จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อบจ.ภูเก็ตจัดธรรมสัญจรเยาวชนในวัยเรียน


เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 53 ที่ห้องประชุมโรงเรียนกะทู้วิทยา ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการเปิดสอบ “โครงการธรรมสัญจรเพื่อสอบธรรมศึกษา”ประจำปี 2554

สำหรับโครงการธรรมสัญจรเพื่อสอบธรรมศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกับ วัดอนุภาษกฤษฎาราม (วัดเก็ตโฮ่) และโรงเรียนที่ส่งเสริมด้านศีลธรรม จัดขึ้นเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และศีลธรรมให้เยาวชนในวัยเรียน โดยสอนให้นำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขโดยยึดหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งในปี 2554 มีนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมโครงการจำนวนทั้งสิ้น 4,869 คน

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ในการเปิดสอบโครงการธรรมสัญจร ในทางวิชาการนักเรียนจะต้องรู้เรื่องคุณธรรม แต่การสอบเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องนำการเรียนเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติด้วย ซึ่งทุกศาสนาได้สอนให้ทุกคนเป็นคนดี และในทางพุทธศาสนาก็สอนให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ขอให้การสอบในครั้งนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ขอให้นักเรียนทุกคนจงมีสติตลอดเวลา มีความกตัญญูรู้คุณต่อพ่อแม่ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า


ภูเก็ตเตรียมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุปีใหม่ 2554


ที่ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ในระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2554 เพื่อสรุปแนวทางการปฏิบัติงาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด เป็นต้น
นายนิวิทย์ กล่าวว่า เนื่องด้วยในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน รวมทั้งภูเก็ตเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ในห้วงเวลาดังกล่าวมีปริมาณการใช้รถใช้ถนนบนทางหลวงสายต่างๆ เป็นจำนวนมาก และเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงปกติเกือบ 3 เท่า ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน ซึ่งในปีใหม่ 2554 ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดเวลาดำเนินการช่วงรณรงค์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ในระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2554 โดยมีเป้าหมายลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บจากปีใหม่ 2553 ให้ได้ ร้อยละ 5

อย่างไรก็ตามการดำเนินการเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตของจังหวัดภูเก็ตยังคงเน้นการใช้มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมาย ด้านวิศวกรรมจราจร ด้านการให้ความรู้ การประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม ด้านการบริการการแพทย์ฉุกเฉินและด้านการประเมินผลและสารสนเทศ ทั้งนี้ได้มีการกำหนดจุดตรวจหลักทั้ง 3 อำเภอ รวม 8 จุด ประกอบด้วย อำเภอเมืองภูเก็ต ที่บริเวณตลาดใหม่สี่มุมเมือง (ใกล้กับเทศบาลตำบลวิชิต) กับบริเวณด้านหน้าปากทางเข้าโบ๊ทลากูน อำเภอกะทู้ ประกอบด้วย บริเวณถนนพระบารมี (ป้อมยามหน้า สภ.ทุ่งทอง) ถนนสิริราชย์ (สามแยกป่าตองฮิลล์) และถนนรอบเกาะ (หน้าตู้ยามนานอกใกล้กับภูเก็ตแฟนตาซี) อำเภอถลาง ประกอบด้วย ด่านตรวจท่าฉัตรไชย ถนนเทพกระษัตรี (หน้า อบต.ศรีสุนทร) และถนนศรีสุนทร (สามแยกหน้า สภ.เชิงทะเล นอกจากนั้นยังมีการตั้งด่านรองหรือด่านบริการ รวมทั้งด่านสกัดตามความเหมาะสมของแต่พื้นที่ โดยบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับสถิติอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่ของจังหวัดภูเก็ต โดยปี 2551 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 72 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 76 ราย และเสียชีวิต 7 ราย ปี 2552 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 58 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 58 ราย และเสียชีวิต 3 ราย ปี 2553 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 86 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 92 ราย และเสียชีวิต 8 ราย ส่วนเป้าหมายปีใหม่ 2554 จะต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 73 ราย มีผู้บาดเจ็บ 78 รายและเสียชีวิต 6.8 ราย

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภูเก็ตร่วมทุกภาคส่วนจัดงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวยิ่งใหญ่

ภูเก็ตร่วมทุกภาคส่วนจัดงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวยิ่งใหญ่

นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น คือ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกิดความประทับใจ ชื่นชมในธรรมชาติที่งดงาม วิถีชีวิตของคนภูเก็ตที่มีเอกลักษณ์ โดยวางแนวทางการพัฒนาไว้ 4 ด้าน คือ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานสากล การปรับปรุงโครงการพื้นที่และบริการสาธารณะ การรักษาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และจัดให้มีระบบการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและชุมชน เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว จึงจัดงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว ในระหว่างวันที่ 15 – 20 ธันวาคมนี้ ที่บริเวณชายหาดป่าตอง โดยได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดในภาพรวม เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับจังหวัดและทำให้ป่าตองเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

ขณะที่นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ และสร้างความหลากหลายในกิจกรรมให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและการเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้เกิดความประทับใจสมกับสมญาณามที่ว่าห้องรับแขกของประเทศ ซึ่งเป็นการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โรงแรมและสถานบันเทิง โดยใช้งบในการดำเนินงานประมาณ 35 ล้านบาท

นอกจากความร่วมมือของหน่วยงานในพื้นที่แล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งกิจกรรมภายในงานมีทั้งการแสดง แสง สี เสียง การแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนนักศึกษา และเวทีคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง โดยจุดเด่น คือ พิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.กับขบวนแห่ Patong Canival ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และสถาบันการศึกษาเข้าร่วม 34 ขบวน โดยผู้เข้าร่วมขบวนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากหลายสีสัน ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสนุกสนานริมทะเลชายหาดป่าตอง เป็นการผสมผสานระหว่างขบวนรถที่ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ และขบวนรถที่ตกแต่งด้วยไฟหลากสี และการจัดกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้ชื่อหาดสวย ทะเลใส ป่าตองใส่ใจสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย การแข่งขันดำน้ำเก็บขยะ การแข่งขันเรือหางยาว การช่วยกันรักษาความสะอาดของท้องทะเล และชายหาดป่าตอง นิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมอื่นๆ รวมถึงการออกบูธร้านค้า การจำหน่ายสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น อาหารทะเลสดๆ และอาหารไทยพื้นบ้านอีกมากมาย นายเปี่ยน กล่าว

ด้าน น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า การจัดงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น โดยในส่วนของ ททท.ขณะนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมดังกล่าวผ่านสำนักงานทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนกิจกรรมที่ทาง ททท.ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งภาพรวมในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันจะมีอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยว ประมาณ 80-90 %


To Be Number One หาตัวแทนไปชิงแชมป์ ระดับภาคใต้

To Be Number One หาตัวแทนไปชิงแชมป์ ระดับภาคใต้

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ที่หอประชุมโรงเรียนสตรีภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานการประกวดการแข่งขันโครงการ TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2011 โดยมี นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคานินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน นักเรียนเข้าร่วมเข้าร่วม

ทั้งนี้นายแพทย์นรินทร์รัชต์ กล่าวว่า ด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดภูเก็ต ได้จัดให้มีการประกวดแข่งขันโครงการดังกล่าว เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนจังหวัดภูเก็ต ไปเข้าร่วมการประกวดแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2011 ในระดับภาคใต้ ซึ่งจะจัดการประกวดขึ้นในวันที่ 11 – 12 ธันวาคม 2553 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต สำหรับการจัดแข่งขันในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 รุ่น คือ รุ่น Junior อายุระหว่าง 6 – 9 ปี รุ่น Pre-teenage อายุระหว่าง 10 – 13 ปี และ รุ่น Teenage อายุระหว่าง 14 – 24 ปี โดยคัดเลือกทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศจำนวนรุ่นละ 2 ทีม เพื่อเป็นตัวแทนจังหวัดภูเก็ต สำหรับเงินรางวัลทีมที่ชนะการประกวด ชนะเลิศ อันดับ1 จำนวน 10,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ1 จันวน 5,000 บาท และรางวัลชมเชยแก่ทุกทีมที่เข้าร่วมการประกวด จำนวนทีมละ1,000

ด้านนายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ด้วยจังหวัดภูเก็ต ได้มอบรับโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (TO BE NUMBER ONE) ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 ทั้งนี้เพื่อสร้างความสามัคคีและปลุกความคิดสร้างสรรค์ใหม่ด้วยกิจกรรมที่เยาวชนและวัยรุ่นสนใจเข้าร่วมในการแข่งขันเพื่อชิงชัย สู่ความเป็นหนึ่ง โดยไม่พึ่งยาเสพติด และในวันนี้คณะกรรมการฯ ได้มีการจัดการแข่งขันโครงการ TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2011 ขึ้น

สำหรับ Dancercise ที่ใช้ในการแข่งขันในครั้งนี้เป็นการแข่งขันการออกกำลังกายที่นำการเต้น เน้นใช้ความคิดสร้างสรรค์ ที่กำลังอยู่ในกระแสนิยมของเยาวชนคนรุ่นใหม่ กับจังหวะของดนตรีทันสมัย ขยายโอกาสและเวทีแสดงออกสู่เยาวชน วัยรุ่นทั่วประเทศกำลังได้รับความสนใจ ในฐานะกิจกรรมที่เสริมสร้างประโยชน์ และพัฒนาการที่ดีให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ใช้เวลาว่างที่เป็นประโยชน์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ในรูปแบบการประกวด ที่สร้างความมุ่งมั่น ทุ่มเท


กองทุนอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี



เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 53 ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานนำเสนอข้อมูล “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” ขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางให้ข้อมูลกับนักลงทุนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปให้ข้อมูลนักลงทุนที่ จ.เชียงใหม่และขอนแก่นมาแล้ว

นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกและเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกประมาณปลายเดือน พ.ย.นี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนด้วยการซื้อกิจการโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่าภูเก็ต และโรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ รวมทั้งจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปีในโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน รวมมูลค่ากองทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท นับเป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม กองทุนแรกที่ลงทุนในสินทรัพย์หลายโรงแรม ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี และยังเป็นกองทุนประเภทโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยผู้เช่า คือ บริษัทดุสิต แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC) ถือหุ้น 99-99% จะเช่าทั้ง 3 โรงแรมจากกองทุนด้วยค่าเช่าคงที่และค่าเช่าแปรผัน ซึ่งจะช่วยสร้างให้ความมั่นใจและมั่นคงของผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการอนุมัติจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ต.ล.)

ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะเข้าลงทุนโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมและเฟอร์นิเจอร์ ทรัพย์สินติดตรึงราคาและอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่าภูเก็ต และโรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ รวมทั้งลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) เป็นระยะเวลา 30 ปี ในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเฟอนิเจอร์ทรัพย์สินติดตรึงตรา และอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน โดยสัดส่วนการลงทุนในกองทุนนี้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มากกว่า 75%

นอกจากจุดเด่นของทรัพย์สินและความหลากหลายในแต่ละทำเลของโรงแรมในเครือดุสิตธานี ซึ่งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับชาวไทยและต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตในอนาคตแล้ว ทาง DTC ยังรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำรายปีของโรงแรมทั้ง 3 แห่ง สำหรับระยะเวลา 4 ปีแรกอีกด้วย เพื่อให้นักลงทุนได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ โดยกองทุนรวมคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้ง ทั้งนี้ DTC ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน จะวางหนังสือที่ค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารในวงเงินค้ำประกันจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นหลักประกันการชำระรายได้ค่าเช่าให้กับกองทุนในช่วงสัญญาเช่า 4 ปีแรกอีกด้วย นายสมชัยกล่าว

ขณะที่นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิงเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ในกองทุนรวมที่มีมูลค่าสูงสุดได้แก่ การลงทุนในกรรมสิทธิ์โรงแรม ดุสิต ธานี ลากูน่า ภูเก็ต รองลงมาคือ ดุสิตธานี หัวหิน และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ นั้น พบว่าสอดคล้องกับความสามารถในการสร้างรายได้ ซึ่งโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสูงที่สุด และเมื่อพิจารณาการบริหารจัดการโดยบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโรงแรมมาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 60 ปี อีกทั้งแบรนด์ “ดุสิต” ยังจัดได้ว่าเป็น Regional Brand ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้เชื่อมั่นว่าโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของโรงแรมทั้ง 3 แห่ง จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมฯ ได้อย่างน่าพอใจ

นายสิทธิไชย มหาคุณ Head of Corporate & Equity Capital Market บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า จากการสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันหลายแห่งแสดงความสนใจการลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี เนื่องจากเชื่อมั่นความสามารถในการบริหารโรงแรมของบริษัทดุสิตธานี ประกอบกับจุดเด่นของโครงสร้างกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายทำเลที่ตั้ง รวมทั้งขนาดของกองทุนที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ น่าจะสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดรองได้เป็นอย่างดี ต้องยอมรับว่าโครงสร้างกองทุนที่ลงทุนในหลายสินทรัพย์ และขนาดกองทุนที่ใหญ่เพียงพอ เป็นโครงสร้างกองทุนที่ได้รับการยอมรับในตลาดต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งมีผลทางอ้อมทำให้ราคาซื้อขายในตลาดรองอยู่ในระดับที่น่าพอใจอีกด้วย

เตรียมนำรถเอ็กซเร่ย์ยาเสพติดไว้ที่ด่านตรวจภูเก็ต


พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบช.ภ.8 กล่าวถึงการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายมีความเป็นห่วงเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด เนื่องจากการแพร่ระบาดมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่างที่ทำให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ยั่งยืน แม้ที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง และสำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าวถือเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญในลำดับต้นๆ ของตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งได้มอบหมายแนวทางการปฏิบัติให้กับหัวหน้าสถานีตำรวจและผู้รับผิดชอบด้านการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบไปแล้ว ในการดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง และจะต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่าตำรวจได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างเต็มที่

“จากนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ลดปริมาณโดยการนำผู้เสพหรือผู้ติดเข้าสู่ระบบการบำบัด และลดจำนวนผู้เสพผู้ติดรายใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจภูธรภาค 8 ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและหลากหลายวิธีการ ทั้งการจับกุมผู้เสพ ผู้ติด ผู้ค้าและยึดทรัพย์ โดยในปีงบประมาณ 2553 ที่ผ่านมาในพื้นที่ความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 8 มีการจับกุมผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ถึง 20,000 ราย ซึ่งในส่วนของภูเก็ตถือเป็นจังหวัดต้นๆ ที่มีการจับกุมได้ค่อนข้างมากสูงถึง 3,500 ราย ซึ่งการจับกุมถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สิ่งสำคัญ คือ ความร่วมมือกันของภาคส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”

พล.ต.ท. ก่อเกียรติ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เสี่ยงในเขตรับผิดชอบของภาค 8 นั้นก็มีความเป็นห่วงทุกพื้นที่ โดยจะมีลักษณะการแพร่ระบาดที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ กรณีเมืองเศรษฐกิจหรือแหล่งท่องเที่ยวยาเสพติดที่แพร่ระบาดส่วนใหญ่จะเป็นประเภทยาเสพติดที่มีราคาแพง อาทิ ยาไอซ์ เป็นต้น ส่วนพื้นที่ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักก็จะเป็นในกลุ่มของกระท่อม ซึ่งก็ได้กำชับให้ทุกพื้นที่เข้มงวดกวดขันอย่างเต็มที่ ส่วนของเส้นทางการลำเลียงนั้นก็สามารถที่จะตรวจสอบจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ในส่วนของด่านจังหวัดภูเก็ตบริเวณท่าจังหวัดได้เสนอขอรถตรวจเอ็กซเร่ย์ยาเสพติดมาใช้แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณในการบำรุงรักษาสูงแต่คุ้มค่าในแง่จิตวิทยาและผลการจับกุม คาดว่าจะนำมาประจำได้ประมาณเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ นอกจากนั้นทาง ปปส.ก็ได้มีการตั้งด่านตรวจสกัดยาเสพติดถาวรที่รอยต่อบริเวณ จ.ชุมพร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอประกาศของคณะรัฐมนตรี เมื่อได้ทั้งสองส่วนประกอบกันก็จะทำให้สามารถสกัดเส้นทางลำเลียงจากภาคใต้ตอนบนเข้ามาในพื้นที่ภูเก็ตได้ระดับหนึ่งและยากขึ้น ขณะที่การหาข่าวขณะนี้ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวด้วยว่า สำหรับภูเก็ตไม่ค่อยจะน่าเป็นห่วงมากนัก เพราะทุกฝ่ายทราบดีว่ารายได้ที่เกิดขึ้นจากปีละร่วมแสนล้านบาท และความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดปัญหาอาชญากรรมก็จะกระทบกับการท่องเที่ยวได้ ประกอบกับขณะนี้ถึงฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งได้สั่งการให้แต่ละพื้นที่จัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และให้มีการซักซ้อมเพื่อสามารถนำมาใช้ปฏิบัติได้จริง


นทท. Incentive จากอินโดนีเซียเข้าภูเก็ต

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 ที่บริเวณท่าเทียบเรือชั่วคราวหน้าชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นางสาววรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต พร้อมคณะ ได้ให้การต้อนรับตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอมเวย์จากประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 900 คน ซึ่งเดินทางมาด้วยเรือสำราญ Roya Caribbean Cruise เพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 1 วัน และถือเป็นนักท่องเที่ยว Incentive กลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาเป็นกลุ่มแรกในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันปีนี้

นางสาววรรณประภา กล่าวว่า การเข้ามาของคณะแอมเวย์จากประเทศอินโดนีเซีย นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยว คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระยะนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท และยังเป็นส่วนหนึ่งในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของภูเก็ตให้กับนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย รวมทั้งกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเข้ามาภูเก็ตเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเมื่อ 2552 มีนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเดินทางเข้ามาภูเก็ตประมาณ 7,181 คน เพิ่มจากปี 2551 ประมาณ 30%

อย่างไรก็ตามตลาด Incentive หรือตลาดให้รางวัลที่เข้ามาภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น โดยเฉพาะการเข้ามาด้วยเรือสำราญและเป็นกรุ๊ปขนาดใหญ่จำนวน 1,000-1,500 คน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก นางสาววรรณประภากล่าว และกล่าวด้วยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้อัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดต่างๆ อยู่ที่ประมาณ 90% ส่วนโรงแรมในตัวเมืองอยู่ที่ประมาณ 70% และในช่วงปลายเดือนธันวาคมต่อเนื่องต้นเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงคริสต์มาสและปีใหม่อัตราการเข้าพักจะเพิ่มสูงถึง 100% โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นยุโรป และยังมีตลาดใหม่ๆ เช่น จน อินเดีย เป็นต้น มาเสริมทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น


วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ตร.ภูเก็ต ร่วมเกาะแก้ว จัดฝึกอบรมเยาวชนต้านยาเสพติด

ตร.ภูเก็ต ร่วมเกาะแก้ว จัดฝึกอบรมเยาวชนต้านยาเสพติด

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 53 ที่โรงเรียนบ้านสะปำ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบช.ภาค 8 เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเยาวชนสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด รุ่นที่ 3/2553 ซึ่งทางสถานีตำรวจเมือง ร่วมกับ อบต.เกาะแก้ว จัดขึ้นให้กับนักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ตำบลเกาะแก้ว จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านสะปำ โรงเรียนบ้านบางคู โรงเรียนบ้านเกาะมะพร้าว และโรงเรียนมุสลิมวิทยาภูเก็ต จำนวน 235 คน โดยได้รับเกียรติจาก พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กต.ตร.สภ.เมืองภูเก็ต คณะกรรมการไกล่เกลี่ย สภ.เมืองภูเก็ต ผู้บริหาร-สมาชิกสภา อบต.เกาะแก้ว และข้าราชการพนักงาน อบต.เกาะแก้วเข้าร่วม

ทั้งนี้พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ได้กล่าวว่า สภ.เมืองภูเก็ตและ อบต.เกาะแก้ว ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนในฐานะที่เป็นพลังและทรัพยากรอันสำคัญยิ่งของประเทศชาติในอนาคต ประกอบกับรัฐบาลกำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการ โดยผนึกกำลังของทุกภาคส่วนเพื่อให้สามารถป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ปัญหายาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์หลักในการแก้ไขปัญหายาเสพติด คือ ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างกิจกรรม กระบวนการ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและประชาชนได้ดำเนินการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างยั่งยืน

การจัดโครงการอบรมเยาวชนสัมพันธ์ฯ เพื่อเป็นวัคซีนป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด ให้เยาวชนเป็นพลเมืองดี มีทัศนคติที่ถูกต้อง ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ให้เป็นผู้เคารพกฎหมาย ระเบียบ และเคารพสิทธิของผู้อื่น เป็นการรวมพลังให้เยาวชนมีความสามัคคี ในการต้านภัยยาเสพติด รู้จักรวมกลุ่มเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม รู้จักการเสียสละเพื่อบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนทั่วไป ตลอดจนเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น พ.ต.อ.วันไชยกล่าว และว่าการฝึกอบรมตามโครงการเยาวชนสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด ประจำปี 2553 จำนวน 4 รุ่น ได้แก่รุ่นที่ 1 เทศบาลตำบลวิชิต รุ่นที่ 2 เทศบาลนครภูเก็ต รุ่นที่ 3 องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้วและรุ่นที่ 4 ในพื้นที่เทศบาลตำบลรัษฎา ซึ่งคาดว่าจะมีเยาวชนที่ผ่านการฝึกอบรมทั้งสิ้น จำนวน 1,200 คน

ขณะที่นายเกื้อเกียรติ จิตต์เกื้อ นายก อบต.เกาะแก้ว กล่าวว่า ยาเสพติดนับเป็นภัยที่คุกคามและบ่อนทำลายประเทศชาติ การขจัดภัยยาเสพติดให้ได้ผลอย่างยั่งยืนต้องอาศัยการผนึกพลังของทุกภาคส่วน ทาง อบต.จึงได้สนับสนุนงบประมาณให้กับทาง สภ.เมืองภูเก็ตในการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลซึ่งได้กำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการ โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์หลักในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ปัญหายาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ สร้างภูมิคุ้มกัน และกระบวนการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและประชาชนอย่างครบวงจร ป้องกันจุดอ่อนและสร้างเกราะป้องกันที่สกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ได้

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปปส.สหรัฐฯ ร่วมปปส.ภูเก็ต เตรียมเผยแพร่ภาพผู้ต้องหา


เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 ที่ห้องประชุมกองกำกับการ 5 ตำรวจท่องเที่ยว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย พ.ต.ท.สุทธิรัฐ โทจำปา สารวัตรกองกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 พ.ต.ท. เอกชัย พราหมกุล สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต พ.ต.ต.นาคพันธุ์ โพธา สารวัตรงานสืบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาคที่ 3 ได้ร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ สำนักงานกรุงเทพมหานคร สำนักงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์หมายจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด ฟอกเงินและก่อการร้ายรายสำคัญซึ่งส่วนใหญ่จะมีความเชื่อมโยงกัน ตามหมายจับของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดไทยและสหรัฐอเมริกา

รูปแบบของการประชาสัมพันธ์หมายจับนั้น จะดำเนินการผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ที่มีการจัดทำขึ้น โดยนำเอาภาพถ่ายของผู้ต้องหาพิมพ์ติดบนเครื่องใช้ต่างๆ เช่น แก้วน้ำ กล่องเก็บความเย็นใส่ขวดเบียร์ กล่องไม้ขีดไฟ เสื้อ หมวก ปากกา เป็นต้น จากนั้นก็นำไปแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้นักท่องเที่ยวและประชาชนรับทราบ หากพบเห็นว่าจะได้ช่วยแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ โดยจะเริ่มดำเนินการประมาณเดือนธันวาคม จำนวน 4 จุด ซึ่งจุดแรกที่บริเวณซอยบางลา ป่าตอง อ.กะทู้ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการหารือ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเคยดำเนินการมาแล้วที่ จ.เชียงใหม่ พัทยาและอุดรธานี

ด้าน พ.ต.ท.สุทธิรัฐ โทจำปา สารวัตรกองกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมร่วมกันดังกล่าวนับโครงการที่ดี เพราะจะทำให้บุคคลทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้รับทราบว่ามีบุคคลใดบ้างที่กระทำผิดและมีหมายจับ เพื่อจะได้มีการแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบ และติดตามจับกุมมาดำเนินคดี เพราะแต่ละรายที่จะมีการนำภาพมาเผยแพร่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้หารายสำคัญและมีการเสนอเงินรางวัลนำจับในอัตราที่สูง เช่น เหว๋ย เซี๊ยะ กัง รางวัลนำจับ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น



ศูนย์ประชุมฯ ภูเก็ต ยังมีเรื่องเสนอแนะหลายเรื่อง


เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 ที่ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต กรมธนารักษ์ โดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณลาดกระบัง ได้จัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการ การศึกษาและวิเคราะห์โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นในด้านมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีต่อโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต เพื่อให้โครงการดังกล่าวมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและมีมาตรการที่ป้องกันและแก้ไขผลกระทบได้อย่างครบถ้วน โดยมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนภาคประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก

สำหรับแนวคิดในการออกแบบอาคารศูนย์ประชุมนั้น เพื่อยกระดับภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกมากขึ้น สามารถแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคด้านการจัดการประชุมและนิทรรศการนานาชาติได้ โดยผสมผสานความเป็นนานาชาติ ความเป็นภูเก็ตและสภาพอุทยานป่าที่มีอยู่บริเวณใกล้ที่ตั้ง และจากปรากฏการณ์ที่มีเต่าทะเลเคยขึ้นมาวางไข่บนชายหาดใกล้กับที่ตั้งโครงการ จึงเสนอแนวคิดเพื่อให้เป็นศูนย์ประชุมฯในอุทยานธรรมชาติ (Convention in the Natural Park) ได้แก่ ความเป็นนานาชาติที่ทันสมัย โดยนำเสนอรูปทรงอาคารที่มีเส้นสายเป็นธรรมชาติเท่าที่ทำได้ การออกแบบที่ผสมผสานความเป็นภูเก็ตทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมท้องถิ่นชิโนโปรตุกิส มาประยุกต์ใช้ รวมถึงจุดเด่นอื่นๆ เช่น หอนาฬิกามาเป็นแลนด์มาร์ก เป็นต้น มีการเชื่อมต่อสภาพที่เป็นธรรมชาติของป่าสงวนและทะเล โดยนำเสนอผนังและหลังคากระจก เพื่อให้สามารถสัมผัสได้ถึงธรรมชาติภายนอกอาคาร นำเสนอหลังคาสีเขียวที่ได้รับการปลูกหญ้าและเชื่อมต่อระหว่างพื้นชั้นล่างบนระดับดินและเดินขึ้นสู่ระดับชั้นสองที่เป็นบริเวณระเบียงจัดเลี้ยง และเชื่อมเป็นสะพานข้ามบ่อน้ำเดิมไปสู่บริเวณป่าชายหาดเพื่อเดินลงไปสู่หาดทราย นอกจากนี้ยังจัดพื้นที่เพื่อรองรับและส่งเสริมกิจกรรมในเชิงอนุรักษ์ เช่น จุดเรียนรู้ธรรมชาติ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมของการแสดงความคิดเห็นนั้นยังคงมีความกังวลในเรื่องของรูปแบบอาคารที่ต้องการความเป็นเอกลักษณ์ไม่เฉพาะความเป็นภูเก็ตเท่านั้นแต่รวมถึงเอกลักษณ์ของความเป็นภาคใต้ด้วย ปัญหาด้านการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะเมื่อมีการประชุมขนาดใหญ่ สถานที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอรองรับ ปัญหาการจราจร ระบบการรักษาความปลอดภัยกรณีของผู้นำระดับสูง ระบบการอำนวยความสะดวก ระบบน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคภายในโครงการ การจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยสำหรับชุมชนหรือประชาชนทั่วไป สายเคเบิ้ล การบริหารจัดการหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ ทั้งหลังจากรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้แล้วจะมีการสรุปเป็นรายงาน เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และหากผ่านความเห็นชอบแล้วก็จะได้มีการจัดหาผู้มาทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดก่อสร้างโครงการต่อไป

นายพิทักษ์ ดิเรกสุนทร ผู้อำนวยการสำนักบริหารที่ราชพัสดุ 2 กรมธนารักษ์ กล่าวว่า ตามที่กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 บริเวณหาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง บนเนื้อที่ 150 ไร่ โดยได้รับอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้าง 2,600 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น เพื่อให้ประชาชนเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ และรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโครงการ รวมทั้งความเดือดร้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นและกำหนดเป็นมาตรการป้องกันและแก้ไขความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากผลกระทบ ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในรายงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีต่อโครงการ โดยจะมีการนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะผนวกไว้ในรายงาน EIA ด้วย


สาวงามเบลเยี่ยมเก็บตัวพังงา


เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ต นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต นางภัทรพร สิทธิวนิช ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานปารีส พร้อมด้วยหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมต้อนรับผู้เข้าประกวด “มิสเบลเยี่ยม” ทั้ง 16 คน ที่มาเก็บตัวที่จังหวัดพังงา

ทั้งนี้นางภัทรพร กล่าวว่า คณะผู้จัดการประกวดได้ให้เกียรติทางจังหวัดฝั่งอันดามัน ที่สนใจและเลือกจังหวัดพังงาของไทยเป็นที่เก็บตัวของผู้เข้าร่วมประกวด “มิสเบลเยี่ยม” หลังจากที่เคยมาเก็บตัว “นางงามเบลเยี่ยม 2010” ครั้งที่ผ่านมาที่จังหวัดภูเก็ต ในครั้งนี้จึงได้นำผู้เข้าประกวด “มิสเบลเยี่ยม” มาเก็บตัวที่จังหวัดพังงา ถือเป็นโอกาสดีในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่รู้จักในประเทศเบลเยี่ยมมากขึ้น

ด้านนางบังอรรัตน์ กล่าวว่า การที่มีนางงามเดินทางมาเก็บตัวที่จังหวัดพังงานั้น ถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของฝั่งอันดามัน ซึ่งคณะผู้เข้าร่วมประกวดที่มาเก็บตัวนั้นได้นั่งเครื่องบินซึ่งบินตรงจากเบลเยี่ยม – ภูเก็ต การมาเก็บตัวของผู้ประกวดครั้งนี้จึงเป็นการประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากเบลเยี่ยมเข้ามาเที่ยวในฝั่งอันดามันเพิ่มมากขึ้น สำหรับการมาเก็บตัวของผู้เข้าประกวดในครั้งนี้เพื่อให้นางงามได้เรียนรู้ประสบการณ์ รู้จักชุมชน และได้รู้จักการท่องเที่ยวในเชิงนิเวศ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศของจังหวัดพังงาและภูเก็ตอย่างยิ่ง


ประชุมกงสุลอาชีพและกงสุลกิตติมศักดิ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

ประชุมกงสุลอาชีพและกงสุลกิตติมศักดิ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 ที่ ห้องประชุมหลังใหม่ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกงสุลอาชีพและกงสุลกิตติศักดิ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตกับหน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชนจังหวัดกับหน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายกนก ศิริพานิชกร ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งภูเก็ต และหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วม

สำหรับเนื้อหาในการประชุมในครั้งนี้มีวาระสำคัญ คือ เรื่องการให้บริการของการท่าอากาศยานภูเก็ต การติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาค่าโดยสารรถแท็กซี่/รถตุ๊กตุ๊ก การยึดหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ การสรุปผลการจับกุมคดีอาญา การเสียชีวิตและอุบัติเหตุต่อชาวต่างชาติ ปี 2553 และเรื่องปัญหาคนต่างด้าวประกอบอาชีพในจังหวัดภูเก็ตที่หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายไทย

ทั้งนี้นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวในที่ประชุม การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว ซึ่งได้ร้องเรียนผ่านสถานเอกอัครราชทูต ของแต่ละประเทศ จากนั้นทางเอกอัครราชทูต ก็ได้ทำหนังสือถึงกงสุลกิตติมศักดิ์ ที่ประจำแต่ละจังหวัด จากนั้นจะส่งมาถึงจังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว การทำร้ายร่างกาย การเรียกเก็บค่าโดยสารที่แพงกว่าปกติ ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไข ซึ่งทางจังหวัดก็ได้พยายามแก้ไขในแต่ละเรื่องไป

ด้านนายกนก ศิริพานิชกร ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งภูเก็ต ได้ถล่าวถึงปัญหาเกี่ยวกับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊ก ว่า อัตราค่าบริการรถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊กที่ขึ้นกับขนส่งจะมีการให้บริการในราคาที่แน่นอน ซึ่งปัญหาการคิดค่าบริการเกินความเหมาะสมนั้น อาจจะเกิดในกรณีที่ผู้ใช้บริการเรียกใช้รถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊กที่จอดอยู่บริเวณหน้าโรงแรมต่างๆ โดยกลุ่มรถชนิดนี้กฎหมายไม่สามารถกำหนดค่าโดยสารที่แน่ชัดได้ จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่จะใช้บริการรถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊กในจังหวัดภูเก็ตต้องจ่ายค่าโดยสารที่มีราคาแพงเกินความเป็นจริง จากปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความวิตกกังวลที่จะใช้บริการรถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊ก และอาจส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้ ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอัตราค่าบริการรถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊กของจังหวัดภูเก็ตถือเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก ทางขนส่งจะรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป


วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทสจ.ภูเก็ต ทำความสะอาดชายหาดในแหล่งท่องเที่ยว


เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติฯ หาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดกิจกรรมทำความสะอาดชายหาด ตามโครงการเฝ้าระวังมลพิษทางทะเลของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา (อบต.กมลา) ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต (ทสจ.ภูเก็ต) จัดขึ้น โดยมีนายจุฑา ดุมลักษณ์ นายก อบต.กมลา นายภพพล ศิริลักษณะพงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนภาคธุรกิจท่องเที่ยว กลุ่มพลังมวลชนและนักเรียนในพื้นที่ ต.กมลา ร่วมกันเก็บขยะตลอดแนวชายหาดกมลา ซึ่งมีกระดาษ ถุงพลาสติก กระป๋องเครื่องดื่มชนิดต่างๆ และอื่นๆ เป็นจำนวนมาก

นายภพพล กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ตามโครงการเฝ้าระวังมลพิษทางทะเลของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง และตรัง โดยครั้งแรกจัดทำความสะอาดบริเวณชายหาดต่างๆ ทั้ง 5 จังหวัด จำนวน 10 แนวชายหาดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และครั้งนี้ก็เช่นกันมีกำหนดจัดรณรงค์เก็บขยะชายหาดแหล่งท่องเที่ยวอีกจำนวน 10 แนวชายหาด เพื่อให้การรักษาความสะอาดชายหาดบริเวณแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลได้มีการขับเคลื่อนที่เป็นภาพใหญ่ สามารถสนองตอบต่อยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดอันดามันได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว องค์กรภาคประชาชน และกลุ่มที่ใช้ประโยชน์บริเวณแนวชายหาดท่องเที่ยวให้เกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญของการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณชายหาดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนเพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้มีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย รองรับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนได้ตลอดไป


กลุ่มอันดามัน MOU เชียงใหม่-เชียงราย ท่องเที่ยว


เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายธีรเดช ลิ่มวิริยกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พร้อมคณะ เข้าพบนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนองและตรัง เพื่อชี้แจงรายละเอียดการลงนามความร่วมมือด้านพัฒนาการท่องเที่ยว ของกลุ่มจังหวัดอันดามันกับจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดจังหวัดเชียงราย หนึ่งในกิจกรรมตามโครงการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านธุรกิจบริการสุขภาพของกลุ่มจังหวัดอันดามัน เพื่อจัดทำเอกสารนำส่งให้จังหวัดต่างๆ นำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติต่อไป

นายธีรเดช ลิ่มวิริยกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการที่ได้มีการบันทึกข้อตกลงเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างกลุ่มจังหวัดอันดามันกับจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันบนพื้นฐานความเท่าเทียม และผลประโยชน์ร่วมกันภายในขอบเขตหน้าที่ของตน และเท่าที่กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับที่มีผลบังคับจะอนุญาต ร่วมมือซึ่งกันและกันในด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและพันธกรณีระหว่างจังหวัดในกลุ่มจังหวัด ส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งเจ็ดจังหวัดติดต่อกันโดยตรง เพื่อร่วมมือกัน ตลอดจนสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวของทั้งเจ็ดจังหวัด และให้นักท่องเที่ยวมีระยะเวลาการพำนักยาวนานขึ้น

“รูปแบบความร่วมมือที่เกิดจากการทำบันทึกความร่วมมือดังกล่าว จะมีทั้งการพัฒนาองค์ความรู้ ประสบการณ์ทางวิชาการ วิทยากร และการพัฒนาแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือด้านการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น การพัฒนาบุคลากร การจัดหาแรงงาน การฝึกงานหรืออื่นๆ เพื่อให้การจัดการด้านการพัฒนาธุรกิจบริการสุขภาพมีศักยภาพในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ร่วมมือกันทำการประชาสัมพันธ์และการตลาด แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงสุขภาพ เชิงอนุรักษ์ วิถีชีวิตและผลิตภัณฑ์ชุมชน ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การค้าและการลงทุน”

นายธีรเดช กล่าวด้วยว่า กิจกรรมตามโครงการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านธุรกิจบริการสุขภาพของกลุ่มจังหวัดอันดามัน ได้รับงบประมาณกลุ่มจังหวัดปีงบประมาณ 2553 จำนวน 6 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการทำบันทึกข้อตกลงร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องของสปา ซึ่งมีความเป็นอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน และเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และเฉพาะกลุ่มจังหวัดอันดามันก็มีผู้ให้บริการ สปาเชิงสุขภาพและนวดแผนไทยรวมไม่ต่ำกว่า 500-600 ราย และมีมูลค่าทางการตลาดปีละกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว ยังได้มีการว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำการวิจัยผลิตภัณฑ์ชุมชนที่จะนำมาใช้ในธุรกิจบริการสุขภาพ ซึ่งที่จะนำออกมาเผยแพร่สู่ตลาดเป็นลำดับต้นๆ คือ ผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน และโคลนจากน้ำพุร้อนเค็ม ผลิตภัณฑ์บริการอื่นๆ เช่น กาแฟส่งเสริมสุขภาพ ครีมนวดลดเซลลูไลท์ เป็นต้น ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง


 

งานประเพณีลอยกระทงกะทู้


เมื่อวันที่ 20 – 21 พฤศจิกายน 53 ที่ผ่านมา ที่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายชัยอนันท์ สุทธิกุล นายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ เป็นประธานเปิดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2553 โดยมีนายกิตติศักดิ์ บุญเอิบ ประธานสภาเทศบาลเมืองกะทู้ คณะผู้บริหารเทศบาลเมืองกะทู้ และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกะทู้ ข้าราชการ และประชาชน เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้นายชัยอนันต์ กล่าวว่า การจัดงานประเพณีลอยกระทงมีความสำคัญต่อการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ซึ่งเป็นมรดกอันมีค่ายิ่งของไทยให้คงอยู่ตลอดไป อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณี อันงดงามออกสู่สายตาชาวโลก ซึ่งในปีนี้มีการจัดเตรียมงาน เพื่อให้ยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยเทศบาลเมืองกะทู้ได้เปลี่ยนสถานที่จัดงาน จากเดิมบริเวณสันเขื่อนบางวาดมาเป็นที่ พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังดึงชาวบ้านในพื้นที่ตำบลกะทู้เข้ามามีส่วนมาร่วมในกิจกรรมดังกล่าวให้เพิ่มมากขึ้นด้วย

สำหรับกิจกรรมในงาน มีการประกวดหนูน้อยนพมาศ, ประกวดนางนพมาศ, ผู้สูงอายุสุขภาพดี, กิจกรรมประกวดวาดภาพ, โชว์กระทงสวยงาม, การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของชุมชนต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองกะทู้ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

อบต.ศรีสุนทร จัด “วันนั้นที่บางมะรวน” ยิ่งใหญ่


เมื่อวันที่ 19 – 21 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา บริเวณขุมน้ำบางมะรวน (ขุนน้ำรพช.) ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน “วันนั้นที่บางมะรวน” ซึ่งจัดโดย องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุนทร อ.ถาง ภูเก็ต โดยนายธำรง ตันติวิรัชกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุนทร นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล และประชาชนเข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

การจัดงานในครั้งนี้เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทง และจุดประกายให้เกิดความต่อเนื่อง เป็นงานของชุมชน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจของชุมชนให้ดีขึ้น สร้างความสามัคคี ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งแรกที่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาท้องถิ่น ให้ก้าวไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งส่งเสริมอาชีพให้แก่ชาวบ้านในชุมชนศรีสุนทรให้เกิดความมั่นคง และมีความคิดสร้างสรรค์ มีการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง สินค้าOTOP และกิจกรรมความบันเทิงย้อนยุค พร้อมมุ่งสู่การเป็นตลาดวัฒนธรรมที่มีมาตรฐานสากล เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต

สำหรับบรยายของงาน “วันนั้นที่บางมะรวน” ได้มีประชาชนเข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยรูปแบบของการจัดงานได้เน้นถึงวัฒนธรรมแบบย้อนยุค ในงานจะมีการประกวดหนูน้อยนพมาศ ประกวดนางนพมาศ มีการแสดงดนตรีเปิดหมวก การแสดงรำโบราณ หนังกลางแปลงมีเครื่องเล่นแบบในอดีต เช่น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน รำวงย้อนยุค ปาโป่งด้วยลูกดอก สาวน้อยตกน้ำ มีการโชว์ขบวนรถโบราณ