จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

รวบสาวใหญ่รับจ้างส่งยามูลค่ากว่า 1 ล.บาท


เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ประกอบด้วย น.ส.ชุลีกร สายทอง อายุ 35 ปี และนายปิยพันธ์ กษิรักษา อายุ 31 ปี พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนัก 319.2 กรัม มูลค่ากว่า 1.1 ล้านบาท ยาบ้า 2,940 เม็ด มูลค่ากว่า 5 แสนบาท รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ถค 7323 กรุงเทพมหานครและรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน 887 ภูเก็ต โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณริมถนนดิลกอุทิศ 2 ใกล้ลานจอดรถโรงแรมถาวรแกรนด์พลาซ่า จากนั้นพาไปค้นที่ร้านบ้านเจ้าคุณนวดแผนไทย ถ.ศักดิเดช ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต ก่อนนำตัวผู้ต้องพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน สวป.-หน.ชปส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมพวกได้สืบทราบว่า น.ส.ชุลีกร มีพฤติกรรม รับจ้างขนยาไอซ์จากกรุงเทพฯมาส่งให้เอเย่นต์ใหญ่ใน จ.ภูเก็ต โดยจะมีวิธีวางยาไอซ์ – ยาบ้าตามจุดต่างๆ ที่มีลูกค้าสั่งซื้อ และนัดหมายกันทางโทรศัพท์แล้วโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร จึงได้วางแผนเข้าตรวจค้นจับกุมขณะที่ น.ส.ชุลีกรจอดรถกระบะคุยโทรศัพท์กับเอเย่นต์ ซึ่งมาทราบภายหลังคือ นายปิยพันธ์ ที่บริเวณตลาดเกษตร ถ.อ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ เพื่อนัดส่งยาไอซ์ จากการตรวจค้นภายในรถพบยาไอซ์น้ำหนัก 226.20 กรัม ยาบ้า 1,940 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณเบาะ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้ น.ส.ชุลีกรนำยาไอซ์ดังกล่าวไปส่งให้นายปิยพันธ์ที่บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะริม ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จนกระทั่งนายปิยพันธ์เดินทางมารับของ ทางเจ้าหน้าที่ก็เข้าจับกุม จากการตรวจค้นพบยาไอซ์ 53 กรัมและยาบ้าอีก 5 ถุง รวม 1,000 เม็ด จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ขยายผล
จากการสอบสวนน.ส.ชุลีกร ได้ให้การรับสารภาพว่าเคยทำธุรกิจนวดแผนไทยย่าน ถ.ศักดิ์เดชน์ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต แต่รายได้ไม่ดี จึงหันมารับจ้างส่งยาไอซ์ – ยาบ้า ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะได้ค่าจ้างไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและมูลค่าของยาเสพติดที่นำมาจากกรุงเทพฯ โดยครั้งนี้ได้ค่าจ้าง 50,000 บาท ส่วนนายปิยพันธ์อ้างว่าเป็นแค่คนมารับยาไอซ์ – ยาบ้าเท่านั้น ได้ค่าจ้างเพียง 5,000 บาท จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขนส่งฯ ภูเก็ต ห้าม จยย.พ่วงข้างบรรทุกผู้โดยสาร


นายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ขนส่งจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันได้มีการนำรถจักรยานยนต์มาต่อเติมดัดแปลงสภาพเสริมพ่วงข้าง แล้วนำมารับจ้างบรรทุกคนโดยสาร โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้โดยสาร และประชาชนผู้ใช้รถรายอื่นได้ อีกทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย

สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ขอแจ้งว่าการนำรถจักรยานยนต์มาดัดแปลงสภาพ เสริมพ่วงข้าง โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 60 ต้องระว่างโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่สามารถนำรถไปใช้เพื่อรับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ เนื่องจากไม่มีความปลอดภัยเพียงพอจะก่อให้เกิดอันตรายแก่คนโดยสาร ใช้ได้เฉพาะการบรรทุกสิ่งของส่วนตัวเท่านั้น

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากรถจักรยานยนต์พ่วงข้างและคุ้มครองผู้ประกอบการขนส่งที่ประกอบการขนส่งผู้โดยสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอความร่วมมือจากผู้ที่ครอบครองรถจักรยานยนต์ ห้ามมิให้นำรถไปดัดแปลงต่อเติมเป็นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างโดยผิดกฎหมาย หรือนำรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่ได้ต่อเติมแล้วไปใช้ในการรับส่งผู้โดยสารเป็นอันขาดมิฉะนั้นหากตรวจพบ สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายธีรยุทธ์ กล่าวในที่สุด

พบศพสาวใหญ่เสียชีวิตคาห้องพัก

เมื่อวันที่ 9 กรกฎคม 54 ร.ต.อ.เชียรชัย ดวงสุวรรณ สารวัตรเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนถูกฆ่าตาย ที่บ้านเลขที่ 55/12 ซอยกลุ่มยาง ม.7 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง ร.ต.ท.ทวี เรืองโรจน์ รองสวป.พ.ต.ท.กิติศักดิ์ หนูผึ้ง สารวัตรวิทยากาสรเขต 44 ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวชั้นเดียว ที่บริเวณหน้าห้องแถวห้องที่ 12 เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง ก็ได้รับแจ้งว่า ผู้เสียชีวิตอยู่ภายในห้อง เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้าไป ก็พบศพน.ส.ชะไมพร ช่วยดำ อายุ 41 อยู่บ้านเลขที่ 100/1 หมู่1 ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นอนจมกองเลือด สภาพตะแคงหันหน้าไปทางด้านขวามือ สวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้าอ่อน สวมกางเกงยีนต์ขายาวสีน้ำเงิน ท้ายทอยมีหมอนเปื้อนเลือดปิดทับอยู่ ที่บริเวณฝาพนังมีเลือดกระเด็นทั่วบริเวณฝาผนัง สภาพศพขึ้นอืดคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย นำส่งรพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เดินทางมาเช่าห้องดังกล่าว กับเพื่อนสาวอีก 1 คน ก่อนเกิดเหตุชาวบ้านที่พักอยู่ใกล้เคียงได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังลั่นห้อง จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นผู้ตายออกมาจากห้องดังกล่าว จนกระทั่งผู้เช่าบริเวณใกล้เคียงได้กลิ่นเหม็น จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตจมอกองเลือดอยู่แล้ว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ต้องรอการชันสูตรจากเจ้าหน้าที่วิทยาการ เนื่องจากสภาพศพค่อนข้างเน่า

ฉลองรวบเครือข่ายยาที่สั่งมาจากเรือนจำ

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 54 ที่ห้องประชุมสภ.ฉลอง พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.สภ.ฉลอง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายธวัชชัย หรือ เอ็ม จอกแก้ว อายุ19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/68 หมู่ 4 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 9,600 เม็ด และกระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสาย ว่า ห้องพักหมายเลข 302 ราไวย์เกสเฮ้าส์ ซ.ไสญวน 1 ม.7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นแหล่งพักและซุกซ่อนยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ที่เอเย่นต์ฯ ได้สั่งซื้อผ่าน ผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำแห่งหนึ่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับอีกครั้ง ว่า เอเย่นต์ยาบ้าที่เพิ่งจะสั่งซื้อผ่านผู้ต้องขังภายในเรือนจำ ได้นำยาบ้ามาส่งให้กับผู้ที่อยู่ในห้องพักดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้วางแผน พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบ พบว่ามีชายวัยรุ่น 2 คนมาเปิดห้องพักอยู่นานประมาณ 3 วัน แล้ว ทราบชื่อในเวลาต่อมาว่านายฟัดและนายเอ็ม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปเคาะห้องเพื่อขอตรวจค้น โดยได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อชายวัยรุ่นที่อยู่ภายในห้องได้ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ก็ไม่ยินยอมให้ตรวจค้น โดยพยายามปิดล็อคประตู เจ้าหน้าที่จึงใช้กำลังทำการเปิดประตู พบชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน โดยสามารถควบคุมตัวไว้ได้ 1 คน ทราบชื่อคือนายธวัชชัย หรือ เอ็ม จอกแก้ว ส่วนอีกคนได้หลบหนีไปได้ โดยกระโดดออกจากหน้าต่างห้องลงไปที่ระเบียงวิ่งหลบหนีไป
จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในห่อกระดาษ สีน้ำตาล ห่อด้วยพลาสติกใสอีกชั้น จำนวน 4 ห่อ รวมยาบ้าจำนวน 9,600 เม็ด ซึ่งวางอยู่หลังประตูที่อยู่ด้านในห้องพักของผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังพบเครื่องกระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด โดยพบซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสีแดงวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ภายในห้องพัก จึงควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
จากการสอบสวนนายธวัชชัย หรือ เอ็ม ทราบว่าเป็นลูกจ้างอยู่ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ได้ถูกคนที่หลบหนีไปชื่อนาย เกรียงไกร หรือฟัด มะโหสถ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ 3 ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เพิ่งพ้นโทษมาชักชวนให้เป็นคนเดินยา จึงตัดสินใจร่วมมือ โดยรับว่าทำมา2 – 3 ครั้งโดยแต่ละครั้งได้ค่าจ้าง 5พัน ถึง 1 หมื่นบาท ได้สั่งซื้อจากผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำ ชื่อเอก และผู้ที่นำมามาส่งให้เป็นลูกน้องของนายเอก ซึ่งตนไม่รู้จักชื่อและนามสกุลจริง เมื่อส่งยาบ้าแล้วตนและนายฟัดจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนายเอก เพื่อชำระค่ายาบ้าดังกล่าว โดยรับยาบ้ามาในราคาถุงละ 25,000 บาท บรรจุถุงละ 200 เม็ด และนำมาจำหน่ายเม็ดละ 280 บาท ให้กับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ต่อไป จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พ.ต.ท.บุญเลิศ อ่อนกลาง สารวัตรเวร สภ.ฉลอง ดำเนินคดีในข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป

สว.ภูเก็ต วอนตั้งคนรู้ท่องเที่ยวเป็นเจ้ากระทรวง



นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา กล่าวถึง การวางตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาของรัฐบาลชุดใหม่ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ว่า ที่ผ่านมาได้รับการประสานงานจากภาคเอกชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ควรให้พรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลเป็นผู้ดูแล ทั้งการวางตัวรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง และการจัดสรรงบประมาณลงมาพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างเป็นธรรม

“อยากให้เปลี่ยนพรรคที่มารับผิดชอบกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ใช่พรรคเก่าที่เคยดูแล ซึ่งจริงๆ แล้วอยากจะได้พรรคที่เป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้รับผิดชอบกระทรวงท่องเที่ยวฯ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น ส.ส.เขต หรือระบบบัญชีรายชื่อ โดยอาจจะเชิญบุคคลภายนอกมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็ได้ เพราะจะสะดวกในการประสานงานทั้งเรื่องการบริหารและงบประมาณ แต่ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องของท่องเที่ยวจริงๆ มีความสามารถ และจะต้องลงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวไปรับทราบปัญหาด้วย เพราะสถานที่ท่องเที่ยวของไทยแต่ละพื้นที่มีปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนั้นแนวทางในการพัฒนาจึงไม่เหมือนกัน”
นางธันยรัศม์ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่จะมาบริหารกระทรวงฯ ควรเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องท่องเที่ยวจริงๆ ควบคู่กับความสามารถในการบริหารงาน หรืออาจจะเชิญบุคคลภายนอกมาทำหน้าที่ และให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 1 ตำแหน่ง เพื่อจะได้แยกการทำงานระหว่างเรื่องของการท่องเที่ยวกับกีฬาออกจากกัน และฝากเรื่องการจัดสรรงบประมาณลงในแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นไปด้วยความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมางบประมาณพัฒนาท่องเที่ยวไปกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดภูเก็ต ระหว่างปี 2552 – 2554 ได้งบประมาณส่วนนี้เพียง 6 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าประเทศปีละนับแสนล้านบาท พร้อมทำประชาสัมพันธ์ตลาดในต่างประเทศให้มากกว่านี้

คนรัก “เรวัต” เดินแก้บนระยะทาง 30 กิโลเมตร


นายเรวัต อารีรอบ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 2 (อ.ถลาง อ.กะทู้ และ ต.รัษฎา กับ ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ) จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงที่ให้ความไว้วางใจตนและเลือกให้เป็น ส.ส.ภูเก็ตอีกครั้งหนึ่ง และเป็นที่น่าภูมิใจว่าได้รับการตอบรับและความรักจากประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 2 เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนการเลือกตั้งนั้นมีผู้สนับสนุนตนหลายๆ คน ได้ไปบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อขอให้ตนได้รับการเลือกตั้งกลับมาทำหน้าที่ ส.ส.อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามในเวลา ประมาณ 03.00 น. วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ทางผู้สนับสนุนชื่นชอบตนและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง พร้อมด้วยผู้สนับสนุนอีกหลายๆ คน จะร่วมกันเดิน เพื่อแก้บนที่ตนได้รับการเลือกให้เป็น ส.ส.โดยเริ่มต้นจากบริเวณหน้าวัดบ้านดอน อ.ถลาง ไปยังสะพานสารสินซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง จ.ภูเก็ต กับ จ.พังงา ระยะทางประมาณ 28 – 30 กิโลเมตร นายเรวัตกล่าวและว่า ก็ต้องขอขอบคุณในน้ำใจของทุกคนที่รักและให้การสนับสนุนอีกครั้ง และขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชนให้สมกับที่ได้รับการไว้วางใจ เพราะนอกจากทางผู้นำท้องถิ่นดังกล่าวแล้ว ยังมีประชาชนบางคนก็จะบวชแก้บนและอื่นๆ ให้ด้วย

รวบเครือข่ายยาที่สั่งออกมาจากคุก


เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้, พ.ต.ท.อกนิษฐ ด่านพิทักษ์ศาสน์ สวป./หัวหน้า ชปส. สภ.กะทู้ และชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ตามโครงการ “ป่าตองสีขาวปลอดภัยไร้ยาเสพติด” ซึ่งสามารถจับกุมได้จำนวน 10 ราย และผู้ต้องหา 10 คน ประกอบด้วย คดีจำหน่าย 2 ราย คดีครอบครองยาบ้า 4 ราย คดีครอบครองยาไอซ์ 2 ราย และขยายผลจับในพื้นที่ สภ.ทุ่งทองอีก 2 ราย
โดยมีของกลางประกอบด้วย ยาไอซ์ จำนวน 3.3 กรัม ยาบ้าจำนวน 183 เม็ด อาวุธปืน ขนาด .38 มม.จำนวน 1 กระบอก ขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน ขนาด .38 มม.จำนวน 56 นัด และโทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดประเภท 1 ยาบ้า, ยาไอซ์ และอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพื่อเสพ, เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ กล่าวว่า ในส่วนของ สภ.กะทู้ได้มีการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการจัดทำโครงการป่าตองสีขาวปลอดภัยไร้ยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมามีสถิติผลการจับกุมเป็นที่น่าพอ โดยในครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ในเครือข่ายของ นายเผี้ยง ซึ่งขณะนี้ถูกจับแล้ว ได้ถึง 6 คน และได้มีการขยายผลไปยังพื้นที่ สภ.ทุ่งทองได้เพิ่มอีก 2 คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ที่รับคำสั่งจากนักโทษที่อยู่ในเรือนจำ ให้นำยาไปส่งให้กับลูกค้า โดยมีการสั่งผ่านทางผู้ที่เข้าไปเยี่ยมผู้ต้องหาในเรือนจำ ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้าที่ ส่วนที่เหลืออีก 2 คนนั้นก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง
“จากการเข้มงวดของทางเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวในพื้นที่เริ่มที่จะลดน้อยลง และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากชุมชนต่างๆ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 7 ชุมชน และผู้ประกอบการสถานประกอบการ แม้ว่าจะมีปัญหาบ้างในส่วนของพนักงาน ซึ่งในสถานประกอบการที่มักจะมีการเคลื่อนไหวแรงงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคาดว่าในช่วง 1 – 2 เดือน จะสามารถประกาศชุมชนเข้มแข็งปลอดยาเสพติดอย่างน้อย 1 – 3 ชุมชน” พ.ต.อ.อาระพันธุ์กล่าว
ทางด้านพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ กล่าวว่า ภาพรวมของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตนั้นได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบ่อเกิดของปัญหาอาชญากรรมและปัญหาอื่นๆ ที่ตามมา ซึ่งในการดำเนินการนั้นก็จะมีการเชื่อมโยงกับทางอำเภอและจังหวัดด้วย เพื่อนำเอาบัญชีรายชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาใช้ในการปฏิบัติงาน และได้มอบหมายให้แต่ละสถานีดำเนินการเพื่อให้มีชุมชุมสีขาวปลอดยาเสพติดอย่างน้อยสถานีละ 1 ชุมชนด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไฟไหม้บ้านไม้ 2 ชั้นวอดทั้งหลัง


เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 54 ร.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้าน เลขที่ 60 ซอยอนุสรณ์ ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ติดกับห้างสรรพสิค้าโฮมโปร สาขาฉลอง ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการดับเพลิงด้วย หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลฉลอง และองค์การปกครองใกล้เคียง เพื่อขอรถดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป. นายธีรพงศ์ เถาว์แดง รองนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายสุรสิทธิ์ พลรัตนาสิทธิ์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนตำบลฉลอง และรถดับเพลิงจำนวน 10 คัน เจ้าหน้าที่กว่า 20 คน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักทรงไทยหรู ติดกับห้างสรรพสินค้าโฮมโปร สาขาฉลอง ต.ฉลอง เห็นเพลิงกำลังโหมไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่เกรงจะลุกลามไปยังโรงเก็บสินค้าของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว และลุกลามไปยังบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง จึงประสานขอรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลราไวย์, เทศบาลตำบลกะรน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ ระดมกันฉีดน้ำดับเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายวินัย พงศ์บุพศิริกุล อายุ 61 ปี เจ้าของร้านผลิตเฟอร์นิเจอร์ รายใหญ่ โดยภายบ้านทรัพย์สินถูกเพลิงเผาจนวอดทั้งหมด นอกจากนั้นตู้เก็บเพชร เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ ถูกเพลิงเผาไหม้ไปด้วย โดยห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในบริเวณที่เกิดเหตุโดยเด็จขาด
จากการสอบถามนางมะลิวัลย์ พงศ์บุพศิริกุล อาจารย์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 29 กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต (เจ้าของบ้าน) ทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวพักกันอยู่รวม 6 คน ก่อนเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้า ตนได้ออกไปโรงเรียนเพื่อสอนนักเรียนตามปกติ ซึ่งบริเวณหลังบ้านพัก นายวินัย พงศ์บุพศิริกุล สามี ได้ทำเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ตนกำลังสอนหนังสือนักเรียนอยู่ที่ ก็มีชาวบ้านโทรมาแจ้งว่าที่บ้านของตนมีเหตุเพลิงไหม้ ตนจึงรีบเดินทางกลับไปดู เมื่อไปถึงพบว่าเพลิงกำลังโหมไหม้อยู่อย่างหนักเนื่องบ้านเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง จากนั้นก็ประสานรถขอรถดับเพลิงเข้ามาช่วยกันดับเพลิง โดยต้นเพลิงนั้นเกิดมาจากนั้น 2 ของบ้าน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ตรวจสอบทรัพย์สินภายในบ้านถูกเพลิงเผาวอดทั้งหมด ซึ่งทั้งเงินสด เครื่องเพชร เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมราคาประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดมาจากสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบต่อไป

ตร.เมืองภูเก็ต อบรมอาสาสมัครงานจราจร


เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมอาสาสมัครเป็นผู้ช่วยเหลือ ซึ่งงานจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต (กต.ตร.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต เข้าร่วม จำนวนประมาณ 40 คน เพื่อฝึกอบรมให้มีความรู้ความสามารถและมีความชำนาญในการควบคุมและการจัดการจราจรทั้งในสถานการณ์ทั่วไปและสถานการณ์พิเศษ จนสามารถช่วยเหลือตำรวจจราจรในการอำนวยความสะดวกการจราจรได้ในทุกสถานการณ์ เพื่อให้มีความรู้ด้านกฎหมายจราจรและเสริมสร้างวินัยจราจรตลอดจนปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการใช้รถใช้ถนน และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการจราจร เป็นการแบ่งเบาภาระงานของตำรวจจราจร และสามารถใช้กำลังตำรวจที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ
พ.ต.อ.โชติ กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุจากการจราจร เป็นปัญหาที่สำคัญ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจค่อนข้างสูง และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ทำให้เกิดปัญหาหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอุบัติเหตุจากการจราจร และปัญหาการจราจรติดขัด จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทำให้ทราบว่าปัญหาการจราจรได้เพิ่มปริมาณและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจและขาดวินัยในการใช้รถใช้ถนนของผู้ขับขี่
ทั้งนี้ทางตำรวจโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ได้จัดกำลังกระจายกันปฏิบัติหน้าที่ตามถนน ย่านชุมชน ศูนย์การค้า รวมถึงจุดที่มีปัญหาจราจร แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านกำลังพล แม้ได้พยายามใช้กำลังที่มีอยู่อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ยังไม่สามารถดูแลจัดการจราจรหรือให้บริการได้อย่างทั่วถึง งานจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จึงเล็งเห็นว่าวิธีการที่จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว จึงควรที่จะมีการฝึกอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ซึ่งมีความพร้อมในเรื่องเครื่องแบบและบุคลากร เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากจะทำให้ช่วยประหยัดกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ยังทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ด้านกฎหมายจราจรเพิ่มขึ้น มีความเข้าใจในปัญหาการจราจรและเป็นการสร้างแนวร่วมในการแก้ไขปัญหาเพิ่มขึ้นอีกด้วย พ.ต.อ.โชติกล่าว

นทท.ฟืนธงแดงลงเล่นน้ำทะเลตาย


เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 54 ร.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบศพนักท่องเที่ยวลอยอยู่กลางทะเล ห่างจากชายหาดกะรนประมาณ 30 เมตร ขอให้ประสานเจ้าหน้าที่เพื่อนำเรือออกไปนำศพกลับเข้าฝั่ง หลังรับแจ้งก็ได้ประสานไปยังศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล เทศบาลตำบลกะรน นำเรือออกไปนำศพเข้าฝั่ง จากนั้นก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย

ที่เกิดเหตุเป็นชายหาดที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว ที่รองมาจากหาดป่าตอง และมีธงแดงปักเตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำทะเลตลอดแนวชายหาด ตรงข้ามบึงหนองน้ำสาธารณะหาดหนองหาน ต.กะรน เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล เทศบาลตำบลกะรน ได้นำเรือออกไปรับศพผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบทราบชื่อนางสาวเจนิเฟอร์ เลสลี่ อายุ 44 ปี สัญชาติออสเตเลีย อาชีพเป็นพยาบาลในนครซิดนี่ส์ ประเทศออสเตเลีย สวมชุดบิกินนี่ สีดำ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด เสียชีวิตมาแล้ว 4 วัน เจ้าหน้าที่จึงได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งรพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้จากการสอบถามนางสาวลิซ่า ครอสแลนด์ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายทราบว่า นางสาวเจนิเฟอร์ เลสลี่ มีอาชีพเป็นพยาบาลในนครซิดนี่ส์ ประเทศออสเตเลีย ได้ลงเล่นน้ำที่หาดกะรน แล้วก้ได้หายตัวไปตั้งแต่ค่ำวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล เทศบาลตำบลกะรน เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ต่างระดมกำลังค้นหากันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเช้าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีศพลอยอยู่กลางทะเล ห่างจากที่เกิดเหตุไปทางทิศตะวันตกของแนวชายหาดและห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 30 เมตร จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบและพบศพลอยดังกล่าว จึงได้นำกลับเข้าฝั่ง และจากการตรวจสอบพบว่า เป็นนางสาวลิซ่า ครอสแลนด์ อายุ 44 ปี สัญชาติออสเตเลีย ที่ได้หายไป ซึ่งเพื่อนของผู้ตาย ก็ได้ยืนยันว่าศพดังกล่าวเป็นศพของนางสาวเจนิเฟอร์ เลสลี่ จริง เนื่องจากจำชุดว่ายได้ ที่สวมใส่ขณะลงเล่นน้ำได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสถานฑูตออสเตเรีย ทราบแล้ว เพื่อแจ้งให้ญาติมารับศพเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

ติวเข้มอาสาฯ แรงงาน ช่วยเหลือขึ้นทะเบียนต่างด้าว


เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 ที่ห้องจามจุรี 1 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงอาสาสมัครแรงงานตามโครงการประชุมชี้แจงอาสาสมัครแรงงาน ในการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวปี 2554 ซึ่งทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานใน จ.ภูเก็ต และอาสาสมัครแรงงานในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เข้าร่วม จำนวนประมาณ 150 คน เพื่อชี้แจงขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการเปิดจดทะเบียนที่ดำเนินการในรูปแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ว่าประชาชนหรือนายจ้างที่ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวจะต้องดำเนินการอย่างไร ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นกระบวนการ เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่มีความประสงค์จะนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนเพื่อขออนุญาตทำงานได้เข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีนายจ้างสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าวในขณะนี้มีจำนวนมากถึง 10,700 ราย และมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานอยู่ในปัจจุบันจำนวนประมาณ 50,000 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 เมษายน 2554 โดยเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ที่ลักลอบทำงานอยู่ในประเทศไทย และผู้ติดตามที่เป็นบุตรอายุไม่เกิน 15 ปี ผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยให้มาจดทะเบียนและขออนุญาตทำงานระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2554 – 14 กรกฎาคม 2554 ยกเว้นประมงให้จดทะเบียนและขออนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2554 ซึ่งจากรายงานของจัดหางานจังหวัดภูเก็ต มีนายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนแล้วประมาณ 15,000 คน
นายนภดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตกำหนดเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ลักลอบทำงานในประเทศไทยแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) บริเวณอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2554 จนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 จนถึงปัจจุบัน (ประมาณวันที่ 6 กรกฎาคม 2554) มีนายจ้าง/สถานประกอบการที่มีความต้องการประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวแล้วประมาณ 1,600 ราย และยื่นคำร้องขอจดทะเบียนประวัติคนต่างด้าว เป็นจำนวน 15,000 คน

ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตมีความต้องการจ้างแรงงานระดับล่างเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นงานกรรมกรและคนไทยไม่ทำ เช่น ก่อสร้าง ประมง เป็นต้น ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานต่างด้าวสำหรับนายจ้าง เพื่อทำงานในสถานประกอบการ คาดว่ามีแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานในจังหวัดภูเก็ต และมีใบอนุญาตทำงานประมาณ 30,000 -40,000 คน

"ภาพพระภูมิฟ้า น้อมโน้มโลมดิน" ที่ภูเก็ต

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 54 ที่สนามชัย อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการศิลปะยาตรา "ภาพพระภูมิฟ้า น้อมโน้มโลมดิน" ซึ่งชมรมธุลีไท จัดขึ้น ภายใต้โครงการ "วาด 84 รูป เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" โดยมีนายเรวัต อารีรอบ ว่าที่ ส.ส.ภูเก็ต นายบุญศุภภะ ตันทัยย์ และแขกผู้มีเกียรติ รวมถึงประชาชนผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมจำนวนมาก
ทั้งนี้ภาพวาดที่นำมาจัดแสดงเป็นผลงานของอาจารย์ธีระพันธุ์ ลอไพบูลย์ หรือ อาจารย์กวง ที่ล้วนเกิดจากแรงบันดาลใจ และความประทับใจจากการที่ได้พบเห็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระอิริยาบทต่างๆ ตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์จนกระทั่งเจริญพระชนมายุมารับพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ในฐานะของพระมหากษัตริย์ไทย โดยเฉพาะภาพแห่งการเสียสละความสุขส่วนพระองค์มาตรากตรำพระวรกายทรงงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือแก้ปัญหาให้แก่ราษฎรทั่วประเทศตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ทรงครองราชย์
ปัจจุบันอาจารย์กวงได้วาดภาพแล้วเสร็จ เป็นจำนวน 42 รูป ทำให้เกิดแนวคิดที่จะต่อยอดโครงการดังกล่าว โดยนำภาพวาดจำนวนหนึ่ง จัดแสดงเป็นนิทรรศการเคลื่อนที่ไปทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้ชื่อว่า นิทรรศการศิลปะยาตรา "ภาพพระภูมิฟ้า น้อมโน้มโลมดิน" เพื่อให้พสกนิกรทั่วแผ่นดินไทยได้มีโอกาสร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขณะเดียวกันอาจารย์กวง ยังได้จัดพื้นที่ภายในรถตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งใช้ในการขนย้ายภาพวาดไปจัดแสดงในจังหวัดต่างๆ ให้เป็นสถานที่สำหรับการวาดรูป 42 รูปที่เหลืออีกด้วย
สำหรับนิทรรศการดังกล่าวจะร่วมเดินทางไปกับคอนเสิร์ต คาราบาว ออนทัวร์ 2011 โดยจัดแสดงอย่างสมพระเกียรติภายในโดมนิทรรศการ ซึ่งแยกส่วนจากบริเวณการแสดงดนตรี ทั้งนี้ภายหลังจากจัดแสดงนิทรรศการศิลปะยาตราทั่วประเทศเสร็จสิ้นแล้ว ชมรมธุลีไทมีกำหนดการจัดนิทรรศการโครงการ "วาด 84 รูปเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจัดเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติครั้งยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะนำภาพทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าถวายฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2554

ให้ความรู้เทคโนโลยีการผลิตน้ำทะเลเป็นน้ำจืด


เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 54 ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการสัมมนาการนำเสนอเทคโนโลยีการผลิตน้ำทะเลเป็นน้ำจืด จากบริษัทผู้ผลิตเครื่องทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด รวมไปถึงระบบการจัดการน้ำเสีย และการบริหารจัดการคุณภาพน้ำในสถานประกอบการ โดยมีนายชวลิต หวังธำรง ประธานบริหารเจ้าหน้าที่ บริษัทผลธัญญะ มหาชน จำกัด โดยมีผู้แทนโรงแรมและกิจการใน จ.ภูเก็ต สนใจเข้าร่วมฟัง
ทั้งนี้นายชวลิต หวังธำรง ประธานบริหารเจ้าหน้าที่ บริษัทผลธัญญะ มหาชน จำกัด ได้กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีการทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด อุปกรณ์และต้นทุนไม่สูงเหมือนอดีต โดยปัจจุบันต้นทุนเท่ากับการผลิตน้ำประปาทั่วไป จึงเหมาะสำหรับพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ที่ผู้ประกอบการต้องซื้อน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในราคาสูง
โดยความคุ้มค่าในการลงทุนเครื่องกรองน้ำทะเลเป็นน้ำจืดนั้น ประมาณ 4 หมื่นบาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรหรือ 1 คิว โดยในแต่ละวันเครื่องสามารถผลิตได้ 30 คิวต่อวัน สามารถรองรับการใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนได้ 100 คน หรือถ้าเป็นโรงแรมประมาณ 1 คิวต่อ 2 ห้องอย่างไรก็ตาม ในเรื่องคุณภาพของน้ำจะต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งระบบก็จะกรองน้ำได้ 100 % โดยขณะนี้เทคโนโลยีนี้เป็นที่สนใจในพื้นที่ จ.ชลบุรี เกาะสมุย และทางฝั่งอันดามัน


วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ภูเก็ตเร่งแก้ปัญหากระทำผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2554 ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองป่าตอง นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายในกรณีแรงงาน/ขายบริการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายนภดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การประชุมดังกล่าว สืบเนื่องจากมีผู้ใช้นามว่า ประชาชนคนภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับจังหวัดภูเก็ตขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันในการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวชาวลาว พม่า และเวียดนาม มาบังคับใช้ขายแรงงานและขายบริการ บริเวณใต้ห้างสรรพสินค้าจังซีลอน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยบังคับขายแรงงานและบังคับให้ขายบริการโดยมีนายตำรวจรายหนึ่งรู้เห็นเป็นใจให้ความสะดวกคุ้มครองและค้าแรงงานผู้หญิงพวกนี้ โดยมีนายตำรวจที่มีระดับใหญ่กว่าเป็นคนไฟเขียวให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่ง ขณะเดียวกันจะมีผู้ที่จัดหาผู้หญิงเป็นคนจัดการอยู่เบื้องหลังเป็นคนเก็บเงินเป็นรายหัวรายคน คนละ 3000-5000 บาท ทั้งยังเอาผู้หญิงให้บุคคลที่ซื้อบริการทั้งไทยและชาวฝรั่ง ตามร้านอาหารและร้านอบนวดที่แฝงการบริการที่เปิดกันมากในพื้นที่ป่าตอง บางร้านก็อยู่ใกล้โรงพักไม่ถึง 100 เมตร ซึ่งถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ป่าตองและจังหวัดภูเก็ตคงไม่เหลือความงดงาม คุณค่าและน่าท่องเที่ยวอีกต่อไป
ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดความชัดเจน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จัดหางานจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอกะทู้ หัวหน้าตำรวจสันติบาลจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ปลัดอำเภอในพื้นที่ผู้รับมอบหมาย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
นายสมเกียรติ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมคณะทำงาน คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายในกรณีแรงงงาน/ขายบริการในพื้นที่ป่าตอง โดยมีหน้าที่ตรวจสอบหาข้อมูลข้อเท็จจริงแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งหารือให้ชัดเจนตามอำนาจหน้าที่ รวมถึงดำเนินการอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งในประเด็นแรงงานต่างด้าวนั้น ต้องมองให้รอบด้านถึงภาพรวมของธุรกิจการท่องเที่ยวก่อนที่จะลงมือดำเนินการ ส่วนประเด็นของการขายบริการทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบเร่งดำเนินการและทำเป็นระบบ ขั้นตอนตามกฎหมายให้ถูกต้อง ตลอดจนต้องดำเนินการลงตรวจสอบจับกุมในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้จะได้มีการทำหนังสือแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อน 15 วัน เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไข เพราะไม่ต้องการให้กระทบกับบรรยากาศของการท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ก็จะได้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจลงไปตรวจสอบอีกครั้งว่าหลังจากแจ้งไปแล้วมีการดำเนินการอย่างใดบ้าง และหากพบว่ายังคงมีการทำผิดอยู่ก็จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้จะต้องนำเสนอแนวทางดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตก่อน

ปิดฟุตบอล “Big 4 Live Soccer Cup ครั้งที่ 1”

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2554 ณ สนามชัย อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน “Big 4 Live Soccer Cup ครั้งที่ 1” ประจำปี 2554 และรับมอบรายได้ส่วนหนึ่งจากการแข่งขันให้กับโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา โดยมี นายทรงวุฒิ หงษ์หยก ประธานสภาเทศบาลนครภูเก็ต นายบุญอุ้ม เอื้อจิตตระกูล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนผู้มีเกียรติ เข้าร่วมในพิธี
สำหรับการแข่งขันฟุตบอล 7 คน “Big 4 Live Soccer Cup ครั้งที่ 1” ประจำปี 2554 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน – 5 กรกฎาคม 2554 เพื่อมอบรายได้จากการแข่งขันให้กับโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา พร้อมทั้งส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่หมกมุ่นกับอบายมุขและห่างไกลยาเสพติด โดยให้นักกีฬา ได้แสดงความสามารถ และหาประสบการณ์ในอันที่จะก้าวสู่นักกีฬายอดเยี่ยมในระดับสูงต่อไป
การแข่งขันฟุตบอล 7 คน ในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นประชาชนทั่วไป และรุ่นอาวุโส สำหรับทีมชนะเลิศ รุ่นประชาชนทั่วไป ได้แก่ บางกอกนวดแผนโบราณ ได้รับรางวัลเงินสด จำนวน 100,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีมไทยใหม่ รางวัลเงินสด 50,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ และรองชนะเลิศอันดับ 2 (ครองร่วม) ได้แก่ ตุ๊กๆ A และ เฒ่าร่วมใจ รางวัลเงินสด 20,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ ในส่วนรุ่นอาวุโส ทีมชนะเลิศ ได้แก่ เทศบาลตำบลรัษฎา รางวัลเงินสด 30,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ น้องตุ่น รางวัลเงินสด 15,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ รองชนะเลิศอันดับ 2 (ครองร่วม) ได้แก่ SAVEENA FOOD และ น้องดา ฟิชชิ่งทัวร์ รางวัลเงินสด 10,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ นอกจากนี้ยังมีรางวัลต่างๆ อีกมากมาย เช่น ผู้ทำประตูสูงสุด (ดาวซัลโว) นักเตะยอดเยี่ยม ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม และทีมมารยาทยอดเยี่ยม
นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ขอขอบคุณคณะกรรมการจัดการแข่งขันทุกท่าน ที่ได้ใช้สนามชัยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในการแข่งขันฟุตบอล 7 คน “Big 4 Live Soccer Cup” ในครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก และถือว่าประสบความสำเร็จ ทำให้นักกีฬาได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เกิดความรักความสามัคคี และเกิดความร่วมมือกันจากหลายๆ องค์กร จึงหวังว่าจะมีการจัดแข่งขันกีฬาเช่นนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต