จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมียสุดทนผัวเมาแล้วซ้อม คว้าจอบฟาดดับสยอง


เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 54 พ.ต.ท.สฤษดิ์ บุตรหนองแสง สารวัตรเวร สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุฆ่ากันตายขึ้นภายในบ้านพักไม่มีเลขที่ ซ.ลายัน 11 หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ภูเก็ต ขอให้เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.จิระศักดิ์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.พ.ต.ต.ผดุงพงศ์ ดุกสุขแก้ว สวป.สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมปลูกอยู่ภายในสวนยางพารา อยู่ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเดินเท้าเข้าไปในสวนยางพาราใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ก็ถึงที่เกิดเหตุ เป็นกระท่อมขนาด 5 คูณ 6 เมตร มุงด้วยสังกะสี พบศพเป็นชายนั่งคุกเข่าหน้าคว่ำอยู่ที่พื้นใกล้หม้อหุงข้าว สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเขียว นุ่งกางเกงในสีดำ สภาพศพถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ศีรษะเลือดอาบร่าง ทราบชื่อคือนายสวาท ขวัญนิมิตร อายุ 47 ปีมีอาชีพเฝ้าสวนยางพารา บ้านเดิมอยู่ที่ 47 ถ.ลากูน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยรอบๆ ศพพบข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณและมีร่องรอยการต่อสู้ แต่ไม่พบตัวคนร้าย พบเพียงจอบที่คาดว่าเป็นอาวุธที่ใช้สังหารผู้ตายตกอยู่ไม่ห่างจากศพมากนัก สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชม.จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มอบศพให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งรพ.ถลาง เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า นายสวาทรับจ้างเฝ้าสวนยางพาราและได้อาศัยอยู่ที่กระท่อมดังกล่าวร่วมกับ น.ส.คำปิง คำแสน อายุ 47 ปี ภรรยามากว่า 1 ปี ที่ผ่านมานายสวาทมักดื่มเหล้าและชอบทำร้ายร่างกาย น.ส.คำปิงอยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง โดยนายสวาทได้ใช้ค้อนทุบ น.ส.คำปิง ทำให้ น.ส.คำปิงเกิดความโมโหวิ่งไปคว้าจอบขุดดินที่วางอยู่ฟาดสวนกลับไป ทำให้จอบกระแทกศีรษะนายสวาทเข้าอย่างจัง ร่างล้มทั้งยืนลงไปกองที่พื้นแน่นิ่ง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้จับกุมตัวคนร้ายซึ่งเป็นภรรยาตัวเองมาดำเนินคดีต่อไป

“สืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์ ครั้งที่ 4”


เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 บริเวณลานอเนกประสงค์ วัดสว่างอารมณ์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน “สืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์ ครั้งที่ 4” ซึ่งทางเทศบาลตำบลราไวย์ ร่วมกับศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ตำบลราไวย์ จังหวัดภูเก็ตในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น โดยมีนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์, นายยงยุทธ โสตถิอุดม ผู้จัดการศูนย์ 3 วัยฯ คณะผู้บริหารเทศบาลฯ สมาชิกสภาฯ คณะกรรมการศูนย์ 3 วัยฯ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงเข้าร่วมชมงานและกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
นายยงยุทธ โสตถิอุดม ผู้จัดการศูนย์ 3 วัยฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการจัดกิจกรรมรวบรวมภูมิปัญญาด้านต่างๆ ของผู้สูงอายุและผู้มีภูมิรู้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านในท้องถิ่นของราไวย์ พร้อมได้มีการถ่ายทอด และสาธิตให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จัก โดยได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เนื่องจากประชาชน สถานศึกษา องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ด้วยเล็งเห็นความสำคัญถึงของดีที่มีอยู่ในชุมชน ก่อให้เกิดการสรรหา ผู้ที่มีภูมิรู้ในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
“การจัดงานดังกล่าว เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วม และทำประโยชน์ต่อสังคม โดยรวบรวมและคัดเลือกภูมิปัญญา ความรู้ของผู้สูงอายุที่มีความสามารถทางด้านต่างๆ เพื่อนำมาถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นหลัง ซึ่งตำบลราไวย์ เป็นพื้นที่ที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นและเป็นของดีที่มีอยู่ในชุมชนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นและสังคมของตนเอง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของศูนย์ 3วัยฯ ให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักกว้างขวางมากขึ้น” นายยงยุทธ กล่าว
ขณะที่นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวว่า ตำบลราไวย์มี 7 หมู่บ้าน มีประชากรจำนวน 15,137 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม การประมง โรงแรม รับจ้าง งานบริการท่องเที่ยว และค้าขาย ด้วยความหลากลหายของอาชีพ จึงเกิดภูมิปัญญาด้านต่างๆ มากมาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอนุรักษ์ และสืบสานภูมิปัญญาชาวราไวย์ ไม่ให้สูญหายไป ให้เด็กและเยาวชนรักและหวงแหนภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ตระหนักถึงคุณค่าของคนเฒ่าคนแก่ เชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดในการศึกษาที่สูงขึ้น และดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพต่อไป โดยมีศูนย์ 3 วัยฯ เป็นหน่วยประสานที่สำคัญในการยึดโยงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนรุ่นต่อรุ่นได้เป็นอย่างดี
สำหรับกิจกรรม ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ การถ่ายทอด การสาธิตภูมิปัญญาด้านต่างๆ การจำลองการใช้ชีวิตของคนภูเก็ตในอดีต จนถึงปัจจุบัน ทั้งภูมิปัญญาวิถีชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิมและชาวไทยใหม่ อาทิ การสาธิตกวนกาละแมต้นรับของชาวราไวย์ การสาธิตการทำศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน แพทย์แผนไทย สมุนไพรเพื่อการรักษา การสาธิตทำอาหาร เช่น น้ำพริกหยำ เกลือเคย ข้าวยำภูเก็ตสูตรโบราณ กาแฟโบราณ ขนมจาก การรำวงย้อนยุค การรำรองเง็ง มวยกาหลง วิถีชีวิตชาวประมง การทำข้าวหมก การเล่นสะบ้า เป็นต้น ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนนักเรียนนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คนภูเก็ต กว่า 1 พัน เดินรณรงค์ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง


เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 54 ที่สนามชัย ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดินรณรงค์เผยแพร่และประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป พ.ศ.2554 โดยมีพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต ตำรวจ ประชาชน นักเรียน นักศึกษาและอาสาสมัครพลเรือนประชาธิปไตย จำนวนกว่า 1,000 คน
ได้ร่วมกันเดินรณรงค์ไปตามถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองภูเก็ต ทั้งนี้ก่อนออกเดินรณรงค์ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด ได้ร่วมกันให้คำมั่นสัญญาต่อการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นว่า จะพร้อมใจกันไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกคนดี เข้าสู่สภา และยอมรับผลของการเลือกตั้ง เพื่อนำไปสู่ความสุขสงบ และความสามัคคีของคนในชาติ และจะไม่ซื้อสิทธิ ขายเสียง โดยเด็ดขาดด้วย
นายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผอ.กกต.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมใจกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างทั่วถึง อีกทั้งเพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชน เกิดจิตสำนึกในหน้าที่ รู้สิทธิ และมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อขยายเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
นอกจากนี้ในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ทาง กกต.ภูเก็ต ยังได้กำหนดจัดกิจกรรมรวมพลของลูกเสือจังหวัดภูเก็ต ทั้งหมด รวมทั้งพี่น้องคนพิการ นักเรียน นักศึกษา เยาวชน อาสาพลเมืองในระบบประชาธิปไตย ช่วยกันรณรงค์ ให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตในเขตเมือง ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด ซึ่งมั่นใจว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70

ชูภูเก็ตศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล


เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2554 ที่โรงแรมภูเก็ตเกรซแลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธาน เปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ “ภูเก็ตอันดามันฮาลาล สืบสานวัฒนธรรม นำผลิตภัณฑ์ฮาลาลไทยสู่สากล” (Phuket Halal International Forum and Andaman Muslim Expo 2011) ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ร่วมกับสำนักจุฬาราชมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ.ภูเก็ต นายจิรศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต สำนักจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต ตลอดจน คณะทูตานุทูต ผู้แทนองค์กรรับรองฮาลาลจากประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายสรธรรม กล่าวว่า ด้วยอบจ.ภูเก็ต สำนักจุฬาราชมนตรีและ สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรหลักได้เห็นความสำคัญต่อการให้การรับรองและใช้เครื่องหมายฮาลาลของประเทศไทย จึงได้จัดสัมมนาดังกล่าวขึ้น เพื่อส่งเสริมให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคของประเทศไทย พร้อมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการประชุมนานาชาติ สร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล การบริการ และการท่องเที่ยว โดยใช้จังหวัดภูเก็ต เป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจ
จากความได้เปรียบทางด้านทรัพยากร ภูมิประเทศ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี กระตุ้นให้เกิดการลงทุนการใช้จ่าย เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนในจังหวัดภูเก็ต โดยการนำเสนอวิถีชีวิต และวัฒนธรรมอันดีงามของมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับทราบ เป็นการพัฒนาองค์กรรับรองฮาลาลของประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับขององค์กรรับรองฮาลาลจากทั่วโลก โดยการเชิญองค์กรจากต่างประเทศ มาร่วมกว่า 30 ประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนและพัฒนาร่วมกันในการตรวจรับรองฮาลาลให้เป็นที่ยอมรับและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก รวมถึงส่งเสริมความรัก ความสามัคคีของคนในจังหวัดภูเก็ตในการเป็นเจ้าภาพและต้อนรับแขกที่มาร่วมประชุมและร่วมงานแสดงสินค้าด้วย นายสรธรรมกล่าว
ขณะที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กล่าวว่า เราทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการรับรองฮาลาล เพราะฮาลาลเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของบทบัญญัติอิสลาม ซึ่งครอบคลุมไปในทุกๆ มิติชีวิตของมนุษย์ โดยหลอมรวมกันเข้าเป็นวัฒนธรรมอิสลาม และยืนหยัดมาได้ยาวนานกว่า 1,400 ปี “ฮาลาล” จึงนับเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอิสลาม และบ่งบอกความเป็นอารยะของมุสลิมได้ดี เพราะการที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะฮาลาลได้ ย่อมหมายถึงสิ่งนั้นต้องมีคุณประโยชน์ที่มีต่อผู้ใช้หรือผู้บริโภค หมายถึงความสะอาดของสิ่งที่นำมาใช้หรือบริโภค ความพอดีในการบริโภค และการบริโภคเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่โดยเป้าหมายคือ สร้างสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติต่อไปด้วย
สำหรับจังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก จนได้รับสมญานามว่าเป็น “ไข่มุกอันดามัน” การที่สำนักจุฬาราชมนตรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมมือกันจัดงาน “ภูเก็ตอันดามันฮาลาล 2011” ขึ้น โดยใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลาง และเชิญองค์กรรับรองฮาลาล ทั้งในและต่างประเทศมาร่วมประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ตลอดจนให้ความร่วมมือในเรื่องกระบวนการรับรองฮาลาล จึงถือเป็นเกียรติแก่ประเทศไทยและความภาคภูมิใจของชาวไทย เพราะนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยให้เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับในระดับสากลมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวไทยหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมบนแผ่นดินภูเก็ตไปพร้อมๆ กันด้วย พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว

อบต.กมลา ระดมกำลังทำความสะอาด


เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 54 ที่บริเวณถนนนายสันติ อรรถทรัพย์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา (อบต.กมลา) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก อบต.กมลา ผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดภูเก็ต และประชาชนในพื้นที่ ต.กมลา ร่วมกันใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดกวาดล้างถนนและทางเท้าบริเวณถนนสายรอบเกาะในส่วนของพื้นที่ อบต.กมลา เพื่อให้เกิดความสวยงามและสะอาดตา รองรับการเป็นเมืองท่องเที่ยว และกระตุ้นจิตสำนึกในการร่วมกันดูแลรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบัน ต.กมลาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก
นายสันติ กล่าวว่า ทาง อบต.กมลา ได้ร่วมกับประชาชนจัดกิจกรรมทำความสะอาดในพื้นที่ตำบลกมลานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยจะดำเนินการเป็นประจำทุกสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี และหากเป็นช่วงวันสำคัญก็จะมีการเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมทำกิจกรรมด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อบต.แล้ว ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ได้เห็นความสำคัญของการดูแลรักษาความสะอาดของถนนหนทาง แหล่งน้ำ แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงชายหาดต่างๆ ด้วย
“เบื้องต้นกำลังหลักจะเป็นเจ้าหน้าที่ของ อบต.ขณะเดียวกันก็ได้มีการขยายผลไปยังชาวบ้าน และภาคเอกชนให้ออกมาร่วมมือกัน เชื่อว่าหากคนส่วนใหญ่เห็นพลังของความร่วมมือดังกล่าวแล้ว ปัญหาการทิ้งขยะบริเวณริมถนนหรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะหมดไป โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นเมืองท่องเที่ยว เรื่องของความสะอาด สวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน” นายสันติ กล่าว


ธปท.เดินสายให้ความรู้การคุ้มครองเงินฝาก


วันนี้ (23 มิ.ย.54) ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเรื่อง “การกำกับดูแลสถาบันการเงินกับการคุ้มครองเงินฝากและการให้ความรู้เกี่ยวกับเครดิตบูโร ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดขึ้น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย เกี่ยวกับการกำกับดูแลและความมั่นคงของสถาบันการเงิน การคุ้มครองเงินฝาก โดยเฉพาะการทยอยลดวงเงินคุ้มครองเป็น 50 ล้านบาท ในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 และเป็น 1 ล้านบาทในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 รวมถึง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตพ.ศ. 2545 โดยมีภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปในภูเก็ตเข้าร่วม
นายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก กล่าวว่า เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองเงินฝากจะมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2554 เป็นต้นไป โดยจะเริ่มปรับลดการคุ้มครองเงินฝากลงเหลือ 50 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน และปรับลดเหลือ 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงินในเดือนสิงหาคม 2555 ที่จะถึงนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และเตรียมความพร้อมในการรับการเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งประเทศ
“จำเป็นที่ประชาชนผู้มีเงินฝากอยู่กับสถาบันการเงินต่างๆ จะต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่กฎหมายดังกล่าว และรับทราบว่าหากสถาบันการเงินที่มีเงินฝากอยู่นั้นเกิดความเสียหายจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อขอรับการชดเชยเงินฝากจากรัฐบาล และข้อมูลเกี่ยวกับระบบคุ้มครองเงินฝากดังกล่าวซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก เพราะในการคุ้มครองนั้นจะมีวงจำกัดที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นการสร้างวินัยทางการเงิน โดยในส่วนของผู้มีเงินฝากจำนวนสูงจะให้ความสำคัญในการติดตามฐานะผลการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ขณะที่สถาบันการเงินจะมีวินัย และพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยในการแข่งขันได้อีกต่อไป แต่จะเป็นการแข่งขันกันในรูปแบบของบริการและประเภทของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งจะดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพและมีความระมัดระวังมากขึ้น”
นายสิงหะ กล่าวว่า การคุ้มครองเงินฝากให้เหลือ 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงินนั้น มีกลุ่มเป้าหมายคุ้มครองประชาชนรายย่อย และเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ 98.5% ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากทั้งระบบที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท ในขณะที่ผู้มีบัญชีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทมีเพียง 1.5% ของบัญชีเงินฝากทั้งหมด ดังนั้นการคุ้มครองดังกล่าวก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้มีเงินฝากส่วนใหญ่ โดยขณะนี้ได้ประสานกับทางธนาคารต่างๆ ทั้งของไทยซึ่งมีประมาณ 17 แห่ง ธนาคารต่างประเทศประมาณ 15 แห่ง ไฟแนนท์ 3 แห่ง เครดิตฟองซิเอร์จำนวน 3 แห่ง ให้มีการประชาสัมพันธ์การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยการติดตราสัญลักษณ์คุ้มครองเงินฝากให้ประชาชนรับทราบ และผลิตภัณฑ์ของธนาคารที่มีผลบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากนั้นจะต้องมีตราสัญลักษณ์ติดอยู่ในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสับสน

กกต.ภูเก็ต มอบนโยบายชุดเฉพาะกิจ

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแก่ชุดปฏิบัติการสืบสวนหาข่าว ชุดปฏิบัติการป้องปราม และชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2554 โดยมีนายกิติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผอ.กกต.จังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ พ.ต.อ.พีระยุทธ การเจดีย์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ชุดเข้าร่วมการประชุม
ทั้งนี้ นายตรี อัครเดชา ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง กกต.ได้มีการมอบนโยบายให้กับชุดเฉพาะกิจของ กกต.จังหวัดภูเก็ต ไปครึ่งหนึ่งแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ก็รายงานผลเข้ามายัง กกต.โดยตลอด ส่วนการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งก็จะเป็นช่วงที่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นการที่เจ้าหน้าที่ชุดต่างๆ จะลงไปปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อสืบสวนหาข่าว และไปดำเนินการในเรื่องที่คิดว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า โดยได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่โดยเข้มแข็งภายในกรอบของกฎหมาย ให้เป็นที่พึ่งของคนทั่ว ๆ ไป แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมาก็จะรับผิดชอบร่วมกัน
นายตรี กล่าวต่อไปถึงเรื่องของการขายหวยผู้แทน ซึ่งในขณะนี้ มีร้องเรียนเข้ามาหลายจุด ในพื้นที่เลือกตั้ง 2 เขต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนได้รับแจ้งยืนยันมาในขณะนี้ ว่าบริเวณชุมชนสะพานกอจ๊าน ชุมชนสะพานร่วม 1, 2 ที่เกาะสิเหร่ หรือซอยชุมชนแสนสุข ที่เริ่มดำเนินการขายหวยผู้แทน ก็ได้บอกทางชุดเฉพาะกิจทุกชุด ให้ไปดูแลว่าข่าวที่ได้มาเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน และเมื่อลงไปปฏิบัติในพื้นที่แล้ว พบว่าเป็นข่าวจริง มีการปฏิบัติจริง ก็ให้มีการปฏิบัติหน้าที่ให้เข้มแข็ง
ขณะที่ในเรื่องของการซื้อบัตรประจำตัวประชาชน นายตรี กล่าวว่า ในการซื้อขายบัตรประจำตัวประชาชน มีวิธีการโดยการจดบัตร จดรายชื่อบัตรประจำตัวประชาชน และบางกรณีก็จะเอาบัตรประจำตัวประชาชนไปแล้วก็ให้เงินมัดจำ โดยช่วงแรกอาจจะให้ 500 หรือ 1,000 บาทก่อน แล้วก็จะคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้ในวันไปใช้สิทธิ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ จะนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งผู้สมัครสามารถจะเช็คได้ว่าผลคะแนนที่ออกมาสมดุลกันมากน้อยแค่ไหนกับที่จ่ายไป ซึ่งก็จะต่างกับการเลือกตั้งท้องถิ่น จะเอาบัตรทั้งหมดไปนับที่รวมคะแนน ที่ทาง กกต.กำหนดไว้ เมื่อซื้อสิทธิไปแล้วจะไม่สามารถรู้ได้ว่าหน่วยนั้น ที่พี่น้องประชาชนที่เอาเงินไปแล้วจะลงคะแนนให้หรือไม่อย่างไร แต่การเลือกตั้ง ส.ส.นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อสิทธิไปแล้วเขาสามารถจะคำนวณ ได้ว่าเงินที่จ่ายไปกับคะแนนที่เขาได้รับสมดุลกันหรือไม่ เงินที่ใช้ในการวางมัดจำซื้อบัตรประจำตัวประชาชน เมื่อไปใช้สิทธิแล้วถ้าคะแนนเป็นไปตามเป้าก็จะมีการจ่ายครั้งที่สอง โดยจะมีหัวคะแนนตามไปจ่ายตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก
"ในเรื่องของการซื้อบัตรประจำตัวประชาชน นั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ ส.ส.ทางภาคอีสานทำกันมาโดยตลอด แล้วตอนนี้มาระบาดที่จังหวัดภูเก็ตของเรา ถ้าย้อนหลังไปจริงๆ แล้ว ภูเก็ตถือว่าการเลือกตั้งทุกครั้งเกือบจะเรียบร้อยสมบูรณ์ การซื้อสิทธิขายเสียงจะไม่ระบาดเหมือนกับครั้งนี้ จากที่ได้ฟังข่าวบางกระแสมา หรือแม้แต่หวยใต้ดิน ที่ผมได้กล่าวไปแล้วหลายครั้ง ว่าจะได้ทั้งคนที่เป็นตัวเต็ง และคนที่เป็นมวยรองด้วย ก็เพิ่งจะเริ่มมาระบาดในที่จังหวัดภูเก็ต" นายตรี กล่าว

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โรตารีป่าตองมอบหนังสือกว่า 1,000 เล่ม

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 54 ที่ห้องสมุดประชาชนเทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง ภูเก็ต นายกวี ตันสุคตานนท์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต เป็นตัวแทนเทศบาลนครภูเก็ต เป็นประธานในการรับมอบหนังสือภาษาอังกฤษจำนวน 1,117 เล่ม ให้กับห้องสมุดประชาชนเทศบาลนครภูเก็ต โดยมีนางสาววรรณประภา สุขสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต และ คณะสโมสรโรตารีคลับป่าตองจังหวัดภูเก็ตนำโดย Mr. Larry Amsden
สำหรับหนังสือที่รับมอบในครั้งนี้ เป็นหนังสือหลากหลายประเภท เหมาะสำหรับคนทุกวัย อาทิ “Sea Biscuit” เรื่องราวของเจ้าคุกกี้ทะเล ม้าแข่งชื่อดังขวัญใจคนอเมริกันในช่วงปี 1930 หนังสือขายดีเขียนโดย Luara Hillenbrand ได้คอมเมนท์ “#1 New York Times Best Seller และกำลังมาแรงในตลาดหนังสืออเมริกาเป็นรองที่สองจากหนังสือแฮรี่พอตเตอร์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีหนังสือที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย อาทิ McDougall Plan, Cut and Run, Janissary Tree, Bird’s Eye View เป็นต้น โดยมีตัวแทนจาก เทศบาลนครภูเก็ต และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต ร่วมรับมอบหนังสือดังกล่าว
ทั้งนี้ Mr. Larry Amsden กรรมการสโมสรโรตารีคลับป่าตอง ได้กล่าวว่า หนังสือทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในโครงการของสโมสรโรตารีคลับป่าตองหลังจากที่ทางสโมสรฯได้ริเริ่มโครงการบริจาคหนังสือให้กับโรงเรียนต่างๆในจังหวัดภูเก็ตเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และได้มีการบริจาคหนังสือไปแล้วกว่า 3,000 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นหนังสือสำหรับเด็กประถม มัธยม สารานุกรม หนังสือทางการแพทย์ เป็นต้น สำหรับหนังสือทั้งหมดในครั้งนี้ได้รับบริจาคจากห้องสมุดหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาโดยทำการขนส่งผ่านทางเรือมายังจังหวัดภูเก็ต ทางสโมสรฯ คาดหวังว่าหนังสือทั้งหมด จะมีประโยชน์สำหรับเยาวชน ประชาชน รวมถึงคนต่างชาติที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ตได้เป็นอย่างดี

สาวลาวน้อยใจสามีแคนนาดาผูกคอตาย


เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 54 ร.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งว่ามีเหตุคนผูกคอตายที่บ้านเลขที่ 55/8 ซอยสามัคคี 3 บ้านใสยวน ม.7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป.พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พบสิ่งของถูกรื้อกระจัดกระจาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบภายในห้องนอน เจ้าหน้าที่พบมีคนศพผู้เสียชีวิต ผูกคอตายด้วยเชือกไนลอนสีแดง ผูกกับขอบหน้าต่าง สภาพศพนั่งคุกเข่า สวมกระโปรงสีแดง สวมเสื้อชั้นในสีฟ้าอ่อน แขวนขวาสวมนาฬิกา แขนซ้ายสวมสร้อยคอมือ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำศพออกมาจากบริเวณดังกล่าวเพื่อทำการชันสูตร จากการตรวจสอบทราบชื่อคือ นางสาวลดาวัลย์ พทุธธาวงศ์ อายุ 33 ปี สัญชาติลาว และจากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 15 ชั่วโมง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิก็ได้นำร่างของผู้เสียชีวิตส่งรพ.วชิระ เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกก็ทราบว่า ผู้ตายมีสามีเป็นชาวแคนนาดา แต่ไม่ได้มีบุตรด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงผู้ตายทะเลาะกับสามีอย่างรุนแรง จากนั้นสามีของผู้ตายก็ได้ขับรถยนต์เก๋งออกจากบ้าน และผู้ตายมีอาการซึมเศร้า ไม่ยอมออกมานอกบ้านเหมือนที่ผ่านมา จนกระทั่งเช้าวันนี้เพื่อนบ้านสงสัย ก็ได้เดินเข้าไปหาผู้ตาย แต่พบว่าผู้ตายผูกคอเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะเกิดมาจากที่ผู้ตายอาจจะน้อยใจสามีที่ทราบว่าแอบปันใจให้หญิงคนอื่น จนมีปากเสียงทะเลาะกัน และสามีออกจากบ้านหายไปโดยไม่ยอมกลับ จึงคิดน้อยใจผูกคอตายดังกล่าว

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ปชส.ดึง PR อปท.ร่วมเป็นเครือข่าย

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2554 ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายการประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 ซึ่งจัดโดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต โดยมีคณะวิทยากร เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
ทั้งนี้นายโสภณ เคี่ยมการ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต เป็นหน่วยงานศูนย์กลางการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐ หน่วยงานของรัฐกับประชาชน และระหว่างประชาชนกับประชาชน รวมทั้งเป็นหน่วยงานหลักในการถ่ายทอดความรู้ และนโยบายสำคัญต่าง ๆ จากภาครัฐไปสู่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานของรัฐ และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนจังหวัดภูเก็ต
เพื่อสนองนโยบายรัฐดังกล่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต จึงกำหนดจัดสัมมนาโครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายการประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านช่องทางการใช้สื่อเพื่อประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างสูงสุด และครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงเพื่อพัฒนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัดของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ที่สำคัญเข้าร่วมสัมมนาจะได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพการประชาสัมพันธ์ของจังหวัดให้ดียิ่งขึ้น โดยการสัมมนาครั้งนี้มีผู้รับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 19 แห่ง จำนวน 38 คนเข้าร่วม

รถกระบะชนกับรถรับส่งนักเรียน ตาย 2 เจ็บ 12


เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 54 ร.ต.อ.ประมาณ รัตนะพันธ์ ร้อยเวรสภ.ถลาง จ.ภูเก็ต รับแจ้งว่ามีเหตุรถยนต์ตู้บรรทุกนักเรียนชนกับรถบรรทุกผลไม้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บกว่า 10 คน เหตุเกิดที่บริเวณใกล้ร้านศรีศุภลักษณ์ออคิด ถนนเทพกระษัตรี ต.ศรีสุนทร อ.ถลางจ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.ท.ประสาน โตวอน สวป.พ.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิรัตนกุล สว.สส.เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากอนุสาวรีท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ประมาณ 500 เมตร ฝั่งขาเข้าตัวเมืองภูเก็ต เมื่อเดินทางถึงพบการจราจรติดยาวเหยียด ที่บริเวณกลางถนนพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า รุ่น บีที 50 สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒจ – 6463 กรุงเทพมหานคร ซึ่งบรรทุกผลทุกเรียน แตงโม มังคุด พลิกคว่ำอยู่ ห่างกันประมาณ 10 เมตร พบรถยนต์ตู้ หมายลเขทะเบียน นข – 3115 ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถรับ ส่ง นักเรียน พลิกคว่ำอยู่ข้างทาง โดยภายในรถยังมีนักเรียนติดอยู่ภายในอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้บริเวณรอบนอกยังมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งรพ.ถลางเป็นการด่วน ส่วนนักเรียนที่ติดอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่ก็ได้ใช้เครื่องตัดถ่าง เพื่อนำนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บออกมา ซึ่งการช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบากต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถช่วยเหลือนักเรียนออกมาได้ทั้งสิ้นรวม 11 คน ทั้งหมดเป็นนักเรียนระดับมัธยมต้นของโรงเรียนมุสลิมวิทยา ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายสัน ทราไสย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/3 ม.8 ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นคนขับรถตู้รับส่งนักเรียน สวมเสื้อเชิ้ตสีลาย สวมกางเกงขายาว ศีรษะตะแคงไปทางด้านซ้ายมือ มีเลือดไหลทั่วร่าง สภาพศพคอหัก เนื่องจากได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง ติดอยู่ภายในรถด้านคนขับ ส่วนด้านข้างด้านซ้ายเจ้าหน้าที่ยังพบศพของนางสาวอรอนงค์ จันทนิต อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/4 ม.8 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนมุสลิมวิทยา สภาพศพคอกหัก อัดก๊อปปี้ติดอยู่กับหน้ารถยนต์ตู้คันดังกล่าว นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังพบรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขคธ - 26 ภูเก็ต ถูกชนพังยับเยินตกลงไปในคูข้างถนน แต่ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าได้มีพลเมืองดีนำส่งรพ.ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมอบศพผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งรพ.ถลาง เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายสัน ทราไสย อายุ 54 ปี อาชีพขับรถตู้รับส่งนักเรียน จากพื้นที่จังหวัดพังงา มาเรียนที่โรงเรียนในจังหวัดภูเก็ต โดยภายในรถจะมีนักเรียนจำนวน 11 คน และอาจารย์ ซึ่งจะนั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับรถอีก 1 คน และจะมาส่งนักเรียนที่โรงเรียนมุสลิมวิทยา เป็นประจำทุกวัน ก่อนเกิดเหตุนายสันก็ได้รับนักเรียน และอาจารย์มาส่งตามปกติ และเมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถยนต์กระบะที่ขับส่งผลไม้วิ่งตามมาด้านหลัง และได้แซงรถตู้ไป แต่เนื่องจากด้านหน้ามีรถบรรทุกขับตามกันมาอยู่ ทำให้รถกระบะแซงไม่ได้ ทำให้คนขับรถกระบะต้องเบรกรถ ทำให้รถเสียหลักเนื่องจากมีผลไม้อยู่เต็มในกระบะรถ ท้ายกระบะสะบัดไปกะแทรกเข้าที่ประตูด้านคนขับรถยนต์ตู้ ทำให้เสียหลักพลิกคว่ำมีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว นอกจากนี้รถยนต์กระบะยังได้พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขับอยู่ด้านหน้าตกลงไปข้างทางอีก 1 คัน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนและควบคุมตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษต่อไป

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทีมนครฯ ภูเก็ตและชุมพรตีตั๋วไปต่อ


เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2554 ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาภูเก็ต นายเสกสรร นาควงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการแข่งขันแอโรบิกชิงชนะเลิศระดับภูมิภาค ประจำภาคใต้ ภายใต้โครงการสุขภาพดี ชีวิตดี กับเทสโก้ โลตัส ปีที่ 5 ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับเทสโก้ โลตัส จัดขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย โดยมีนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารเทสโก้ โลตัส คณะกรรมการ ผู้เข้าแข่งขัน สื่อมวลชน และผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นายเดโช ศิลากุล ผู้อำนวยการเทสโก้ โลตัส สาขาภูเก็ต กล่าวว่า โครงการสุขภาพดี ชีวิตดี กับเทสโก้ โลตัส เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้นโยบายด้านสังคมที่ต้องการแสดงถึงการเป็นสมาชิกของสังคม ทั้งนี้เทสโก้ โลตัส พร้อมรับฟังและตอบสนองความต้องการของชุมชน โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมของสังคม 3 ด้านหลักๆ คือ การส่งเสริมทางด้านสุขภาพ การอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และการส่งเสริมทางด้านการศึกษา โดยในส่วนของโครงการสุขภาพดีฯ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับทางเทสโก้ โลตัส ในการมุ่งส่งเสริมให้คนไทยออกกำลังกายเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง และสืบเนื่องจากเสียงตอบรับและความสำเร็จของโครงการ ทั้งสองภาคีจึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันเพื่อสนับสนุนการออกกำลังกายระยะยาว 5 ปี
ในปี 2554 นี้ซึ่งเป็นปีที่ 5 ของการดำเนินโครงการ ประกอบกับวโรกาสครบรอบ 84 พรรษามหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเน้นย้ำจุดยืนของเทสโก้ โลตัส ในการดำเนินรอยตามพระราชดำรัสฯ รวมถึงสร้างความตระหนักและเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพที่ดี โดยมีเป้าหมายเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ อย่างน้อย 5 ล้านคน และมีทีมจากชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันแอโรบิกจำนวน 230 ทีม แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ประเภทประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป และประเภทประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยังได้สร้างความตระหนักและปลูกฝังแนวคิด 3G ได้แก่ Good Health คือ สุขภาพดีกับการเลือกรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและการออกกำลังกาย Goog Life คือ ชีวิตดีด้วยการรู้จักใช้ชีวิตที่ถูกต้อง ทำจิตใจให้เบิกบาน มีทัศนคติที่ดี และ Good Looking คือ บุคลิกภาพที่ดี รู้จักดูแลตัวเอง ทั้งรูปร่างหน้าตา และการแต่งกาย สร้างมั่นใจ
สำหรับในส่วนของทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันแอโรบิกชิงชนะเลิศระดับภูมิภาค ประจำภาคใต้ ครั้งนี้มีด้วยกัน 43 ทีม ซึ่งในแต่ละประเภทคัดเลือกเหลือ 2 ทีม รวม 6 ทีม เพื่อไปร่วมการแข่งขันชิงชนะเลิศระดับประเทศ ชิงถ้วยเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัลรวมกันทั้งสิ้นกว่า 1.6 ล้านบาท ในวันที่ 26 มิถุนายน 2554 ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กรุงเทพมหานคร โดยทีมที่ได้รับการคัดเลือก ในประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ได้แก่ ทีม A HA จ.ภูเก็ต กับทีม The Dance star crew จ.ชุมพร ประเภทประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ได้แก่ อบต.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชกับ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และประเภทประชาชนทั่วไป ได้แก่ ทีม Viking จ.ภูเก็ต กับทีม Hero จ.ภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีรางวัลขวัญใจประชาชน ได้แก่ ทีมชบาตานี (เทศบาลเมืองปัตตานี) จ.ปัตตานี
อย่างไรก็ตามในโอกาสเดียวกันนี้ นางสาวสาวฟาง เอกลักษณ์รุจี ผู้จัดการอาวุโสกิจการบรรษัท-กิจการสาธารณะ เทสโก้ โลตัส มอบเงินช่วยเหลือ 5 ทีม ผู้เข้าแข่งขันที่ประสบอุทกภัยทีมละ 10,000 บาท ได้แก่ ทีม อบต.ท่าขึ้น จ.นครศรีธรรมราช, ทีม อบต.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช, ทีมชมรมแอโรบิก ตลิ่งชัน จ.นครศรีธรรมราช, ทีม surat poison ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี, ทีม tt dance โรงเรียนบ้านทวดทอง ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

รวบหนุ่มเมืองตรัง พร้อมปืน 4 กระบอก


เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 54 ที่ห้องประชุมสภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.ฉลอง พ.ต.ท.ชวลิต เพชรศรีเปีย รองผกก.สส.พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายเคลื่อน ชื่นชม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ม.10 ต.วังวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 3 กระบอก อาวุธปืนขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนไทยประดิษฐ์ 21 นัด กระสุนปืนขนาด 11 ม.1 นัด ซองใส่อาวุธปืน 1 ซอง ยาไอซ์ 1.4 กรัม 2 ถุง เครื่องช่างน้ำหนักแบบดิจิตอล 1 เครื่อง วิทยุสื่อสาร จำนวน 4 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สมุดจดบันทึกรายชื่อลูกค้า 1 เล่ม อุปกรณ์เสพยาไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ซอยเฉลิมพระเกียรติ ม.9 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนั้นได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหามี อาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป
ทั้งนี้พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้มอบนโยบายให้ติดตามกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่คาดว่าจะมาก่อเหตุวุ่นวายในช่วงเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังให้กำชับเรื่องของกลุ่มมือปืนที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุในช่วงก่อนและหลังเลือกตั้ง ซึ่งตนก็ได้กำชับให้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของสภ.ฉลอง ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของสภ.ฉลองทั้ง 3 ตำบล โดยประสานไปยังกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ทุกตำบลทุกหมู่บ้าน
และจากการออกหาข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนกระทั่งทราบว่า นายเคลื่อน ชื่นชม อายุ 36 ปี ที่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในซอยเฉลิมพระเกียรติ ต.ฉลอง เมื่อไม่นานมานี้ และทราบว่ามีอาวุธปืนหลายกระบอก จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้พบตัว และได้เข้าทำการตรวจค้น พบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวไปค้นที่บ้านพักของนายเคลื่อน และจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน 4 กระบอก พร้อมกระสุนอีกจำนวนมาก และของกลางอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ได้นำตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สภ.ฉลอง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า เคยถูกจำคุกในคดีพยายามฆ่า เป็นเวลา 7 ปีเศษ และเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติด เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ได้ซื้ออาวุธปืนทั้งหมดมาเก็บไว้เพื่อยิงสัตว์ และไม่ได้มีใครว่าจ้างมายิงหัวคะแนนหรือผู้สมัครส.ส.แต่อย่างใด เพราะฝีมือยังไม่ถึง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้เร่งทำการสอบสวนเพิ่มเติม ทั้งนี้เนื่องจากผู้ต้องหามีวิทยุสื่อสาร ซึ่งมีเคลื่อนความถี่เดียวกับของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

ตร.กะทู้ รวบ 3 ผู้ต้องหายิงอริดับ 1 เจ็บ 1


เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 54 เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการนำของพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.อารยะพันธ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ ได้นำตัว นายนาจ นาคเพ็ชร์ อายุ 31 ปี อยู่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายสมนึก สุวรรณธนู อายุ 29 ปี อยู่ ต.ควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และนายภูชิต ภู่ขำ อายุ 29 ปี อยู่ ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ เชฟโรเลต สีบอรนด์เทา หมายเลขทะเบียน กท 9703 ภูเก็ต จำนวน 1 คัน อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 มม.ยี่ห้อโคลว์ สีดำ อาวุธปืนยาว ทอมสัน จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน จำนวน 1 อันชุดจับกุม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณซอยตัน ถนนฝังเมือง ก. เทศบาลเมืองป่าตอง บริเวณหน้าร้านนาในคาร์แคร์ ซอยนาใน 8 และหน้าร้านแฟมิลี่มาร์ท ถนนนาใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ภูเก็ต
ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ได้กล่าวว่า สำหรับการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.30 น. ร.ต.ท.ธนกฤต เขียวใหญ่ ร้อยเวรสภ.กะทู้ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณหน้าร้านนาในคาร์แคร์ ซอยนาใน 8 และหน้าร้านแฟมิลี่มาร์ท ถนนนาใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยผู้เสียชีวิตทราบชื่อคืนนายหัชชากร เผือกผล อายุ 36 ปี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อนายสมคิด คลองสิงห์คาม อายุ 32 ปี
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ลงมือในครั้งนี้ประกอบด้วย นายนาจ นาคเพ็ชร์ อายุ 31 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเปิดร้านคาราโอเกะอยู่บริเวณซอยตัน ถนนฝังเมือง ก. นายสมนึก สุวรรณธนู อายุ 29 ปี อยู่ ต.ควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และนายภูชิต ภู่ขำ อายุ 29 ปี อยู่ ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 และเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ในเวลาต่อมา
โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืน ติดตัวจากนายทะเบียนและโดยไม่มีเหตุจำเป็นหรือเร่งด่วนตามควรแก่พฤติกรรม โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนสาเหตุในการลงมือในครั้งนี้เนื่องจากมีการขัดแย้งส่วนตัว