จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เตรียมพร้อมบริหารจุดตรวจเข้าออกเรือยอชต์



เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 ห้องประชุมเล็ก องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมการจัดเตรียมรายละเอียดการบริหารจัดการจุดตรวจเข้าออกและควบคุมเรือยอชต์ท่าเทียบเรือฉลอง จังหวัดภูเก็ต โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ตเข้าร่วม
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ได้แจ้งเพื่อทราบเรื่องงานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นบริเวณท่าเทียบเรือสำราญกีฬา ที่อ่าวฉลอง จังหวัดภูเก็ต พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ซึ่งสรุปผลงานถึงเดือนกันยายน 2554 ผลงานสะสมร้อยละ 99.894 พร้อมกันนี้ ได้มีการเสนอเรื่องเพื่อพิจารณา การบริหารจัดการจุดตรวจเข้าออกและควบคุมเรือยอชต์ ท่าเทียบเรือฉลอง สืบเนื่องจากคำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 1781/2554 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2554 ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำและควบคุมการใช้งานระบบบริหารจัดการจุดตรวจเข้าออกและควบคุมเรือยอชต์ท่าเทียบเรือฉลอง จังหวัดภูเก็ต และในคราวประชุมครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2554 ที่ประชุมมีมติ มอบ อบจ.ภูเก็ต เตรียมรายละเอียดการบริหารศูนย์ควบคุมท่าเรือ (PPCC) แห่งใหม่
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการจุดตรวจเข้าออกและควบคุมเรือยอชต์ท่าเทียบเรือฉลองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติอย่างชัดเจน และสนับสนุนการให้บริการสถานีขนส่งทางน้ำแบบ One Stop Service จึงได้จัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปในการบริหารศูนย์ควบคุมท่าเรือดังกล่าว โดยให้แต่ละหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารสถานีขนส่งทางน้ำให้บริการในท่าเทียบเรือท่องเที่ยวอ่าวฉลอง ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วย สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต, ด่านศุลกากรภูเก็ต, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต และธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต ในเรื่องการจัดหาผลประโยชน์ท่าเทียบเรือ ได้ร่วมกันเสนอความคิดเห็นและจัดทำข้อมูลการบริหารศูนย์ควบคุมท่าเรือ (PPCC) ให้มีการควบคุมการใช้งานระบบบริหารจัดการจุดตรวจเข้าออกและควบคุมเรือยอชต์อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับการเสนอแนวทางการบริหารจัดการและพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสถานที่ทำงานของหน่วยงานที่ปฏิบัติงานภายในศูนย์ควบคุมท่าเรือ (PPCC) แห่งใหม่ แนวทางการจัดระเบียบและควบคุมการจราจรทางน้ำของเรือสำราญและกีฬาที่เดินทางเข้า-ออก จังหวัดภูเก็ต การควบคุมการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์สำหรับพิธีการรับแจ้งรายงานเรือสำราญและกีฬาที่เดินทางเข้า-ออก จังหวัดภูเก็ต การรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการบริหารศูนย์ควบคุมท่าเรือ (PPCC) และประสานงานรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทางทะเล และนอกจากนี้ ยังได้เสนอเพื่อพิจารณาเรื่องการขุดลอกร่องน้ำ บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง และการว่างทุ่นจอดเรือบริเวณรอบนอกท่าเทียบเรือท่องเที่ยวอ่าวฉลองด้วย




อปพร.ทน.ภูเก็ต จัดงาน อปพร.ต้านภัย


เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 54 ที่ เวทีกลางสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้ร่วมกันเปิดงาน “อปพร.ต้านภัย รวมใจเป็นหนึ่งเดียว” ครั้งที่ 2 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และอปพร.ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมงาน โดยก่อนพิธีเปิดได้มีการเดินขบวนในงาน กว่า 300 คน
ทั้งนี้พ.จ.อ.รุ่งอรุณ อินทวงศ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน อปพร.ได้กล่าวว่า สมาชิกอปพร.เป็นพลังมวลชนอันสำคัญ ที่มีกระจายอยู่ทุกพื้นที่ของประเทศ ที่สามารถช่วยเหลือ งานด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้อย่างดียิ่ง สมาชิกอปพร.นับว่าเป็นผู้ที่สมควรได้รับการยกย่อง ในความเป็นอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่มีความเสียสละทั้งด้านร่างกาย จิตใจ เวลา และกำลังทรัพย์ ในการช่วยเหลือทางราชการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ นับเป็นผู้ที่มีความเสียสละที่น่าชื่นชม
ดังนั้นเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกอปพร.ในสังกัดคณะกรรมการประสานงานศูนย์ อปพร.เทศบาลนครภูเก็ต จึงได้จัดทำ โครงการจัดงาน “อปพร.ต้านภัย รวมใจเป็นหนึ่งเดียว” ครั้งที่ 2 ขึ้น และการจัดกิจกรรมเพื่อรวมพลัง มีกำหนดจำนวน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 – 22 ตุลาคม 2554 มีการรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประอุทกภัย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนตลอดจนประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
ด้านนางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้กล่าวว่า อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “อปพร.” เป็นหน่วยอาสาสมัครภาคประชาชนที่มีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ และสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของท้องถิ่น รวมถึงภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ภารกิจในการอำนวยการจราจร และภารกิจอื่น ๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ ด้วยจิตอาสาโดยมิได้หวังค่าตอบแทนและอามิสสินจ้างแต่อย่างใด ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวต้องทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ และบางครั้งต้องเสียสละทั้งเวลาและกำลังทรัพย์ส่วนตัว เพื่อดูแลความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ในส่วนของนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รอง ผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยที่ผ่านมา เป็นที่ยอมรับกันว่าสมาชิก อปพร.ที่มีอยู่ทั่วประเทศไทยในปัจจุบัน จำนวนกว่าหนึ่งล้านคน เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญที่เข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือในการระงับยับยั้ง มิให้สาธารณภัยที่เกิดขึ้น สร้างความเสียหายรุนแรงบานปลายอย่างได้ผลดี ประกอบกับหลักการสำคัญในการจัดการกับสาธารณภัย คือ การเข้ามามีส่วนรวมของภาคประชาชนอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปของกลุ่มอาสาสมัคร ตั้งแต่ในภาวะก่อนภัยจะเกิดขึ้น ไปจนถึงการฟื้นฟู บูรณะหลังจากเหตุสาธารณภัยได้ผ่านพ้นแล้ว 

อบจ.ภูเก็ต ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วย ต.ราไวย์


เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายไกรวุฒิ คุ้มบ้าน รองประธานสภา อบจ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต คณะแพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต และอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลราไวย์ ได้ลงพื้นที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการที่บ้านโครงการภูเก็ตแคร์ ประจำเดือนตุลาคม 2554 ในเขตตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้มอบชุดของเยี่ยม อาทิ ผ้าอ้อม แป้ง สบู่ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ให้แก่ผู้ป่วยจำนวน 7 ราย ได้แก่ นายสงวน ไทยแท้, นายประยูร ณ ตะกั่วทุ่ง, นายสุเทพ สาลี, นางลีบ๊ะ เนาว์ไพร, นางร้า โต๊ะเตบ, นางแสะ สองเมือง, และนางหย้า เถาว์แดง
โครงการภูเก็ตแคร์ เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้พิการในจังหวัดภูเก็ตให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขใกล้บ้านให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการในชุมชน ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถดูแลตัวเองได้
สำหรับการเยี่ยมผู้ป่วยโครงการภูเก็ตแคร์ ในเขตพื้นที่ตำบลราไวย์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เห็นถึงการดูแล และการแบ่งปันความรักของคนในครอบครัวของผู้ป่วยที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการต่อสู้ที่ทำให้ตนเองมีอาการดีขึ้นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพื่อสร้างจิตสำนึกให้มีความเอื้ออาทรกับชุมชน และสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในชุมชน




ตน.รวบต่างด้าว 7 รายหลังฆ่าไต๋และช่างเครื่อง


เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 54 ที่บริเวณท่าเทียบเรือแสงอรุณ ต.รัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย ผกก.8 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.อ.โชติ ชิตไชย ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผกก.8 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้ร่วมกันตรวจสอบ เรือ ว.สุภาพร ซึ่งเป็นเรือประมงจาก อ.กันตัง จ.ตรัง ที่เรือ ต.522 ได้ควบคุมมาพร้อมด้วยผู้ต้องหาสัญชาติพม่าจำนวน 7 ราย ที่ได้ก่อเหตุฆ่าไต๋เรือ และช่างเครื่อง ก่อนนำศพโยนทิ้งทะเล แล้วนำเรือกลับมาแล้วมาเกยตื้นอยู่ทางตอนเหนือของเกาะไม้ท่อน อ.เมือง ภูเก็ต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพ.ต.ท.เจษฎา แสงสุรีย์ สารวัตรเวร สภ.เมือง ภูเก็ต เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมและดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย ผกก.8 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้กล่าวว่า ด้วยทางกองบังคับการตำรวจน้ำ ได้รับการประสานจากเจ้าของเรือว.สุภาพร ซึ่งเป็นเรือประมงจาก อ.กันตัง จ.ตรัง ว่าเรือได้ขาดการติดต่อตั้งแต่เช้าวันที่ 13 ตุลาคม 54 ที่ผ่านมา โดยเรือลำดังกล่าวมีขนาดยาว 20 เมตร กว้าง 6 เมตร สีเทา โดยเรือลำดังกล่าวได้เดินทางไปทำประมงที่ประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าน่าจะถูกปล้น หรือโดนลักขโมยมา หลังรับแจ้งก็ได้สั่งการณ์ให้เรือ ต.522 โดยมีพ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ เป็นผู้บัญชาการณ์เรือออกไปตรวจสอบ
จนกระทั่งในเวลาประมาณ 12.00 น.ของวันนี้ (14 ต.ค. 54) ก็ได้รับรายงานว่าพบเรือลำลักษณะตามที่ได้รับแจ้ง เกยตื้นอยู่ที่ตอนเหนือของเกาะไม้ท่อน อ.เมืองภูเก็ต จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบภายในเรือมีแรงงานต่างด้าวจำนวน 7 คน อยู่ภายในลำเรือ และเมื่อตรวจสอบภายในห้องกัปตัน พบคาบเลือดแห้งจำนวนมาก ทั้งที่พื้นและผนังห้อง นอกจากนี้เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบยังห้องของไต๋เรือ ก็ยังพบคาบเลือดแห้งติดอยู่บนที่นอนและหมอนของไต๋เรือ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมแรงงานต่างด้าวทั้งหมด เพื่อมาทำการสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมทั้งได้ให้เรือประมงที่เล่นผ่านบริเวณดังกล่าวได้ลากเรือเข้าฝั่งที่ท่าเทียบเรือแสงอรุณ อ.เมือง ภูเก็ต
และจากการสอบสวน 1 ใน 7 แรงงานต่างด้าวก็ทราบว่า เรือลำดังกล่าวเป็นเรือของนายจ้างในจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปทำประมงที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีนายลือ ไม่ทราบชื่อ – นามสกุลจริง เป็นไต๋เรือ และมีนายเล็ก ไม่ทราบชื่อ – นามสกุลจริง เป็นช่างเครื่อง ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นคนไทย ส่วนที่เหลือเป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่าจำนวน 7 คน เมื่อเดินทางไปรอยต่อระหว่างประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย หรือที่แรดติจูด 5 ไต๋เรือก็ได้มีปากเสียงกับนายนุด อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นแรงงานชาวพม่า แต่ด้วยนายลือเป็นไต๋เรือ นายนุดจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรในตอนนั้น
จนกระทั่งมืด ในขณะที่เรือกำลังลงอวนลาก นายนุดทีได้เก็บความรู้สึกเอาไว้ในตอนกลางวัน ก็ได้ใช้มีดอีโต้ ที่เอาไว้ทำปลาขึ้นไปลงมือฆ่านายลือ ไต๋เรือ ภายในห้องพัก เมื่อนายลือโดนฟันด้วยมีด ก็ได้รีบลุกวิ่งออกจากห้องพัก นายนุดก็ได้วิ่งตามออกมาไล่ฟันต่อ นายลือเห็นท่าไม่ดีจึงได้กระโดดลงทะเล เพื่อหนีการถูกห่าในครั้งนี้ แล้วหายตัวไปในทะเล จากนั้นนายนุดก็ได้เดินไปที่ห้องของนายเล็ก ซึ่งเป็นช่างเครื่องเรือ เมื่อพบตัว นายนุดก็ได้ใช้มีดอันเดิมไล่ฟันนายเล็กอีกคน เมื่อนายเล็กเห็นเช่นนั้นก็ได้หนีแล้วกระโดดลงจากเรือหายไปเช่นกัน จากนั้นแรงงานต่างด้าวทั้งหมดก็ได้ปล่อยให้เรือเดินเอง โดยไม่มีกัปตันเรือ จนกระทั่งเรือมาเกยตื่นโขดหินเหนือเกาะไม้ท่อนดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และช่วงเที่ยงเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปทำการตรวจสอบและจับกุมตัวได้ดังกล่าว 

ทต.กะรน, ผู้ประกอบการ มอบสิ่งของช่วยน้ำท่วม


เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2554 ที่สำนักงานเทศบาลตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีรับมอบข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่ม รวมถึงเสื้อผ้า จากเทศบาลตำบลกะรน โดยนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน และคณะ โดยมีนายสันต์ จันทรวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต และส่วนราชการเกี่ยวข้อง ร่วมรับมอบ นอกจากนี้กลุ่มผู้ประกอบการรถตุ๊กตุ๊ก และกลุ่มผู้ประกอบการกะรนพล่าซ่า หน้าหาดกะรน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ยังได้มอบเรือไฟเบอร์กลาส จำนวน 13 ลำ พร้อมเสื้อชูชีพ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าวด้วย
นายทวี กล่าวว่า สิ่งของที่ทางเทศบาลตำบลกะรน ส่งมอบให้กับทางจังหวัดนั้น มาจากการบริจาคของพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว และเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งได้เปิดศูนย์รับบริจาคของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลกะรน สำหรับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง หรือสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ สามารถติดต่อขอบริจาคได้ที่สำนักงานเทศบาลตำบลราไวย์ได้ในวัน เวลาราชการ ซึ่งจะเปิดรับบริจาคต่อเนื่องต่อไปจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่ภาวะปกติ

ดินสไลด์ถล่มโกดังเก็บสินค้าพังยับ


เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 54 ที่บริเวณโกดังเก็บสินค้าของบริษัท อดิศักดิ์เทรดดิ้ง จำกัด เลขที่ 108/10 ถนนบายพาส ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเชาวเลิศ จิตจำนงค์ รองนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยนายรัตตพงศ์ รักษาธรรม หัวหน้างานป้องกันเทศบาลตำบลรัษฎา และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลรัษฎา ได้เข้าตรวจสอบริษัทดังกล่าว ซึ่งถูกดินจากเนินเขานางพันธุรัตน์ไหลลงมาทับจนทำให้ตัวอาคารและสิ่งของที่เก็บไว้ในโกดังได้รับความเสียหายบางส่วน
ทั้งนี้นายอดิศักดิ์ เลิศชูวงศา อายุ 64 ปี เจ้าของบริษัท อดิศักดิ์เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุดินสไลด์ลงมาด้านหลังบริษัทฯ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการเฝ้าระวังมาโดยตลอด เนื่องจากมีดินสไลด์ลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา พบว่าดินก้อนใหญ่จากเนินเขาได้ถล่มลงมาทับหลังคาโกดังจนได้รับความเสียหายทั้งหมด ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ ซึ่งเฉพาะสินค้าที่เก็บไว้ในโกดังมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ยังไม่รวมตัวอาคารและอื่นๆ
ขณะที่นายรัตตพงศ์ รักษาธรรม หัวหน้างานป้องกันเทศบาลตำบลรัษฎา กล่าวว่า กรณีดินสไลด์ในจุดนี้ทางจังหวัดภูเก็ตได้ประกาศให้เป็นพื้นที่อันตรายและห้ามเข้าแล้ว เพราะจากการเฝ้าระวังที่ผ่านมา พบว่ายังมีดินสไลด์ลงมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่มีฝนตกก็ตาม และถือว่าเป็นจุดอันตรายที่สุด ขณะที่ทางบริษัทฯ ได้ทยอยขนสินค้าออกไปจากโกดัง แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขน เพราะหากใช้รถใหญ่ก็จะก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนได้ และอาจจะทำให้มีดินสไลด์ลงมาอีก
อย่างไรก็ตามนายรัตตพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่ ต.รัษฎา ขณะนี้มีพื้นที่ที่จะต้องเฝ้าระวังดินถล่มเพิ่มขึ้นอีกหลายจุด เช่น บริเวณซอยท่าจีน ม.3 ต.รัษฎา, บริเวณหมู่บ้านเนินเขา ทางไปศาลากลาง, บริเวณซอยรังสิริ 1 หลังเทศบาลฯ เป็นต้น ซึ่งจุดที่เป็นปัญหาดังกล่าวได้ประกาศให้เป็นพื้นที่อันตรายแล้ว เนื่องจากเป็นจุดที่มีดินสไลด์ลงมาจำนวนมาก นอกจากนี้ทางเทศบาลฯ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดท่อระบายน้ำในพื้นที่ทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดินถล่มในพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังกรณีที่มีฝนตกลงหนักมาอีกรอบ

ททท.จัดกิจกรรม “หัวใจอนุรักษ์@ภูเก็ต”


เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2554 ที่ห้องประชุมบอนไม้ท่อน โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต นางสาวราตรี สุขสุวรรณ หัวหน้าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต และนางวราพร จิตตานนท์ กรรมการสมาคมดำน้ำทีดีเอแห่งประเทศไทยแถลงข่างการจัดกิจกรรม โครงการหัวใจอนุรักษ์@ภูเก็ต ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในระหว่าง 28-30 ตุลาคมนี้ ในระหว่างเวลา 11.00 น.-18.00 น. สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต แหลมพันวา
สำหรับการจัดทำโครงการหัวใจอนุรักษ์@ภูเก็ต เป็นการร่วมมือระหว่างท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ตร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน และสมาคมดำน้ำทีดีเอแห่งประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และกระตุ้นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยกันดูแลและรักษาแหล่งท่องเที่ยวให้คงอยู่ตลอดไป ซึ่งภายในงานจะมีทั้งนิทรรศการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เรียนรู้กิจกรรมดำน้ำอย่างปลอดภัย พร้อมร่วมเสวนาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เลือกซื้อแพคเกจทัวร์ดำน้ำราคาพิเศษ สนุกสนานกับดนตรีและลุ้นรับของรางวัลมากมาย ตลอด 3 วัน
ทั้งนี้วันที่ 28 ตุลาคม 2554 เวลา 08.30-12.00 น. จะมีกิจกรรมสัมมนาในหัวข้อ “การท่องเที่ยวทางทะเลอันดามันอย่างยั่งยืน” ณ ห้องประชุมสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ และวันที่ 29 ตุลาคม 2554 จัดกิจกรรมเก็บขยะใต้ทะเลที่เกาะเฮ โดยสมาคมดำน้ำทีดีเอแห่งประเทศไทยนำทีม นักดำน้ำหัวใจอนุรักษ์ร่วมทำความสะอาดใต้ทะเลบริเวณเกาะเฮ พื้นที่ประมาณ 400-500 เมตร และมีความลึกประมาณ 8-12 เมตร ซึ่งมีนักดำน้ำตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมแล้วประมาณ 50 คน
นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า การท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำ เป็นกิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ต ประมาณปีละกว่า 5 ล้านคน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเหล่านี้มีขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวอย่างจำกัด ด้วยเหตุนี้ความร่วมมือของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการวางแนวทางและมาตรการที่ชัดเจน เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรท่องเที่ยวทางทะเลอย่างเป็นระบบ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตเติบโตได้อย่างยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตำรวจภูเก็ตจัดงานเนื่องในวัน ตำรวจ 54


เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 54 ที่บริเวณลานด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะพันธ์ พุกบัวขาว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะทู้ เป็นประธานใน “วันตำรวจ” เนื่องในวันคล้ายวันตำรวจแห่งชาติ 13 ตุลาคมของทุกปี โดยมีคณะกรรมการตำรวจประจำสถานีตำรวจ สภ.กะทู้ ข้าราชการตำรวจ อาสาสมัครและภาคเอกชนเข้าร่วม พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้กับภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนโรงพัก และมอบโล่ให้กับข้าราชการตำรวจที่มีผลงานปฏิบัติงานดีเด่นในด้านต่างๆ ของสภ.กะทู้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำข้าราชการตำรวจกล่าวคำสัตย์ปฎิญาณ อ่านคำปราศรัยของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลและอุทิศส่วนกุศลให้ข้าราชการตำรวจที่ล่วงลับไปแล้ว
ทั้งนี้พ.ต.อ.อารยะพันธ์ ได้กล่าวให้โอวาทข้าราชการตำรวจด้วยว่า ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้น ได้ยึดมั่นในคำสัตย์ปฎิญาณ ถือปฎิบัติและสำนึกถึงภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในฐานะข้าราชการตำรวจ ผู้รับใช้ประชาชน ร่วมแรงร่วมใจกันด้วยความเสียสละ อดทน และอุทิศตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ยึดมั่นในระเบียบ และบริการประชาชน ด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดี เสมือนญาติของตนเอง เมื่อเรามีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังแล้ว เชื่อว่าประชาชนจะเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา และเป็นกำลังใจให้กับการทำงานของตำรวจเราทุกนาย
“ปัจจุบันภาระหน้าที่ในความรับผิดชอบของตำรวจมีอยู่อย่างกว้างขวางและจะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสถานการณ์ต่างๆ ของโลก ส่งผลกระทบต่อปัญหาอาชญากรรมหลายประเภท เช่น สถานการณ์การก่อการร้าย การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรืออุบัติภัยที่ร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นตำรวจจึงต้องร่วมแรงร่วมใจกันด้วยความเสียสละ อดทน และอุทิศตนให้เต็มกำลังความสามารถ เพื่อปฏิบัติตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งงานป้องกันปราบปรามและบริการ” พ.ต.อ.อาระพันธุ์กล่าว
นอกจากนี้ พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ ยังกล่าวภายหลังเสร็จพิธีฯ ว่า เนื่องในวันตำรวจแห่งชาติปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบประกาศเกียรติคุณให้กับสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นสถานีตำรวจที่ปฏิบัติตามโครงการพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชนระดับดีมาก (เหรียญทอง) อันดับ 1 ระดับผู้กำกับการ (กลุ่ม 1) ของตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งการได้รับเลือกเป็นสถานีตำรวจเพื่อประชาชนอันดับ 1 ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีโดยการคัดเลือกนั้นได้มีการพิจารณาจากผลงานหลายด้าน เช่น การอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน การดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การจัดการจราจรในพื้นที่ และการบริหารจัดการบุคคลที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น

“ตงฟง” รุกตลาดรถกระบะเล็กภูเก็ต


นายพิริยะ ตันติพิริยะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์สไตล์ออโต จำกัด (ในเครือมืองใหม่) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายและบริการรถยนต์ยี่ห้อตงฟง ซึ่งเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กหรือมินิทรั๊คจากบริษัท ตงฟง มอเตอร์ จำกัด ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียง โดยได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการตงฟงภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 9/29 ม.6 ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เยื้องๆ กับร้าน หนึ่งยางยนต์ ถนนเทพฯ  เป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว
“จุดเด่นของตงฟง เป็นรถยนต์กระบะหรือรถแวนขนาดเล็ก แต่บรรทุกได้มาก เพราะพื้นที่กระบะเรียบ ซุ้มล้อหลังไม่กินพื้นที่บรรทุก จึงวางของได้มากกว่าปกติเมื่อเทียบกับขนาดของตัวรถ สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ประมาณ 800 กิโลกรัม และ 900 กิโลกรัม เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก 2 พลังงานทางเลือกทำให้ประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้มากในระยะยาว สามารถดัดแปลงกระบะหลังเพื่อการใช้งานได้หลากหลายตามแต่ละสาขาอาชีพ และมีความคล่องตัวสูงในการสัญจรหรือหาจุดจอดในตัวเมือง มีให้เลือก 2 รุ่น คือ มินิทรั๊คกับมินิแวน ขนาดเครื่องยนต์ 1,100 ซีซี กับ 1,300 ซีซี สามารถเลือกใช้ได้ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง กับ LPG หรือ CNG มีราคาเริ่มต้น ที่ 289,000 บาท พร้อมระบบ LPG และการรับประกันคุณภาพจากโรงงานเป็นเวลา 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร”
นายพิริยะ กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นได้ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายไว้ที่เดือนละประมาณ 10-15 คัน และจะเพิ่มเป็น 15-20 คันต่อเดือนในปี 2555 โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้จะเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงพ่อค้าและแม่ค้ารายย่อยที่ต้องการความประหยัดทั้งงบลงทุนและค่าใช้จ่ายในการใช้รถ เพื่อการขนส่งข้ามจังหวัดและในตัวเมือง นอกจากนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการตลาดและเปิดตัวรถยนต์ตงฟงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทางตงฟงภูเก็ต ร่วมกับตงฟงมอเตอร์ กำหนดจัด “มหกรรมดีจริง ดีเอฟเอ็ม กระบะมินิทรั๊ค” พร้อมด้วยคอนเสิร์ตตั๊กแตน ชลดา และกิจกรรมเพื่อสร้างความสนุกสนานลุ้นของรางวัลต่างๆ มากมาย ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน
อย่างไรก็ตามนายพิริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตงฟง เป็นรถยนต์ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอันดับ 3 ของประเทศดังกล่าว มียอดการผลิต 3 ล้านคันต่อปี และมียอดจำหน่ายในตลาดรถยนต์มินิทรั๊คจำนวน 500,000 คันต่อปี ส่วนในประเทศไทยนั้นพึ่งเข้ามาทำตลาดได้ประมาณ 3 ปี ซึ่งที่ผ่านมาสามารถทำยอดการจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1 มาตลอด ในปี 2553 มียอดการจำหน่ายได้กว่า 2,000 คัน แบ่งเป็นในกรุงเทพมหานคร 40% และต่างจังหวัด 60% ส่วนเป้าหมายในปี 2554 วางไว้ที่ 3,000 คัน เนื่องจากในช่วงปลายปี 2554 นี้ จะมีการเปิดตัวรถยนต์ 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ ราคาไม่เกิน 400,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่จะได้รับความนิยม
สำหรับรถยนต์มินิทรั๊คและมินิแวนของตงฟง ปัจจุบันนำเข้าจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และจะเริ่มผลิตในประเทศไทยประมาณปลายปี 2554 นี้ ที่โรงงานในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีกำลังการผลิตประมาณ 5,000 คันต่อปี ปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 40 แห่ง โดยจังหวัดภูเก็ตเป็นลำดับที่ 42