให้ได้ ขณะนี้รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มีการขับเคลื่อนการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อมารองรับในรูปแบบสถาบันผู้ประกอบการหรือ Businees Club ในทุกสาขากิจการ”

นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้นจะต้องมีการจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจระดับจังหวัด ด้วยการกำหนดตำแหน่งของภูเก็ต เพื่อรองรับการเปิดการค้าเสรีและประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อเชื่อมภูเก็ตกับประเทศทั่วโลกโดยใช้ฐานการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น เช่น เชื่อมโยงกับกลุ่มในประเทศรอบๆ อ่าวเบงกอล ด้วยการดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่ภูเก็ต เพราะเป็นกลุ่มประเทศที่มีประชากรสูงเป็น 1 ใน 4 ของโลก และจะทำให้ภูเก็ตเป็นเกตเวย์ทางด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนและของโลกต่อไป รวมไปถึงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่มารองรับด้วย ดังนั้นจึงต้องมีทั้งความกล้า เก่ง แกร่ง และเป็นผู้นำ

อย่างไรก็ตามนายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของผู้ประกอบการเองจะต้องมีการปรับตัวเพื่อที่จะรองรับการเปิดการค้าเสรีและการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในระยะเวลาอันใกล้นี้ ด้วยการทำตลาดในเชิงรุกและมองตลาดให้กว้างขึ้น โดยการมองให้ครอบคลุมทั้งอาเซียนซึ่งมีจำนวนประชากรกว่า 590 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดที่กว้างและมีโอกาสค่อนข้างมาก แทนที่จะมองเฉพาะภูเก็ตและประเทศไทยเท่านั้น นอกจากนี้จะต้องมีการทำตลาดในเชิงรุกและกว้างขึ้น รวมทั้งจะต้องพัฒนาสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ด้วย

ท้องถิ่นไทย รวมใจภักดิ์ รักษ์พื้นที่สีเขียว


เมื่อวันที่ 28 เมษายน 54 ที่บริเวณสวนสาธารณะสะพานหิน (เลในเมือง) ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ภูเก็ต นายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ท้องถิ่นไทย รวมใจภักดิ์ รักษ์พื้นที่สีเขียว” ซึ่งเป็นกิจกรรมปลูกต้นไม้ เพื่อร่วมถวายเป็นราชสักการะ ในวโรกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเฉลิมพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 โดยมีสมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกอง หัวหน้าส่วน พนักงานเทศบาลและประชาชนทั่วไป ร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้นายถาวร ได้กล่าวว่า ด้วยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าได้จัดทำโครงการ “ท้องถิ่นไทย รวมใจภักดิ์ รักษ์พื้นที่สีเขียว” เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนสร้างเมืองน่าอยู่ สวยงาม (Beautified City) โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 30 พฤศจิกายน 2554 รวมทั้งในปี 2554 เป็นปีมหามงคล และร่วมถวายเป็นราชสักการะในวโรกาสมหามงคล เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเฉลิมพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา โดยดำเนินการก่อสร้าง ขยายพื้นที่หรือปรับปรุงสวนสาธารณะ รวมทั้งจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้โดยพร้อมเพรียงกัน

ดังนั้นเทศบาลนครภูเก็ต จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ประกอบด้วย ต้นสนทะเลและต้นจิกทะเลขึ้น ในบริเวณเลในเมือง สวนสาธารณะสะพานหิน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส และยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้เขตเทศบาลนครภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ สวยงาม (Beautified City) และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน โดยเพิ่มพื้นทีสีเขียวในเขตชุมชนเมือง เป็นวิธีการปรับปรุงสมดุลของสภาพแวดล้อมในเขตเมือง เนื่องจากพื้นที่สีเขียวให้ความร่มรื่นแก่เมือง เพิ่มคุณค่าทางด้านสุนทรียภาพพื้นที่สีเขียว ช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้แก่เมือง ต้นไม้สามารถเป็นฉากกำบังภาพอันไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการปรับปรุงระบบนิเวศ ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเป็นพื้นที่นันทนาการ พักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกายของพี่น้องประชาชน

อบต.ศรีสุนทร จัดค่ายภาษาอังกฤษ


เมื่อวันที่ 28 เมษายน 54 ที่ โรงแรมแอตพันตา อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายธำรง ตันติวิรัชกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุนทร (อบต.ศรีสุนทร) เป็นประธานเปิด ค่ายภาษาอังกฤษสำหรับเยาวชน (English Camp for Kid 2011) โดยมีนางสาวบุษรา จินตนะ ผู้บริหารโรงเรียนศิริปัญญา วิทยากรจากโรงเรียนศิริปัญญา เจ้าหน้าที่ และเด็กนักเรียนในโครงการเข้าร่วมในพิธีเปิดในครั้งนี้

ทั้งนี้นายธำรง ตันติวิรัชกุล นายกอบต.ศรีสุนทร ได้กล่าวว่า การจัดการค่ายอบรมในครั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษให้กับผู้ที่ได้รับการอบรม ให้มีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ การสื่อสารอย่างง่ายๆ และพัฒนาทักษะในการฟัง พูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษที่จะใช้ในชีวิตประจำวันของผู้เข้ารับการอบรมได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะภาษอังกฤษกับเจ้าของภาษาโดยตรงและส่งเสริมให้เด็กมีความรักความสามัคคีในหมู่คณะ และเพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคเรียนให้เป็นประโยชน์ ด้วย

สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการอบรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 – 6 และมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่ตำบลศรีสุนทร โดยมีเยาวชนให้ความสนใจเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้จำนวน 51 คน โดยมีระยะเวลาในการอบรม จำนวน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 – 29 เมษายน 2554 วิทยากรในการอบรมในครั้งนี้จากโรงเรียนศิริปัญญา (Earth Language Trianning Center) และเจ้าหน้าที่ส่วนการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม เป็นผู้ดูแลนักเรียนตลอดการอบรมในครั้งนี้

ฉก.จ.ภูเก็ตรวบคนส่งยาได้ของกลาง 2,000 เม็ด


เมื่อวันที่ 28 เมษายน 54 ที่หน้าห้องประชุมชั้น 2 อาคารหลังใหม่ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วยพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ต-หน.ชุด ฉก.ผวจ.ภูเก็ต พ.ต.ต.ธีรศักดิ์ ศรีราชยา ผบ.ร้อย (สบ.2) กก.ตชด.42 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายเทียนชัย เชี่ยวชาญ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/1 หมู่ 5 ต.บางชนะ อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานีพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ทางจังหวัดก็ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ ได้ออกกวาดล้างผู้จำหน่าย เพื่อให้ยาเสพติดในพื้นที่ได้ลดน้อยลง จนกระทั่งเจ้าหน้าชุดเฉพาะกิจของจังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีนายเทียน มีพฤติกรรมลักลอบขนยาบ้าจาก จ.สุราษฏร์ธานีมาส่งให้เอเย่นต์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยได้โดยสารมากับรถตู้สายสุราษฏร์ธานี – ภูเก็ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรอที่ด่านตรวจภูเก็ต จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบรถโดยสารคันดังกล่าว และได้ขับรถติดตามมาตลอดเส้นทาง จนกระทั่งมีบุคคลตามลักษณะที่สายแจ้งมา ลงจากรถโดยสารคันดังกล่าว ที่หน้า ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว พร้อมขอทำการตรวจค้น เมื่อนายเทียนเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามที่จะหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุม

จากการตรวจค้นในตัวของนายเทียน พบยาบ้า 10 ถุงๆ ละ 200 เม็ด รวม 2,000 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในกล่องนม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล เบื้องต้นนายเทียนชัยให้การรับสารภาพว่าจะนำยาบ้ามาส่งให้ นายเอียน ไม่ทราบนามสกุล เอเย่นต์ค้ายาบ้ารายใหญ่ใน ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต โดยได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน และเมื่อวันที่ 25 เมษายน 54 ที่ผ่านมาได้นำยาบ้าจำนวนหนึ่งมาส่งให้กับนายไกด์ ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุลครั้งหนึ่งแล้ว นอกจากนี้นายเทียนยังได้การอีกว่า ที่ผ่านมาเคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมาแล้วหนึ่งครั้ง ในข้อหาเด็กเดินยา แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งศาล ศาลได้ยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และขยายผลติดตามจับกุมนายเอียนและนายไกด์มาดำเนินต่อไป

ภูเก็ตตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาประชากรแฝง


เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (อาคารใหม่) นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานแก้ไขปัญหาประชากรแฝงจังหวัดภูเก็ต เพื่อแก้ปัญหาการเสนอของบประมาณให้เพียงพอและตรงกับความเป็นจริง โดยมีส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น ปกครองจังหวัด จัดหางานจังหวัด แรงงานจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นต้น

นายตรี กล่าวว่า เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองเศรษฐกิจทำให้มีประชากรเคลื่อนย้ายเข้ามาเพื่อประกอบอาชีพและศึกษาต่อในสถานศึกษาต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งในกลุ่มประชากรดังกล่าวก็ไม่ได้มีการย้ายทะเบียนบ้านเข่ามาด้วย คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 800,000 – 1,000,000 คน ในขณะที่ประชากรตามทะเบียนราษฎร ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภูเก็ตมีจำนวนประชากรรวม 347,664 คน แบ่งเป็นชาย 164,822 คน และหญิง 182,842 คน และมีบ้านเรือนจำนวน 182,950 หลัง

“จากจำนวนประชากรตามทะเบียนราษฎรซึ่งมีอยู่ประมาณ 340,000 คนเศษ ทำให้ภูเก็ตประสบปัญหาในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลที่นำมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากจากการจัดสรรงบประมาณจะใช้จำนวนประชากรตามทะเบียนราษฎรเป็นเกณฑ์ ทำให้ภูเก็ตได้รับการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาน้อยมาก และไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้มีการย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

นายตรี กล่าวว่า เมื่อสองปีที่ผ่านมาทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้มาแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในครั้งนั้นกำหนดเป้าหมายใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกสังกัดทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น กลุ่มผู้เข้ามาทำงานในสถานประกอบการและประชาชนทั่วไป และกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ให้ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่ในภูเก็ต ปรากฏว่าสามารถเพิ่มจำนวนประชากรในภูเก็ตได้ประมาณ 20,000 – 30,000 คน แต่ทราบว่ามีบางส่วนที่ต้องการย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาแต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเจ้าของบ้านเช่าหรือหอพักไม่ยินยอม เพราะเกรงจะเกิดปัญหาตามภายหลังหากผู้ที่ย้ายเข้าไปก่อเรื่องขึ้น ซึ่งจะได้มีการทำความเข้าใจกันต่อไป

อย่างไรก็ตามนายตรี กล่าวด้วยว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานขึ้น โดยได้มีการกำหนดแนวทางที่จะแก้ปัญหาประชากรแฝงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนที่เข้ามาทำงานหรือนักศึกษาที่เข้ามาศึกษาต่อในภูเก็ตย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาให้ได้มากที่สุด โดยภายในปีงบประมาณ 2554 นี้จะดำเนินการให้ได้ประมาณ 100,000 คน


การค้าภายในภูเก็ตพร้อมขายไข่-เนื้อหมูธงฟ้า


นางสาวศุภัชชา บุญผลิต รักษาการการค้าภายในจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัจจุบันราคาไข่ไก่และเนื้อสุกรมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ความต้องการมีเป็นจำนวนมาก โดย ทางกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดให้สำนักงานการค้าภายในทุกจัดหวัดจัดจำหน่ายไข่ไก่และเนื้อหมูธงฟ้าขึ้น ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 28 เมษายน 2554 ระหว่างเวลา 8.00 น.-11.00 น.บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต และจะเปิดจำหน่ายทุกวันพฤหัสบดีจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดค่าใช้จ่าย/ค่าครองชีพของประชาชน

“สำหรับไข่ไก่ธงฟ้าเบอร์ 3 จำหน่ายราคาแผงละ 99 บาท ส่วนเนื้อสุกรที่จำหน่ายประกอบด้วย เนื้อแดงติดมันราคากิโลกรัมละ 119 บาท เนื้อแดงล้วน ราคากิโลกรัมละ 126 บาท เนื้อสามชั้น ราคากิโลกรัมละ 130 บาท”

นางสาวศุภัชชา กล่าวด้วยว่า จากการสำรวจตลาดและราคาไข่ไก่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่บางร้านโดยเฉพาะร้านของคนภูเก็ตจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าที่กระทรวงพาณิชย์แนะนำ โดยไข่ไก่เบอร์ 0 จำหน่ายอยู่ที่แผงละ 119 บาท ไข่ไก่เบอร์ 1 ราคา 114 บาท เบอร์ 2 ราคาแผงละ 111 บาท และเบอร์ 3 ราคา 108 บาท ส่วนร้านขายส่งขนาดเล็กบางร้านขณะนี้ขายในราคาสูงกว่าราคาแนะนำ โดยจำหน่ายไข่ไก่เบอร์ 1 อยู่ที่ประมาณฟองละ 4.20 บาท เบอร์ 2 ราคาฟองละ 4.10 บาท


วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

เฟ้นหาตัวแทนภาคใต้ นักขับประหยัด 1 ลิตร


นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา บริษัทเชลล์ ได้เปิดตัว น้ำมันเชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95 เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 91 และ เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล น้ำมันสูตรประหยัดสูงสุด 1 ลิตรต่อถัง ในราคาเท่าเดิม โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าถึงความประหยัด เนื่องจากน้ำมันเชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95/91 เป็นสูตรเพิ่มประสิทธิภาพพิเศษเฉพาะจากเชลล์ที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่สูญเปล่าในเครื่องยนต์ช่วยหล่อลื่นในส่วนที่น้ำมันเครื่องเข้าไปไม่ถึง ทำให้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนได้คล่องตัว ส่วนเชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล ช่วยในการจุดระเบิดเร็วขึ้นและการเผาไหม้ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในปีนี้ บริษัทเชลล์ฯ จึงได้จัดกิจกรรมการแข่งขัน“สุดยอดนักขับรถประหยัดน้ำมัน 1 ลิตร ทั่วประเทศประกอบด้วยภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคใต้และภาคกลาง (รวมภาคตะวันออกและภาคตะวันตก) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ผู้เข้าแข่งขันและประชาชนผู้ขับขี่รถยนต์ได้รับรู้ว่าน้ำมัน 1 ลิตร สามารถช่วยให้เดินทางได้ไกลเพียงใด นอกจากผู้เข้าแข่งขันจะได้ประสบการณ์ขับรถแบบประหยัดด้วยตนเองแล้วยังได้เคล็ดลับการขับรถประหยัดน้ำมัน ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและแนะนำผู้อื่นได้อีกด้วย

สำหรับภาคใต้ได้ทำการคัดเลือกผู้มีสิทธิเข้าแข่งขันเป็นที่เรียบร้อย โดยจะแข่งขัน ณ ลานจอดรถโฮมเวิร์ค ตรงข้ามเซ็นทรัลเฟสติวัล จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 30 เมษายน 2554 ผู้ชนะเลิศระดับภูมิภาค นอกจากจะได้รับบัตรเติมน้ำมันเชลล์มูลค่า 30,000 บาท ยังมีโอกาสลุ้นชิงรางวัล รถยนต์ นิสสัน มาร์ช พร้อมได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันในระดับเอเซีย ณ สนามแข่งนานชาติเซปัง ประเทศมาเลเซีย

นางพิศวรรณ กล่าว คำนวณจากทั้งน้ำมันที่มีความจุและเติมอย่างน้อย 50 ลิตร สำหรับน้ำมันเบนซิน หรือ 72 ลิตรสำหรับน้ำมันดีเซล เปรียบเทียบระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานสูตรเดิมของเชลล์ กับสูตรประหยัดเชลล์ ฟิวเซฟ ผลที่ได้อาจมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับรถที่ใช้ สภาวะแวดล้อมและวิธีการขับขี่

ทม.ป่าตอง จัดระบบจราจรใหม่


เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองป่าตอง นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานการประชุมคณะทำงานจัดระเบียบการจราจรเขตพื้นที่เทศบาลเมืองป่าตอง มีนายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นายชัยรัตน์ สุขบาล และนายประสาน ยอดต่อ รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง และคณะทำงานฯ เกี่ยวข้องทั้งจากอำเภอกะทู้ หัวหน้าจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองกะทู้ สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต สหพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ ชมรมรถเช่าป่าตอง ฯลฯ ร่วมประชุม

โดยความเห็นที่ประชุม ในส่วนของตำรวจ และเทศบาลเมืองป่าตองเห็นด้วยที่จะจัดระเบียบการจราจรโดยยึดหลักวันเวย์ซ้าย จากเดิมที่ทดลองจัดให้มีการวันเวย์ขวา เนื่องจากมองว่าวันเวย์ซ้าย กฎหมายมีบังคับใช้อยู่แล้ว และเป็นความถนัดเคยชินของผู้ใช้ถนน ขณะที่ส่วนอื่นก็เห็นด้วยในแนวทางแก้ปัญหาจราจรดังกล่าวนี้ และนอกจากนี้ทางฝ่ายตำรวจยังได้เสนอต่อที่ประชุมในเรื่องการทำอุโมงค์ลอดตรงจุดที่เป็นวงเวียนหรือไฟแดงด้วย เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในระยะยาว อย่างไรก็ตามหลังจากมีการเสนอความคิดเห็นอย่างหลากหลายแล้ว

ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ก็ได้ให้ข้อสรุปต่อที่ประชุมว่า หลายฝ่ายให้การยอมรับการจราจรแบบวันเวย์ซ้าย ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหารถติดตรงจุดแยก และอุบัติเหตุลดลงได้ ทางเทศบาล และตำรวจก็พร้อมที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ร่วมกัน “การจัดเดินรถวันเวย์ทางเดียว อาจติดขัดเรื่องการจอดรถทางขวา ซึ่งใหม่ๆ ผู้ใช้ถนนอาจจะไม่เคยชิน ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าเรื่องการจัดวันเวย์ หรือทูเวย์ สามารถจัดได้หมด ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ทูเวย์ระหว่างซอยปรับให้เหมาะสม ส่วนจุดที่ต้องแก้ไขบริเวณวงเวียน หรือไฟแดง เห็นด้วยต้องมีทางลอด เพื่อบรรเทาการจราจรช่วงเร่งด่วน โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวคิดว่าน่าจะทดลองทำได้”

รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการจัดวันเวย์เพื่อแก้ปัญหาจราจรแล้ว ความเข้มจราจรก็ต้องมีด้วย เพราะสิ่งที่ช่วยเรื่องของการจราจรคือวินัยจราจร ซึ่งเป็นปัญหา 30% ที่ทำให้การจราจรติดขัด วินัยจราจรสอนได้ด้วยการให้ความรู้ แล้วก็ใช้มาตรการในการลงโทษ

ด้านนายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า ถนนพระบารมีเป็นถนนสายหลักของปัญหาจราจร รถทุกคันที่จะไปกมลา กะทู้ต้องมากระจุกอยู่ที่ถนนเส้นนี้ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือ คนที่ถนัดซ้าย และผู้ที่ใช้บริการรถตุ๊กตุ๊ก ผู้โดยสารจะขึ้นทางซ้าย และลงทางซ้าย รวมถึงมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย เราคำนึงถึงผู้ใช้ยานพาหนะทุกคน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราจะแก้ได้ ให้จบในสองสามเดือนนี้ ประเด็นหนึ่ง ป้ายชัดเจน ทางม้าลายชัดเจน ถ้าบางคนยังดื้อก็จะมีการบังคับใช้ตามกฎหมาย จะเอาให้ถูกใจทุกเรื่องไม่ได้ ถูกใจต้องบวกกับถูกต้องด้วย ซึ่งอันนี้ทางตำรวจกับทางเทศบาลต้องพร้อมลงไปทำอย่างเต็มที่

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

คลังภูเก็ตติวเข้มคณะทำงาน GPP

คลังภูเก็ตติวเข้มคณะทำงาน GPP

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ที่ห้องนนทรีย์ โรงแรมภูเก็ต เมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการและศึกษาดูงาน หลักสูตร การเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดทำผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดแบบ Bottom up ซึ่งทางสำนักงานคลังจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสำนักบัญชีประชาชาติจัดขึ้น ให้กับคณะทำงานการจัดทำผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดทั้ง 16 สาขาการผลิต ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง จำนวน 16 แห่ง รวมประมาณ 40 คน โดยเป็นเนื้อหาของหลักสูตร เป็นการเสนอแนะแนวทางการพัฒนาคุณภาพการจัดทำ GPP จากข้อบกพร่องที่ตรวจพบในแต่ละขั้นตอนการประเมิน และการศึกษาดูงานการดำเนินงานของฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยมุก ณ เกาะรังใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต


นางธิดา บุญรัตน์ คลังจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจัดทำระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เป็นกิจกรรมที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ.2553 โดยกรมบัญชีกลางและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการ โดยปีงบประมาณ พ.ศ.2554 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ได้กำหนดตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของจังหวัด คือ ตัวชี้วัด IT3: จังหวัดต้องมีระบบและสามารถคำนวณสถิติผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ที่ครอบคลุม ถูกต้องและทันสมัย

ทั้งนี้ผลการประเมินระดับความสำเร็จของการพัฒนาคุณภาพการจัดทำสถิติผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ตได้ 4.9922 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 99.8440 ซึ่งจากการประเมินดังกล่าวพบว่าในการดำเนินการจัดทำฐานข้อมูล การประมาณค่าของแต่ละสาขาการผลิตยังไม่ครบถ้วน ตามจำนวนกิจกรรมที่มีในจังหวัด และหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการสุ่มตัวอย่างของบางกิจกรรมยังไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางสถิติ และบางกิจกรรมยังไม่มีหลักเกณฑ์การสุ่มตัวอย่างที่แน่นอน

ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดทำผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดแบบ Bottom up ตลอดจนให้คณะทำงานการจัดทำผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดภูเก็ต ได้เรียนรู้กระบวนการดำเนินงานจริงของสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการผลิตที่เกิดขึ้นในจังหวัด เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ได้รับจากการจัดเก็บตามแบบสอบถาม และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินการจัดทำผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดให้บรรลุตามเกณฑ์การให้คะแนนตามตัวชี้วัดดังกล่าว และเพื่อสร้างความมั่นใจต่อความถูกต้องแม่นยำก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้ใช้ต่อไป นางธิดากล่าว

เสริมบุคลากรป้องกันโรคปัญญาอ่อน


เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ที่ห้องประชุมโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน องเมือง จ.ภูเก็ต นายแพทย์ศักดิ์ แท่นชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาการหากลยุทธ์ป้องกันโรคปัญญาอ่อนจากงานตรวจคัดกรองสุขภาพทารกแรกเกิด ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาได้รับทราบนโยบาย กลยุทธ์ และเทคนิคในการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ โดยมีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย ผู้รับผิดชอบในหน่วยงานโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ และศูนย์บริการเทศบาลนครภูเก็ต รวมจำนวน 70 คน

นางอำไพพรรณ ภววัฒนานุสรณ์ นักวิชาการสาธารณสุข ชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า จากสถานการณ์การควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ และการตรวจคัดกรองสุขภาพทารกแรกเกิดของจังหวัดภูเก็ต มีผลของสถานการณ์ที่ต้องดำเนินการ คือ จากผลการตรวจคัดกรองไอโอดีนในปัสสาวะหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 299 ราย พบว่ามีค่าไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ต่ำกว่าค่ามัธยฐาน 150 ไมโครกรัม/ลิตร คิดเป็นร้อยละ 41 และจากการตรวจคัดกรอง TSH( Thyroid Stimulating Hormone) ของทารกแรกเกิดพบว่า ทารกแรกเกิดจำนวน 545 ราย มีค่า TSH>11.25 มิลลิยูนิต/ลิตร คิดเป็นร้อยละ 7.34 ของทารกที่มีค่า TSH ปกติ ซึ่งทั้งสองข้อมูลมีแนวโน้มและข้อบ่งชี้ว่า หญิงตั้งครรภ์บริโภคสารไอโอดีนไม่เพียงพอ และความเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะขาดสารไอโอดีนร่วมด้วย ซึ่งจะต้องดำเนินการเฝ้าระวังแก้ไขปัญหา

ขณะที่นายแพทย์ศักดิ์ กล่าวว่า จากสาเหตุที่เด็กไทยมีปัญหา IQ ต่ำ และพัฒนาการล่าช้าโดยเฉลี่ยในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา เด็กไทยอายุ 6-12 มีระดับ IQ ลดลงจาก 91 จุด เหลือ 88 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ WHO กำหนดไว้ที่ 90-110 จุด และยังต่ำกว่าระดับ 104 จุด ซึ่งเป็นปัญหาระดับเชาว์ปัญญาของเด็กๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ร้อยละ 88.5 เด็ก 0-5 ปี มีพัฒนาการสมวัยทุกด้านร้อยละ 67.7 ซึ่งค่าปกติพัฒนาการสมวัย ร้อยละ 90

อบจ.ภูเก็ตพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว


เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ที่ห้องจามจุรี 2 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิด โครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต รุ่นที่ 2 ซึ่งชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การสนับสนุนของ อบจ.ภูเก็ต โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรม จำนวน 50 คน เป็นหัวหน้างาน ผู้จัดการ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างๆ หรือผู้บริหารในสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาฯ และหัวหน้าส่วนราชการ อบจ.ภูเก็ตร่วมเป็นเกียรติด้วย

นายประเสริฐ มนต์ประสิทธิ์ ประธานชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจัดการอบรมสัมมนาทางวิชาการ หลักสูตร “การบริหารงานทรัพยากรมนุษย์สำหรับหัวหน้างาน/ผู้บริหาร” HR for Non-HR เป็นการจัดอบรมสัมมนาตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายบางส่วนจาก อบจ.ภูเก็ต ตามนโยบายของนายก อบจ.ภูเก็ตที่ประสงค์ให้รายได้ของ อบจ.ภูเก็ต ที่ได้รับมาจากการนำส่งค่าธรรมเนียมบำรุง อบจ.ภูเก็ต จากเข้าผู้พักในโรงแรมนั้นได้กลับไปสู่ผู้ที่มีส่วนในการจ่ายค่าธรรมเนียมให้ อบจ.ภูเก็ต“การจัดอบรมฯ ครั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ฝึกทักษะที่เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของหัวหน้างานหรือผู้บริหาร ซึ่งนอกจากผู้บริหารฝ่ายบุคคลจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์แล้ว ผู้บริหารในฝ่ายงานอื่นๆ ก็จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจในบทบาทที่สำคัญในการบริหารทรัพยากรบุคคลในส่วนงานของตน และสามารถทำงานร่วมกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้ อันจะส่งผลให้การบริหารงานทรัพยากรมนุษย์เกิดประสิทธิภาพ บรรลุตามเป้าหมายแห่งการให้บริการที่ดีที่สุด และสามารถแข่งขันกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการท่องเที่ยวและยืนอยู่ในตลาดการท่องเที่ยวโลก ทั้งนี้จะส่งผลให้สถานประกอบการ มีบุคลากรที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน บริหารสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นายประเสริฐกล่าว

ขณะที่นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า บุคลากรถือเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของงานบริการด้านการท่องเที่ยว นอกเหนือจากการมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้ว การบริการเป็นหัวใจที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ตลาดท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่าหันกลับมาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น และบุคลากรทางด้านการท่องเที่ยวก็มีบทบาทสำคัญในการให้บริการและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว แต่การให้บริการที่มีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดีของผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วย ดังนั้นการพัฒนาบุคลากรด้านการบริการอย่างต่อเนื่องจะเป็นส่วนสนับสนุนการแข่งขันในตลาดท่องเที่ยวระดับโลกได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยที่ไม่มีในประเทศอื่นๆ ที่เราต้องรักษาไว้ทั้งการยิ้มแย้มแจ่มใส และความโอบอ้อมอารี ต้อนรับผู้มาเยือนดุจญาติมิตร