จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตร.เมืองภูเก็ต จับคนส่งยา ได้ของกลางยาบ้า 2430 เม็ด


เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงค์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พร้อมด้วยพ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำรอง ผกก.ป.ป.สภ.เมืองภูเก็ต และพ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สวป.สภ.เมืองภูเก็ต/ปฏิบัติหน้าที่ด้านปราบปรามยาเสพติดและเจ้าหน้าที่ชุด ชปส.สภ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมน.ส.ขวัญตา ขอพุทธานุภาพ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/16 ถ.หลวงพ่อ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 2,430 เม็ด, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ติดป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน ในข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงค์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีการนัดส่งยาบ้าโดยจะนำยามาวางไว้ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ บริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาลพิบูลย์สวัสดี ถนนดำรง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ภูเก็ต ตรงข้ามศาลจังหวัดภูเก็ต จากนั้นผู้ส่งก็จะโทรศัพท์นัดให้ไปรับยาบ้า โดยผู้รับก็จะโอนเงินเข้าบัญชีให้กับผู้ส่งต้นทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบเช่นนั้น ก็ได้วางแผนจนสามารถจับกุม โดยจัดเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบใกล้บริเวณที่จะนัดส่งของกัน จนกระทั่งถึงเวลาที่มีการนัดหมาย ก็ได้มีคนขับรถจักรยานยนต์ เข้ามาในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งมีสิ่งของมาวางไว้ที่เกิดเหตุ

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงตัว พร้อมทั้งได้ทำการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 9 ถุง รวม 1,830 เม็ด ซุกอยู่ภายในใส้กรองอากาศรถยนต์ ที่ได้มีการตัดแต่ง จากนั้นก็ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการตรวจค้น ที่ร้านขายอาหารตามสั่ง ไม่มีชื่อ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 2/8 ถ.อำเภอ อ.เมือง ภูเก็ต เจ้าหน้าที่พบยาบ้า จำนวน 3 ถุง 600 เม็ด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่สภ.เมืองภูเก็ต

จากการสอบสวนเบื้องต้นก็ทราบว่า ยาเสพติดดังกล่าวได้มีการส่งมาทางรถโดยสารประจำทางจากจังหวัดยะลา จากนั้นผู้ต้องหาจะไปรับของที่คิวรถ เพื่อนำไปส่งให้กับผู้รับ โดยจะมีการโทรศัพท์นัดหมายว่าจะไปวางไว้ที่ไหน โดยที่ผู้ส่งจะนำไปวางไว้ โดยผู้รับจะมารับในภายหลัง ส่วนการจ่ายเงินนั้น ทางผู้รับจะโอนเงินเข้าบัญชีให้กับผู้ส่งทางต้นทางเอง โดยที่ผู้ต้องหาจะได้ค่าส่งในครั้งนี้จำนวน 12,000 บาท และในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดนเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่จับกุม

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตร.กะทู้รวบฝรั่งตกอับ ลักมือถือกว่า 50 เครื่อง


เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 54 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.กะทู้ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง สว.สส.สภ.กะทู้ พ.ต.ท.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ สวป.สภ.กะทู้ และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายปวเรศ ดีเสมออายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 178/5 ถนนนาใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต น.ส.ฤหัยรัตน์ รักษาศีล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ม.9 ต.ท่านางแนว อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่นและนายจอห์น นิคลัค เรดลิง สัญชาติสวีเดน พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือ 52 เครื่อง โดยกล่าวหาว่าร่วมกันลักทรัพย์หรือร่วมกันรับของโจร ก่อนที่จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ ได้กล่าวว่า ในการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 54 ที่ผ่านมา นายสุพล ถิ่นโพธิ์ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ซิลค์ เทเลคอม จำกัด ได้เข้าแจ้งความ เดินทางมาแจ้งความกับร.ต.อ.วีระพงศ์ รักขิโต พนักงานสอบสวน ว่า ในขณะที่นำโทรศัพท์ยี่ห้อโยเกียมาส่งให้ลูกค้าที่ห้างสรรพสินค้าจังซีลอน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนเลื่อนบานกระจกหน้าต่างรถด้านหลังข้างซ้ายแล้วขโมยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียจำนวน 85 เครื่องไป หลังจากได้รับแจ้ง จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำพ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง สว.สส.สภ.กะทู้ ก็ได้ออกติดตามคนร้าย จนกระทั่งทราบว่าโทรศัพท์ที่ถูกขโมยไปมีการเปิดใช้เครื่อง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อกลับไปยังหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวให้มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวนก็ทราบว่า ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวจากนายปวเรศ ซึ่งพักอยู่บ้านเลขที่ 8/10 ม.7 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปตรวจสอบบ้านของนายปวเรศ เจ้าหน้าที่พบเครื่องโทรศัพท์มือถือ จำนวน 8 เครื่อง จึงได้ควบคุมตัวไปสอบสวน จากการสอบสวนทราบว่าเครื่องโทรศัพท์ทั้งหมดได้มาจากนางสาวฤทัยรัตน์ เป็นผู้นำมาให้ช่วยขาย โดยนางสาวฤทัยรัตน์ พักอยู่ อพาร์ทเม้นต์เลขที่ 205/37 ชั้น 1 ห้อง 103 ถนนนาใน ต.ป่าตอง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้นายปวเมศฯ ติดต่อนางสาวฤทัยรัตน์ เพื่อนำเงินและรับโทรศัพท์เพิ่ม ซึ่งก็ได้นัดหมายให้ไปพบกันที่ห้องพัก

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนายปวเมศไปพบกับนางสาวฤทัยรัตน์ที่ห้องพัก เจ้าหน้าที่ก็ได้พบกับนางฤทัยรัตน์พักอยู่กับนายจอห์น นิคลัค เรดลิง แฟนหนุ่ม จากการสอบสวนนางสาวฤทัยรัตน์ ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้นำโทรศัพท์มือถือดังกล่าวให้นายปวเรศไปขายจริง โดยโทรศัพท์ทั้งหมดเป็นของที่นายจอห์น นำมาให้ช่วยขายให้ นอกจากนี้จากการตรวจค้นภายในห้องพัก เจ้าหน้าที่พบโทรศัพท์อีกจำนวน 24 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการตรวจยึด พร้อมทั้งนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 54 ที่ผ่านมา นายจอห์น นิคลัค เรดลิง สัญชาติสวีเดน ได้เดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าจังซีลอน ได้พบรังจำนวน 4 ใบวางอยู่ โดยไม่พบเจ้าของ ก็ได้นำติดมาด้วย หลังจากเปิดดูก็พบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียรุ่นต่างๆ จึงได้นางสาวฤทัยรัตน์ ช่วยนำไปขายในราคาถูก โดยนางสาวฤทัยรัตน์ ก็ได้นำไปให้นายปวเรศไปช่วยต่ออีกทอด และน.ส.ฤหัยรัตน์ ยังได้นำไปขายให้พนักงานสาวบาร์เบียร์หาดป่าตอง จนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้ขโมยโทรศัพท์มือถือดังกล่าว

“จุรินทร์” เปิดโรงพยาบาลวชิระ สาขาหยี่เต้ง


เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 54 ที่บริเวณอาคารหยี่เต้ง สี่แยกเจ้าฟ้าตะวันออกตัดถนนบางกอก อ.เมือง ภูเก็ต นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เป็นประธานเปิด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต สาขาหยี่เต้ง โดยมีนายเรวัตื อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ จังหวัดภูเก็ต นายสมประสงค์ เอี่ยมสกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายแพทย์ศักดิ์ แท่นชัยสกุล สสจ.ภูเก็ต นายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต แขกผู้มีเกียรติ ประชาชน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดครั้งนี้

จากนั้นนายจุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการเปิดให้บริการโรงพยาบาล 4 มุมเมืองในจังหวัดต่างๆ เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลศูนย์ ว่า เพื่อเป็นการลดความแออัดในการให้บริการของโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป จึงได้กำหนดนโยบายในการแก้ปัญหาดังกล่าว 3 มาตรการหลัก คือ การเพิ่มหรือขยายพื้นที่ในการให้บริการ การขยายเวลาในการให้บริการนอกเวลาราชการ เช่น ช่วงเช้าตรู ช่วงเย็น ช่วยวันหยุด เป็นต้น และการพัฒนาการส่งต่อผู้ป่วยให้เหมาะสม ซึ่งจะได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการส่งต่อผู้ป่วยที่ชัดเจนว่า ผู้ป่วยระดับใดที่จะต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไป

“การเปิดให้บริการสาขาหยี่เต้งของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ถือเป็นแห่งแรกที่ดำเนินการตามนโยบายอย่างเป็นทางการ แม้ว่าปัจจุบันจะมีโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไปดำเนินการในลักษณะเช่นนี้มาก่อนแล้วในหลายพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมตัวเลข และการกำหนดเป้าหมายการดำเนินการที่ชัดเจนภายในเดือนมีนาคมนี้”

นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่ให้โรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไปออกมาเปิดให้บริการโรงพยาบาลสาขานั้นจะเป็นการกระจายทรัพยากรที่มีอยู่ออกมาให้บริการภายนอกโรงพยาบาลหลักทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย สะดวก สามารถลดระยะเวลารอคอยการรับบริการ และสถานที่จอดรถ กว้างขวาง สะดวก เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รับบริการ นอกจากนี้ยังเป็นการลดต้นทุนในการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เพราะการขยายสาขานั้นนอกจากดำเนินการโดยโรงพยาบาลเองแล้ว ยังสามารถที่จะดำเนินการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้นๆ ได้ด้วย

ส่วนของบุคลากรด้านการแพทย์นั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะจะเป็นการใช้บุคลากรที่มีอยู่เดิมมาหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป แต่กรณีปัญหาขาดแคลนบุคลากรในภาพรวมนั้นก็ต้องดำเนินการไปตามแผนงานที่กำหนดไว้แล้ว ซึ่งในระยะเวลา 6 ปีนี้จำนวนแพทย์ที่มีอยู่น่าจะเพียงพอรองรับผู้ป่วยโดยสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อ 1,500 คน นายจุรินทร์ กล่าว

ตร.เมืองรวบผู้ค้ารายใหญ่ได้ของกลางยาบ้ากว่า 1 พันเม็ด


เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์, พ.ต.อ. ชลิต แก้วยะรัตน์, พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.วิจักขณ์ ตารมย์ สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ตและชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.ประไพร ครุฑนาค อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ม.4 ต.ตาลเตี้ย อ.เมือง จ.สุโขทัย พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,550 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ลักษณะเป็นเกร็ดใส น้ำหนัก 77 กรัม เครื่องชั่งน้ำหนักขนาดเล็ก จำนวน 1 เครื่อง ถุงพลาสติกใสแบบ ปิด-เปิด จำนวน 149 ถุง สมุดบัญชี ธนาคารจำนวน 3 เล่ม รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ หมายเลขทะเบียน ขจม – 75 ภูเก็ต จำนวน 1 คันโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง หมายเลข 084-6301351 จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมนายสมชัย เชนนิคุต อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/88 ถ.ศรีสุทัศน์ ต.ตลาดใหญ่อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 247 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวนายสมชัยฯ ได้พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 247 เม็ด โดยนายสมชัยฯ ให้การว่ามีนายนิล ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงเป็นผู้นำมาให้จำหน่าย จึงให้นายสมชัยฯ ติดต่อนายนิลฯ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2554 ได้มีผู้หญิงโทรมาหานายสมชัยฯ บอกว่าของพร้อมแล้วให้ไปรอที่ข้างศาลเจ้าพ่อตาโต๊ะแซะ จะมีคนขับขี่รถจักรยานยนต์ สีดำ นุ่งกางเกงสีดำไปส่งให้ และยังบอกด้วยว่าของอยู่ในกล่องข้าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้จัดกำลังไปซุ่มบริเวณรอบศาลเจ้าฯ ต่อมาได้มี น.ส.ประไพรฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ มาที่ศาลเจ้า โดยมีกล่องข้าวแขวนไว้ที่หน้ารถตามลักษณะที่ได้รับแจ้งไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัว เข้าทำการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าวข้างต้น จึงได้บันทึกแจ้งข้อกล่ากล่าวหาว่ามียาเสพติดให้ โทษปะเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมตัวนายวิทยา แก้วลิพอน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/7 ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 5 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยสามารถจับกุมตัวได้ในขณะที่นายวิทยา ยืนอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ มีท่าทางพิรุธ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นพบของกลาง ยาบ้า จำนวน 5 เม็ด จึงได้นำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

และเจ้าหน้าที่ยังจับกุมนายอนุพงษ์ สืบเล็ก อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/80 ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 13 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

“อยู่อย่างไรให้มีความสุข ในหมู่บ้านจัดสรร”




นายไพฑูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กำหนดจะจัดสัมมนาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจัดสรรที่ดิน ในหัวข้อ “อยู่อย่างไรให้มีความสุข ในหมู่บ้านจัดสรร” ขึ้น ในวันที่ 27 มีนาคม นี้ ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนเพื่อเพิ่มพูนความรู้และให้เกิดประสิทธิภาพของงานสูงสุดภายใต้กฎหมายจัดสรรที่ดินที่สอดคล้องกัน

“การจัดสัมมนาดังกล่าว เป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงตามไปด้วย เห็นได้จากการขออนุญาตจัดสรรโครงการใหม่ๆ และโครงการจัดสรรในอดีตซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและมีผู้เข้าไปอยู่อาศัยจนสามารถจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้แล้วหลายโครงการ

นายไพฑูรย์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ปัจจุบันในจังหวัดภูเก็ตมีหมู่บ้านจัดสรรที่ตั้งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแล้วจำนวน 40 หมู่บ้าน ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่สมาชิกในหมู่บ้านจัดสรร เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่กฎหมายจัดสรรที่ดินได้กำหนด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนของภาคราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายจัดสรรที่ดินอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดอบรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

“แอร์บากัน” เตรียมเปิดเส้นทางบินภูเก็ต-ย่างกุ้ง


นายสุรนาถ ทวีทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.บี.ทราเวล เอเจนซี่ เซ็นเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยนางสาว สาว ทันดา นอย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด สายการบิน แอร์ Air Bagan ได้ร่วมกันแถลงข่าวการเปิดตัวสายการบิน Air Bagan ว่า ด้วยศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับความแตกต่างระหว่างแหล่งท่องเที่ยวของภูเก็ตกับพม่า ทำให้สายการบินแอร์ บากัน ซึ่งเป็นสายการบินจากประเทศพม่า ตัดสินที่จะเปิดเส้นทางบินเชื่อมระหว่าง จ.ภูเก็ต กับกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเดินทางไปมาระหว่างกัน โดยจะเริ่มทำการบินเที่ยวบินแรกในวันที่ 11 เมษายน 2554 นี้ ด้วยเครื่องบินฟอกเกอร์ 92 ที่นั่ง สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ในวันจันทร์และวันศุกร์ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

“ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศพม่าจะต้องไปต่อเครื่องที่กรุงเทพมหานคร หรือการที่คนพม่าต้องการจะเดินทางมายังภูเก็ตก็จะต้องไปต่อเครื่องที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นการที่สายการบินแอร์บากันเปิดให้บริการเส้นทางภูเก็ต-กรุงย่างกุ้งจะเป็นการเพิ่มความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น เนื่องจากสองเมืองนี้จะมีความแตกต่างเรื่องของแหล่งท่องเที่ยว โดยภูเก็ตจะเป็นเรื่องของหาดทรายชายทะเล ขณะที่เมืองย่างกุ้งจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างมาก”

นายสุรนาถ กล่าวว่า หลังจากที่ทางสายการบินแอร์บากันได้เปิดตัวเส้นทางบินภูเก็ต-ย่างกุ้ง ปรากฏว่าได้รับการการตอบรับค่อนข้างดีทั้งจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองย่างกุ้ง หรือจากย่างกุ้งมายังภูเก็ต ขณะนี้มีการจองที่นั่งแล้วประมาณ 50 % โดยในระยะแรกตั้งเป้าว่าจะมีผู้โดยสารเที่ยวละประมาณ 60-65% ส่วนของกลุ่มลูกค้าตั้งเป้าไว้ว่าเป็นคนไทยประมาณ 50% ส่วนที่เหลือเป็นชาวต่างชาติทั้งที่มาอาศัยประกอบอาชีพอยู่ในภูเก็ต และชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว เนื่องจากการเดินทางไปพม่าโดยสายการบินแอร์บากันนั้น นักท่องเที่ยวสามารถที่จะขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA ON ARRIVAL) ได้เลย เนื่องจากขณะนี้ทางสายการบินแอร์ บากันได้ขอให้รัฐบาลพม่าสนับสนุนการทำวีซ่าดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเสียค่าวีซ่า 30 เหรียญสหรัฐฯ และเตรียมภาพถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ และสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 นาทีเท่านั้

อย่างไรก็ตามนายสุรนาถ กล่าวอีกว่า ในระยะเริ่มต้นของการเปิดเส้นทางบินใหม่นั้น ทางบริษัทฯ ร่วมกับสายการบินแอร์บากัน จัดเพ็กเก็จราคาพิเศษในช่วงระหว่างวันที่ 11-18 เมษายน 2554 นี้ เช่น ตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก อาหาร และโปรแกรมนำเที่ยวย่างกุ้ง หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน ในราคา 19,900 บาท และ 20,900 บาท เป็นต้น และเมื่อเดินทางไปถึงกรุงย่างกุ้งแล้ว ยังสามารถที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองสำคัญทางการท่องเที่ยวของพม่า เช่น มัณฑะเลย์ พุกาม ทวาย มะริด ยะไข่ เป็นต้น เนื่องจากสายการบินแอร์ บากัน ได้ทำการบินเชื่อมระหว่างกรุงย่างกุ้งกับเมืองต่างๆ ในพม่าถึง 21 เมือง

ตร.ฉลองรวบลักทรัพย์ 3 รายของกลางจำนวนมาก


เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 54 ที่ห้องประชุมสภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมด.ช.แดง อายุ 14 ปี นายดำ อายุ 16 ปี นายขาว อายุ 17 ปี พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาอ่า รุ่นฟีโน่ สีแดง – ขาว หมายเลขทะเบียน ขจจ 60 ภูเก็ต รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮ้อนด้ารุ่นคลิ๊ก สีแดง – ดำ หมายเลขทะเบียน ขจย 181 ภูเก็ต คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 6 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง กล้องถ่ายรูป ยี่ห้อแคนนอล 1 เครื่อง เครื่องเล่นเอ็มพี 3 จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้พาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร

ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา นายอนันต์ อเนกทรัพย์ อายุ 37 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง ว่า รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาอ่า รุ่นฟีโน่ สีแดง – ขาว หมายเลขทะเบียน ขจจ 60 ภูเก็ต จอดไว้ที่หน้าบ้านพักเลขที่ 51/1 ม.6 ต.ราไวย์ ได้หายไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ฉลอง ก็ได้ออกติดตามเพื่อจับกุมคนร้ายและทราบว่ารถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่หน้าบ้านไม่มีเลขที่ ซอยธนูเทพ ซึ่งเป็นบ้านพักของ ด.ช.แดง อายุ 14 ปี ก็ได้เข้าไปตรวจสอบและทราบว่าเป็นรถที่ขโมยมาจากบ้านพักของนายอนันต์ อเนกทรัพย์จริง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านพบโทรศัพท์มือถือ และทราบว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวได้ขโมยมาจากบ้านพักของนายโรเบริ์ต เครป อายุ 43 ปี สัญชาติแคนนาดา เลขที่ 101/73 ซอยใสยวน ม.7 ต.ราไวย์

จากนั้นในวันที่ 8 มีนาคม 54 ที่ผ่านมา ได้ร่วมกับนายดำ และนายขาว เข้าไปลักทรัพย์ได้เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 3 เครื่อง เงินสดอีกกจำนวนหนึ่ง และให้การรับสารภาพอีกว่าก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุลักทรัพย์บ้านพักนักท่องเที่ยวอีกกว่า 10 ครั้ง ได้ทรัพย์สินไปจำนวนมาก หลังจากที่ได้ทรัพย์สินแล้วนำไปจำหน่ายแล้วนำเงินไปเที่ยว จนกระทั่งถูกจับกุมตัวดังกล่าว

ตร.ภูเก็ตเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191


เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 10 มีนาคม 2554 ที่บริเวณชั้น 4 สภ.เมือง ภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ผกก.สภ.ต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมการ กต.ตร.และคณะผู้ไกล่เกลี่ย สภ.เมืองภูเก็ต ได้เข้าร่วมในพิธีเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตามโครงการระยะที่ 3

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชานุชาญ ชลสุวัฒน์ ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่บริการประชาชน รับไปพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์บริการประชาชน ในลักษณะ Call Center ขึ้นในหน่วยงาน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำหนดแนวทางการพัฒนาศูนย์บริการประชาชน ที่สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน โดยการพัฒนาปรับปรุงระบบสารสนเทศและการสื่อสาร โทรศัพท์สายด่วน 191 ซึ่งหน่วยงานตำรวจส่วนใหญ่มีการใช้งาน และเป็นที่จดจำของประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ให้เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ที่สามารถควบคุมและสั่งการปฏิบัติที่มีเอกภาพ เรียกว่า “ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191” ของตำรวจภูธรจังหวัด ในแต่ละจังหวัดเพียงแห่งเดียว

และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกองตำรวจสื่อสาร จัดทำ “โครงการศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตำรวจภูธรจังหวัด” ขึ้น ตามโครงการระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวมจำนวน 20 จังหวัด โดยตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อยู่ในโครงการระยะที่ 3 ซึ่งในระยะที่ 3 นี้มีทั้งหมด 5 จังหวัด ประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง, ระยอง, ประจวบคีรีขันธ์, นราธิวาส และภูเก็ต

สำหรับการปรับปรุงศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ในครั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข 191 เพียงหมายเลขเดียว ณ ที่ใดก็ได้ทั่วประเทศ ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือ หรือระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที เพราะเวลาเพียงเสี้ยววินาที อาจหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินที่สูญเสียไป ทำให้ประชาชนจะไม่สับสน ในการใช้หมายเลขโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินอีกต่อไป โดยทางศูนย์ ได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่นเดียวกับศูนย์ Call Center ของภาคเอกชนมาใช้ โดยระบบจะจัดเก็บเสียงและข้อมูลแจ้งเหตุในรูปแบบดิจิตอล ส่งผ่านไปยังสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่มีสาเหตุจากบุคคลและอุปกรณ์ ในการจดบันทึกเหตุและการประสานงานที่ไม่ชำนาญของเจ้าหน้าที่ สามารถสืบค้น รวบรวมข้อมูล ทั้งฐานข้อมูลบุคคล แผนผังสถานที่ในจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และที่สำคัญประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา

ด้านนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต มุ่งมั่นดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และความรับผิดขอบ ด้วยความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายในหน้าที่ของตำรวจ แต่การปฏิบัติงานของตำรวจจะไม่บรรลุผลได้เลย ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการแจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส หรือ แจ้งข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ปรับปรุงพัฒนาและจัดตั้งขึ้นนี้

จึงเป็นปฏิบัติการเชิงรุก ที่นำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทันสมัยมาใช้เสริมการปฏิบัติงานของตำรวจ เพื่อช่วยให้ขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งเหตุจากประชาชน สั่งการณ์ไปยังตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ เป็นไปด้วยความถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็ว พร้อมทั้งได้ปรับปรุงกระบวนการแจ้งเหตุของประชาชนมายังตำรวจ ให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนหลังการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ทุกขั้นตอน ในประเทศที่พัฒนาแล้วทุกประเทศจะให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านทางระบบโทรศัพท์ เพราะถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวก ไม่จำกัดเวลา เสียค่าใช้จ่ายน้อย และกระทำได้ทุกสถานที่ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันจะส่งผลให้ประชาชนยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจมากยิ่งขึ้น

นักลงทุนเชค พบนายก อบจ.ภูเก็ตเสนอข้อมูลระบบบำบัดน้ำเสีย


เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2554 ที่โรงแรม Premier Hotel Majestie Plaza , กรุงปราค สาธารณรัฐเชค Dr.Jan Kavalirek CEO Prague Diamond Invest และ Mr.Petr Brat’ka Manager Director จากบริษัท Tradeco ซึ่งเป็นนักลงทุนในสาธารณรัฐเชค ได้พบปะหารือ กับ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และคณะประกอบด้วยประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต และภาคเอกชนในด้านการท่องเที่ยว ที่ได้เดินทางที่เดินทางไปศึกษาดูงานระบบบำบัดน้ำเสีย ณ เทศบาลนครปราค สาธารณรัฐเชค เพื่อนำเสนอข้อมูลเบื้องต้น ทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งกำลังใช้อยู่ในสาธารณรัฐเชค 13 แห่ง

ทั้งนี้ Dr.Jan Kavalirek ได้กล่าวว่า การเข้าพบปะหารือดังกล่าว ได้รับการประสานงานจาก นายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเชค ประจำจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ว่าทางผู้บริหารจังหวัดภูเก็ตได้เดินทางมาแวะพักนครปราค สาธารณรัฐเชค เพื่อศึกาดูงานระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งระบบนี้ใช้งบน้อยกว่าครึ่ง ใช้พื้นที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของระบบอื่น ๆ ที่มีอยู่ในเชค แต่มีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 2 เท่า

ด้านนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ทางคณะได้เดินทางมาและแวะที่นครปราค สาธารณรัฐเชค และได้ดูงานระบบบำบัดน้ำเสียในครั้งนี้ ซึ่งจากการได้พูดคุยกับนักธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำเสียในครั้งนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่ต้องการมีระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งหลายท้องถิ่นกำลังมองหาระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้พื้นที่น้อย ค่าใช้จ่ายน้อย แต่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ ซึ่งขณะนี้จังหวัดภูเก็ตมีระบบบำบัดน้ำเสียแล้ว ที่เทศบาลเมืองป่าตอง เทศบาลนครภูเก็ต เทศบาลเมืองกะทู้ เทศบาลตำบลกะรน และล่าสุดเทศบาลตำบลกมลา กำลังศึกษาและมีแผนจะดำเนินการอยู่ หากได้รับข้อมูลทางเทคนิคจะได้นำประชุมร่วมกับองค์กรส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาต่อไป

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

การปรับผลกระทบค่าจ้างอย่างไรไม่ให้มีปัญหา


เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2554 ที่ห้องรายา โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หลักสูตร “เทคนิคการปรับผลกระทบค่าจ้างอย่างไรไม่ให้มีปัญหา” โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต จากสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 65 คน เข้าร่วม

ทั้งนี้นายนเรศ ศรีนาค รองประธานชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า การฝึกอบรมทางวิชาการ หลักสูตร “เทคนิคการปรับผลกระทบค่าจ้างอย่างไรไม่ให้มีปัญหา” เป็นการจัดอบรมสัมมนาตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตามนโยบายของนายกอบจ.ภูเก็ต ที่ประสงค์ให้รายได้ ที่ได้รับจากการนำส่งค่าธรรมเนียมบำรุงจากเข้าผู้พักในโรงแรมนั้น ได้กลับไปสู่ผู้ที่มีส่วนในการจ่ายค่าธรรมเนียมให้อบจ.ภูเก็ต และการฝึกอบรมในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับค่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หรือการปรับค่าจ้างประจำปีของแต่ละองค์กร ซึ่งปีนี้จะต้องปรับเพิ่มจำนวนมาก

เนื่องจากฐานเงินเดือนของค่าจ้างขั้นต่ำได้ปรับขึ้นไปแล้ว 8.3% ผลกระทบจึงมีมาก แต่จะจัดการกับผลกระทบอย่างไรไม่ให้มีปัญหา และจะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้อย่างไรในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารค่าตอบแทนหรือค่าจ้าง ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการทำงานของบุคลากรให้มีการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามเป้าหมายแห่งการให้บริการที่ดีที่สุด สามารถแข่งขันกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการท่องเที่ยวและยืนอยู่ในตลาดการท่องเที่ยวโลกได้ ซึ่งจะส่งผลให้สถานประกอบการมีบุคลากรที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และบริหารสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการอบรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อุทัย สวนกูล วิทยากรและที่ปรึกษาประจำสมาคมการจัดงานบุคคลแห่งประเทศไทย มาเป็นวิทยากรเพื่อให้ความรู้ในหัวข้อเรื่องดังกล่าว

นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัด อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจขาดความมั่นคง ค่าตอบแทนหรือค่าจ้างจึงมีความสำคัญและเป็นแรงจูงใจอันดับแรกๆ ในการทำงาน ผู้บริหารจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจและทราบแนวทางการแก้ปัญหาในการบริหารค่าตอบแทนหรือค่าจ้าง เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานของบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริการที่เป็นเลิศและดีอยู่เสมอ ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และการบริการที่ดีงามเป็นจุดขายที่มีชื่อเสียงในตลาดท่องเที่ยวโลก บริการที่ดีจากบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว และสร้างแรงจูงใจให้ในตลาดท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่าหันกลับมาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น จึงต้องมีการฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดการกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับค่าจ้าง และแนะนำแนวทางในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารค่าตอบแทน ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการทำงานของบุคลากรให้มีการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการท่องเที่ยวและยืนอยู่ในตลาดการท่องเที่ยวโลกได้

ทน.ภูเก็ตคว้ารางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน ประจำปี 2552


เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 254 ที่ผ่านมา ที่โรงแรมรามาการ์เด้น กรุงเทพมหานคร นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานในพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณรางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน ประจำปี 2552 ตามโครงการประเมินเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน ประจำปี 2552 (ประเภท เทศบาลขนาดใหญ่) ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และมูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย โดยทางเทศบาลนครภูเก็ต ได้รับรางวัลชนะเลิศยอดเยี่ยม ระดับประเทศ โดยนางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นผู้รับมอบ

ทั้งนี้ นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา ได้กล่าวภายหลังรับรับรางวัลในครั้งนี้ว่า สำหรับโครงการดังกล่าว เกิดจากการน้อมนำแนวพระราชดำรัสในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นกรอบแนวคิด และเกณฑ์ชี้วัด ซึ่งประกอบด้วย 5 ปัจจัย ได้แก่ เมืองอยู่ดี คนมีสุข สิ่งแวดล้อมยั่งยืน เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และพัฒนา และมีการบริหารจัดการที่ดีภายใต้แนวคิดหลักธรรมภิบาล ซึ่งโครงการนี้จะเป็นกลไกในการผลักดันให้เทศบาลทั่วประเทศเกิดความตื่นตัวใน การพัฒนา ตามกรอบแนวคิดจนถึงการพัฒนาเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้เกิดสังคมที่สงบสุขต่อไป และในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต จะเข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

นางสาวสมใจ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับรางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน มีเทศบาลที่ได้รับรางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืนชนะเลิศ ยอดเยี่ยม ประเภทเทศบาลขนาดใหญ่ ได้แก่เทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 2. รางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืนชนะเลิศ ยอดเยี่ยม ประเภทเทศบาล ขนาดกลาง ได้แก่ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 3. รางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืนชนะเลิศ ยอดเยี่ยม ประเภทเทศบาลขนาดเล็ก ได้แก่ เทศบาลตำบลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์

สร้างเครือข่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม


เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 3 เทศบาลตำบลรัษฏา นาย ศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำรอง ผกก.ป.ร่วมพบปะเยี่ยมเยียนฝ่ายบริหารเทศบาลตำบลรัษฎา ผู้นำชุมชน หมู่บ้าน ตามโครงการประชาคมตำบล ครั้งที่ 1/2554 จัดโดยสภ.เมือง ภูเก็ต ร่วมกับอำเภอเมือง จัดขึ้น เพื่อพบปะผู้นำท้องถิ่น หมู่บ้าน ชุมชน และประชาชนในพื้นที่ โดยร่วมกันแสดงความคิดเห็น ให้ข้อมูล และแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกัน เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของแต่ละหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาได้แบบยั่งยืน

ทั้งนี้พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า สถานีตำรวจภูธรมีเขตรับผิดชอบ 150 ตารางกิโลเมตร รับผิดชอบ 5 ตำบล คือ ตำบลวิชิต ตำบลเกาะแก้ว ตำบลรัษฎา รวม 23 หมู่บ้าน ส่วนตำบลตลาดใหญ่ และตลาดเหนือ อยู่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต รวม 17 ชุมชน ซึ่งในแต่ละตำบล หมู่บ้าน มีชุมชนต่างๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งมีบุคคลต่างถิ่นเข้ามาอยู่อาศัย ประชากรแฝงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด มีแนวโน้มสูงขึ้น สร้างความเดือดร้อน หวาดกลัวให้กับประชาชนที่ประกอบอาชีพสุจริต ตลอดจนปัญหาด้านการจราจรติดขัด ซึ่งสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อน ความต้องการของประชาชน ที่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้หรือช่วยเหลือในด้านต่างๆ และแก้ไขให้ตรงตามที่ต้องการ

โดยการจัดทำโครงการประชาคมตำบลขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อเข้าใจ เข้าถึงปัญหา ของท้องถิ่น ชุมชน ได้อย่างแท้จริง เพื่อนำมากำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งเพื่อสร้างความเข้าในในการประสานการปฏิบัติงานระหว่างตำรวจกับประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักในการปฏิบัติงานของตำรวจ เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก และสนับสนุนประชาชน ในชุมชน หมู่บ้าน ให้มีความใกล้ชิดเป็นที่ยอมรับ และศรัทธาของประชาชน

ด้านนายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า การดำเนินงานภายใต้นโยบาย 3 เดือน คือตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2554 ของกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาล ทางสภ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เกี่ยวกับประชาคมตำบล การอบรมเยาวชน โรงแรมสีขาว รวมถึงการปล่อยแถวตำรวจ และเจ้าหน้าที่อส.อำเภอเมือง ได้ออกระดมกวาดล้างพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต มีปัญหายาเสพติด อาชญากรรมที่น่าเป็นห่วง ในทุกพื้นที่ ตำบล ทั้งที่ชุมชนเกาะแก้ว เคหะ เกาะสิเหร่ สวนสาธารณะเทศบาลตำบลวิชิต ฯลฯ และในวันนี้ก็ได้มาทำความเข้าใจกับผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน หมู่บ้าน ในแนวนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ และเพื่อให้ทราบถึงสภาพปัญหา สถานภาพอาชญากรรมในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการรับทราบปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการของแต่ละชุมชน ที่ต้องการให้ตำรวจดำเนินการให้

ขณะที่ พ.ต.ท. ชัยวัฒน์ อุ้ยคำรอง ผกก.ป.ป. ได้ขอความร่วมมือ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน หมู่บ้าน ช่วยแจ้งเบาะแส อบายมุข อาชญากรรม ยาเสพติดให้กับทางตำรวจด้วย โดยเฉพาะสถานการณ์เกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ ต.รัษฎา ซึ่งมีสถิติการจับกุมที่น่าเป็นห่วง มีสถิติการจับกุมยาเสพติด เสพยาบ้า 7 ราย ผู้ต้องหา 7 คน พื้นที่ที่แพร่ระบาดอยู่คือ หมู่บ้านการเคหะแห่งชาติฯ

กองทัพเรือพร้อมช่วยเหลือหากเกิดภัยแล้ง


เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 54 ที่กองบัญชาการทัพเรือภาค 3 ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ วังแก้ว เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ (เสธ.ศปก.ทร.) พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจ กองทัพเรือ ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อตรวจเยี่ยมหน่วยและบำรุงขวัญหน่วยเฉพาะกิจ กองทัพเรือ และรับฟังบรรยายสรุปปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะ รวมทั้ง สำรวจพื้นที่เกาะแก่งต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 3 โดยมี พลเรือโท ชุมนุม อาจวงษ์ ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ให้การต้อนรับ พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการ พลทหาร และลูกจ้าง ตั้งแถวรับฟังโอวาท

จากนั้นพลเรือเอก เถลิงศักดิ์ วังแก้ว ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว หลังเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือ เกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ว่า กองทัพเรือมีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยขณะนี้ได้จัดเตรียมกำลังพล และอุปกรณ์เครื่องมือ อาทิ รถบรรทุกน้ำ รวมถึงรถที่สามารถดัดแปลงไปเป็นบรรทุกน้ำเพื่อรับน้ำไปให้ความช่วยเหลือประชาชนแสตนบายไว้ตลอดเวลา

สำหรับในส่วนของพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานการร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามทราบว่ามีบางพื้นที่ของอันดามันเริ่มเผชิญกับปัญหาภัยแล้งบ้างแล้ว อาทิ ที่ตำบลอ่าวนาง และตำบลคลองท่อม จังหวัดกระบี่ รวมถึงใน 5 อำเภอของจังหวัดสตูล โดยหน่วยงานในพื้นที่ได้ให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนไปแล้ว

ขณะที่สถานการณ์ยาเสพติดในทะเลอันดามัน นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เสนาธิการทหารเรือ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการตรวจจับการลักลอบขนยาเสพติดทางทะเล รวมถึงการกระทำความผิดอื่นๆแต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อไม่ประมาทได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภูเก็ตจัดทัวร์แหล่งประวัติศาสตร์ถลาง


เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 54 ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานปล่อยคณะทัวร์ทัศนศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์ถลาง โดยมี นายประยูร หนูสุก วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ ผู้นำชุมชน นักเรียน นักศึกษาเข้าร่วม

ทั้งนี้นายประยูร ได้กล่าวว่า ตามที่จังหวัดภูเก็ต ได้จัดงานวัฒนธรรมท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ประจำปี 2554 ในระหว่างวันที่ 5 – 19 มีนาคม 54 เพื่อเชิดชูเกียรติประวัติศาสตร์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตในการปกป้องรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานทุกวันนี้ นั้น กิจกรรมทัวร์ประวัติศาสตร์ถลางก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของงานวัฒนธรรมท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ด้วย

โดยกิจกรรมทัวร์ประวัติศาสตร์ถลางกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8 – 10 มีนาคม 54 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และเพื่อให้ประชาชน เยาวชน ผู้นำชุมชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองถลางอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานที่ทัศนศึกษา ประกอบด้วย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง วัดพระนางสร้าง ศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน บ้านแขนน บ้านเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เยี่ยมชมอนุสรณ์ถลางชนะศึก สุสานแม่หม้าเซี้ยะและวัดม่วงโกมารภัจจ์

แทงพรุนชายนิรนามแล้วลากทิ้งเหว


เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 54 พ.ต.ท.อเนก มงคล สารวัตรเวรสภ.ทุ่งทอง อ.กะทู้ ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพคนถูกฆ่าตายหน้าศาลเจ้าแป๊ะกงตั้งอยู่บนเนินเขาควนงิมซ้าน ถ.วิชิตสงคราม ต.กะทู้ อ.กะทู้ ขอให้เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.บริบูรณ์ อยู่สุขสมบูรณ์ รอง.ผกก.สส.นำกำลังชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ที่เกิดเหตุเป็นเนินเขาสูงราวตึก 8 ชั้นห่างจากถนนใหญ่เข้าไปราว 1 กม.เป็นถนนลูกรัง มีศาลเจ้าที่หรือศาลแป๊ะกงอยู่ บริเวณไหล่ทางห่างจากศาลเจ้าราว 15 เมตร พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ทะเบียน กรก 192 ภูเก็ตล้มคว่ำอยู่ ห่างออกไปเล็กน้อยบริเวณใกล้หน้าผา พบศพชายอายุระหว่าง 25 – 30 ปี สูงราว 165 – 170 ซม.สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำขาว นุ่งกางเกงผ้าร่มขาสั้นสีแดงนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่พื้น สภาพศพถูกแทงด้วยของมีคมตามร่างกายไม่ต่ำกว่า 30 แผล จากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากที่ใด บริเวณพื้นหญ้าตั้งแต่รถ จยย.มาถึงจุดที่พบศพมีรอยลากเป็นทางยาว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นำส่งรพ.ป่าตอง เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง

จากการสอบสวนชาวบ้านใกล้เคียงทราบว่า ก่อนพบศพช่วงเวลาราวตี 3 – ตี 5 ได้มีชายฉกรรจ์ 4 – 5 คนขี่รถ จยย.ไม่ทราบจำนวนขึ้นไปบนศาลเจ้าแป๊ะกงที่อยู่บนเขา จากนั้นสักพักใหญ่รถ จยย.ทั้งหมดได้ขี่ลงมาจากเขาแล้วหายไป จนกระทั่งรุ่งเช้าได้มีคนเฝ้าศาลเจ้าไปพบร่างชายนิรนามนอนกลายเป็นศพอยู่บริเวณใกล้หน้าผาแล้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวขี่รถ จยย.ขึ้นมากินเหล้าหรืออาจลวงผู้ตายขึ้นมากินเหล้า จากนั้นได้ใช้มีดรุมกระหน่ำแทงผู้ตายอย่างเมามันแล้วลากลงจากรถ จยย.คันดังกล่าว เพื่อต้องการที่จะนำไปทิ้งที่หน้าผา แต่ด้วยความมืดกลุ่มคนร้ายไม่เห็นว่ามีผ้าที่ใช้คุมกันแดดสีเขียวกันปิดอยู่ที่ริมหน้าผา เพื่อป้องกันดินสไลด์ กลุ่มคนร้ายจึงไม่สามารถโยนศพลงไปในหน้าผาได้ จึงทิ้งศพไว้ที่พื้นแล้วรีบหลบหนีไป จนกระทั่งมีคนมาพบศพดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่าปัญหาส่วนตัว – ชู้สาวหรือคู่อริเก่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบหาว่าผู้ตายเป็นใคร เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


รถบัสพลิกคว่ำก่อนถึงป่าตอง ตาย 1 บาดเจ็บกว่า 30


เมื่อเช้าวันที่ 8 มีนาคม 54 ร.ต.อ.ปฐพี ศรีชาย ร้อยเวร สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดอุบัติเหตุรถบัสบรรทุกผู้โดยสารเสียหลักหลุดโค้งพลิกคว่ำทางลงเขาป่าตอง ก่อนถึงวัดสุวรรณคีรีวงค์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในรถเป็นจำนวนมาก ขอให้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย หลังรับแจ้งก็ได้ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชา จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จราจร เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรม เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลกะทู้ เจ้าหน้าที่และรถพยาบาลจากโรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลสิริโรจน์ โรงพยาบาลถลางและเจ้าหน้าที่กู้ชีพจากเทศบาลเมืองป่าตอง

ที่เกิดเหตุเป็นทางลงเขาเข้าพื้นที่ตำบลป่าตอง ทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว ทางเจ้าหน้าที่จราจรต้องให้รถที่ติดไปใช้เส้นทางอื่น เพื่อให้รถพยาบาลได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บได้สะดวก และเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ต้องตัดกระแสไฟที่จะขึ้นไปยังเมืองป่าตอง เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าโดนเครนที่จะนำมายกรถที่พลิกคว่ำดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง บริเวณช่องการจราจรขาเข้าเมืองป่าตอง พบรถบัสขนาด 8 ล้อ 2 ชั้น สีชมพู ทะเบียนป้ายเหลือง 30-0168 พังงา ของบริษัท เที่ยงธรรมทัวร์ พลิกคว่ำอยู่ข้างถนน ห่างจากขอบถนนประมาณ1 เมตร

โดยมีผู้บาดเจ็บชายหญิงเป็นจำนวนมากติดอยู่ภายในรถ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ของแข็งตีกระจก เพื่อนำร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บออกมา นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บโดนเก้าอี้ทับร่างผู้บาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องตัดถ่าง และเพื่อลำเลียงส่ง รพ.ป่าตอง รพ.วชิระภูเก็ต รพ.สิริโรจน์ และ รพ.กรุงเทพภูเก็ต เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บตามร่างกายจำนวนกว่า 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 4 คน คงเหลืออีก 1 รายที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดึงออกมาได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้รถเครนจำนวน 2 คัน เพื่อยกรถพลิกกลับขึ้นมา โดยผู้เสียชีวิตทราบชื่อ คือนายวารินทร์ ยงยุทธ อายุ 51 ปี อาชีพขับรถจยย.รับแจ้งถูกเก้าอี้ทับติดกับท่อน้ำประปาทำให้เสียชีวิต

จากการสอบถามนางสาวบุญยษา กำลังมากเจริญ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตทราบ ก่อนเกิดเหตุรถบัสคันดังกล่าวได้นำคณะชาวบ้าน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตจำนวน 55 คน ออกจากจังหวัดภูเก็ตเมื่อคืนวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยคืนแรกไปพักที่จังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นางคณะก็ได้เดินทางไปยังวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เพื่อร่วมงานพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน

หลังจากเสร็จแล้วก็ได้เดินทางกลับ มาพักที่จังหวัดสุพรรณบุรี 1 คืน และเข้าพักที่กรุงเทพอีก 1 คืน ก่อนที่จะเดินทางกลับ โดยรถเดินขับมาเรื่อยๆ และเมื่อเดินทางมาถึงใกล้ที่เกิดเหตุ ก็ยังไม่มีอะไรบ่งบอกว่าจะเกิดเหตุ เพราะรถได้ขับมาอย่างช้า เนื่องจากมีรถขับไปมากเป็นจำนวนมาก และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโค้งหักศอกและลาดชัน รถเกิดลื่นไถลไปข้างทาง ไปกระแทรกกับราวข้างถนน ทำให้รถพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่ารถน่าจะเสียหลัก ซึ่งปกติรถคันดังกล่าวจะมารับส่งผู้โดยสาร ที่จะเดินทางไปเที่ยวทั่วไทย ในพื้นที่ป่าตองอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก่อนหน้าที่นี้ไม่นาน รถครั้งดังกล่าวยังได้นำชาวป่าตองเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ และเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพมาแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่คนขับจะไม่ชำนาญเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวโชเฟอร์มาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป