จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พร้อมสมรสหมู่และงานดอกไม้แห่งความรัก



เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555 ที่บริเวณแหลมพรหมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ในการจัดงาน ANDAMAN PEARL FLOWERS AND THE FIRST STEP OF LOVE” “บทปฐมกาลแห่งความรัก” หรืองานสมรสหมู่นานาชาติและงานดอกไม้แห่งความรัก เพื่อส่งเสริมการแต่งแบบไทย และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต นายราเชน พันทรกิจ ปลัดเทศบาลตำบลราไวย์ ร่วมกับนายกุศล ทนังผล เจ้าของร้านสวนหลวงเวดดิ้ง ผู้จัดงาน “ANDAMAN PEARL FLOWERS AND THE FIRST STEP OF LOVE” แถลงข่าวการจัดงานดังกล่าว ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 12-26 กุมภาพันธ์นี้ ที่บริเวณแหลมพรหมเทพ ซึ่งได้มีการนำไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดมาตกแต่งสถานที่เพื่อให้เกิดความสวยงาม และเพื่อต้อนรับคู่บ่าวสาวที่จะมาเข้าร่วมพิธีสมรสหมู่ตามประเพณีไทยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก โดยเป็นคามร่วมมือระหว่างเทศบาลตำบลราไวย์ ศูนย์สามวัยเทศบาลตำบลราไวย์ และร้านสวนหลวงเวดดิ้ง
สำหรับรูปแบบของงานจะมีด้วยกัน 2 ส่วน คือ ส่วนแรก จะเป็นงานดอกไม้แห่งความรัก จัดในระหว่างวันที่ 12-26 กุมภาพันธ์ที่บริเวณแหลมพรหมเทพ โยได้ร่วมกับทางชมรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดภูเก็ตนำดอกไม้นานาชนิดมาจัดตกแต่งสถานที่เพื่อให้เกิดความสวยงาม และเปิดให้เข้าชมได้ฟรี นอกจากนี้ยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าและอาหารต่างๆ จำนวนประมาณ 40 ร้านค้าด้วย ส่วนที่ 2 เป็นการจัดงานแต่งงานตามประเพณีไทย โดยการสนับสนุนของศูนย์สามวัยเทศบาลตำบลราไวย์ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ โดยเชิญชวนคู่บ่าวสาวสมัครเข้าร่วมพิธีมงคลสมรส และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
นายกุศล ทนังผล เจ้าของร้านสวนหลวงเวดดิ้ง ผู้จัดงานฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีความพร้อมและเกือบ 100 %ซึ่งเหตุที่จัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ประเพณีการแต่งงานแบบไทย และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต โดยใช้แหลมพรหมเทพเป็นสถานที่ในการดำเนินการ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง โดยทางบริษัทฯ ได้เข้ามาปรับภูมิทัศน์ด้วยการนำดอกไม้นานาชนิดมาตกแต่งให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้นจากปกติที่มีความสวยงามอยู่แล้ว โดยใช้งบประมาณดำเนินการ 5-6 ล้านบาท ซึ่งได้จากผู้สนับสนุน และการออกร้านจำหน่ายสินค้า รวมถึงงบประมาณของบริษัทฯ โดยมีคู่แต่งงานที่ตอบรับเข้าร่วมแล้วประมาณ 40 คู่ มีทั้งคู่แต่งงานชาวต่างประเทศ และชาวไทย ทั้งนี้จะมีการนำรายได้ส่วนหนึ่งไปสนับสนุนกิจกรรมของศูนย์สามวัยเทศบาลตำบลราไวย์ สนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิศุภนิมิต
“ก่อนที่จะมีการจัดงานครั้งนี้ได้มีการหารือกับหน่วยงานราชการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นชอบด้วย เพราะมองในภาพรวมว่าจะเกิดประโยชน์ในแง่ของการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งให้กับจังหวัดภูเก็ต และได้มีการจัดทำแบบสอบถามผู้ประกอบการร้านค้าบริเวณแหลมพรหมเทพซึ่งต่างก็เห็นด้วย เพราะได้มีการทำความเข้าใจว่าเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น”
นายกุศล กล่าวถึงข่าวในทางลบที่เกิดขึ้นและกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดงานครั้งนี้ ว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนที่จะมีการจัดงานก็ได้นำข้อมูลไปเสนอกับภาคราชการต่างๆ ซึ่งก็เห็นด้วย รวมถึงประชาชนในพื้นที่ เพราะหากมองในภาพรวมล้วนทำให้เกิดผลดี ส่วนที่ว่าทางบริษัทฯ ได้กำไรจากงานครั้งนี้มหาศาลนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะมีการเก็บค่าใช้จ่ายในการออกร้านจำหน่ายสินค้าในราคา 30,000 บาทต่อร้าน ตลอดช่วงจัดงานระหว่างวันที่ 12-26 กุมภาพันธ์ นอกจากนั้นก็มีรายได้จากผู้สนับสนุนและจากคู่บ่าวสาว ซึ่งก็ยังไม้เพียงพอ เฉพาะในส่วนของดอกไม้และการตกแต่งนั้นรวมแล้วประมาณ 3-4 ล้านบาท
ส่วนที่ถามว่าทำไมเมื่อไม่ได้กำไรจึงยังจัดงานต่อไปอีก ทั้งๆ ที่มีหลายฝ่ายพยามให้หยุด ซึ่งนายกุศล กล่าวชี้แจงว่า เนื่องจากเป้นความตั้งใจ และได้เดินหน้าไปแล้ว รวมทั้งมีคู่บ่าวสาวได้ตอบรับที่จะเข้าร่วมกิจกรรมแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่เมื่อเริ่มแล้วก็ต้องดำเนินการไปให้จบ และทำให้ดีที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายมากกว่า รวมทั้งมองว่าเมื่อมีการริเริ่มแล้วในอนาคตก็อาจจะมีการสานต่อเพื่อให้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมานอกจากผู้สนับสนุนในภาคเอกชนแล้ว ยังมีเทศบาลตำบลราไวย์ ศูนย์สามวัยเทศบาลตำบลราไวย์และชมรมไม้ดอกไม้ประดับที่มาร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับไม้ดอกไม้ประดับที่นำมาใช้ในการจัดงานนั้น หลังจากเสร็จสิ้นงานแล้วก็คงต้องหารือกับทางเทศบาลตำบลราไวย์อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายกุศลกล่าว
ขณะที่นายราเชน พันทรกิจ ปลัดเทศบาลตำบลราไวย์ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ในส่วนของเทศบาลฯ นั้นได้อำนวยความสะดวกในเรื่องของพื้นที่จัดงาน เพราะมองว่าจะเกิดประโยชน์และสร้างสีสันต์ให้กับแหลมพรหมเทพ และการอนุญาตนั้นคงไม่ใช่เฉพาะกับเอกชนรายนี้ แต่หากเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ก็พร้อมสนับสนุน เพราะที่ผ่านมาก็ได้จัดกิจกรรมบริเวณแหลมพรหมเทพมาโดยตลอด เช่น กิจกรรมของศูนย์สามวัย กิจกรรมหารายได้เพื่อช่วยเหลือน้ำท่วม เป็นต้น และครั้งนี้ก็ยังได้ร่วมกับทางศูนย์สามวัยที่เข้ามาดูแลในเรื่องของขั้นตอนการจัดพิธีแต่งงาน ซึ่งเน้นแบบไทยๆ 

ยืนยัน “เมทิลีนบูล” ไม่ช่วยปกปิดสารเสพติด



เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต นายจินต์ดี สันติกยาวกูล ประธานชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนายเกียรติศักดิ์ ปานรังศรี เลขานุการชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต และ นางสาวดวงใจ ผะสารพันธ์ ตัวแทนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวความร่วมมือเป็นเครือข่ายการป้องกันและเฝ้าระวังการใช้สารเสพติดให้โทษ ระหว่างชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ภายหลังมีการตรวจพบกลุ่มนักเรียนในจังหวัดภูเก็ตนำยาบางชนิดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของข้อบ่งใช้
นายเกียรติศักดิ์ ปานรังศรี เลขานุการชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันมีการระบาดของสารเสพติดในวงกว้าง ดังนั้นในการป้องกันและเฝ้าระวังการใช้สารเสพติดมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายองค์กร โดยชมรมร้านขายยาและชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ตเป็นองค์กรภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้ประกอบการจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งพบว่าปัจจุบันมียาบางตำรับถูกนำไปใช้ในทางผิดวัตถุประสงค์ของข้อบ่งใช้ โดยทั้งสองชมรมได้ขอความร่วมมือจากสมาชิกฯ ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักวิชาชีพด้วยการคัดกรองผู้ที่มีความจำเป็นในการใช้ยาให้ถูกตามหลักวิชาการ และร่วมกันเป็นเครือข่ายการป้องกันและเฝ้าระวังการใช้ยาในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของข้อบ่งใช้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต
“ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการคุ้มครองประชาชนจากสารเสพติดนั้น ได้ขอให้เภสัชกรประจำร้านซึ่งเป็นสมาชิกของชมรมฯ ได้ทำการซักประวัติและอาการของผู้ที่ประสงค์ใช้ยาให้ละเอียดครบถ้วน หาก ต้องส่งต่อให้แพทย์เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะใช้ยาได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องก็ให้ทำการส่งตัวไปพบแพทย์ จะต้องไม่ส่งมอบตำรับยาที่มีส่วนประกอบของเมทิลีนบูลให้กับเยาวชน เพราะเสี่ยงที่จะนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หากมีผู้ต้องการใช้ยาดังกล่าวเพื่อรักษาโรคจริง ก็ขอให้อธิบายถึงข้อควรระวังจากการใช้ยาอย่างละเอียด และทำบันทึกรายชื่อที่อยู่ของผู้ใช้ยาในตำรับที่กำหนดตามประกาศคณะกรรมการอาหารและยา”
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มเยาวชนนำยาที่มีส่วนประกอบของ “เมทิลีนบลู”ไปใช้เพื่อปกปิดสารเสพติด ว่า ยาดังกล่าวไม่สามารถที่จะปกปิดสารเสพติดได้ แต่จะยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยมากขึ้น และเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของเยาวชนว่าจะช่วยให้ไม่ตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วงหรือสารเสพติด เพราะเมื่อรับประทานไปแล้วจะถูกกำจัดออกผ่านทางไตเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ปัสสาวะมีสีเขียว หรือสีฟ้า-เขียว ขึ้นอยู่กับความเข้มของปัสสาวะ เนื่องจากในการสุ่มตรวจจะทดสอบหาสารเสพติดในปัสสาวะ หากผลตรวจเบื้องต้นพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีสารเสพติดในร่างกาย เพราะความจริงแล้วไม่ใช่ เนื่องจากเมื่อมีการเสพสารเสพติดไปแล้ว และมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่ว่าปัสสาวะจะเป็นสีใดก็ตรวจพบ ดังนั้นต่อจากนี้หากเจ้าหน้ามีการสุ่มตรวจปัสสาวะ และพบว่ามีสีเขียวหรือสีฟ้าให้ส่งผลตรวจยืนยันได้เลย พร้อมทั้งตั้งขอสงสัยได้ว่าน่าจะมีสารเสพติดไว้ก่อน เพราะยาเหล่านี้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ยังไม่จำเป็นต้องใช้
สำหรับเมทิลีนบลูเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ประมง การเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมยา เป็นต้น โดยนำไปเป็นส่วนประกอบทางยาบางตำรับเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาโรคบางชนิด เช่น การอักเสบของทางเดินปัสสาวะ กรวยไตอักเสบ หลอดปัสสาวะอักเสบ ขับปัสสาวะ เป็นต้น ตามข้อบ่งใช้แต่ละตำรับยา และจัดเป็นยาบรรจุเสร็จหรือยาอันตรายแล้วแต่ตำรับที่ได้ขอขึ้นทะเบียนไว้กับคณะกรรมการอาหารและยา หากรับประทานไปเป็นจำนวนมากก็จะมีผลต่อไตได้ นายเกียรติศักดิ์กล่าว

เกิดอุบัติเหตุรถชน 4 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย



เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555 ร.ต.อ.นิติกร ระวัง ร้อยเวรสภ.ฉลอง ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์ตู้รับ-ส่งนักท่องเที่ยว มีผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย รถพยาบาลรพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
ที่เกิดเหตุเป็นทางขึ้นเขาเพื่อเดินทางไปพื้นที่ตำบลกะรน เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปพบนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนหนึ่งที่โดยสารรถตู้มา พร้อมกันนี้ยังพบรถตู้ ป้ายเหลืองทะเบียน 30-6323 ภูเก็ต อยู่ในสภาพพลิกตะแคงข้างอยู่ริมถนนฝั่งทางขึ้นเขาไปพื้นที่กะรน และห่างกันไม่มากนักพบรถ จยย.ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนลงไปนอนตะแคงอยู่ภายในคูข้างถนน ส่วนคนขับมีพลเมืองดีนำส่งรพ.ไปแล้ว
นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามเจ้าหน้าที่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีดำ ป้ายทะเบียน ขทต 197 ภูเก็ตคว่ำอยู่ ห่างไปเล็กน้อย เจ้าหน้าที่พบศพของนายจตุรพร ชูถนอม อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช พนักงานโรงแรมกะตะปาล์มบีช รีสอร์ท แอนด์ สปา นอนเสียชีวิตภายในคูข้างถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมอบศพผู้ตายให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งรพ.เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ได้มีรถจยย.ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีแดงขาวขับมาตามถนนเพื่อขึ้นเขาไปยังหาดกะตะ จากนั้นก็ได้มีรถยนต์กระบะไม่ทราบชนิดและหมายเลขทะเบียนขับตามหลังมา และชนเข้ารถจยย.กระเด็นไปฝั่งตรงข้าม ทำให้รถตู้ที่ขับสวนลงมาจากเขากะตะ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่ภายในรถจำนวน 6 คน ซึ่งเดินทางมาจากโรงแรมคลับเมด ภูเก็ต ไปยังสนามบินนานาชาติภูเก็ต ได้หักหลบและพลิกคว่ำ ประกอบกับในเวลาเดี่ยวกันก็มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีดำ ป้ายทะเบียน ขทต 197 ภูเก็ต ซึ่งขับตามหลังรถตู้มาติดๆ พุ่งเข้าชนรถตู้อย่างจังจนกระเด็นไปพร้อมกับรถลงไปอยู่ในคูข้างถนน และเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนนทท.ที่เดินทางมากับรถตู้ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ที่เหลือปลอดภัย ขณะที่รถกระบะคันต้นเหตุได้ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว นั้นคาดว่าน่าจะเป็นรถของโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กะรน เนื่องจากมีคนเห็นว่าบริเวณตัวรถมีโลโก้ของโรงแรมติดอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบและจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป



กมธ.ปปช. ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิหาดฟรีดอม



เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 ที่บริเวณที่ดินหาดฟรีด้อม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธาน คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมติดตามผลเรื่องร้องเรียนกรณีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยมิชอบ บริเวณพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนกรมป่าไม้ ตัวแทนกรมที่ดิน นายอำพน วงศ์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์ศรีนิล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อาทิ ที่ดินจังหวัดภูเก็ต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่ดิน หลังได้มีการร้องเรียนกรณีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยมิชอบ บริเวณพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
จากนั้นทางคณะก็ได้เดินทางมาที่ห้องประชุมศากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังเก่า) เพื่อประชุมสรุปภายหลังได้ลงพื้นที่ และให้ทางเจ้าของประกอบด้วยนายเอกชัย แซ่อิ้ว ผู้ถือกรรมสิทธิ์โฉนดเลขที่ 98414 และ 98415 (แปลงหาดฟรีดอม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต)นางเบญจา เศวตวรรณ และคณะได้ร่วมชี้แจงด้วย
ทั้งนี้ในการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การออกเอสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวน่าจะไม่ชอบ โดยมีการอ้างว่ามีการครอบครองทำประโยชน์ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (ก่อนปี 2497) ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารบันทึกการรังวัดสอบสวนพิสูจน์สิทธิ์หรือประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือที่ดินสงวนหวงห้าม เจ้าของที่ดินเดิมเคยให้ถ้อยคำเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2520 ว่า ที่ดินทั้งสองแปลงได้สับสร้างมาด้วยตนเองเมื่อประมาณปี 2510 ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีการร่วมมือกันในการออกโฉนดที่ดินจากเจ้าหน้าของรัฐ ไม่มีการลงระวาง UTM และเป็นที่ดินซึ่งมีความลาดชันเกิน 35 %
พล.ต.ท. วิโรจน์ กล่าวว่า เนื่องจากได้มีประชาชนร้องเรียนว่า การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 98414 และ 98415 หาดฟรีดอม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 65 ไร่ น่าจะเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบ เนื่องจากออกทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด และน่าจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่จริง และรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพื้นที่และรับฟังคำชี้แจงจากภาคส่วนต่างๆ แล้วนั้น คงจะต้องให้มีการไปชี้แจงเพิ่มเติมที่ส่วนกลาง เพราะข้อมูลบางอย่างยังไม่ชัดเจน รวมถึงเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ยังไม่ครบสมบูรณ์ และยังมีประเด็นที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติม เช่น เป็นพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ มีการทำประโยชน์ก่อนประกาศกรมที่ดิน 2487 หรือไม่ ความลาดชันของพื้นที่ เป็นต้น แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งในส่วนของผู้ร้อง ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของกรรมาธิการฯ ก็ยังไม่ได้มีการชี้มูลความผิดผู้ใด และเจ้าของกรรมสิทธิ์ เพราะก็น่าเห็นใจ เนื่องจากหากตรวจพบว่าโฉนดดังกล่าวไม่ถูกต้องก็จะถูกเพิกถอน ความหวังต่างๆ ก็จะหมดไป พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าว
ด้านนางเบญจา เศวตวรรณ และนายเอกชัย แซ่อิ้ว หนึ่งในผู้ถือกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว ชี้แจงว่า ยืนยันว่าได้ที่ดินดังกล่าวมาอย่างถูกต้อง และมีหลักฐานที่จะยืนยันได้ ซึ่งก็ต้องขอความเป็นธรรมจากกรรมาธิการฯ ด้วย เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่มีการนำเสนอข่าวการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้และการตายของนักข่าวว่าเกิดการจากรื้อเกี่ยวกับการออกโฉนดในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับทางกลุ่มของตนเป็นอย่างมาก และยังส่งผลกระทบกับการที่มีผู้สนใจจะเข้ามาลงทุนก็เกิดความไม่มั่นใจ ประกอบกับการตรวจสอบต่างๆก็ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้ที่มาเรียกร้องเงินทองว่าจะดำเนินการต่างๆ ให้ รวมทั้งมีการปล่อยข่าวด้วยว่าพวกตนได้จ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่บางราย ทำให้ทุกวันนี้ต้องอยู่ด้วยความหวาดผวา เพราะเราก็เป็นประชาชนทั่วไป เชื่อว่าผู้ที่ร้องเรียนนั้นเป็นผู้เสียผลประโยชน์ และเป็นการกลั่นแกล้ง จึงขอความเป็นธรรมด้วย
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ หนึ่งในกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากการลงตรวจสอบพื้นที่และรับฟังข้อมูลจากภาคส่วนต่างๆ พบมีพิรุธอยู่หลายจุด ทั้งเรื่องของห้วงเวลาที่มีการแจ้งถ้อยคำต่อเจ้าหน้าของรัฐฝ่ายต่างๆ ในการครอบครองทำประโยชน์ หนังสือของกรมป่าไม้ที่แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นป่าสงวน เรื่องของความลาดชันซึ่งเกิน 35% และยังมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ ดังนั้นเบื้องต้นจึงเชื่อได้ว่าการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวน่าจะมิชอบ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น แต่ก็พร้อมที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเป้าหมายของกรรมาธิการฯ นั้นก็เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ 



วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กสทช.รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ



เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 ที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ(ร่าง)แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่(พ.ศ.) และ(ร่าง) กำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ (ร่าง)แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.255-2559 ขึ้น ซึ่งเป็นการจัดรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้าย โดยจัดรับฟังความเห็นสาธารณะพร้อมกัน 4 ภาค คือที่ภาคกลางและปริมณฑล จัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค ภาคเหนือ จัดที่จังหวัดเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดที่จังหวัดอุดรธานี และภาคใต้จัดที่จังหวัดภูเก็ต
สำหรับการจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะที่จังหวัดภูเก็ตนั้น พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร กสทช.เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีหน่วยงานราชการ ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ(ร่าง)แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่(พ.ศ.) และ(ร่าง) กำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ (ร่าง)แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.255-2559ในครั้งนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหลังจากรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ 1 สัปดาห์จะนำข้อเสนอที่ได้รับไปประชุมร่วมกันและสรุปออกมาเป็นแผนแม่บท เพื่อประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็อีกประมาณ3-5เดือนหลังจากนี้
พล.อ.สุกิจ กล่าวว่า ร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่(พ.ศ.2555)ฉบับนี้ มีวัตถุประเพื่อให้เกิดการบริหารคลื่นความถี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทั้งระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น โดยคำนึงถึงการแข่งขันโดยเสรีและเป็นธรรมและให้มีการกระจายการใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึงทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะอื่น
โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการดำเนินการไว้ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การดำเนินการเกี่ยวกับคลื่นความถี่ระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์การคืนคลื่นความถี่เพื่อนำไปจัดสรรใหม่หรือปรับปรุงการใช้คลื่นความถี่ ยุทธศาสตร์การใช้คลื่นความถี่ด้านความมั่นคงของรัฐตามความจำเป็น ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนไปสู่ระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล และยุทธศาสตร์การจัดการให้ภาคประชาชนได้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
พล.อ.สุกิจ กล่าวต่อไปถึงร่างแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมนั้น(พ.ศ.2555-2559) ว่า ร่างดังกล่าวได้กำหนดทิศทางการพัฒนากิจการโทรคมนามคมในระยะ 5 ปี มุ่งเน้นให้ประชาชนได้ใช้บริการโทรคมนาคมที่มีคุณภาพ หลากหลายผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัย เท่าเทียม ทั่วถึง ในราคาที่เหมาะสม บนพื้นฐานการแข่งขันที่เป็นธรรมภายใต้การใช้ทรัพยากรโทรคมนามคมอย่างคุ้มค่า รวมทั้งเป็นเครือข่ายหลักในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศไปสู่สังคมภูมิปัญญาความคิดเชิงสร้างสรรค์ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเขตเมืองและเขตชนบทเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการดำเนินการประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม ยุทธศาสตร์ด้านการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และการอนุญาตให้ประกอบกิจการ ยุทธศาสตร์ด้านการใช้ทรัพยากรโทรคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ด้านการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง ยุทธศาสตร์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมความพร้อมและการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและความร่วมมือระหว่างประเทศ


เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง เข้าตรวจค้นปางช้าง



เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 55 พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช สารวัตรงานสืบสวน กก.5 บก.ทท.นายทัศเนศวร์ เพชรคง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จังหวัดนครศรีธรรมราช นายพงศ์ชาติ เชื้อหอม หัวหน้าสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาพระแทว เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นปางช้าง 3 จุด ประกอบด้วย ภูไท สุวิเนีย มาร์เก็ต ม.5 ต.ฉลอง ที่ปางช้าง ATV รีวิว ซอยยอดเสน่ห์ ม.10 ต.ฉลอง และที่คอกช้าง โรงแรมเชอร์ราตัน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นอกจากนี้ได้มีการเข้าตรวจสอบการแสดงโชว์งู ของบริษัท สเน็กโชว์ ซึ่งเปิดให้บริการอยู่ภายในบริเวณ ภูไท สุวิเนีย มาเก็ต ที่เป็นความผิดซึ่งหน้า
ทั้งนี้พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบปางช้าง 3 จุดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ว่า เป็นผลสืบเนื่องจากการเข้าไปตรวจสอบปางช้างไทรโยค จ.กาญจนบุรี ปรากฏว่าได้มีการอายัดช้างไว้ทั้งหมด 51 เชือก เพื่อตรวจสอบที่มาว่าได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ และจากบันทึกการสืบสวน พบว่า มีการนำลูกช้างจากปางช้างไทรโยค จำนวน 3 เชือกมาไว้ที่จังหวัดภูเก็ต โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า ได้มีการนำลูกช้างมาไว้ที่ ภูไท สุวิเนี่ย มาร์เก็ต ม 5 ต.ฉลอง จำนวน 1 เชือก ที่ เอทีวี รีวิว ม.10 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 1 เชือก และที่เชอราตัน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จำนวน 1 เชือก
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าขอหมายค้นจากศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบพบลูกช้างทั้ง 3 เชือกในพื้นที่ดังกล่าว และจากการตรวจสอบพบว่าลูกช้างทั้ง 3 เชือกนำมาจากปางช้างไทรโยคจริง และจากการตรวจสอบเอกสาร ทางเจ้าหน้าที่พบว่าเอกสารบางส่วนไม่ถูกต้อง เช่นรายเซ็นไม่ครบ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดลูกช้างเอาไว้ตรวจสอบการได้มา ว่าได้มาถูกต้องหรือไม่
พ.ต.อ.วัชรินทร์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตัวแม่ซึ่งถูกอายัดไว้ที่ปางช้างไทรโยค ยังไม่สามารถแสดงตั๋วรูปพรรณตัวจริงให้ได้ ก็ไม่รู้ว่าตัวแม่ได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ ก็จะส่งผลมาที่ตัวลูก ถ้าตัวแม่ผิด ตัวลูกที่อายัดไว้นี้ เราก็จะยึดตาม พ.ร.บ.สงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่า
“ลูกช้างทั้ง 3 เชือก จะมีการอายัดตรวจสอบ และมีการเก็บดีเอ็นเอไปตรวจเพื่อพิสูจน์กับตัวแม่ ว่าเป็นช้างแม่ลูกกันจริงหรือไม่ ซึ่งระหว่างทำการอายัดตรวจสอบ จะส่งให้กับเจ้าของเดิมก่อน โดยลงประจำวันไว้ห้ามเคลื่อนย้ายจ่ายโอน”
พ.ต.อ.วัชรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่ ภูไท สุวิเนี่ย มาร์เก็ต พบมีการกระทำผิดซึ่งหน้า โดยบริษัท ภูเก็ต สเน็กโชว์ ได้มีการนำสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทงูหลายชนิด มีทั้งงูในประเทศและต่างประเทศ ประมาณ 40 ตัว มาจัดแสดงโชว์นักท่องเที่ยวด้วย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดภูเก็ต พบว่าเป็นความผิด ก็ได้ร่วมกับตำรวจท้องที่ สภ.ฉลอง ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 

จงรักษ์ นั่งประธานสภาอุตฯ คนใหม่



เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 12 โรงแรมเพิร์ลภูเก็ต นายอภิชัย อมรพิสุทธิรักษ์ อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานเปิดประชุมใหญ่สามัญประจำปี2555และการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมจ.ภูเก็ต วาระปี2555 – 2557 โดยมีนางอรอนงค์ สุวัณณาคาร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต นายกิจก้อง ตันติจรัสวโรดม ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพังงา คณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมและสมาชิกสภาอุตสาหกรรมเข้าร่วม
ทั้งนี้นางอรอนงค์ สุวัณณาคาร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตได้กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมจ.ภูเก็ต ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2538 มีสมาชิกสามัญและสบทบรวม 51 ราย มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมในจังหวัดให้ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยบทบาทของภาคเอกชนมีความสำคัญในการมีส่วนร่วมพัฒนาความเจริญของเศรษฐกิจของท้องถิ่นและของประเทศ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นตัวจักรสนำคัญในการผลักดันให้เกิดการสร้างงาน
นอกจากนี้ในการก่อตั้งสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมในจังหวัดให้เจริญยิ่งขึ้น ทั้งนี้ได้คำนึงถึงอุปสรรคต่างๆ ที่มีอยู่ และพร้อมที่จะแก้ปัญหา การให้คำปรึกษา แนะนำ ตลอดจนการเข้ามามีส่วนร่วมกับทางราชการในการเสริมสร้างศักยภาพ และขีดความสามารถการแข่งขันในกิจกรรมทุกๆ ด้าน ให้มีความเจริญเติบโตยิ่งๆ ขึ้นต่อไป
จากนั้นนางอรอนงค์ สุวัณณาคาร ได้กล่าวอำลาตำแหน่งพร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการ ที่ได้ร่วมงานกันมาเป็นเวลา 4 ปี ที่ดำรงตำแหน่ง ที่ได้สร้างความยอมรับ สร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมในจังหวัดภูเก็ต ก่อนที่จะมอบโล่ให้กับกรรมการที่หมดวาระลงพร้อมกันด้วย
ส่วนในวาระเลือกประธานสภาอุตสาหกรรมนั้น ในที่ประชุมได้กำหนดให้มีกรรมการทั้งหมดจำนวน 19 ท่าน โดยในคณะกรรมการทั้งหมดจะเป็นผู้เลือกประธาน โดยที่ประชุมได้เลือกนายจงรักษ์ นฤขัติพิชัย กรรมการผู้จัดการบริษัทอุตสาหกรรมปลาป่นภูเก็ตจำกัด เป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตวาระปี2555 – 2557

ดีแทคมุ่งสู่ความเป็นเครือข่าย 3 จีที่ดีที่สุด



ดีแทคเผยแผนเดินหน้าปรับปรุงยกระดับเครือข่ายทั้งหมดทั่วประเทศให้เสร็จสิ้นในปี 2555 เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเครือข่าย 3จีที่ดีที่สุดครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศไทยมอบประสบการณ์สื่อสารที่เหนือกว่าด้วยแคมเปญ Life Network ภายใต้แผนลงทุน 40,000 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี พร้อมย้ำความพร้อมในการร่วมประมูล 3 จีบนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ในปีนี้
นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า "ในปี 2554 ที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการวางรากฐานและเตรียมความพร้อมต่างๆ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในยุคที่เมืองไทยก้าวสู่ยุคแห่งการสื่อสารข้อมูลไร้สายอย่างเต็มตัวเห็นได้ชัดเจนจากการเปิดให้บริการ 3จี เอชเอสพีเอ บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและส่งผลให้อัตราผู้ใช้บริการดาต้าในเครือข่ายดีแทคเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและเรายังสามารถรักษาและขยายฐานลูกค้าอย่างแข็งแกร่งโดยมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.6 ล้านเลขหมายจากปีก่อนหน้า"
"ขณะเดียวกัน แผนการปรับปรุงยกระดับเครือข่ายทั่วประเทศซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2553 ก็มีความคืบหน้าตามแผน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2555 นี้ ซึ่งเราขอย้ำว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นการยกระดับระบบเครือข่ายการสื่อสารครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เพราะเป็นการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุดในโลกมาสู่ประเทศไทยเพื่อผู้บริโภคชาวไทยจะได้สัมผัสถึงคุณภาพของบริการสื่อสารที่ดีขึ้นเร็วขึ้น และเสถียรยิ่งขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อการพัฒนาเครือข่ายครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์"
การเปิดให้บริการ dtac 3G ส่งผลให้ธุรกิจบริการดาต้าของดีแทคในปี 2554 เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอัตรา 77% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการดาต้าในเครือข่ายดีแทคทั้งหมด 6 ล้านคนเมื่อสิ้นปี 2554 และ อัตราการใช้งานดาต้าบนเครือข่ายดีแทคทั่วประเทศเติบโตถึงประมาณ 100% ภายในช่วงเวลาเพียง 4 เดือนหลังการเปิดให้บริการ dtac 3G เมื่อเดือนสิงหาคมจนถึงสิ้นปี 2554 ในปี 2555 ดีแทคจะดำเนินการขยายขอบข่ายการให้บริการ 3 จี อย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเครือข่าย 3 จี ที่ดีที่สุดของไทย โดยจะครอบคลุมพื้นที่บริการใน 45 จังหวัดในเดือนมีนาคม 2555 และครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอทั่วประเทศไทยภายในปี 2556 นอกจากนั้น ยังมีการเตรียมพร้อมเพื่อการทดสอบเทคโนโลยีเครือข่ายในอนาคตอย่าง LTE (4จี) ต่อไป
ด้านกลยุทธ์การตลาดหลักสำหรับปี 2555 ดีแทคมุ่งใช้แนวคิดการบริการแบบ "ลูกค้าคือศูนย์กลาง (Customer Centricity)" เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดและประสบการณ์ดี ๆ ให้ลูกค้าจดจำและพูดถึงขณะที่การพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ นั้น จะยังคงดำเนินไปภายใต้แคมเปญ "Life Networkเครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีกว่า" มุ่งมั่นยกระดับชีวิตผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นในผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวต่อไป อาทิ บริการ WiFi ซึ่งเปิดให้ทดลองใช้ฟรีในพื้นที่ศูนย์การค้า 27 แห่งทั่วกรุงเทพ ฯ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา และจะขยายไปยังศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศภายในไตรมาส 3 ของปี 2555