จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

“อาเคเดีย” ผุดโรงแรม 5 ดาวหาดในทอน


นายไมตรี นฤขัตพิชัย กรรมการบริหารบริษัท แฟร์ แอนด์ เฟิร์ม จำกัด ผู้บริหารโรงแรมฮิลตันภูเก็ต อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์สปา หาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต และโครงการ Pullman Phuket Arcadia Naithon Beach หาดในทอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนงบทางการเงินจากทางธนาคารกสิกรไทยจำนวน 1,000 ล้านบาท ในการก่อสร้าง Pullman Phuket Arcadia Naithon Beach ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บริเวณชายหาดในทอน บนเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ จากจำนวนพื้นที่ทั้งหมด 68 ไร่ จำนวน 281 ห้องพัก แบ่งเป็นดีลักษ์ 274 ห้องพัก และพูลล์วิลล่า 7 หลัง จากจำนวนงบก่อสร้างรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ประมาณตุลาคมนี้ โดยจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนกรกฎาคม 2555

“การตัดสินใจลงทุนก่อสร้าง Pullman Phuket Arcadia Naithon Beach เนื่องจากมองว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตยังคงมีการเติบโตในทิศทางที่ดี และยังคงเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ แม้ว่าปัจจุบันจะมีโรงแรมเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะแต่ละโรงแรมจะมีกลุ่มตลาดลูกค้าที่แตกต่างกัน ประกอบกับมีที่ดินอยู่แล้ว และการท่องเที่ยวของภูเก็ตก็มีการขยายตัวไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ตมากขึ้น รวมทั้งการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต และการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ จากเดิมตั้งใจที่จะไปลงทุนที่บางสัก เขาหลัก จ.พังงา ซึ่งก็มีที่ดินอยู่แล้วประมาณ 180 ไร่ แต่จากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้ต้องชะลอการก่อสร้างออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์คาดว่าจะก่อสร้างในอีกประมาณ 2-3 ปีข้างหน้า”

นายไมตรี กล่าวด้วยว่า กลุ่มลูกค้าของ Pullman Phuket Arcadia Naithon Beach จะเป็นกลุ่มไฮเอนด์ ทั้งยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากห้องพักแล้วแล้วยังมีบริการห้องประชุมด้วย สามารถจุได้ 400 คน โดยจะใช้เชนของแอคคอร์ เป็นผู้บริหารงาน เนื่องจากเป็นเชนที่มีศักยภาพและมีการบริหารงานโรงแรมในเมืองไทยจำนวนมาก เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา เป็นต้น จึงมีศักยภาพในการหาลูกค้าค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตามนายไมตรี ยังกล่าวถึงในส่วนของโรงแรมฮิลตันภูเก็ต อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์สปา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดกะรน ว่า เนื่องจากก่อสร้างมาเป็นเวลาประมาณ 23 ปี ดังนั้นในปีนี้จะมีการปรับปรุงห้องพัก ห้องประชุมซึ่งจะเสริมในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ และการปรับภูมิทัศน์บริเวณด้านหน้าโรงแรม เพื่อรองรับการแข่งขันทางการตลาด โดยใช้งบประมาณดำเนินการรวมประมาณ 200 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40 % และในช่วงหน้าไฮซีซันจะถึงนี้ก็จะดีขึ้นตามลำดับ โดยในช่วงไฮซีซันปีที่ผ่านมามีอัตราการเข้าพักประมาณ 80%


หนุนงบ 600 ล. สร้างอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ

นางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวที่ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันภูเก็ตมีแหล่งน้ำดิบขนาดใหญ่ ประกอบด้วย อ่างเก็บบางวาด อ.กะทู้ กับอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ อ.ถลาง และที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 1 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำคลองกระทะ อ.เมืองภูเก็ต ใช้งบก่อสร้างประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้รับงบประมาณแล้ว ทราบว่าล่าสุดทางรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ผ่านความเห็นชอบการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะทำให้มีแหล่งน้ำดิบในพื้นที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ที่มารองรับอีกส่วนหนึ่ง โดยเมื่อรวมแหล่งน้ำดิบที่มีอยู่ทั้งหมดจะทำให้มีน้ำใช้ได้ต่อไปอีกอย่างน้อยประมาณ 10 ปี กับจำนวนของประชากรและนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเท่ากับปัจจุบัน ส่วนการต่อท่อน้ำดิบจากเขื่อนรัชประภานั้น เป็นการดำเนินการเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ซึ่งนอกจากนำมาใช้ที่ภูเก็ตแล้ว ในระหว่างทางยังสามารถปล่อยน้ำให้กับทาง จ.กระบี่และ จ.พังงาที่มีการวางท่อผ่านได้ด้วย นางอัญชลีกล่าว

นางอัญชลี กล่าวด้วยว่า การบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่นั้นคงจะเป็นหน้าที่ของจังหวัดในการที่จะเป็นผู้วางแผนการใช้น้ำร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ เพราะรัฐบาลคงไม่สามารถที่จะลงไปในรายละเอียดได้ทั้งหมด และจากการที่มีการสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มเติมก็จะทำให้การบริหารจัดการน้ำดีขึ้น โดยทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะต้องไปจัดทำโครงการต่อท่อส่งไปยังบ้านเรือนของประชาชน ซึ่งเชื่อว่าทางจังหวัดก็พร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพดำเนินการทั้งระบบ นอกจากเรื่องของน้ำดีแล้วอนาคตก็จะต้องเข้ามาดูในเรื่องของน้ำเสียควบคู่กันไปด้วย

อย่างไรก็ตาม นางอัญชลี กล่าวด้วยว่า จากปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งทางการประปาส่วนภูมิภาคได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี 2 โครงการ คือ การต่อท่อน้ำดิบจากเขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี มายัง จ.ภูเก็ต กับโครงการต่อท่อน้ำดิบจากเขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานีไปยังเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทางการประปาส่วนภูมิภาคไปดำเนินการศึกษารูปแบบรายละเอียดที่ชัดเจนของโครงการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณารูปแบบของการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเป็นลักษณะของการร่วมทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน จากข้อมูลเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนจุดละประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท

สะพานสารสิน 2 คืบหน้าแล้ว 44%


นายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยสะพานสารสินเป็นสะพานเชื่อมระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดภูเก็ต ตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 402 เป็นสะพานขนาด 2 ช่องจราจร ความยาว 360 เมตร สร้างเมื่อปี พ.ศ.2510 ต่อมาในปี พ.ศ.2535 จากปริมาณจราจรคับคั่งประกอบกับเรือประมงหรือเรือท่องเที่ยวชนสะพานบ่อยครั้งอันเนื่องจากมีช่องลอดใต้สะพานต่ำ กรมทางหลวงจึงได้ก่อสร้างสะพานท้าวเทพกระษัตรี ขนาด 2 ช่องจราจร ความยาว 650 เมตร ขนานกับสะพานสารสิน โดยใช้สะพานท้าวเทพกระษัตรีเป็นฝั่งขาเข้าและสะพานสารสินเป็นฝั่งขาออกจังหวัดภูเก็ต ประกอบกับปัจจุบันปริมาณจราจรได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสภาพความชำรุดทรุดโทรมของสะพานสารสินที่ไม่อาจซ่อมแซมให้สมบูรณ์ได้ กรมทางหลวงจึงได้ออกแบบสะพานแห่งใหม่เป็นสะพานยกระดับข้ามทะเลคู่ขนานกับสะพานสารสินเดิม และสะพานท้าวเทพกระษัตรี พร้อมกันนี้ให้ยกเลิกการใช้สะพานสานสินเดิม โดยรื้อช่วงสะพานเดิมออกแล้วก่อสร้างเป็นสะพานลอยคนเดินข้าม และศาลาพักผ่อนชมทิวทัศน์เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงด้วย

“สำหรับการก่อสร้างสะพานสารสิน 2 ได้เริ่มสัญญาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 และจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 20 มิถุนายน 2554 ใช้งบประมาณก่อสร้าง จำนวนประมาณ 377.999 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วยงานก่อสร้างสะพาน ขนาด 2 ช่องจราจร โดยมีผิวจราจร กว้าง 12.20 เมตร ความยาวช่วงสะพาน 655.05 เมตร และถนนเชิงลาดฝั่งภูเก็ตยาว 560 เมตร ฝั่งท่านุ่น ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ยาว 510 เมตร รวมระยะทางประมาณ 1.725 กิโลเมตร กับงานรื้อสะพานสารสินเดิม และก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามพร้อมกับศาลาพักผ่อนชมทิวทัศน์ โดยออกแบบให้สอดคล้องกับงานสถาปัตยกรรมของจังหวัดภูเก็ตแบบชิโนโปรตุกีส ผสมผสานกับรูปแบบอาคารหลังคาทรงปั้นหยาแบบภาคใต้”

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 44 % คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดที่วางไว้ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะเอื้อประโยชน์ด้านการคมนาคมขนส่งทางบกที่เชื่อมระหว่างเกาะภูเก็ตกับจังหวัดพังงาให้มีความสะดวก ปลอดภัย สอดคล้องกับการขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจร จาก ต.โคกกลอย จ.พังงา ถึง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตามแนวทางหลวงหมายเลข 402 ของกรมทางหลวง รวมถึงการคมนาคมทางน้ำจะมีความสะดวกและปลอดภัย ยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงในภูมิภาคด้วย


วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กสิกรไทยสนับสนุนการสร้างโรงแรมที่หาดในทอน

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 53 ที่ห้องสิมิรัน โรงแรมฮิวตัน อาเคเดีย ต.กะรน อ.เมือง ภูเก็ต นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)ร่วมลงนามการสนับสนุนทางการเงินให้กับโครงการ Pullman Phuket Acadia Nation Beach (ภูแมน ภูเก็ต อาเคเดีย เนชั่น บีช) กับนายชัยวัฒน์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท แฟร์ แอนด์ เฟิร์ม จำกัด ผู้บริหารโครงการ เป็นเงินกู้จำนวน 1 พันล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโรงแรม ระดับ 5 ดาว จำนวน 281 ห้องพัก บริเวณหาดชายหาดในทอน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

ผู้บริหารโครงการ Pullman Phuket Acadia Nation Beach กล่าวว่า การตัดสินใจลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าภูเก็ตยังมีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวอีกมาก เห็นได้จากในช่วงที่เกิดวิกฤตต่างๆ ภูเก็ตสามารถที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว และยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประกอบกับศักยภาพของที่ตั้งของโรงแรมซึ่งมีความเหมาะสมด้วยสามารถที่จะมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน

ด้านรองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยได้อนุมัติสินเชื่อโครงการใหญ่ๆในหลายโครงการให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจในภูเก็ต โดยจังหวัดภูเก็ตมีอัตราการเติบโตด้านสินเชื่อกว่าพื้นที่อื่นๆประมาณเป็นร้อยละ 8 ทั้งนี้เป็นผลมาจากธนาคารมีความมั่นใจในศักยภาพและความพร้อมของนักลงทุนในจังหวัดภูเก็ต



“ราษฎร์ – รัฐ ศรัทธาธรรม” ครั้งที่ 3

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 53 ที่วัดโฆษิตวิหาร อ. เมือง จ. ภูเก็ต สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต กำหนดจัดทำโครงการ “ราษฎร์ – รัฐ ศรัทธาธรรม” โดยมีหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต เรือนจำจังหวัด เทศบาลตำบลรัษฏา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ต นักเรียนจากโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยีและชุมชนได้จัดบุคลากรและเจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมกันพัฒนาวัดโฆษิตวิหาร โดยก่อนการไปร่วมพัฒนา มีการกล่าวสัมโมทนียคาถาของพระภิกษุในวัดโฆษิตวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยมีนายเชาวเลิศ จิตต์จำนงค์ รองนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา นายโสภณ เคี่ยมการ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต เยาวชน นักเรียน นักโทษชั้นดี เข้าร่วม

ทั้งนี้นายโสภณ เคี่ยมการ ได้กล่าวว่า ในการจัดทำโครงการ “ราษฎร์ – รัฐ ศรัทธาธรรม” นั้น เกิดขึ้นเนื่องมาจากปัจจุบันสถานการณ์ทางสังคมมีความขัดแย้งกัน ประชาชนมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม เพราะประชาชนยังขาดการไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล จึงมีความจำเป็นที่ต้องส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และศาสนา ในหมู่พี่น้องประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้สังคมไทยมีความเจริญอย่างยั่งยืนโดยโครงการ “ราษฎร์- รัฐ ศรัทธาธรรม” ได้กำหนดให้มีการพัฒนาวัดก่อนถึงวันสำคัญทางศาสานา รวม 3 ครั้ง คือ ในช่วงก่อนวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันก่อนวันอาสาฬหบูชา โดยได้กำหนดพัฒนาที่วัดโฆษิตวิหาร อำเภอเมืองภูเก็ต


Phuket Creative Tourism Forum


เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 53 ที่โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จัดสัมมนา ภายใต้หัวข้อ Phuket Creative Tourism Forum โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาเป็นจำนวนมาก

การสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรและนักคิดต่างประสบการณ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บรรยายในหัวข้อ ภูเก็ตกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการตลาดในประเทศ คุณประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ นักคิดต่างประสบการณ์จากวงการโฆษณาและการตลาด เจ้าของผลงาน แกะดำทำธุรกิจ

นายอภิรักษ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นในหลายด้าน โดยเฉพาะ ด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน อาทิ ความเจริญรุ่งเรืองด้านการทำเหมืองแร่ในสมัยอดีต ประเพณีการถือศีลกินผัก รวมไปถึง วัฒนธรรมการแต่งกายและด้านอาหารการกิน เหล่านี้หากได้รับการพัฒนาแบบคงความดั้งเดิมไว้ได้จะเป็นจุดเด่นของภูเก็ตที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาพักผ่อนและท่องเที่ยวในภูเก็ตได้ นอกเหนือจากจุดเด่นด้านความสวยงามทางธรรมชาติของหาดทราย และชายทะเล


30 สาวงามเก็บตัววันสุดท้ายที่ภูเก็ต โชว์ชุดว่ายน้ำ


เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 23 กรกฎาคม 2553 ที่บริเวณสระน้ำ โรงแรมเคปพันวา ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต สาวงาม 30 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ร่วมทำกิจกรรมเก็บตัววันสุดท้ายที่จังหวัดภูเก็ต โดยการโชว์ชุดว่ายน้ำ โดยได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ลงมาพักผ่อนอยู่บริเวณสระน้ำเป็นอย่างดี

ทั้งนี้การโชว์ในชุดว่ายน้ำของผู้เข้าประกวดทั้งหมด ทำให้เห็นถึงความแตกต่างของรูปร่าง และหน้าตาได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งแต่ละคนมีหน้าตาที่สวยงาม มีรูปร่างที่สมส่วนเหมาะสมกับบุคลิกของแต่ละคนที่มีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองสูง และที่สำคัญชุดว่ายน้ำที่ผู้เข้าประกวดนำมาสวมใส่นั้นนอกจากจะมีสีสันที่สดใส สวยงามแล้ว ยังกระชับและรัดกุมด้วย

หลังจากนั้นผู้เข้าประกวดได้ร่วมรับประทานอาหารเที่ยง โดยอาหารที่ทางโรงแรมเคป พันวา ได้เตรียมให้คณะสาวงามมื้อสุดท้ายมีเมนูสปาเก็ตตี้อบเนย, ปลากะพงผัดซอลเนยลูกอัลมอน, หมูสันนอกทอดกระเทียมพริกไทย, อกไก่ย่างกับซอลส้ม, สลัดซีฟู้ด, ซุปเห็ด, ของหวานมีช๊อกโกเลตเค้ก, พายแอปเปิ้ล ส่วนผลไม้มีสับปะรด , มะละกอ, ส้มโอและแตงโม

สำหรับผู้เข้าประกวดฯ ทั้ง 30 ได้เดินทางมาเก็บตัวทำกิจกรรมที่จังหวัดภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 20 – 23 กรกฎาคม 2553 โดยเข้าพักที่โรงแรมเคปพันวา ทั้งนี้ระหว่างการเก็บตัว ผู้เข้าประกวดร่วมกันทำกิจกรรมภายใต้แนวคิด “งามอย่างมีคุณค่า เพื่อการศึกษาของเด็กไทย” โดยการพัฒนาโรงเรียน ณ โรงเรียนบ้านแหลมทราย จ.ภูเก็ต และกิจกรรมโปรโมทการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต โดยผุ้เข้าประกวดทั้ง 30 คน จะเข้าประกวดรอบตัดสินวันที่ 14 สิงหาคม ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอด เซ็นทรัลเวิลด์ต่อไป

ตร.ฉลองรวบผู้ค้ายาบ้าเกือบพันเม็ด


เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 53 พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนางมะลิษา มัชปาโต อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/41 ม.7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 980 เม็ด กระเป๋าผ้าสีน้ำตาลลายแดง 1 ใบ ในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

ทั้งนี้พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้กล่าวว่า จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ ว่า นางมะลิษา มัชปาโต มีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าแก่วัยรุ่นในตำบลราไวย์ และใกล้เคียงมานานแล้ว จึงได้ให้สายลับเข้าไปตีสนิทและติดตามดูพฤติกรรม จนกระทั่งสายได้แจ้งว่า เครือข่ายยาบ้า ได้จัดส่งยาบ้ามาให้นางมะลิษา เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผน ก่อนที่จะซุ่มดูพฤติกรรม จนกระทั่งพบเห็นนางมะลิษา มีพฤติกรรมพิรุธต้องสงสัย จึงได้ขอทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบยาบ้าจำนวน 980 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีดังกล่าวต่อไป

จากการสอบสวนนางมะลิษา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าได้ค้ายาบ้าให้แก่วัยรุ่นในตำบลราไวย์และใกล้เคียงมานานแล้ว โดยรับยาบ้ามาจากเพื่อนคนจากจังหวัดกาฬสินธ์ เมื่อขายยาบ้าหมดแล้วก็จะนำเงินส่งไปทางบัญชีธนาคารให้เพื่อนที่ส่งยาบ้ามาให้และครั้งนี้ไม่ทันที่จะได้จำหน่าย ก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพกีฬานักเรียนภูมิภาคภาคใต้

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 53 ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน นายประไพ รัตนไพจิต ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต เป็นประธานการแถลงข่าวการแข่งขันกีฬานักเรียนระดับภูมิภาค (ภาคใต้) ประจำปี2553 โดยมีนายชัยพฤกษ์ พันธพฤกษ์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายสุภัทร พันธ์พัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจการนักเรียน ร่วมแถลง

ทั้งนี้นายประไพ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้มีการแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาระดับนักเรียนชายและหญิง รุ่นอายุ 12 ปี 15 ปี และ 18 ปี ใน 6 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ตะกร้อลอดห่วง หมากรุกไทย หมากฮอส มวยไทย (เต้นออกกำลังกายประกอบดนตรี) ปักตะกร้อ และเปตอง ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต จัดการแข่งขันกีฬานักเรียนระดับภูมิภาค (ภาคใต้) ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ประจำปี 2553 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต

จึงได้จัดการแข่งขันกีฬานักเรียน ระดับภูมิภาค (ภาคใต้) ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ประจำปี 2553 ระดับนักเรียนชายและหญิง รุ่นอายุ 12 ปี 15 ปี และ18 ปี ระหว่างวันที่ 6-11 สิงหาคม 2553 ใน 6 ชนิดกีฬา ดังนี้คือ ตะกร้อลอดห่วง แข่งขัน ณ อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนเทศบาลพิบูลสวัสดี หมากรุกไทยและหมากฮอส แข่งขัน ณ ห้องประชุม โรงเรียนวิชิตสงคราม มวยไทย (เต้นออกกำลังกายประกอบดนตรี) แข่งขัน ณ หอประชุมการะเวก โรงเรียนสตรีภูเก็ต เซปักตะกร้อ แข่งขัน ณ โรงยิม 1 ศูนย์กีฬาสะพานหิน และเปตอง แข่งขัน ณ สนามเปตอง ศูนย์กีฬาสะพานหิน

นายประไพ กล่าวอีกว่า ในส่วนของความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตในฐานะเจ้าภาพขณะนี้ ได้เตรียมความพร้อมไว้ 100 % แล้วทั้งเรื่องของสถานที่พัก การดูแลความปลอดภัยโดยได้ประสานกับทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โรงพยาบาลในพื้นที่ คิดว่าไม่มีปัญหาใด ๆ และจะไม่ให้เสียชื่อจังหวัดในฐานะเมืองท่องเที่ยว ทั้งนี้การแข่งขันกีฬารายการนี้ จะมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมกว่า 2,000 คน


ลงนามความร่วมมือพัฒนาศักยภาพบุคลากร


เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 ที่ห้องโสตทัศนศึกษา 1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในงานธุรกิจบริการสุขภาพ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา โดยนายประดิษฐ์ ระติตานนท์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีฯ และสมาคมสปาจังหวัดภูเก็ต โดยนายรังสิมันต์ กิ่งแก้ว ตัวแทนฯ นอกจากนี้ยังมีนายสุรัตน์ จั่นแย้ม ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและนายสุนทร พลรงค์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ร่วมลงนามเป็นพยาน

นายสุนทร พลรงค์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต กล่าวว่า นับตั้งแต่กระแสการท่องเที่ยวหันมาพัฒนาธุรกิจสปาและสุขภาพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการท่องเที่ยว โดยที่ผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ด้วยการร่วมจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตร ปวช.และหลักสูตร ปวส.ตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาหลักสูตร พัฒนาครูและบุคลากรในภาคธุรกิจบริการสุขภาพ สนับสนุนการเรียนการสอนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอย่างต่อเนื่อง และนับตั้งแต่ปี 2548 มีการพัฒนาบุคลากรจัดอบรมหลักสูตรการนวด ภายใต้การสนับสนุนของสมาคมสปาจังหวัดภูเก็ต และในปี 2551 ทางวิทยาลัยได้จัดการเรียนการสอนสาขาวิชาสปาและความงาม โดยร่วมกับสมาคมธุรกิจสปาทั้งภาคปกติและระบบเทียบโอนความรู้และประสบการณ์

อย่างไรก็ตามในปี 2553 อุปสงค์และอุปทานด้านสปาในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สมาคมธุรกิจสปาจังหวัดภูเก็ต และวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต จึงมีความเห็นตรงกันที่จะใช้วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ตเป็นฐานการผลิตและพัฒนากำลังคนสู่อาชีพธุรกิจบริการสุขภาพ จึงได้จัดให้มีการลงนามความร่วมมือดังกล่าวขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนด้านการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับบุคลากรในงานธุรกิจบริการสุขภาพ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาบุคลากรในงานธุรกิจบริการสุขภาพ สนับสนุนการดำเนินงานกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสนับสนุนและพัฒนางานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจบริการสุขภาพ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการอาชีวศึกษาและธุรกิจบริการสุขภาพ นายสุนทรกล่าว

กสิกรไทยสนับสนุนกลุ่มทุนท้องถิ่น 567 ล.

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 ที่ร้านแหลมทอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายทวิช ธนะชานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามการสนับสนุนทางการเงินให้กับโครงการคารีมา (Kalima) กับ นายประกอบ นิยมดุลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ เคป วิว รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด ผู้บริหารโครงการคาลีมา รีอสร์ท แอนด์สปา จำนวน 567 ล้านบาท ซึ่งเป็นรีสอร์ทระดับ 4 ดาว จำนวน 168 ห้องพัก บริเวณหาดกะหลิม อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

นายปพนพัชร์ นิยมดุลย์ ผู้บริหารโรงแรมคาลีมา รีสอร์ท แอนด์ สปา กล่าวว่า การตัดสินใจลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าภูเก็ตยังมีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวอีกมาก เห็นได้จากในช่วงที่เกิดวิกฤตต่างๆ ภูเก็ตสามารถที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว และยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประกอบกับศักยภาพของที่ตั้งของโรงแรมซึ่งมีความเหมาะสมด้วยสามารถที่จะมองเห็นวิวทะเลได้ย่างชัดเจน

“คาลีมาฯ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 24 ไร่ บริเวณหาดกะหลิม อ.กะทู้ มีจำนวน 168 ห้องพัก เป็นรีสอร์ทนระดับ 4 ดาว ออกแบบในสไตล์ของสถาปัตยกรรมไทยสมัยใหม่ เน้นบรรยากาศการพักผ่อนที่แสนสบายมีความเป็นส่วนตัว ห้องพักทุกห้องถูกออกแบบให้มีลักษณะซีวิว โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท หากรวมราคาที่ดินด้วยจะอยู่ที่ประมาณ 1,250 ล้านบาท โดยจะลงมือก่อสร้างประมาณปลายปีนี้ และคาดว่าสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปี 2555”

นายปพนพัชร์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้นั้น หากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นจะเป็นกลุ่มตลาดยุโรปและสแกนดิเนเวีย ส่วนช่วงโลว์ซีชั่นจะเป็นกลุ่มตลาดเอเชีย ซึ่งก็ได้มีการทำตลาดล่วงหน้าไปบ้างแล้ว โดยการบริหารงานด้านการตลาดจะดำเนินการร่วมกับทีมงานของโรงแรมบลูมารีน รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ขณะที่นายทวิช ธนะชานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การให้การสนับสนุนการลงทุนให้กับกลุ่มทุนของจังหวัดภูเก็ต ด้วยมั่นใจในศักยภาพของความเป็นเมืองท่องเที่ยว และมองว่าธุรกิจโรงแรมยังไปได้ดี แม้จะมีการจับตามองเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองก็ตาม แต่ไม่น่าห่วงมากนัก เพราะการลงทุนโรงแรมใหม่และการปรับปรุงเพื่อเพิ่มมาตรฐานของโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ ยังมีต่อเนื่อง โดยมีการขอรับการสนับสนุนจากธนาคารกสิกรไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรายใหญ่ซึ่งมีการลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการลงนามสนับสนุนการก่อสร้างโรงแรมใหม่ในพื้นที่ป่าตองเช่นกัน จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท และจะมีการลงนามการสนับสนุนอีก 1 รายที่หาดในทอน อ.ถลาง ในวงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมแล้วเฉพาะรายใหญ่มีการปล่อยเงินกู้ไปแล้วประมาณ 2,500 ล้านบาท

 

30 สาวงามเยี่ยมชมศูนย์แสดงสินค้าโอทอปภูเก็ต


เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 53 ที่ศูนย์แสดงสินค้าโอทอป องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) สะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต คณะผู้เข้าร่วมประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 จำนวน 30 คน เดินทางเข้าเยี่ยมชมศูนย์แสดงสินค้าโอทอป โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาอบจ.ภูเก็ต สมาชิกเครือข่ายสินค้าโอทอปจังหวัดภูเก็ต สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำเข้าเยี่ยมชมสินค้าโอทอปต่างๆ ที่จัดแสดงและจำหน่ายภายในศูนย์ดังกล่าว โดยได้รับความสนใจจากสาวงามผู้เข้าประกวดเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ทางนายไพบูลย์ ยังได้ร่วมบริจาคเงินสดจำนวน 2 หมื่นบาท และในระหว่างที่เข้าเยี่ยมชมศูนย์สินค้าโอทอป ยังได้มีการเดินรับเงินบริจาค จากคณะที่เดินทางมาให้การต้อนรับอีกด้วย ซึ่งเงินที่รับบริจาคในครั้งนี้จะนำไปมอบให้กับทางโรงเรียนบ้านแหลมทราย จังหวัดภูเก็ตต่อไป

นายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่ผู้เข้าประกวดเดินทางมาเก็บตัวที่จังหวัดภูเก็ต และเข้าเยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ศูนย์ดังกล่าวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากศูนย์ดังกล่าวเพิ่งเปิดให้บริการมาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากนัก ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเป็นที่รวบรวมสินค้าจากสมาชิกเครื่องข่ายมาวางจำหน่าย

หลังจากเข้าเยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปแล้วคณะผู้เข้าประกวดทั้ง 30 คน ได้เดินทางต่อไป สักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี – ท้าวศรีสุนทร ที่บริเวณสี่แยกท่าเรือ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จากนั้นเดินทางไปถ่ายทำ VTR วาไรตี้และบรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต โดยการพายเรือคายัด วอลเลย์บอลชายหาด อาบแดด เพื่อนำไปออกอากาศในวันประกวดจริงต่อไป


วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

30 สาวงามร่วมกิจกรรมโรงเรียนบ้านแหลมทราย



เมื่อวันที่ 21กรกฎาคม 2553 นางนวลลออ รุ่งโรจน์สาธรกิจ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแหลมทราย หมู่ 6 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยคณะครู นักเรียน และประชาชนบ้านแหลมทราย ร่วมให้การต้อนรับ 30 สาวงามผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ในโอกาสเดินทางมาทำกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนฯ ระหว่างการเก็บตัวทำกิจกรรมที่จังหวัดภูเก็ต โดยเด็กนักเรียนได้มีการจัดชุดแสดงต้อนรับ ประกอบด้วย การแสดงชุดระบำดีดกุ้งและการรำตารีกีปัส (รำพัด) พร้อมร่วมกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและความเป็นกันเอง จากนั้นก็ได้มีการมอบอุปกรณ์กีฬา สีกัปตัน ขนมและหนังสือ ให้กับทางโรงเรียนบ้านแหลมทราย

การทำกิจกรรมนั้นได้มีการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม 6 อย่าง ได้แก่ กรีดยาง ทาสีรั้วโรงเรียน เปลี่ยนหลังคาอาคารเรียน ปรับปรุงสนามเด็กเล่น เล่านิทานเด็กปฐมวัยและติดผ้าม่านในห้องสมุด ทั้งนี้ในกิจกรรมเปลี่ยนหลังคาอาคารเรียน ซึ่งมีสาวงาม ประกอบด้วย นางสาวชิษณุชา พึ่งเพียร หมายเลข 12 นางสาวลิตา กลั่นบิดา หมายเลข 20 นางสาวณัฐชฎา กาญจนไพหาร หมายเลข 21 และนางสาววัชรีย์ อยู่สูง หมายเลข 25 ซึ่งต่างตั้งใจอย่างเต็มที่ ด้วยการปีนบันไดขึ้นไปซ่อมแซมหลังคาโดยไม่กลัวจะผลัดหล่นลงมา ในระหว่างนั้นก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ทั้งหมดก็ไม่ย่อท้อจัดการเปลี่ยนหลังคาจนเสร็จ

สำหรับกิจกรรมในวันพรุ่งนี้จะมีการทำกิจกรรมตั้งแต่ช่วงเช้า โดยคณะสาวงามทั้งหมดจะร่วมกิจกรรมเยี่ยมชมย่านตัวเมืองภูเก็ต บริเวณถนนถลาง เยี่ยมชมพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เทือกเขานาคเกิด ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ช่วงบ่ายจะเล่นกีฬาริมหาด อาทิ พายเรือคายัค- วอลเล่ย์บอลชายหาด –อาบแดด เป็นต้น หลังรับประทานอาหารเย็น ก็ให้สาวงามแสดงความสามารถและพักผ่อนตามอัธยาศัย

เพิ่มศักยภาพแกนนำชุมชน เยาวชน


เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2553 ที่ห้องประชุมโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต แกนนำชุมชนและเยาวชน เพื่อยกระดับระบอบประชาธิปไตยในชุมชนให้ยั่งยืน ซึ่งทางศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพระปกเกล้า โดยมีคณะกรรมการศูนย์ฯ เด็ก เยาวชน และแกนนำชุมชนในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมประมาณ 100 คน

นายสุพจน์ สงวนกิตติพันธุ์ คณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ ได้เล็งเห็นว่าสภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีลักษณะของผู้คนที่เห็นแก่ตัวมากขึ้น มีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ไม่สนใจและละเลยกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนและประเทศชาติ โดยมักจะนิ่งเฉยด้วยคิดว่าไม่ใช่ปัญหาของตัวเอง ใครเป็นคนก่อก็ให้ไปแก้ไขกันเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งคนทั่วประเทศกว่าร้อยละ 60 ยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีว่าจะเข้าช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ถือเป็นแนวคิดที่บั่นทอนความเจริญของประเทศชาติเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังส่งผลให้ปัญหาที่เกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ในชุมชนหรือเกิดขึ้นกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือจากคนส่วนใหญ่ในสังคม ก็ส่งผลให้ปัญหาดังกล่าวบานปลาย เป็นปัญหาระดับประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยไทยว่าไร้รากฐานและความเข้าใจเรื่องของความเป็นพลเมือง ซึ่งหมายถึง การที่ประชาชนเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น สนใจและมีส่วนร่วมในเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองและเรื่องที่มีผลกระทบต่อตนเอง บุคคลอื่นๆ และชุมชน ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่นหรือระดับชาติ

ด้วยตระหนักในความสำคัญของแนวคิด เรื่องความเป็นพลเมือง ประกอบกับความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการพัฒนาประชาธิปไตย และเล็งเห็นว่าการจะพัฒนาประชาธิปไตยให้เจริญก้าวหน้าและสถาพรได้ ควรเริ่มจากเด็ก เยาวชน แกนนำชุมชน ควรจะปลูกฝังให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เรียนรู้และซึมซับแนวคิดความเป็นพลเมืองให้มากที่สุด ซึ่งการจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการศูนย์ฯ แกนนำชุมชนและเยาวชน เพื่อยกระดับระบอบประชาธิปไตยในชุมชนให้ยั่งยืน ขึ้น เพื่อให้เด็ก เยาวชนแกนนำชุมชนได้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีหลักการเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตย รวมทั้งเป็นการรวบรวมความคิดเห็น ทัศนะ แนวทางและวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อในอนาคตประเทศไทยจะถึงพร้อมด้วยพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง และร่วมกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป นายสุพจน์กล่าว


เยาวชนภูเก็ตติดยาเสพติดสูงกว่า 40%

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2553 ที่ห้องประชุมสำนักบริหารยุทธศาสตร์และบูรณาการการศึกษาที่ 10 อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด จังหวัดภูเก็ต ปี 2553 ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต (สสจ.ภูเก็ต) จัดขึ้น เพื่อให้บุคคลกลุ่มเสี่ยงเข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยกิจกรรมในโครงการและสร้างแกนนำในพื้นที่ให้มีองค์ความรู้และทักษะช่วยเหลือเพื่อนนักเรียน เยาวชนในพื้นที่หมู่บ้านและชุมชนของจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งกำหนดให้มียุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการ CLEAN&SEAL ทำความดีเพื่อแผ่นดิน กวาดล้างให้สิ้นยาเสพติด เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพ โดยมีนักเรียนนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต เข้าร่วม จำนวน 118 คน นอกจากนี้ยังมีครูผู้ควบคุมดูแลนักเรียน ทีมวิทยากรกระบวนการ และเจ้าหน้าที่ สสจ.ภูเก็ตเข้าร่วมอีกจำนวนหนึ่งด้วย

นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดได้แพร่เข้าไปในกลุ่มเด็กและเยาวชนวัยเรียน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติ จากข้อมูลสถานการณ์การเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ปี 2553 ของจังหวัดภูเก็ต ในกลุ่มของผู้เข้ารับการบำบัดระบบสมัครใจ พบว่าเยาวชนในช่วงอายุ 16-20 ปี มีอัตราการติดสารเสพติดมากที่สุด ร้อยละ 41.30 รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 10-15 ปี ร้อยละ 23.91 นิยมใช้สารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) และกัญชามากที่สุด นอกจากนี้ยังมีเยาวชนที่ต้องคดีเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัดด้วย ส่วนของผู้เข้ารับการบำบัดรักษาในโรงพยาบาลและสถานีอนามัยต่างๆ ในปี 2553 มีจำนวน 491 คน เป็นผู้บำบัดระบบสมัครใจ 53 คน ผู้บำบัดระบบบังคับบำบัด 438 คน โดยเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดทั้งยาบ้า สารระเหย กัญชา กระท่อม และเฮโรอีน ทั้งนี้ยังพบว่าการบำบัดรักษายาเสพติดในระบบบังคับบำบัด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่าบำบัดรักษาในระบบสมัครใจ

นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับประเทศ โดยกำหนดให้มียุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด มีการจัดทำแผนปฏิบัติการมหาดไทย CLEAN&SEAL ทำความดีเพื่อแผ่นดิน กวาดล้างให้สิ้นยาเสพติด อย่างเป็นรูปธรรมแล้วนั้น การจัดโครงการค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด จึงเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมือร่วมใจช่วยกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจร

รพ.สิริโรจน์ขานรับสวมหมวกนิรภัย 100%


เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ กิตติพงศ์วิวัฒน์ สว.จร.สภ.เมือง ภูเก็ต ได้เข้าพบกับนายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลสิริโรจน์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการร่วมรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100% ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นมา

ทั้งนี้ พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ได้กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีรถรวมทุกประเภทกว่า 290,000 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 280,000 คัน เฉลี่ยประชากร 1 คน ต่อรถ 1 คัน ซึ่งเป็นสถิติที่สูงสุดในประเทศ อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร สูงอันดับต้นของประเทศไทยด้วย และจากสถิติดังกล่าวก็พบว่า สาเหตุที่พบจะเกิดจากผุ้ขับขี่ไม่สวมหมวกกันน๊อค

ดังนั้นสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จึงได้จัดโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100% ขึ้น เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจร อีกทั้งเพื่อปลูกฝังวินัยจราจร ปลูกจิตสำนึกและค่านิยมที่ถูกต้องแก่ผู้ขับขี่ ผู้โดยสารหรือผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมรณรงค์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการก็ได้รับการตอบรับและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ในการสวมหมวกนิรภัย

นอกจากนี้ สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ยังเตรียมจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับภาคเอกชน เพื่อรณรงค์สวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ในสถานประกอบการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

ด้านนายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลสิริโรจน์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ จะตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของโรงพยาบาลสิริโรจน์ ซึ่งได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ 7 ปีติดต่อกัน นับเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกและแห่งเดียวในภาคใต้ที่ได้รับรางวัลดังกล่าว เพราะโรงพยาบาลเล็งเห็นความสำคัญในความปลอดภัยของพนักงานทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งการร่วมรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100% นับเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่โรงพยาบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ โดยจะมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับพนักงานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร



วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปิดกีฬาและกรีฑานักเรียนในสังกัดอบจ.ภูเก็ต

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 53) ที่สนามกีฬาสุระกุล นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬา กรีฑานักเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ต โดยมี นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารและนักกีฬาจากโรงเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ต เข้าร่วม

นายมานพ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสร้างสุขภาพและการจัดการแข่งขันกีฬาทุกประเภทมาโดยตลาด โดยเฉพาะการเล่นกีฬา ได้มีส่วนช่วยพัฒนาคน พัฒนาจิตใจ ให้มีระเบียบวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย อบจ. ภูเก็ต จึงกำหนดจัดการแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียนในสังกัด อบจ. ภูเก็ตขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสออกกำลังกายและเล่นกีฬา ตลอดจนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างทรัพยากรบุคคลของจังหวัดให้มีศักยภาพ คุณภาพที่ดี มีสุขภาพสมบูรณ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยในการเสริมสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคงของประเทศชาติต่อไป

สำหรับการแข่งขันกีฬาของโรงเรียนในสังกัด อบจ. ภูเก็ต แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย เปตอง ฟุตซอล ตะกร้อ กำหนดการแข่งขันในระหว่างวันที่ 15 – 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่วนในวันนี้เป็นการแข่งขันกรีฑานักเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ต เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดับภาคใต้ ประจำปี 2553 และเป็นตัวแทนในการแข่งขันกีฬาจังหวัดภูเก็ต


จัดอบรมบุคลากรพัฒนาด้านการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 53 ที่โรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดอบรมเรื่องกฎหมายแรงงานเพื่อการบริหารแบบมืออาชีพ ตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทาง อบจ.ภูเก็ต สนับสนุนงบประมาณให้ชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ตดำเนินการ โดยมีนายประเสริฐ มนต์ประสิทธิ์ ประธานชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการสังกัด อบจ. ภูเก็ต ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ฝ่ายทรัพยากรบุคคลจากสถานประกอบการ โรงแรมต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม

ทั้งนี้นายประเสริฐ กล่าวว่า ทางชมรมฯ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก อบจ.ภูเก็ต โดย นายก อบจ.ภูเก็ตซึ่งประสงค์ให้นำรายได้ของ อบจ.ภูเก็ตที่ได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผู้เข้าพักในโรงแรมกลับคืนประโยชน์สู่ผู้มีส่วนในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมให้ อบจ.ภูเก็ต กอปรกับจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและโดดเด่นอยู่ในตลาดท่องเที่ยวโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องได้รับการบริการที่ดีจากบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าในตลาดท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่าได้หันกลับมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น เพราะบุคลากรทางด้านการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการให้บริการและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว แต่การให้บริการที่มีประสิทธิภาพนั้นก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดีของผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วย

ดังนั้นจึงได้จัดฝึกอบรมดังกล่าวขึ้นเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้องและนำความรู้ไปบริหารจัดการองค์กรได้อย่างถูกต้องเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งจะส่งผลให้สถานประกอบการมีบุคลากรที่มีคุณภาพมาตรฐาน บริหารสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อไป นายประเสริฐ กล่าว


อบรมอาสาสมัครสภากาชาดไทย

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 53 ที่โรงแรมเพิร์ลภูเก็ต นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมอาสาสมัครสภากาชาดไทย หลักสูตรพื้นฐาน อาสาสมัครจังหวัดภูเก็ต โดยมี นางอรทัย เอี่ยมตระกูล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต กรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต อาสาสมัครสภากาชาดไทย เข้าร่วม

นางอรทัย กล่าวว่าโครงการอบรมอาสาสมัครสภากาชาดไทย หลักสูตรพื้นฐาน อาสาสมัครจังหวัดภูเก็ต เป็นโครงการที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสหพันธ์สภากาชาดสากลและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ในการจัดอบรมให้กับอาสาสมัครสภากาชาดไทย

ในระหว่างวันที่ 20 – 21 กรกฎาคม 2553 ทั้งนี้เพื่อจัดหาอาสาสมัครในการดำเนินการช่วยเหลือภารกิจของเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อสร้างเครือข่ายอาสาสมัครสภากาชาดไทยในการประสานความร่วมมือกับเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ตให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต อีกทั้งเพื่อให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสภากาชาดไทย กาชาดสากลแก่อาสาสมัคร เสริมสร้างศักยภาพอาสาสมัครให้มีความพร้อมรับเหตุภัยพิบัติอย่างสม่ำเสมอ ชี้แจงบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบในการเป็นอาสาสมัคร พร้อมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมอาสาสมัครให้มีความศรัทธาในภารกิจของสภากาชาดไทย


มอบอุปกรณ์เสริมอาชีพผู้ด้อยโอกาส


เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 53 ที่บ้านเช่าเลขที่ 355/12 ถ.ระนอง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางเบญจวรรณ ตัมพานุวัตร ประธานมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมฯ ได้เข้าเยี่ยมนางสาวภัสสร วุฒิการ อายุ 38 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคปลายเส้นประสาทอักเสบ (บริเวณขาข้างซ้าย) ขาอ่อนแรง ปัจจุบันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยมีเพื่อนบ้านช่วยเหลือออกค่ารักษาพยาบาล พร้อมกันนี้ยังได้มอบหม้อสแตนเลส จำนวน 1 ชุด (5 ใบ) ถังน้ำแข็ง 1 ใบ ช้อนส้อม 2 โหล และเงินสดอีกจำนวน 1,000 บาท เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพค้าขายด้วย

นางเบญจวรรณ ตัมพานุวัตร ประธานมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต กล่าวว่า การเข้าเยี่ยมและมอบสิ่งของดังกล่าวเนื่องมาจากนางสาวภัสสร ได้มีหนังสือร้องทุกข์ไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ของรัฐบาล 111 สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความช่วยเหลือจัดสรรทุนเพื่อประกอบอาชีพ และทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทางจังหวัดโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต (พม.) ดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงตามหนังสือร้องทุกข์ดังกล่าว และทาง พม.ภูเก็ต ได้มีหนังสือขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ตามหนังสือที่ ภก 0004/1519 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 และทางมูลนิธิฯได้มีมติอนุมัติให้การช่วยเหลือเพื่อให้ นางสาวภัสสรใช้เป็นทุนและอุปกรณ์ในการดำรงชีพต่อไป

ผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์เก็บตัวที่ภูเก็ต



เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 ที่โรงแรมเคปพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายภูมิภัทร นาวานุเคราะห์ ผู้อำนวยการกลุ่มโรงแรมในเครือ เคป โฮเทล คอลเล็คชั่น ผู้บริหารโรงแรมเคปพันวา และ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้จัดการกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 หลังจากได้ร่วมกันให้การต้อนรับบรรดาสาวงามผู้เข้ารอบสุดท้าย จำนวน 30 คน ซึ่งเดินทางมาเก็บตัวเพื่อทำกิจกรรมที่ จ.ภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 20-23 กรกฎาคม 2553 ด้วยอังกะลุงและพวงมาลัยดอกไม้ ก่อนที่จะเดินทางกลับไปเข้าประกวดรอบตัดสินในวันที่ 14 สิงหาคม 2553 ที่จะถึงนี้

นายภูมิภัทร กล่าวว่า ทางโรงแรมรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ให้เป็นสถานที่เก็บตัวของสาวงามผู้เข้าประกวดทั้ง 30 คน เช่นเดียวกับการจัดประกวดเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งใช้สถานที่ของโรงแรมแคนทารี่ ฮิลล์ เชียงใหม่ โดยที่ผ่านมาในส่วนของโรงแรมเคปพันวาได้เป็นสถานที่ในการเก็บตัวของผู้เข้าประกวดมิสเบลเยี่ยม 2009 รวมทั้งได้มีโอกาสต้อนรับผู้บริหารระดับสูง และผู้มีชื่อเสียงจำนวนมาก ซึ่งการเป็นสถานที่เก็บตัวของผู้เข้าร่วมประกวดจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
จากนั้นในช่วงบ่าย บรรดาสาวงามผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิร์ด 2010 รอบคัดเลือกจำนวน 30 คน ได้ร่วมกันทำกิจกรรมแรกของการเก็บตัวด้วยการเขียนผ้าบาติก โดยมีการแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 6 คน ด้วยการเขียนรูปปลาบนผืนผ้าผืนละ 2 ตัว ทั้งนี้ปลาดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน และสร้างความตื่นเต้นให้กับสาวงามเป็นอย่างมาก

สำหรับผ้าบาติกที่ร่วมกันเขียนนั้นจะนำไปทำผ้าม่านตกแต่งให้กับห้องสมุดของโรงเรียนบ้านแหลมทราย ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในวันที่ 21 กรกฎาคม 53 ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมปรับภูมิทัศน์ของโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีการทาสีอาคารเรียน เปลี่ยนหลังคาโรงเรียน ปรับปรุงสนามเด็กเล่น ทาสีเครื่องเล่นให้สดใส ตลอดจนการเล่านิทาน และกิจกรรมกีฬากับเด็กนักเรียน นอกจากนี้ยังจะร่วมกันมอบต้นไม้ สีกัปตัน ขนมและหนังสือให้กับทางด้วย หลังจากนั้นผู้เข้าประกวดทั้งหมดจะเดินไปไหว้พระที่วัดพระทอง และเดินทางไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือโรงเรียนก่อนที่จะเดินทางกลับโรงแรมที่พักเพื่อผักผ่อน เตรียมพร้อมทำกิจกรรมในวันต่อๆ ไป

FIVB มอบสนามวอลเลย์กลางแจ้ง


เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 53 ที่โรงเรียนเชิงทะเลวิทยาคม “จุติ-ก้อง อนุสรณ์” อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายเว่ย จีชง ประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ เป็นประธานเปิดป้ายสนามวอลเลย์บอลกลางแจ้ง และมอบอาคารเรียนให้กับโรงเรียนเชิงทะเลวิทยาคม “จุติ-ก้อง อนุสรณ์” โดยมีนายชาญณรงค์ หนูคง ผู้อำนวยการฯ นอกจากนี้ยังได้มีการมอบป้ายสนามวอลเลย์บอลให้กับโรงเรียนบ้านสุขสำราญ จ.ระนอง และเทศบาลนครภูเก็ต นอกจากนี้ยังมี นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายพงศ์โพยม วาศภูติ นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นายชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ กรรมการบริหาร สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นายวิรัตน์ พาที ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทย สำนักงาน จ.ภูเก็ต ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการมอบลูกวอลเลย์บอลจำนวน 100 ลูกให้กับทางโรงเรียนด้วย

ทั้งนี้นายชาญณรงค์ หนูคง ผู้อำนวยการโรงเรียนเชิงทะเลวิทยาคม “จุติ-ก้อง อนุสรณ์” กล่าวว่า สืบเนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเกิดภัยพิบัติสึนามิ เมื่อปี 2547 และในส่วนของทางโรงเรียนฯ ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมามีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้สนับสนุนงบประมาณในการช่วยเหลือทางโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติด้วย ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการสร้างสนามวอลเลย์บอลกลางแจ้งและอาคารเรียน เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการศึกษาและพัฒนาด้านการกีฬาของนักเรียนต่อไป

ขณะที่นายชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ กรรมการบริหาร สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้สนับสนุนงบประมาณ 35 ล้านบาท ให้กับโรงเรียนต่างๆ ที่ประสบภัยสินามิใน 5 จังหวัดประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรังและสตูล ในการจัดสร้างอาคารเรียนและสนามวอลเลย์บอลกลางแจ้ง ซึ่งแต่ละพื้นที่จะใช้งบประมาณ 6-7 ล้านบาทในการก่อสร้าง พร้อมกันนี้ยังได้มอบลูกวอลเลย์บอลให้โรงเรียนที่ได้จัดสนามวอลเลย์บอลโรงเรียนละ 100 ลูก เพื่อให้นักเรียนได้นำไปใช้ในการพัฒนาทักษะมือด้านการเล่นวอลเลย์บอล นอกจากนี้ยังจะมีการดูแลและซ่อมบำรุงสนามให้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดให้ความรู้และการพัฒนาทักษะการเล่นวอลเลย์บอลด้วย

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประชุม WCM 2010 นำเสนอผลงานวิจัยกว่า 300 เรื่อง


เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 ที่ห้องประชุมโรงแรมรอยัลภูเก็ต นายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมทางวิชาการด้านสังขวิทยาของโลก ครั้งที่ 17 หรือ The 17th World Congress of Malacology : WCM 2010" ซึ่งทางคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ UNITAS MALACOLOGICA จัดขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของสมาคมหอยนานาชาติ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (BRT) โดยมีนักวิชาการด้านสังขวิทยาจาก 46 ประเทศทั่วโลกทั้งเอเชียและยุโรป จำนวน 233 คน และนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกอีกจำนวน 102 คน มานำเสนอผลงานวิจัยด้วยวาจาจำนวน 236 บทความ เสนอด้วยโปรเตอร์จำนวน 120 เรื่อง นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับหมึกและหอยในประเทศไทย โดยความร่วมมือของศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเล จ.ภูเก็ต, ศูนย์ป่าชายเลน จ.พังงา ตลอดจนจัดให้มีการทัศนศึกษาให้กับนักวิชาการได้ลงสำรวจพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อยืนยันให้เห็นถึงความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางชีวภาพของไทยด้วย

ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ผู้เชี่ยวชาญด้านสังขวิทยา ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานสมาคมหอยนานาชาติ (President of UNITAS MALACOLOGIA) กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกของเอเชียที่ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมดังกล่าว เพราะเดิมจะจัดเฉพาะในประเทศแถบยุโรปเท่านั้น ซึ่งการเลือก จ.ภูเก็ต ประเทศไทยเป็นสถานที่ในการจัดประชุมนั้นถือว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างมาก ประกอบกับการที่ตนได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานสมาคมหอยนานาชาติ (President of UNITAS MALACOLOGIA) เนื่องด้วยผลงานวิจัยด้านหอยทากที่มีมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ซึ่งถือเป็นเกียรติต่อวงการวิทยาศาสตร์ไทยอย่างมาก

“การประชุม WCM 2010 ถือเป็นเวทีการรวมตัวของนักวิชาการด้านสังขวิทยาชั้นนำของโลก ซึ่งมีการประชุมถึง 10 หัวข้องานวิจัยใหญ่ๆ เพื่อร่วมหาแนวทางศึกษาวิจัยเกี่ยวกับหอยและหมึกของโลกในทุกแง่มุม ตั้งแต่งานวิจัยองค์ความรู้พื้นฐาน ชีววิทยา นิเวศวิทยา การเพาะเลี้ยงจนถึงการอนุรักษ์ อีกทั้งยังมีการหารือเกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีการศึกษาวิจัยระดับสูงร่วมกันภายใต้การดูแลของนักวิชาการชั้นนำของโลก และเป็นโอกาสอันดีที่นักวิชาการไทยจะมีโอกาสได้พบและพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับนักวิชาการระดับโลกซึ่งจะช่วยเปิดมุมมองต่อยอดงานวิจัยได้มาก รวมทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ตและประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย"

ศ.ดร.สมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมครั้งนี้จะมีการหารือแนวทางการรับมือกับปัญหาโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตของสัตว์และพืชต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหอยซึ่งพบว่ามีจำนวนลดน้อยลง โดยเฉพาะกรณีบนบกจะมีปัญหามากกว่าในน้ำทะเล โดยเฉพาะที่มาจากหอยน้ำจืด จะพบในส่วนของพยาธิต่างๆ ที่พบค่อนข้างบ่อย คือ พยาธิใบไม้ พยาธิใบไม้ในตับ ส่วนใต้ท้องทะเลที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ คือ ปะการังฟอกขาว ซึ่งจากการที่นักวิชาการลงไปดำน้ำพบปะการังฟอกขาวเป็นจำนวนมาก อันเป็นผลมาจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่เพิ่มสูงกว่า 30 องศาซึ่งก็จะได้มีการหารือเพื่อหาแนวทางในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะดำเนินการกันต่อไปอย่างไร


จับหนุ่มเมืองมะกันฆ่าสาวบาร์ยัดกระเป๋า

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตพร้อมด้วย พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และพ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายโรนัลด์ จอห์น ฟาเนลลี่ ทู อายุ 37 ปี สัญชาติอเมริกัน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือโนเกียและซิมการ์ด ซึ่งเป็นของผู้ตาย กางเกงลายพรางทหาร 1 ตัวของผู้ต้องหาที่ใส่ในวันเกิดเหตุ รถ จยย.ซูซูกิสเต็ป ทะเบียน ขจว 92 ภูเก็ตที่ใช้ลำเลียงศพไปทิ้ง และมีดพับปลายแหลม 1 อันที่ใช้แทงผู้ตาย ตามหมายจับของศาล จ.ภูเก็ต ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2553 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย หลังก่อเหตุใช้มีดแทง น.ส.วันเพ็ญ เพียรใจ อายุ 33 ปี พนักงานสวีทฮาร์ทบาร์ หาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต ถึงแก่ความตาย จากนั้นนำผู้ตายจับยัดใส่กระเป๋าเดินทางแล้วนำไปโยนทิ้งไว้ที่ริมถนนเลี่ยงเมือง-เจ้าฟ้าตะวันตก ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จนกระทั่งมีคนมาพบศพช่วงสายวันที่ 24 มิถุนายน 2553

ทั้งนี้พฤติกรรมของคดีด้วยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2553 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุเมืองภูเก็ต ว่ามีผู้พบศพคนถูกยัดอยู่ในกระเป๋าเดินทางสีน้ำเงิน ทิ้งอยู่บริเวณริมถนนสายวิชิต-กะทู้ ม.4 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จึงได้ไปตรวจสอบ ทราบภายหลังชื่อน.ส.วันเพ็ญ เพียรใจ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 ม.11 ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ทำงานเป็นพนักงานสวีทฮาร์ทบาร์ หาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมข้อมูลและออกสืบสวนติดตามจนทราบว่า นายโรนัลด์ จอห์น ฟาเนลลี่ทู เป็นผู้ก่อเหตุ จนสามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 141/5 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต

โดยนายโรนัลด์ จอห์น ฟาเนลลี่ทู ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือกระทำผิดในคดีนี้จริง โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 ได้รับผู้ตายมาจากร้านสวีทฮาร์ทบาร์ ต.กะตะ อ.เมืองภูเก็ต แล้วพาไปยังบ้านเลขที่ 65/175 ม.1 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต แล้วได้ใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย หลังจากนั้นได้นำผู้ตายจับยัดใส่กระเป๋าเดินทางแล้วนำไปโยนทิ้งไว้ที่ริมถนนดังกล่าวข้างต้น

พล.ต.ต.พิกัด กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยระบุว่าผู้ตายหยิบมีดที่ผู้ต้องหาซ่อนไว้ออกมาเล่น ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความหวาดระแวง คิดว่าผู้ตายจะทำร้าย จึงคว้ามีดแทงผู้ตายเสียชีวิต ด้วยกลัวความผิดจึงนำร่างผู้ตายใส่กระเป๋าเดินทางแล้วบรรทุกรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักใน ต.วิชิต อ.เมืองแล้ว นำไปโยนทิ้งไว้ที่ริมถนนสายดังกล่าว จนกระทั่งมีคนไปพบในที่สุด ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก


กรุงไทยเปิดสาขาที่ถลาง

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 53 นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานพิธีเปิดที่ทำการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาถลาง มีนายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นายธวัช อยู่ยอด ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส รักษาการผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มเครือข่ายภาคใต้ 1 นายสุเวช หฤหรรษพงศ์ ผู้บริหารสำนักงานเขต สำนักงานเขตภูเก็ต นายชุมพล ดุลยมหากำธร ผู้จัดการสาขาอาวุโส ว่าที่ร้อยตรีพงษ์ศักดิ์ กังแฮ ปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารสาขา แขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐ เอกชน และจากภาคประชาชน เข้าร่วมในพิธี

นายสุเวช หฤหรรษพงศ์ ผู้บริหารสำนักงานเขต สำนักงานเขตภูเก็ต กล่าวถึงนโยบาย เป้าหมายแนวทางการดำเนินงานและฐานะความเจริญก้าวหน้าของธนาคารว่า ธนาคารกรุงไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศประกอบธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 มีนโยบายหลักของธนาคารคือ การเพิ่มศักยภาพเพื่อให้บริการตามความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยดำเนินการปรับปรุงระบบงาน การพัฒนาพนักงานให้มีคุณภาพ การปรับปรุงสำนักงานสาขา การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทย มีนโยบายที่จะขยายเครือข่าย และช่องทางการให้บริการลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้บริการ ได้รับความสะดวกสบาย สมกับการเป็นธนาคารแสนสะดวก The Convenience Bank สำหรับสาขาถลาง เปิดให้บริการในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น.



วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทรภ.3 เก็บทุ่นเตือนภัยสึนามิถึงฝั่งแล้ว



วันที่ 18 กรกฎาคม 53 .ค. บริเวณท่าเทียบเรือ ฐานทัพเรือพังงา อ.ท้ายเหมือง จว.พังงา พล.ร.ต.เรืองทิพย์ เทียนทอง รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ได้นำคณะผู้สื่อข่าวเดินทางไป ตรวจสอบทุ่นเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ที่ทางเรือรบหลวงบางประกง ที่ได้รับคำสั่งให้ออกไปเก็บกู้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งจุดที่พบนั้นอยู่ในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย ห่างจากฝั่งฐานทัพเรือพังงา ไปทางทิศตะวันตก 194 ไมล์ทะเล โดยมีเจ้าหน้าที่จำนวน 210 นาย พร้อมด้วยชุดนักทำลายใต้น้ำจากทัพเรือภาคที่ 3 จำนวน 5 นาย เจ้าหน้าที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และตัวแทนบริษัทเรแดนซ์อินเตอร์เนชั่นแนล

ทั้งนี้น.อ.เฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บังคับการเรือรบหลวงบางปะกง เปิดเผยว่า การค้นหาและเก็บกู้ทุ่นเตือนภัยสึนามิเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากคลื่นลมในทะเลรุนแรงมาก จากการตรวจสอบเบื้องต้น บริเวณทุ่นมีรอยถูกกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้ไฟสัญญาณเตือนภัยแตก แผงโซล่าเซลหลุดหายไป คล้ายกับถูกเรือชน จากนั้นก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประจำเรือ และนักทำลายใต้น้ำซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ลงไปตรวจสอบต้องใช้เวลานานกว่า ๔ ชั่วโมงจึงสามารถนำทุ่นที่หลุดออกจากฐานขึ้นมาบนเรือฯ ได้สำเร็จ ขณะที่สายเคเบิ้ลซึ่งติดอยู่กับตัวทุ่น และมีความยาวประมาณ 200 เมตร มีน้ำหนักมากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้ ทำให้สายเคเบิ้ลขาดและจมลงสู่ก้นทะเล

ด้านนางอรสา แป้งหอม ผจก.บริษัทเรแดนซ์อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า สำหรับทุ่นเตือนภัยนี้ ได้นำไปติดตั้งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2549 ในมหาสมุทรอินเดีย ที่ระดับความลึก 3,500 เมตร ห่างจากฝั่งประเทศไทยประมาณ 1,100 กิโลเมตร โดยสาเหตุการหลุดของทุ่นเตือนภัยยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากหาเหตุใดกันแน่ ส่วนความเสียหายนั้น จากการตรวจสอบตัวทุ่นเบื้องต้นพบว่ามีความเสียหายไม่มากนัก มีเพียงรอยถูกของแข็งกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณตัวทุ่น ไฟสัญญาณเตือนภัยแตกเสียหายใช้การไม่ได้ ส่วนของแผงโซล่าเซลที่ผลิตกระแสไฟฟ้าหลุดหายไป ขณะนี้ทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้สั่งผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ที่ชำรุดเสียหายไปแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถซ่อมแซมและนำไปติดตั้งได้ใหม่ภายในเดือน พ.ย.53 นี้ ส่วนมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินได้ พร้อมให้การยืนยันว่าแม้ไม่มีทุ่นเตือนภัย แต่ประเทศไทยก็ยังได้รับข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย เกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของน้ำที่อาจทำให้เกิดคลื่นยักษ์ และมีเจ้าหน้าที่กองทัพเรือคอยตรวจสอบและแจ้งเตือนภัยอยู่ที่หมู่เกาะสิมิลันจังหวัดพังงาตลอดเวลา



หามนักเรียน 50 คน ส่งรักษาตัว รพ.ป่าตอง

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2553 เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยกมลาและครูโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 ภูเก็ต ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นำเด็กนักเรียนชายและหญิงซึ่งเป็นนักเรียนอยู่ประจำ จำนวนกว่า 50คน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลป่าตอง เนื่องจากมีอาการท้องเสีย อาเจียนและอ่อนเพลีย ซึ่งแพทย์ได้ทำการรักษาโดยการให้น้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเบื้องต้นต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล จำนวน 25 คน ส่วนที่เหลือได้เดินทางกลับไปพักที่โรงเรียน

นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลป่าตอง กล่าวว่า หลังจากมีเด็กนักเรียนเข้ารับการรักษาด้วยอาการท้องเดิน อ่อนเพลีย และอาเจียนบ้างบางส่วน หลังจากที่รับตัวเด็กเข้ารักษาแล้ว ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลไปสอบสวนโรคพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เด็กๆ มีอาการท้องเสียและอ่อนเพลีย นอกจากนี้ได้เก็บตัวอย่างอุจจาระของเด็กส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามนักเรียนที่มีอาการป่วยในครั้งนี้ทราบว่าหลังจากรับประทานอาหารเย็นของวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมาที่โรงเรียนในช่วงกลางคืนเด็กนักเรียนมีอาการท้องเสีย บางคนอาเจียน และอ่อนเพลีย เบื้องต้นครูได้ให้ยารักษา จนกระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ (18 ก.ค.) นักเรียนหลายคนอาการไม่ดีขึ้นจึงได้ทยอยนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา

ทางด้านแพทย์หญิงอภันตรี เอี่ยมสกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองป่าตอง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจรักษาในเบื้องต้นพบว่าเด็กที่เข้ารักษาส่วนใหญ่มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง โดยเด็กนักเรียนที่มีอาการท้องเสียและอาเจียน จากการสอบถามในเบื้องต้นส่วนใหญ่รับประทานอาหาร เช่น แกงกะทิใส่ไข่ แกงส้ม ไข่เจียว ปลาทอด เป็นต้น เป็นอาหารมื้อเย็นของวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา และกลางดึกเด็กเกิดอาการท้องเสียและอาเจียน ครูผู้ดูแลได้ให้ยาแก้ท้องเสียและนอนพักผ่อน จนถึงช่วงสายของวันนี้อาการก็ไม่ดีขึ้นและพบเด็กป่วยมากขึ้น จึงนำส่งโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้ส่งทีมแพทย์ พยาบาลสอบสวนโรคลงพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบน้ำ ห้องน้ำ ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แต่พบว่าเด็กในหอหญิงได้มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำอัดลมและมะขามเปียกไว้รับประทาน จึงยังไม่สามารถทราบสาเหตุที่ชัดเจนของอาการท้องเสียว่าเกิดจากอะไร แต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากอาหารเป็นพิษ

จับแล้วฝรั่งฆ่าสาวบาร์ยัดกระเป๋า

พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยความคืบหน้าคดีฆ่ายัดกระเป๋า ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุเมืองภูเก็ตว่า มีผู้พบศพคนถูกยัดอยู่ในกระเป๋าเดินทางสีน้ำเงินถูกทิ้งอยู่บริเวณริมถนนสายวิชิต – กะทู้ ม.4 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ทราบภายหลังชื่อ น.ส.วันเพ็ญ เพียรใจ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 ม.11 ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ปรากฏว่าเมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตม.ภูเก็ต ได้ร่วมกันจับกุมนายโรนัลด์ จอห์น ฟาเนลลี่ ทู (Mr.RONALD JOHN FANELLI) อายุ 37 ปี สัญชาติอเมริกา ถือหนังสือเดินทางเลขที่ 710589998 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.465/2553 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2553 โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตายได้แล้วที่บ้านเลขที่141/5 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต

ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมข้อมูลและออกสืบสวนติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งสืบสวนทราบว่านายโรนัลด์ จอห์น ฟาเนลลี่ ทู เป็นผู้ก่อเหตุ และได้ออกติดตามตัว จนกระทั่งทราบว่านายโรนัลด์ฯ พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 141/5 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ และพบนายโรนัลด์ฯ อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวจริง จากนั้นได้เชิญตัวนายโรนัลด์ฯ มายังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อสอบปากคำ และให้พยานมาดูตัว

ซึ่งในชั้นจับกุมนายโรนัลด์ฯ ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าว จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และภายหลังการจับกุม นายโรนัลด์ฯ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกียของผู้ตายพร้อมซิมการ์ด จำนวน 1 เครื่อง, กางเกงลายพรางทหาร จำนวน 1 ตัว รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่น STEP 125 สีขาว ทะเบียน ขจว-92 ภูเก็ตและเบาะที่นอน จำนวน 1 อัน โดยสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหา