จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“ชวน” ไม่เห็นด้วยคะแนนปาตี้ลิสมากจัดตั้งรัฐบาล


นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง “ชาติพันธุ์บาบ๋าอันดามัน วิถีแห่งน้ำ วิถีทำกิน” ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน จ.ภูเก็ต ถึงกรณีที่มีการเสนอให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงปาตี้ลิสมากที่สุดเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า หลักจริงๆ แล้วต้องเป็นเรื่องของคะแนนเสียง สส.ซึ่งไม่ได้แบ่งว่า มาจากส่วนไหน เสียง สส.คือหลักในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องถือว่า เป็นการปกครองที่ประชาชนเป็นเจ้าของการปกครอง เพราะฉะนั้นระบบการเลือกตั้งจึงได้เกิดขึ้น ก็ต้องถือเรื่องของเสียงที่มาจากการเลือกตั้ง

นายชวน ยังกล่าวอีกว่า จากแนวความคิดเรื่อง หากสัดส่วนมากเป็นรัฐบาล สัดส่วนน้อยไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่ทราบที่มา แต่ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายวิชาการ ที่อาจจะมองไปในทางที่ว่า อาจต้องการให้ความเป็นเอกภาพเกิดขึ้น แต่ว่าเราไม่เคยมีการพูดเรื่องนี้กัน แล้วก็ไม่เคยวิจารณ์เรื่องนี้กันในพรรค แต่โดยหลักแล้ว รัฐบาลยังยึดเสียงข้างมาก แต่เราจะไม่แบ่งว่าระบบสัดส่วนสำคัญกว่าเขต เขตสำคัญกว่าระบบสัดส่วน แบ่งไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้วคนก็จะหนีระบบเขตหมด

“ปัญหาบ้านเราไม่ใช่เรื่องของปัญหาสัดส่วนหรือปัญหาของเขต ปัญหาจริงๆ คือทำอย่างไรให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ถ้าที่มา บริสุทธิ์ ยุติธรรม การทุจริตโกงกินก็จะน้อย แต่ว่าถ้าที่มา มาจากระบบทุจริต ก็ยากที่คนมาจากระบบทุจริต แล้วก็มาทุจริตได้” นายชวน กล่าวในที่สุด

ชวน แนะให้คนไทยรู้จักหน้าที่

ชวน แนะให้คนไทยรู้จักหน้าที่

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพพันธ์ 54 ที่ห้องประชุมจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนา Baba Symposium 2011 “ชาติพันธุ์บาบ๋าอันดามัน วิถีแห่งน้ำ วิถีทำกิน” ซึ่งจัดโดยสมาคมเพอรานากันจังหวัดภูเก็ต โดยมีคนไทยเชื้อสายจีนในภูเก็ต จังหวัดใกล้เคียงและนักเรียน นักศึกษาที่ให้ความสนใจในชาติพันธ์ เข้าร่วม

ทั้งนี้นายแพทย์โกศล แตงอุทัย นายกสมาคมเพอรานากันจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า ชาวไทยเชื้อสายจีน หรืออชาวบาบ๋า ซึ่งในต่างประเทศเรียกว่าชาวเพอรานากัน เป็นลูกผสมที่อาศัยอยู่ในแถวจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันนับ 100 ปีแล้ว ถือเป็นกลุ่มชนที่มาอาศัยอยู่ใหม่ภายหลังสงครามไทย – พม่า และยุคล่าอาณานิคมของจักรวรรดิตะวันตก นับจากยุคบุกเบิกที่ญาติฝั่งบิดาคือชาวจีนที่อพยพมาจากแผ่นดินใหญ่หรือคาบสมุทรมาลายู มาสมรสกับมารดาเชื้อสายไทยหรือจีนด้วยกันจนได้ลูกหลานเป็นบาบ๋า ปัจจุบันถือเป็นรุ่นที่ 5-6 แล้ว ชาวบาบ๋ายังรวมตัวกันในเครือญาติอย่างเหนียวแน่นด้วยวัฒนธรรม ประเพณีที่สืบทอดกันมาไม่ว่าในพิธีแต่งงาน ตรุษจีน ไหว้เทวดา ไหว้พระจันทร์ เซงเม้ง หรือประเพณีกินผัก

อย่างไรก็ตาม จากการที่โลกพัฒนาโครงข่ายข้อมูลการสื่อสาร การขนส่งมวลชน ทำให้ระบบเศรษฐกิจสังคมในแต่ละที่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะจังหวัดในฝั่งทะเลอันดามันที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น ดึงดูดให้มีการอพยพของคนกลุ่มต่างๆ ทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศเข้ามาในแถบนี้ เกิดปฎิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่นไม่ว่าจะด้วยการร่วมปฎิบัติงาน ร่วมอยู่อาศัย หรือแต่งงานมีลูกหลายรุ่นใหม่ ย่อมทำให้เลือดเนื้อเชื้อไขของคนบาบ๋าเจือจางลง บวกกับวิถีการครองชีพที่แออัด แข่งขันสูง อาจส่งผลถึงการเสื่อมถอยในการปฎิบัติตามจารีตประเพณีเดิม และการสืบทอดวัฒนธรรมของชาวบาบ๋าที่เป็นชาวท้องถิ่นลงในอนาคตได้

ทางสมาคมฯกังวลว่าอนาคตลูกหลายที่เรียนรู้ในระบบการศึกษาแผนใหม่ ยิ่งต้องไปเรียนห่างไกลบ้านเกิดเท่าใด ยิ่งสุ่มเสี่ยงที่จะไม่สามารถสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของเราได้ จึงได้จัดประชุมสัมมนาที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์ ประเพณีวัฒนธรรมของตนเอง ที่แม้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่หลายคนอาจจะทราบน้อยกว่าเรื่องไกลตัว จะพบเห็นได้ทั่วไปว่า จากกระแสวัฒนธรรมป๊อบที่ขายได้ทั่วโลกจากบางประเทศ ทำให้กังวลว่าลูกหลานของเรา ถึงมีกำเนิดตนเป็นบาบ๋าแต่หัวใจอาจเป็นชนกลุ่มอื่นไปแล้ว

ด้านนายชวน ได้กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดี ที่ทางสมาคมเพอรานากัน ได้ให้ความสำคัญต่อชาติพันธ์ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีที่มาของตนเอง ไม่ลืมว่าตนเองมาจากชาติพันธ์ไหน ไม่ว่าบรรพบุรุษมาจากไหน หรือรุ่นไหนก็ตาม ที่ผ่านมาได้สร้างบ้านสร้างเมืองกันมา อย่างเช่นพระยารัษฎานุประดิษฐ์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต และตรัง ที่ได้สร้างความเจริญให้ประเทศไทย ก็ยังได้นำวัฒนธรรมจากต่างแดนมาผสมผสานกันมาสร้างเมือง จนเป็นที่โดดเด่นจนถึงทุกวันนี้ ประกอบกับเมืองไทยเป็นเมืองเปิด เป็นประเทศที่เปิดโอกาสให้คนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ได้มีสิทธิ์ ฉะนั้นแต่ละคนต้องตระหนักว่าเมื่อได้สิทธิแล้วต้องมีหน้าที่ทำเพื่อบ้านเมืองด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ภูเก็ต ออน ออน โอเพ่น ครั้งที่ 2


นายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ ประธานจัดการแข่งขันหมากรุกไทย ภูเก็ต ออน ออน โอเพ่น ได้กล่าวถึงการจัดการแข่งขัน “หมากรุกไทย ภูเก็ต ออน ออน โอเพ่น ครั้งที่ 2” ว่า ด้วยทางกลุ่มผู้ให้ความสนใจกีฬาหมากรุกไทย ซึ่งได้ให้ความสนใจมากว่า 10 ปี จึงได้มีความคิดรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นชมรมหมากรุกไทยของจังหวัดภูเก็ตขึ้น ซึ่งการเล่นหมากรุกไทยนี้เป็นกีฬาที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย และด้วยวิธีการเล่นที่จะต้องใช้ความคิด วิเคราะห์การเล่นทั้งของตัวเองและคู่แข่งขัน จึงช่วยให้สมองของเรามีการคิด วิเคราะห์ และพัฒนาอยู่ตลอด อีกทั้งยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วย

จึงได้จัดการแข่งขัน “หมากรุกไทย ภูเก็ต ออน ออน โอเพ่น ครั้งที่ 2” ขึ้น ในระหว่างวันที่ 26 – 27 กุมภาพันธ์ 2554 ณ โรงแรมออน ออน ภูเก็ต โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นประเภททั่วไป ประเภทดาวรุ่ง และประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ชิงถ้วยรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมเงินรางวัลกว่า 50,000 บาท คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากหลากหลายจังหวัด ดังเช่นปีที่ผ่านมา

นายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ ยังกล่าวอีกว่า การแข่งขันหมากรุกไทย ภูเก็ต ออน ออน โอเพ่น ได้เริ่มจัดต้นการแข่งขันในครั้งแรกเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักเล่นหมากรุกไทย ที่เดินทางกันมาจากหลายๆ จังหวัดของประเทศ และในปีนี้ 2554 คาดว่าจะมีกลุ่มผู้สนใจจากปีที่แล้วและผู้สนใจกลุ่มใหม่มาร่วมการแข่งขันไม่ต่ำกว่า 30 คน

ส่วนการแข่งขันจะแบ่งออกเป็นประเภททั่วไป ประเภทดาวรุ่ง และประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ชิงเงินรางวัลกว่า 50,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากบุคคลสำคัญในจังหวัดภูเก็ต นำโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต, อัยการศาลสูงจังหวัดภูเก็ต, นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต และกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเชก เป็นต้น โดยผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่โรงแรม ออน ออน ภูเก็ต ติดต่อ คุณสมยศ แพงทรัพย์ 087-890 4361, คุณศักดิ์ชัย เนตรชมภู 086-742 9922

ตร.ฉลองรวบผู้ค้าและเสพยา 4 ราย


เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 54 ที่ห้องประชุมสภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป. พ.ต.ท.เชาวิต เพชรศรีเปีย รองผกก.สส. พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป. พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส. สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายแม็ก (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นายก๊อป อายุ 17ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 200 เม็ด เงินสด 2,800 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เครื่องช่างดิจิตอล ยี่ห้อเพาเวอร์บาย 1 เครื่อง ถุงพลาสติกใสแบบดึงเปิดกดปิดจำนวน 600 ใบ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นคลิ๊ก สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน ขขง-996 ภูเก็ต 1 คัน นางสาวจิราภรณ์ ขุนทอง อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า3 เม็ด ยาไอซ์ 0.54 กรัม และนางสาวเกศรินทร์ หอมหวนดี อายุ 19 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 10 เม็ด จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป.สภ.ฉลอง ได้กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากพ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง ได้สั่งการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางพ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.พร้อมชุดสืบสวน สืบทราบว่านายก๊อป มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้แก่วัยรุ่นในพื้นที่ เจ้าหน้าหน้าที่จึงได้วางแผนจับกุม โดยให้สาย โทรไปซื้อยาบ้าจากนายก๊อป จำนวน 10 เม็ด ในราคา 2,800 บาท และมีการนัดส่งยาบ้ากันที่หน้าบ้านเช่าซอยกลุ่มยาง ม.7 ต.ฉลอง แต่ในเวลาส่งของ นายก๊อป ได้ให้นายแม็ก มาส่งของให้ พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก หมายเลขทะเบียน ขขง – 996 ภูเก็ต ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุมได้ของกลางยาบ้าจำนวน 10 เม็ด และเงินสดจากการล่อซื้อจำนวน 2,800 บาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผลที่สภ.ฉลอง

จากการสอบสวนขยายผลทราบว่ายาบ้าทั้งหมดที่นายแม็ก นำมาส่งนั้นเป็นของนายก๊อป และจะได้เปอร์เซ็นต์จากการส่งยาบ้า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ขอหมายค้นจากศาลเพื่อทำการตรวจค้นภายในห้องพัก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องของนายก๊อป จากการตรวจค้นที่บ้านพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกล่องสีชมพูอยู่บนที่นอนภายในห้องนายธีรวัติ ซึ่งห่ออยู่ในพลาสติก 10 ถุง ถุงละ 10 เม็ด รวม 200 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาขยายผลที่สภ.ฉลอง

และจากการสอบสวนก็ทราบว่า ยาบ้าทั้งหมดนั้นรับมาจากชายคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ ซึ่งไม่รู้จักหน้า โดยการซื้อยาบ้าแต่ละครั้งจะโทรติดต่อ และตนเป็นคนโอนเงินให้ชายคนดังกล่าวก่อน จากนั้นเขาก็บอกว่าจะนำยาบ้ามาทิ้งไว้ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ก่อนที่ตนจะเข้าไปเอายาบ้ามาจำหน่ายให้รุ่นจนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว

ส่วนอีกรายทางเจ้าหน้าที่จับกุมนางสาวจิราภรณ์ ขุนทอง อายุ 31 ปี ทำงานเสริ์ฟ อยู่ที่ร้านเบียร์การ์เด้นท์ ปากซอยโคกโตนด ม.9 ต.ฉลอง พร้อมของกลางยาบ้า 3 เม็ด ยาไอซ์ 0.54 กรัม โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านเช้าไม่มีเลขที่ ซอยกลุ่มยาง ม.7 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าทีได้สืบทราบจากประชาชนว่าที่ห้องพักของนางสาวจิราภรณ์ ขุนทอง อายุ 31 ปี มีมีการมั่วสุม วัยรุ่นส่งเสียงโวยวายดังลั่นทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบว่านางสาวจิราภรณ์ มีท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นโดยในขณะนั้นเองนางสาวจิราภรณ์ ก็ได้เอายาบ้าและยาไอซ์ออกมาจากระเป๋ากางเกง เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า – ยาไอซ์ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายต่อไป

และเวลาใกล้เคียงกันเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้จับกุมนางสาวเกศรินทร์ หอมหวนดี อายุ 19 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 10 เม็ด โดยจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 20/26 ซอยยิ่งบาติก ม.8 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า โดยผิดกฎหมายต่อไป

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“พูลล์เอเชียเอ็กซ์โป 2011”


ดร.โจเซฟ คอนราด ประธานจัดงาน PoolAsia EXPO & Conference 2011 เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคมนี้ ที่โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาเคเดีย รีสอร์ทแอนด์สปา ซิลค์วอเตอร์มีเดีย เยอรมันนี ประจำประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ โดยการสนับสนุนของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) กำหนดจัดงาน PoolAsia EXPO & Conference 2011 ขึ้น และนับเป็นครั้งแรกของภูมิภาคเอเชียที่มีการจัดงาน International Trade Show เกี่ยวกับน้ำ สระว่ายน้ำและสปานานาชาติ ซึ่งจะมีการนำผู้ประกอบการเรื่องน้ำและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากทั่วโลกทั้งจากยุโรป อเมริกาและตะวันออกกลาง มาพบกันที่เอเชียเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมแสดงสินค้าและประชุมสัมมนาเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานน้ำ สิ่งแวดล้อมและการจัดการเรื่องน้ำบนเกาะ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Tourism & Healthy Water และ Spa Forum Asia เพื่อสร้างการตระหนักรับรู้ร่วมกันในภูมิภาคเอเชียโซนร้อน ตลอดจนเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีวันพักผ่อนอย่างมีคุณค่าและมีสุขอนามัยที่ดีขึ้น

“รูปแบบของการจัดงาน จะมีความแตกต่างจากงานแสดงสินค้าโดยทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมจัดในบริเวณอาคารเท่านั้น แต่งาน PoolAsia EXPO ได้ผสมผสานการจัดแสดงสินค้าในอาคารและการโชว์สินค้าบริเวณกลางแจ้งที่มีความหลากหลายมิติของงานที่ช่วยสร้างสีสันให้กับงาน ซึ่งประกอบด้วย บูธแสดงสินค้าจำนวน 150 บูธ ที่มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าจากนานาประเทศกว่า 1,400 คน จากนานาประเทศทั้งยุโรป เอเชีย ตะวันออกลาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้แทนการค้าและการท่องเที่ยวจากเอเชียโซนร้อน 15 ประเทศ เช่น ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ ฮ่องกง บรูไน ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บาหลี อินเดีย มัลดีฟ เป็นต้น เข้าร่วม เพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อสุขอนามัยของนักท่องเที่ยวขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุนการค้าการส่งออกสินค้าไทยที่เกี่ยวเนื่องกับสระว่ายน้ำ เป็นเวทีแรกในการเปิดประตูการค้าสู่สากล และส่งเสริมธุรกิจสปาไทยส่งออกสู่ต่างประเทศ โดยนำผลิตภัณฑ์ไทยและการนวดที่เป็นเอกลักษณ์ไทยเผยแพร่สู่นานาประเทศ เนื่องจากธุรกิจสปาไทยสามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยปีละกว่า 15,000 ล้านบาท”

สำหรับไฮไลท์ของงาน เช่น การแสดง Aqua Fitness การออกกำลังกายใต้น้ำ หรือฟิตเนสใต้น้ำการประกวดผลงานการออกแบบสระว่ายน้ำจากประเทศในเอเชียโซนร้อน เรียนรู้การว่ายน้ำเพื่อชีวิต Learning Swimming for life โครงการสอนเด็กว่ายน้ำเพื่อการมีชีวิตรอด การสัมมนาและเรียนรู้ Concept Design : Eco Pool – Luxury Pool การออกแบบสร้างสระว่ายน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน การแสดงหุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เป็นต้น

ทน.ภูเก็ตฟังความเห็นระบบกำจัดขยะรวม


เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ห้องประชุมกลุ่มงานสิ่งแวดล้อม (โรงเตาเผาขยะ) เทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบกำจัดขยะรวม เทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2553 เพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น โดยมีประธานชุมชน ผู้ประกอบการค้า ประชาคมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้แทนโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี และในแต่ละปีจำนวนนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนในจังหวัดภูเก็ตมีจำนวนมากกว่าห้าล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องจัดให้มีระบบสาธารณูปโภคไว้รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะปัญหาปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จากการสำรวจข้อมูลสถิติพบว่า จังหวัดภูเก็ตมีปริมาณขยะเข้าสู่ศูนย์กำจัดขยะเฉลี่ยวันละ 530 ตัน และมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ต่อปี หากไม่สามารถลดอัตราการเพิ่มขึ้นของขยะได้ คาดว่าในปี พ.ศ.2563 จะมีขยะเพิ่มขึ้น 1,000 ตันต่อวัน ซึ่งปัจจุบันการกำจัดขยะของจังหวัดภูเก็ต แบ่งเป็นพื้นที่ฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล 134 ไร่ โรงเตาเผาขยะชุมชนขนาด 250 ตัน 46 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่สำหรับบ่อบำบัดน้ำชะขยะและระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน โดยเตาเผาขยะที่มีอยู่นั้นถูกใช้งานมากกว่า 10 ปี ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาขยะไม่สมบูรณ์จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพื่อปรับปรุงและซ่อมเปลี่ยน (Overhaul) เครื่องจักรที่เสื่อมสภาพ

ดังนั้นเพื่อให้โรงเตาเผาขยะมูลฝอยมีประสิทธิภาพสมบูรณ์ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว เทศบาลนครภูเก็ต จึงมีการดำเนินการโครงการสัมมนารับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาความเหมาะสม การออกแบบรายละเอียด ระบบการกำจัดขยะรวม เพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบกำจัดขยะแบบศูนย์รวม การศึกษาความเหมาะสมเทคโนโลยีการฝังกลบขยะมูลฝอยชุมชนด้วยกระบวนการชีวภาพ-กล (BMT) การรื้อบ่อฝังกลบเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานสะอาด และออกแบบรายละเอียด (Detail Design) ซึ่งต้องเป็นเทคโนโลยีที่สามารถกำจัดมูลฝอยชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม มีการเก็บคืนพลังงานมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด มีความเป็นไปได้ในการลงทุนและการคืนทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และการศึกษาแนวทางการปรับปรุงเตาเผาขยะชุดเดิมเพื่อยืดอายุการใช้งาน ตลอดจนเพิ่มเติมหัวเผาเพื่อให้สามารถรองรับการกำจัดขยะในปริมาณ 500 ตันต่อวัน นายถาวรกล่าว

สันนิบาติเทศบาลภาคใต้ หารือแนวทางยกระดับบริการ


เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวีรวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมสันนิบาตเทศบาลภาคใต้ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2554 ซึ่งสันนิบาตเทศบาลภาคใต้ โดยเทศบาลนครภูเก็ตและเทศบาลต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น โดยมีนายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาล ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ทั้งนี้นอกจากการประชุมฯของสันนิบาตฯ ตามวาระแล้ว ยังมีการบรรยาย เรื่อง แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์กับการพัฒนาสุขภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้กลไกกองทุนหลักประกันสุขภาพของเทศบาล, การบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาล การอภิปรายเรื่อง รายได้กับการกระจายอำนาจ และการบรรยายเรื่อง ทิศทางการใช้ที่ดินราชพัสดุองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ในฐานะประธานสันนิบาตเทศบาลภาคใต้ กล่าวว่า สมาคมสันนิบาตภาคใต้ได้กำหนดให้มีการประชุมฯ เป็นประจำทุกปี โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยนายกเทศมนตรี และปลัดเทศบาลทั้งภาคใต้ 14 จังหวัด จำนวน 263 เทศบาล เพื่อส่งเสริมให้เกิดความรัก ความสามัคคี รวมถึงบูรณาการความร่วมมือ ระหว่างเทศบาลในภาคใต้ เพื่อนำปัญหาอันเป็นอุปสรรคต่อการบริหาร การพัฒนาท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่มาร่วมกันกำหนดแนวทางและมาตรการ มุ่งผลสัมฤทธิ์ เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน พัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ รวมทั้งพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความรู้ ความสามารถก้าวทันกับสภาวะ การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ยกระดับด้านการบริการสาธารณะของเทศบาลให้มีมาตรฐาน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตลอดจนสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนและพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้างหน้าเป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน

“การจัดประชุมสันนิบาตเทศบาลภาคใต้ในครั้งนี้ นับเป็นสิ่งสำคัญอันจะก่อให้เกิดการบูรณาการระหว่างเทศบาลทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นการนำปัญหาและอุปสรรคในการบริหารงานของแต่ละพื้นที่มาร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ไขตลอดจนพัฒนาให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่ประโยชน์สุขแก่ประชาชนรวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ท้องถิ่นมีความเจริญก้าวหน้า ยกระดับท้องถิ่นให้น่าอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป” นางสาวสมใจกล่าว

ขณะที่นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การประชุมร่วมกันของผู้บริหารเทศบาลต่างๆ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากจะมีกฎหมายใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารงานที่ออกมาใหม่ และท้องถิ่นจะต้องนำไปใช้ ซึ่งจะต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาอุปสรรคร่วมกัน เพื่อจะได้รับรู้รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของที่ตั้ง ภูมิประเทศ ทรัพยากรและความเคลื่อนไหวทางสังคม ดังนั้นเพื่อให้การบริหารในการพัฒนานำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ตลอดจนเพื่อให้เกิดการประสานแผนงานโครงการต่างๆ เกิดประโยชน์สูงสุดก็จำเป็นที่จะต้องมีการพบปะหารือกันสม่ำเสมอ ประกอบกับรูปแบบในการปกครองที่เน้นการกระจายอำนวยมากขึ้น

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กก.ขนส่งเห็นชอบอนุญาตเส้นทางสะพานหิน- ท่าเรือรัษฎา


เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ห้องประชุมสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2554 เพื่อพิจารณากำหนด (ปรับปรุง) เงื่อนไขการเดินรถในเส้นทางรถโดยสารประจำทาง หมวด 1 สายที่ 2 ห้างซุปเปอร์ชิป – ตลาดใหม่มุมเมือง กับการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ในเส้นทางหมวด 1 สาย 3 สะพานหิน- ท่าเทียบเรือรัษฎาภูเก็ต โดยมีนายกนก ศิริพานิชกร ผู้อำนวยการขนส่งจังหวัดภูเก็ต นายอรุณ เสน่ห์ ผู้อำนวยการแขวงการทางจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

อย่างไรก็ตามได้มีการแจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการในคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด การรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 เรื่องโครงการตรวจการขนส่งประจำปีงบประมาณ 2554 และเรื่องการเปิดใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต แห่งที่ 2 ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากยังต้องรอการดำเนินการปรับปรุงเรื่องสัญญาณไฟจราจร และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อน

สำหรับการพิจารณากำหนด (ปรับปรุง) เงื่อนไขการเดินรถในเส้นทางรถโดยสารประจำทาง หมวด 1 สายที่ 2 ห้างซุปเปอร์ชิป – ตลาดใหม่มุมเมือง โดยให้เดินรถลักษณะมาตรฐาน 3 (รถโดยสารธรรมดาและหรือรถโดยสารสองแถว) สำหรับการเดินรถช่วงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต แห่งที่ 2 – สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต แห่งที่ 1 ขั้นต่ำวันละ 66 เที่ยว จำนวนรถ 4-8 คัน กับการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ในเส้นทางหมวด 1 สาย 3 สะพานหิน- ท่าเทียบเรือรัษฎาภูเก็ต ซึ่งเห็นชอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ดำนินการ ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำอนุญาตประกอบการเพียงรายเดียว

“กะตะกรุ๊ป” รับงบ 470 ล.ผุดโรงแรมที่เขาหลัก


นายปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหารโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ประกอบด้วย โรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท โรงแรมกะตะบีช รีอสอร์ท โรงแรมกะรนบีช รีสอร์ท และโรงแรมกานดาบุรี รีสอร์ท สมุย เปิดเผย ว่า จากการเติบโตของการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และจังหวัดอันดามันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2553 ต่อเนื่องต้นปี 2554 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยมีตัวเลขอัตราการเข้าพักดีกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านๆ มา ดังนั้นเพื่อรองรับการเติบโตที่ยังมีอยู่จึงได้มีแนวคิดในการขยายการลงทุนเพิ่ม โดยก่อสร้างโรงแรม Khaolak Cassaway Resort & Spa บริเวณหาดปากวีป เขาหลัก จ.พังงา บนเนื้อที่ประมาณ 66 ไร่ ซึ่งจะบริหารงานโดยบริษัท เจ้าฟ้าบุรี จำกัด เนื่องจากมองว่าเป็นพื้นที่ที่จะมีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวค่อนข้างสูงในอนาคต
“เงินลงทุนทั้งหมดคาดว่าจะใช้ประมาณ 600-700 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจำนวนประมาณ 470 ล้านบาทได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกสิกรไทย ซึ่งได้ลงนามในสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโรงแรมแห่งนี้จะเป็นระดับ 4 ดาวบวก มีจำนวน 153 ห้องพัก ประกอบด้วย ห้องพัก Duplex Bungalow จำนวน 148 ห้อง, 1 Bedroom Bungalow จำนวน 3 ห้อง, 2 Bedroom Bungalow จำนวน 2 ห้อง จุดเด่น คือ ความเป็นธรรมชาติโดยตั้งอยู่ติดกับชายหาดปากวีปซึ่งค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว การออกแบบเน้นสไตล์สถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่ผสมผสานเข้ากับความเป็นไทยภาคใต้ กลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ห้องอาหารไทย ห้องอาหารซีฟู้ดริมหาด ห้องอาหารอิตาเลี่ยน สปา เป็นต้น”
นายปมุข กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้เริ่มลงมือก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งตรงกับฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น โดยลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มยุโรป และจะมีส่วนหนึ่งเป็นสแกนดิเนเวีย อังกฤษ อิตาลี เนื่องจากไม่ต้องการเจาะจงนักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องการให้เป็นตลาดที่มีการผสมผสาน เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในตลาดใดตลาดหนึ่งก็จะสามารถทดแทนกันได้

ทม.ป่าตองยืนยันเดินหน้าดันโครงการขุดอุโมงค์


นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า จากการที่เทศบาลเมืองป่าตองได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้โครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่กะทู้-ป่าตอง (โครงการขุดอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง) จากการนำเสนอผลการศึกษาซึ่งมี 4 ทางเลือกในการก่อสร้าง และจากการพิจารณาความเป็นไปได้ ตลอดจนผลดีผลเสีย ปรากฏว่าแนวทางเลือกที่ 2 มีความเหมาะสมมากที่สุด โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ กม.0+850 ของทางหลวงหมายเลข 4029 ที่บริเวณหน้าสนามแข่งรถ Go-Kart Speedway ซ้อนทับถนนสายเดิมยาวประมาณ 500 เมตร แล้วจะเบี่ยงซ้ายขึ้นไปลอดใต้เขานาคเกิด เป็นอุโมงค์ยาวประมาณ 1,165 เมตร ตัดผ่านถนนพิศิษฐ์กรณีย์ ยาว 204 เมตร มาบรรจบกันที่ถนนผังเมืองสาย ก.ซึ่งเป็นทางยกระดับมีความยาวประมาณ 2.95 กม.

“ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจความเป็นไปได้ทางวิศวกรรมทั้งในเรื่องสภาพดิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทางบริษัทที่ปรึกษาฯ คาดว่าทุกขั้นตอนของการศึกษาจะแล้วเสร็จสมบูรณ์และพร้อมที่จะส่งรายงานผลการศึกษาทั้งหมดให้กับเทศบาลเมืองป่าตองได้ภายในเวลา 3 เดือนนับจากนี้ ขั้นตอนต่อจากนั้นทางเทศบาลฯ จะนำผลการศึกษาดังกล่าวเสนอไปยังกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นเจ้าภาพหลักในการผลักดันและหางบประมาณมาก่อสร้างต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง”

นายเปี่ยน กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลผลการศึกษาเบื้องต้น สรุปงบประมาณการสร้างคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 6,000 ล้านบาท โดยมีหลายทางเลือกในการลงทุน ทั้งการลงทุนโดยรัฐบาล การลงทุนโดยนักลงทุนล้วนๆ ตลอดจนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลและเอกชน แต่โดยส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลน่าจะเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งหมด เพื่อให้บริการจะคิดค่าบริการได้ไม่สูงนัก แต่หากรัฐบาลไม่มีงบประมาณมากพอการให้เอกชนเข้ามาลงทุนก็จะเป็นอีกทางเลือก เพราะหลังจากที่ได้มีการนำเสนอโครงการดังกล่าวออกไป ปรากฏว่ามีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจค่อนข้างมากทั้งจากจีน และเกาหลี

ต่อกรณีที่ชาวบ้านจากชุมชนบ้านมอญออกมาคัดค้านโครงการ เพราะมองว่าจะกระทบกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ซึ่งนายเปี่ยน ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาทางเทศบาลฯ และบริษัทที่ปรึกษาได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นแต่ยังเป็นห่วงในเรื่องค่าเวนคืนที่เกรงจะได้ราคาต่ำกว่าราคาตลาด จึงอยากชี้แจงว่าปัจจุบันรัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้วว่าในการจ่ายค่าเวนคืนสามารถให้ราคาได้ตามราคาท้องตลาด โดยราคาที่ดินในป่าตองที่อยู่บริเวณถนนผังเมืองสาย ก. ไร่ละ 80 ล้านบาท หากอยู่ในซอยต่างๆ ที่ถัดจากริมถนนจะอยู่ที่ไร่ละ 10 – 20 ล้านบาท ทั้งนี้ยืนยันว่าเทศบาลฯ จะผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ เนื่องจากก่อให้เกิดประโยชน์ค่อนข้างมาก นอกจากจะส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ยังจะเป็นการลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่ใช้เส้นทางจราจรในปัจจุบันซึ่งเป็นทางลาดชันและคดเคี้ยว และมักเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รัฐหนุนงบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรับการเติบโตของภูเก็ต



นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต มีความจุผู้เข้าร่วมประมาณ 6,000 ที่นั่ง บริเวณที่ราชพัสดุแปลง ภก.153 บริเวณหาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดภูเก็ต รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง ได้เป็นแหล่งงานและกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นจากการดำเนินโครงการรวมทั้งพัฒนาที่ราชพัสดุ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้แก่ภาครัฐ ให้เกิดประโยชน์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในขณะเดียวกันช่วยส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจการจัดประชุมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ (MICE) รวมถึงเป็นศูนย์กลางประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่มีความพร้อมสูงสุด และเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและแสดงสินค้าในภูมิภาคด้วย

“ขอยืนยันว่าขณะนี้การดำเนินโครงการมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก หลังจากที่ทางกรมธนารักษ์ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาและวิเคราะห์โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปแล้ว และจากการสอบถามไปยังกรมธนารักษ์ อยู่ในขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อหาผู้ศึกษาออกแบบรายละเอียดเพื่อดำเนินการก่อสร้างให้เป็นรูปแบบเวิลด์คลาสเดสซิเนชั่น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2-3 เดือน หากแล้วเสร็จตามกำหนดและสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปีนี้ ก็จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี”

นางอัญชลี กล่าวว่า เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดอันดามัน ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนการขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตจากปัจจุบันที่รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 6 ล้านคน ขยายเพิ่มเป็น 12.5 ล้านคน โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณในการดำเนินการไปแล้วจำนวน 5,700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน

อย่างไรก็ตามเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ได้ประกาศตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยปี 2553 มีจำนวน 15.5 ล้านคน และ 1 ใน 3 ของจำนวนดังกล่าวเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นพื้นที่และหัวใจหลักหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวจึงได้มีการจัดสรรงบประมาณลงมาเพื่อรองรับการขยายและการเติบโตของการท่องเที่ยว

บรรยายกาศวันวาเลนไทน์ภูเก็ตคึกคัก


เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 54 ณ.ที่ทำการที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นประธานในพิธีจดทะเบียนสมรสให้กับคู่รัก เนื่องในวันวาเลนไทน์ โดยมี โดยมีนายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมพบปะและมอบช่อดอกไม้ให้กับคู่สมรส โดยมีคู่สมรสให้ความสนใจเข้ามาจดทะเบียนเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้นายศุภชัย ได้กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อต้องการสร้างความรู้สึกที่ดีของคู่รัก ที่เลือกวันนี้เป็นวันจดทะเบียนสมรส หลังจากอยู่กินกันมานานหลายปี ซึ่งมีบางคู่รักที่กำลังตั้งครรภ์ หรือบางคู่มีลูกแล้ว โดยในช่วงเช้ามีผู้มาจดทะเบียนจำนวน 115 คู่ และคาดว่าตลอดทั้งวันจะมีคู่รักมาจดทะเบียนสมรสไม่ต่ำกว่า 140 คู่ ซึ่งทางอำเภอเมืองได้มอบของขวัญเป็นตะเกียงเทียนหอม ให้คู่รักทุกคู่ที่มาจดทะเบียนสมรสด้วย

สำหรับบรรยากาศทั่วไปของร้านขายดอกไม้ และของขวัญ ซึ่งทางร้านต่างๆ ได้จัดและตกแต่งร้านด้วยดอกไม้ หรือลูกโปร่งสีแดง และเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีนักเรียน นักศึกษา และวัยรุ่น แห่ซื้อ และสั่งจองดอกไม้โดยเฉพาะดอกกุหลาบเพื่อมอบให้กับคนรักจำนวนมาก

โดยนางสาวชนกานต์ ศรุกุญชร เจ้าของร้านดอกไม้ในเขตเมืองภูเก็ต กล่าวว่า วาเลนไทน์ในปีนี้คึกคักกว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงเช้า มีนักเรียน นักศึกษา และลูกค้าทั่วไปได้สั่งซื้อดอกไม้แล้วจำนวนมาก โดยนิยมสั่งซื้อเป็นช่อ ซึ่งราคาดอกไม้ในปีนี้ ดอกกุหลาบดอกใหญ่ราคาดอกละ 100 บาท กุหลาบดอกเล็ก ดอกละ 20 บาท ดอกคาร์เนชั่น ดอกละ 30 บาท ส่วนราคาเป็นช่อเริ่มราคาตั้งแต่ช่อละ 500 – 5,000 บาท ซึ่งลูกค้านิยมดอกกุหลาบสีแดงช่อละ 500 บาท หากเทียบราคากับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันถือว่าต้นทุนสูงกว่ามาก แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้ลูกค้าต้องแบกรับภาระมากเกิดไปในกรณีสั่งซื้อเป็นช่อ ทางร้านจะยังคงจำหน่ายในราคาเดียวกันเหมือนกับปีที่ผ่านมา

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ตร.ภูเก็ตแถลงผลการปิดล้อมเป้าหมายได้ผู้ต้องและของกลางเพียบ


เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 54 ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รอง.ผบก.(ป)ภ.จว.ภูเก็ตและหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ 8 โรงพักแถลงข่าวการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเกี่ยวกับยาเสพติด-อาชญากรรมในห้วงวันที่ 21 ม.ค.-11 ก.พ.ตามนโยบายกวาดล้างยาเสพติดของรัฐบาลและ ผบช.ภ.8 ประกอบด้วย

กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตจับกุมคดียาเสพติด 5 ราย ผู้ต้องหา 7 คนของกลางประกอบด้วยยาบ้า 1,527 เม็ด ยาไอซ์ 72 ถุง น้ำหนักรวม 92.8 กรัม ยึดทรัพย์ 13 รายการ เงินสด 129,780 บาท

สภ.เมืองภูเก็ตจับกุมคดียาเสพติด 2 ราย ของกลางยาบ้า 1 เม็ด พืชกระท่อม 34 ใบ จับกุมคดีค้างเก่า 2 ราย

สภ.ทุ่งทองจับกุมคดียาเสพติด 5 ราย ผู้ต้องหา 5 คน ของกลางยาบ้า 39 เม็ด กัญชา 1 ห่อ พืชกระท่อม 19 ใบ จับกุมคดีอาวุธปืน 2 กระบอกและกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง

สภ.กะทู้จับกุมคดียาเสพติด 4 ราย ผู้ต้องหา 4 คน ของกลางยาบ้า 2 เม็ด ยาไอซ์ 6.5 กรัม

สภ.ถลาง จับกุมคดียาเสพติด 6 ราย ผู้ต้องหา 7 คน ของกลางยาบ้า 600 เม็ด กัญชา 12 แท่งๆ ละ 1 กก.คดีอาวุธปืน 1 ราย ผู้ต้องหา 1 คน คดีลักทรัพย์ 2 ราย ผู้ต้องหา 2 คน

สภ.ท่าฉัตรไชยจับกุมคดียาเสพติด 12 ราย ผู้ต้องหา 15 คน ของกลางยาบ้า 583 เม็ด ยาไอซ์ 2.9 กรัม พืชกระท่อมกว่า 80 กก.กัญชาและอุปกรณ์เสพอีกจำนวนหนึ่ง

และ สภ.เชิงทะเลจับกุมคดียาเสพติด 3 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ของกลางยาบ้า 3 เม็ด กัญชา 9.2 กรัม จับกุมคดีมั่วสุม 1 ราย ผู้ต้องหา 6 คน จับกุมคดีเล่นการพนัน 1 ราย ผู้ต้องหา 6 คน

ด้านพ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รอง.ผบก.(ป)ภ.จ.ภูเก็ตกล่าวว่า การปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดและอาชญากรรมแต่ละพื้นที่ยังคงมีบาง สภ.ไม่สนองนโยบายรัฐบาลและไม่เป็นตามเป้าหมาย เช่น สภ.กะทู้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดสูง แต่กลับมีการจับกุมเพียงไม่กี่ราย ซึ่งภายในเดือน เม.ย.จะมีการประเมินผลแต่ละ สภ.เพื่อเสนอ ผบช.ภ.8 พิจารณาต่อไป

เนชั่นจับมือชมรมบาสฯภูเก็ต จัด “ดูบาสเป็น เล่นบาสได้”


เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ห้องประชุมโรงเรียนสตรีภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเกียรติศักดิ์ ปิลวาสน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเล่นบาสเกตบอลให้กับเยาวชนอายุไม่เกิน 13 ปี ภายใต้โครงการ “ดูบาสเป็น เล่นบาสได้” ซึ่งทางบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยชมรมบาสเกตบอลอาวุโสเนชั่น ร่วมกับชมรมบาสเกตบอลจังหวัดภูเก็ต โดยนายสาโรจน์ อังคณาพิลาส ประธานชมรมฯ จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนให้เยาวชนสนใจมาเล่นกีฬาบาสเกตบอล เป็นการเพิ่มจำนวนประชากรที่สนใจในกีฬาบาสเกตบอล และเล่นบาสเกตบอลเป็น ซึ่งจะเป็นหนทางหนึ่งในการพัฒนาวงการกีฬาบาสเกตบอลของประเทศไทย โดยมีเยาวชนจากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมประมาณ 100 คน ทั้งนี้การอบรมแบ่งเป็นภาคเช้าเป็นการอบรมภาคทฤษฎี และภาคบ่ายเป็นการฝึกปฏิบัติ โดยวิทยากรอดีตทีมชาติไทยและผู้ฝึกสอนทีมชาติ ได้แก่นายชัยนันท์ วงษ์มีพันธ์ และนายประเสริฐ ศิริพจนากุล นอกจากนั้นยังมีทีมวิทยากรจากชมรมบาสเกตบอลอาวุโสเนชั่น นำโดยนายประเสริฐ ศรีสืบ ด้วย

นายประเสริฐ ศรีสืบ ผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าวว่า ด้วยชมรมบาสเกตบอลอาวุโสเนชั่นตระหนักดีว่าการจะพัฒนากีฬาบาสเกตบอลให้ไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ให้ได้นั้น จะต้องมีการพัฒนาตั้งแต่รากฐานของนักกีฬา จะต้องมีการปลูกฝังนิสัยการรักกีฬาบาสเกตบอลให้กับเด็ก ๆ ในวัยเยาว์ ให้มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และมีความเป็นผู้นำ ดังนั้นชมรมบาสเกตบอลอาวุโสเนชั่น จึงดำริที่จะจัดอบรมการเล่นกีฬาบาสเกตบอลให้กับเยาวชนทั่วประเทศภายใต้โครงการชื่อว่า “ดูบาสเป็น เล่นบาสได้” โดยจะทำการฝึกอบรม 5 ครั้งๆละ 5 ภาค เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยให้เยาวชนสนใจเล่นกีฬามากขึ้น และถึงแม้ว่าเยาวชนที่เข้ารับการอบรมจะไม่เล่นกีฬาบาสเกตบอลเป็นหลัก แต่พวกเขาก็จะสามารถดูการแข่งขันบาสเกตบอลได้อย่างสนุกสนานและเข้าใจกติกา

ด้านนายเกียรติศักดิ์ ปิลวาสน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรี ภูเก็ต กล่าวว่า นับเป็นนิมิตที่ดีที่ภาคส่วนต่างๆ เข้ามาให้การสนับสนุนการเล่นกีฬาของเยาวชน ซึ่งนอกจากจะทำให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทั้งต่อร่างกาย และจิตใจ รวมทั้งยังก่อให้เกิดการเรียนรู้เรื่องกฎ กติกา มีระเบียบวินัยและการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข ประกอบกับในปี 2555 จังหวัดภูเก็ตได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของเยาวชนและสถานที่ในการจัดการแข่งขันด้วย

ขณะที่นายสาโรจน์ อังคณาพิลาส ประธานชมรมบาสเกตบอลจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับเยาวชนอย่างยิ่ง รวมทั้งยังเป็นการต่อยอดการพัฒนากีฬาบาสเกตบอลของเยาวชนในจังหวัดภูเก็ต นอกจากจะได้รับความรู้เรื่องของเทคนิคและวิธีการเล่น หรือการดูที่ถูกต้องแล้ว ยัง่วยให้มีความรู้ในเรื่องของกฎกกติกา ตลอดจนความรับผิดชอบต่างๆ ด้วย

ชนะ ถนอมศักดิ์ ได้รับเลือกเป็นกรรมการสรรหา กกต. ภูเก็ต


เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 54 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายกิติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผอ.กกต.ภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเพื่อคัดเลือกกันเองเป็นกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด โดยมีนายวีระพงษ์ ไวทยวงศ์สกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต นายพีระพงศ์ ผลประมูล ประธานชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต สื่อมวลชนทั้งวิทยุ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ เข้าร่วม

นายกิติพงษ์ กล่าวว่า ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ตชุดปัจจุบัน จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 9 กรกฎาคม 2554 จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ตให้เป็นปัจจุบัน เพื่อดำเนินการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ตแทนชุดปัจจุบัน ซึ่งระเบียบคณะกรรมการเลือกตั้งว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด พ.ศ. 2552 กำหนดให้ในแต่ละจังหวัดมีคณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด จะประกอบไปด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต อัยการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจ ผู้อำนวยการสำนักงานประจำศาล อธิการบดีสถาบันอุดมศึกษา ผู้อำนวยการสำนักการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้แทนทนายความ ประธานหอการค้า นายกสมาคมหรือประธานมูลนิธิ ผู้แทนสื่อสารมวลชน และผู้อำนวยการการเลือกตั้ง

ซึ่งในส่วนวันนี้เป็นในส่วนของ ผู้แทนสื่อมวลชนที่มีอยู่ในจังหวัดซึ่งเลือกกันเองเหลือหนึ่งคน โดยที่ประชุมได้มีการเสนอชื่อมาให้คัดเลือกจำนวน 5 ราย แต่เนื่องจากมีผู้ขอถอนตัวจำนวน 4 ราย คงเหลือเพียง 1 ราย คือนายชนะ ถนอมศักดิ์ จากหนังสือพิมพ์ข่าวเศรษฐกิจธุรกิจ จึงได้รับการคัดเลือกเลือกเป็นได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการทั้ง 11 คน ที่ได้รับการคัดเลือกจะมีการประชุมในวันที่ 17 ก.พ. 54 เพื่อคัดเลือกตำแหน่งประธานฯ ที่สำนักงาน กกต.ภูเก็ต และกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด พร้อมทั้งจะทำหน้าที่คัดเลือกผู้สมัคร กกต.จังหวัดที่มาสมัครใหม่ให้เหลือ 15 คน เพื่อเสนอให้ กกต.กลางคัดเลือกเหลือ 5 คนต่อไป ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสมัคร กกต. จังหวัดภูเก็ต สามารถสอบถามรายละเอียดและสมัครได้สำนักงานกกต.จังหวัดภูเก็ต ตรงข้ามศาลาประชาคม อ.เมือง ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. – 6 มี.ค. 54 ในวันเวลาราชการ