จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

บัณฑิตน้อยอบจ.สาธิตร่วมพัฒนา


เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2554 ที่ศาลาประชาคม ชั้น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานมอบวุฒิบัตรให้กับนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นอนุบาลของโรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา ประจำปีการศึกษา 2553 โดยมีนายชวลิต ณ นคร รองนายก อบจ.ภูเก็ต นายอวยพร สกุลตัน ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนผู้บริหารโรงเรียน คณะครู ผู้ปกครอง และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม

สำหรับพิธีมอบวุฒิบัตรในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ต เห็นคุณค่าของการจัดการศึกษาในระดับอนุบาล เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติแก่นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในระดับอนุบาล สร้างจิตสำนึกให้นักเรียน รัก เคารพ และศรัทธาในสถาบันการศึกษาคุณค่าของคุณครู และ อบจ.ภูเก็ต สร้างโอกาสให้นักเรียน คณะครู และผู้ปกครอง ได้มาพบปะ ทำกิจกรรมร่วมกันอันจะเกิดความรัก ความสามัคคี และก่อให้เกิดพลังทางสังคม โดยได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจาก อบจ.ภูเก็ต กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คณะครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง ซึ่งมีนักเรียนเข้ารับวุฒิบัตร จำนวนทั้งสิ้น 42 คน

ด้านนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของนักเรียน โรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา และรู้สึกภูมิใจแทนผู้ปกครอง คุณครู ที่มีส่วนร่วมในการปลูกฝังพัฒนาเด็กเพื่อเตรียมความพร้อมไว้สำหรับที่จะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้นักเรียนประสบความสำเร็จ การศึกษาเป็นการพัฒนาประชากรของชาติให้มีความรู้ ทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันนี้ แสดงให้เห็นว่านักเรียนได้ผ่านขั้นตอนการเรียนรู้ได้มีทักษะชีวิต และได้รับประสบการณ์ในระดับหนึ่งแล้ว หวังว่าจะนำความสามารถ ทักษะต่างๆ ที่ได้รับ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับการศึกษาในโอกาสต่อไป ขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียน ฝึกฝนตัวเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เชื่อฟังพ่อแม่ และเชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณครู เพื่อจะได้เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ และเป็นอนาคตอันมั่นคงของประเทศชาติ สำนึกในพระคุณของพ่อแม่ คุณครู และสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

สภ.ฉลอง จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาไอซ์ 65.2 กรัม


เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 54 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิกัด ตัดติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสถานีตำรวจภูธรฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายอดิศักดิ์ เกื้อกูล อายุ 28 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยนากก หมู่ 5 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิดขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 65.2 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง และเครื่องชั่งดิจิตอล ยี่ห้อพาวเวอร์ รุ่นซีอาร์ 2032 จำนวน 1 เครื่อง และถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิด จำนวน 2 แพ็คๆ ละ 100 ถุง (สำหรับแบ่งยาเสพติดใส่ก่อนจำหน่าย) อาวุธปืนลูกซอง แบบไทยประดิษฐ์สีเงิน จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน เบอร์ 12 จำนวน 3 นัด โดยกล่าวหาว่า ครอบครองยาเสพติดให้โทษ (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายอดิศักดิ์ มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) พักอาศัยอยู่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยนากก หมู่ 5 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวก็พบนายอดิศักดิ์ ซึ่งแสดงอาการพิรุธและวิ่งหนีเข้าไปยังห้องนอนของบ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงได้วิ่งตามไป และขอตรวจสอบภายในห้องนอนของผู้ต้องหา พบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ จำนวน 2 ชุด วางอยู่บริเวณกลางห้อง เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามนายอดิศักดิ์ยอมรับว่าเป็นของตัวเอง และทางเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจค้นเพิ่มเติมภายในห้องพัก พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิดขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 65.2 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง และเครื่องชั่งดิจิตอล ยี่ห้อพาวเวอร์ รุ่นซีอาร์ 2032 จำนวน 1 เครื่อง และถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิด จำนวน 2 แพ็คๆ ละ 100 ถุง (สำหรับแบ่งยาเสพติดใส่ก่อนจำหน่าย) ทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ในขวดน้ำพลาสติกสีขาว วางปะปนอยู่กับเสื้อผ้าในตะกร้าผ้าที่วางอยู่ภายในห้องนอนของผู้ต้องหา

จากการสอบถามนายอดิศักดิ์ ทราบว่ายาเสพติดของกลางที่ตรวจพบได้ซื้อมาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป โดยซื้อมาจากนายย้อย (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) อยู่บ้านท่าข้ามสี่แยกชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 100 กรัม ในราคา 250,000 บาท และนำกลับมาที่ จ.ภูเก็ตโดยใส่มาในลังของชำเครื่องครัวและเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตด้วยรถยนต์โดยสารหรือรถทัวร์ และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นภายในห้องพักโดยละเอียดพบอาวุธปืนลูกซอง แบบไทยประดิษฐ์สีเงิน จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน เบอร์ 12 จำนวน 3 นัด ซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานภายในห้องน้ำในห้องเช่าของผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหารับว่าเป็นของตนเองที่ซื้อมาป้องกันตัวนานแล้ว จึงได้ควบคุมตัวนายอดิศักดิ์ พร้อมของกลางทั้งหมด ไปยังสภ.ฉลองทำการบันทึกการจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวบผู้จ้างและผู้จัดหายิงเจ้าของร้านอาหารอิตาลี


เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ภ.จว.ภูเก็ต พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงค์วรชาติ ผบช.ภาค8 พร้อมด้วยพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.โกมล วัตราภรณ์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เอกวุฒิ เสน่ห์พร ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.วิฑูลย์ กองสุดใจผกก.สภ.ถลางและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายเดวิส คาวาทัสซี่ สัญชาติ อิตาลี นายประสงค์ ยงกิจ อายุ 32 ปี นายสมชาย กล้าศึก อายุ 26 ปี นายรัชชานนท์ สะวารี อายุ 23 ปี พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ยี่ห้อเปอโยต์ หมายเลขทะเบียน จ 0834 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเขียว หมายเลขทะเบียน กษย 531 ภูเก็ต รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ หมายเลขทะเบียน กจค 492 ระนอง โดยกล่าวหาว่าจ้างวาน และร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิต

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ออกหมายจับนายสุชาติ นิ่มละออ มือปืน นายเอกชัย นิ่มละออ คนขับรถให้มือปืน นายพลวัฒน์ จงรักษ์ ผู้จัดหามือปืน ซึ่งกำลับหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงค์วรชาติ ผบช.ภาค8 ได้กล่าวว่า จากกรณีมีคนร้ายได้ประกบยิง Mr.Luciano Butti (นายหลุยเซียโน่ บุตติ) อายุ 63 ปี ชาวอิตาลี เจ้าของร้านอาหาร และโรงแรมบนเกาะพีพี ขณะขับจยย.ฮอนด้า รุ่นคลิก สีแดง-ขาว ทะเบียนป้ายแดง 2-236 บริษัท ซินฮ่องซุ่ย จำกัด บนถนนสายป่าคลอก เมืองใหม่ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 54 ที่ผ่านมา โดยมีพ.ต.ท.สฤษดิ์ บุตรหนองแสง เป็นเจ้าของคดี จากนั้นทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สังการณ์ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เร่งตรวจสอบและติดตามผู้กระทำความผิดมาลงโทษ จากนั้นทางผบช.ภาค 8 ได้ส่งชุดสืบสวน ร่วมกับชุดสืบสวนภ.จว.ภูเก็ตและชุดสืบสวนสภ.ถลาง ลงพื้นที่ทำการสอบสวน

จากสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายได้มีหุ้นส่วนจำนวน 3 หุ้น ซึ่งเป็นชาวอิตาลีด้วยกัน เปิดบริษัท มารีนเฮ้าส์ จำกัด เพื่อดำเนินกิจการร้านอาหารอิตาเลียนโน่, โรงแรม มารีน่า เฮ้าส์ และมาหยา มาหยาเก็ตเฮ้าส์ โดยกิจการทั้งหมดอยู่ที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ โดยเริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่เพื่อทำการสวบสวนในรายละเอียดที่เกาะพีพี จนกระทั่งทราบว่าปมสังหารในครั้งนี้ เนื่องจากผู้ตายได้มีการฉอโกงในหุ้นส่วนด้วยกัน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญนายประสงค์ ยงกิจ ซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของร้านอาหารอิตาเลียนโน่ มาทำการสอบสวนเพิ่มเติม จนกระทั่งทราบว่า ผู้ตายได้มีการฉ้อโกงหุ้นส่วนไปกว่า 8 – 9 ล้านบาทและจากการสอบสวนเพิ่มเติมจนกระทั่งนายประสงค์ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า นายเดวิส คาวาทัสซี ซึ่งเป็น 1 ในหุ้นส่วน เป็นผู้จ้างวาน โดยได้ให้นายประสงค์ เป็นผู้หามือปืน โดยนายประสงค์ ก็ได้ให้นายพลวัฒน์ จงรักษ์ ซึ่งเป็นพนักงานในร้าน โดยนายพลวัฒน์ ก็ได้ติดต่อนายรัชชานนท์ สะวารี เพื่อจัดหามือปืนอีกทอด จนกระทั่งนายรัชชานนท์ติดต่อนายสุชาติ นิ่มละออ มือปืนได้ และได้มีการว่าจ้างในราคา 150,000 บาท

จากนั้นทางผู้ว่าจ้างก็ได้ให้นายสุชาติลงพื้นที่เกาะพีพี แต่รอกว่า 1 สัปดาห์ ก็ไม่สามารถลงมือได้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 54 ที่ผ่านมา ผู้ตายต้องเดินทางมาขึ้นศาลที่จังหวัดภูเก็ต ผู้ตายก็ได้เดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ต และได้เปิดโรงแรมดารา ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เมื่อนายประสงค์ทราบ ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ก็ได้ไปชักชวนผู้ตายไปทานข้าว ที่อ่าวปอ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ภูเก็ต โดยให้ไปกับรถยนต์ยี่ห้อเปอโยต์ รุ่น 505 หมายเลขทะเบียน จ 0834 กรุงเทพมหานคร ผู้ตายไม่ยอมไปกับรถยนต์ แต่ได้ขับรถจยย.ที่ผู้ตายได้เช่าขับตามไป โดยที่นายเอกชัย นิ่มละออ ขับรถจยย.โดยมีนายสุชาติ นิ่มละออ มือปืน นั่งซ้อนท้าย ติดตามไป จนกระทั่งก่อนถึงร้านอาหารที่นัดกันไว้ ตลอดทางที่ขับรถผ่านเป็นถนนที่มืดและเปลี่ยว ทำให้ผู้ตายเกิดความระแวงว่านายประสงค์อาจจะทำมิดีมะร้ายได้ จึงได้กลับรถจักรยานยนต์ เพื่อขับกลับที่พักโดยย้อนกลับทางเดิม เมื่อนายประสงค์ เห็นเช่นนั้นก็ได้กลับรถตามมา โดยนายเอกชัย และนายสุชาติกลับรถตามด้วย เมื่อสบโอกาสนายสุชาติก็ได้จัดการลงมือยิงผู้ตายจนเสียชีวิต แล้วหลบหนีไป

จากการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนที่จะมีการจ้างวานมือปืนลงมือในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ผู้ตายและนายเดนิส และเพื่อนอีกคนที่เป็นชาวอิตาลีด้วยกัน ได้ลงหุ้นกันเปิดบริษัท โดยมีการก่อสร้างร้านอาหาร โรงแรม และเก็ตเฮ้าส์ โดยที่ผู้ตายได้มีการแต่งบัญชีในการก่อสร้างมากกว่าเป็นจริงประมาณ 8 – 9 ล้านบาท และเมื่อทวงถาม ผู้ตายก็ได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับว่ามีการฉ้อโกง จึงสร้างความโกรธแค้นให้การนายเดนิสเป็นอย่างมาก จึงได้ให้นายประสงค์หามือปืนมาล้างแค้นในครั้งนี้ โดยนายประสงค์กับพวกก็ได้ให้การรับสารภาพในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนนายเดนิส ยังให้การปฏิเสธในข้อหาจ้างวานฆ่า

ศูนย์เตือนภัย ให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ป่าตอง


เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 ที่โรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงศ์ เทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจัดอบรมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภัยสึนามิในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับภัยต่างๆ โดยเฉพาะภัยสึนามิ รวมทั้งการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แก่ครู นักเรียนโรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงศ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่หาดป่าตอง

นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวถึงการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภัยสึนามิในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า จากเหตุการณ์ภัยสึนามิถล่มเมื่อปี2547 ที่ผ่านมาประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซียได้รับผลกระทบได้รับความเสียหายมากที่สุด และเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เกิดการริเริ่มโครงการต่างๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคหลายโครงการเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนเกิดการรับรู้ และเรียนรู้การเตรียมความพร้อมรับมือภัยสึนามิ รวมทั้งโครงการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้เพื่อให้ครู นักเรียน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชนในพื้นที่ฝั่งอันดามันที่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยธรรมชาติ จากสื่อการเรียนรู้ต่างๆที่เกิดจากความร่วมมือ ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติในฐานะหน่วยงานกลางด้านข้อมูลข่าวสารภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมีภารกิจหลักในการแจ้งเตือนภัยของประเทศไทย กับองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หรือ UNESCO ได้เริ่มโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภัยสึนามิ ขึ้นเพื่อเผยแพร่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับสึนามิ

รวมทั้งเพื่อรวบรวมอุปกรณ์ เครื่องมือ เอกสารที่ใช้ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสึนามิมาบูรณาการเพื่อที่แต่ละประเทศจะได้พิจารณานำเอาสิ่งดีๆเหมาะสมกับแต่ละสภาพพื้นที่ของแต่ละประเทศนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และนำเสนอในแบบของภาษานั้น โดยประเทศที่เข้าร่วมดำเนินงานโครงการนี้มีทั้งสิ้น 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ติมอร์เลสเต้ และไทย

ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ยังได้กล่าวถึงกรณีข่าวลือการเกิดสึนามิในประเทศไทย ว่า ข่าวลือที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่าทางศูนย์ฯ มีระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ร่วมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเพื่อที่จะทำให้พื้นที่เสียงภัยเป็นพื้นที่ปลอดภัน แต่ สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนต้องวิเคราะห์ และใช้วิจารณญาณในการรับทราบข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆ ซึ่งจะต้องทำควบคู่กับการติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวด้านภัยพิบัติจากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยอย่างใกล้ชิด

รวบต่างชาติในคาบนทท. เข้าลักทรัพย์นทท.ในโรงแรม


เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 54 ที่ห้องประชุมสภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง พร้อมด้วยพ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป.พ.ต.ท.ชวลิต เพชรศรีเปีย รองผกก.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าว จับกุม Mr.Liu Shuiping อายุ 45 ปี Mr.Liu Jianhua อายุ 39 ปี Mr.Liu Shuidong อายุ 40 ปี ทั้งหมดสัญชาติจีน พร้อมด้วยของกลาง กล้องถ่ายรูปดิจิตอล 2 ตัว โทรศัพท์มือถือไอโพน 3 จำนวน 1 เครื่อง ซิมโทรศัพท์ ถุงมือยาง 5 คู่ ไขควง – ปะแจหกเหลี่ยม – มีดคัดเตอร์ – เชือกสีแดง ผ้าเทป แผ่นพลาสติก กรรไกรสแตนเลส โดยจับกุมได้ที่บริเวณโรงแรมกะรน ซีแซนด์ ถ.กะรน ต.กะรน อ.เมือง ภูเก็ต ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางวัน – กลางคืน ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก. ได้กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า มีกลุ่มชาวจีนที่แอบแฝงตัวเข้ามาภูเก็ตในคราบของนักท่องเที่ยว มีพฤติกรรมลักทรัพย์ภายในโรงแรม จึงได้ทำการสืบสวนติดตามเรื่อยมาจนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบบุคคลที่เป็นชายชาวจีนทั้ง 3 คน กำลังจะเดินภายในโรงแรมกะรน ซีแซนด์ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 พยายามที่หลบหนี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นภายในประเป๋าถืออยู่ พบกล้องถ่ายรูป 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สำหรับงัดแงะ รวมถึงถุงมือยาง และเชื่อว่ากลุ่มนี้น่าจะร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนักท่องเที่ยวที่เข้าพักตามโรงแรมในเขตพื้นที่กะรนและใกล้เคียง เนื่องจากที่ผ่านมาได้เกิดเหตุลักทรัพย์ที่เป็นของนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่สภ.ฉลอง

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดต่อพร้อมทั้งแจ้งให้พนักงานโรงแรมที่เคยเดินทางมาแจ้งความ มาดูตัวและยืนยันว่าเป็นบุคคลที่กล้องวงจรปิดของโรงแรมภูเก็ต ออคิด รีสอร์ท แอนด์ สปา ต.กะรน บันทึกไว้ได้ขณะที่เข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในโรงแรม ซึ่งเชื่อว่าแก๊งดังกล่าวเคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังโรงแรมทั้งหมดในตำบลกะรน ให้มาดูตัวผู้ต้องหาเพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติม เบื้องต้นทั้ง 3 คน ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ต้อนรับเรือพรานทะเล 11


น.อ.เคารพ แหลมคม ผอ.ศปชล.ทพ. เป็นผู้แทน ผบ.ทรภ.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาคที่ 3 ให้การต้อนรับเรือพรานทะเล 11 พร้อมลูกเรือ 44 คน ที่ได้เดินทางกลับหลังจากถูกโจรสลัดโซมาเลีย ใช้เรือเร็วพร้อมอาวุธเข้ายึดเรือ ขณะที่เรืออยู่บริเวณตะวันตกของหมู่เกาะ LAKSHAWEEP ประเทศอินเดีย โดยมี ร.ล.ล่องลม นำเข้าเทียบท่า ณ ท่าเรืออเนกประสงค์ อ.เมือง จ.ระนอง

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตร.ภูเก็ตจัดค่ายป้องกันไม่ให้นักเรียนยุ่งเกี่ยวยาเสพติด


เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 54 ที่ห่องประชุมโรงเรียนเทศบาลพิบูลสวัสดี อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมเยาวชนสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด ประปี 2554 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต (สภ.เมืองภูเก็ต) มีแขกผู้มีเกียรติ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง และมีผู้เข้ารับการฝึกอบรม เป็นเยาวชนและนักเรียน อายุระหว่าง 13 – 15 ปี จากพื้นที่สถานีตำรวจภูธรกะทู้, ถลาง, ฉลอง, เชิงทะเล, กมลา, ท่าฉัตรไชย,ทุ่งทอง และจากพื้นที่ สภ.เมืองภูเก็ต จำนวนทั้งสิ้น 100 คน เข้าร่วมเข้ารับการอบรมในครั้งนี้

พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ได้กล่าวว่า ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สภ.เมืองภูเก็ต และสถานีตำรวจภูธรในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน ในฐานะที่เป็นพลังและทรัพยากรอันสำคัญยิ่งของประเทศชาติในอนาคต และเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องยุทธศาสตร์และกลไกการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของประชาชนและเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้เพราะยาเสพติดในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากประมาณการผู้ติดยาเสพติด การที่จะหยุดยั้งและลดระดับปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทุกระดับ ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกัน ยุทธศาสตร์ 5 รั้ว ของรัฐบาลอย่างจริงจัง

ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จึงได้ร่วมกันจัดให้มีโครงการฝึกอบรมเยาวชนสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นวัคซีน ป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด เพื่อให้เยาวชนเป็นพลเมืองดี มีทัศนคติที่ถูกต้อง ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้เยาวชนเป็นผู้เคารพกฎหมาย ระเบียบ และเคารพสิทธิของผู้อื่น เพื่อเป็นการรวมพลังให้เยาวชนมีความสามัคคี ในการต้านภัยยาเสพติด รู้จักรวมกลุ่มเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม รู้จักการเสียสละเพื่อบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนทั่วไป และเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

“การฝึกอบรมตามโครงการเยาวชนสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด ประจำปี 2554 จำนวน 1 รุ่น ใช้เวลาฝึกอบรม จำนวน 3 วัน ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นเยาวชนและนักเรียน อายุระหว่าง 13-15 ปี จากพื้นที่สถานีตำรวจภูธรกะทู้,ถลาง,ฉลอง,เชิงทะเล,กมลา,ท่าฉัตรไชย,ทุ่งทอง สถานีละ 10 คน และจากพื้นที่ สภ.เมืองภูเก็ต จำนวน 30 คน รวมผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้งสิ้น จำนวน 100 คน” พ.ต.อ.โชติ กล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

สสจ.ภูเก็ตตั้งจุดคัดกรองเบื้องต้นพร้อมแจกยาเม็ดไอโอดี


เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 ที่บริเวณทางเข้าห้องผู้โดยขาออกภายในประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต นพ.ศักดิ์ แท่นชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้ตั้งจุดคัดกรองคัดกรองเบื้องต้นและแจกเม็ดไอโอดีนฟรีให้แก่ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น

นายแพทย์ศักดิ์ แท่นชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์เตาปฏิกรณ์ปรมาณูระเบิดที่ประเทศญี่ปุ่นหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิถล่ม ทำให้หลายฝ่ายหวั่นวิตกว่าจะมีการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจึงสั่งการให้องค์การเภสัชกรรมผลิตไอโอดีนเม็ด และทำการแจกจ่ายฟรีให้กับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อป้องกันอันตรายจากสารกัมมันตรังสี

โดยในส่วนของภูเก็ตจะตั้งจุดคัดกรองตั้งแต่วันนี้ (17 มี.ค.54) เป็นต้นไป และจะมีเจ้าหน้าที่คัดครองวันละ 3 คน จนถึงเวลา 21.00 น.ของทุกวัน ซึ่งเบื้องต้นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตได้รับยาเม็ดไอโอดีนมาจำนวน 400 ขวด สำหรับผู้ใหญ่จำนวน 320 ขวดและสำหรับเด็กจำนวน 80 ขวด ซึ่งบรรจุขวดละ 10 เม็ด ส่วนของการคัดครองนั้นจะทำการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นว่าตั้งครรภ์ ป่วยเป็นโรคไต หรือมีความผิดปกติของตอมไทรอยด์ และมีประวัติแพ้ไอโอดีน ธาตุเหล็ก หรือกรดโฟลิกหรือไม่ เพราะคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากสารคกัมมันตรังสี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแนะนำให้รับประทานยาไอโอดีนล่วงหน้าเพื่อช่วยเติมสารไอโอดีนในต่อมไทรอยด์ให้เต็ม เพื่อที่ร่างกายจะได้ไม่รับไอโอดีนกัมมันตรังสีซึ่งเป็นอันตรายเข้าไป ทั้งนี้ในการรับประทานเม็ดไอโอดีนนั้นจะผลข้างเคียง เช่นผื่นแดง ปวดทอง อาจียน หายใจไม่สะดวก เป็นต้น ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นในระยะนี้ นายแพทย์ศักดิ์กล่าว

อย่างไรก็ตามสำหรับคนไทยที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในวันนี้ (17 มี.ค.54) จากการตรวจสอบพบว่าจะมีผู้โดยสารบางส่วนที่ออกเดินทางจากสนามบินภูเก็ตและไปต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิใน 2 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบิน TG218 และ TG 222 ในเวลา18.30 น. และเวลา 20.00 น.ขณะที่เที่ยวบินจากสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปกติจะเดินทางเข้ามายังภูเก็ตสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน ในวันอังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ นั้น หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่นยกเลิกบินตรงเข้ามายังภูเก็ต แต่เปลี่ยนเส้นทางไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิแทน


รพ.อบจ.ภูเก็ตพร้อมเปิดปลายพฤษภาคมนี้


เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 54 ที่ห้องรายา โรงแรม รอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยนายชวลิต ณ.นคร นายสรธรรม จินดา รองนายกอบจ.ภูเก็ต นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายโรงพยาบาลธนบุรี ได้ร่วมกันแถลงถึงความพร้อมในการเปิดให้บริการโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ว่า หลังจากที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้อนุมัติร่างสัญญาจ้างเหมาเอกชนบริหารจัดการโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตามมิติใหม่ของการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ ที่เน้นการบริหารงานแบบเครือข่ายความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทโรงพยาบาลธนบุรี จำกัด(มหาชน) เป็นผู้บริหารจัดการโรงพยาบาลเป็นเวลา 1ปี 4 เดือน จำนวน 104, 000,000 บาท เพื่อบริหารจัดการและวางรากฐานพัฒนาโรงพยาบาลให้มีมาตรฐาน ISO9001:2000 และมาตรฐาน HA (Hospital Accreditation) ภายในเวลา 2 ปี และ 5 ปี ตามลำดับ

โดยจะเปิดให้บริการผู้ป่วยให้บริการในระดับทุติยภูมิ ขนาด 129 เตียง รองรับผู้ป่วย 100,000 คน/ปี เพื่อแบ่งเบาภาระความแออัดของโรงพยาบาลของรัฐในจังหวัดภูเก็ต โดยในวันที่ 17 มีนาคมนี้ จะได้มีการประชุมกับคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพจังหวัดภูเก็ตเพื่อหารือกับโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ว่าจะมอบให้โรงพยาบาลวชิระจำนวนเท่าใด ทั้งนี้จะเปิดให้บริการผู้ป่วยนอก(OPD) ปลายเดือนพฤษภาคม 2554 ส่วนผู้ป่วยใน (IPD) จะเปิดให้บริการเดือนกรกฎาคม นี้

สำหรับอัตราค่ารักษาพยาบาลและค่ายาจะคิดเท่ากับโรงพยาบาลของรัฐ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในด้านบุคลากรทางการแพทย์จะประกอบด้วยแพทย์ทั่วไปและแพทย์เฉพาะทางประจำโรงพยาบาล รวม 13 คน ซึ่งจะใช้ครุภัณฑ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลรักษาผู้ป่วย
ทั้งนี้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้มอบนโยบายการให้บริการผู้ป่วยแก่ บริษัทโรงพยาบาลธนบุรี จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างว่าจะต้องให้ประชาชนเข้าถึงการบริการได้ง่าย คุณภาพในการบริการจะต้องได้มาตรฐาน เป็นเลิศ ประสิทธิภาพในการบริการรวดเร็ว ผู้ป่วยต้องได้รับการบริการข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว โดยประการสำคัญต้องได้รับการบริการอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง

สำหรับบริษัท โรงพยาบาลธนบุรี จำกัด(มหาชน) ได้เปิดดำเนินการบริหารกิจการโรงพยาบาลมานานกว่า 33 ปี โดยมีโรงพยาบาลในเครือ 19 แห่ง ทั่วประเทศ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถให้บริการดูแลรักษาประชาชนชาวภูเก็ตตามมาตรฐานของการให้บริการได้เป็นอย่างดี

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประกบยิงเจ้าของบังกะโลชาวอตาลีที่เกาะพีพีดับ


เมื่อเวลา 23.30 น.ของวันที่ 15 มีนาคม 54 พ.ต.ท.สฤษดิ์ บุตรหนองแสง สารวัตรเวร สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ เหตุเกิดที่ก่อนถึงทางเข้าน้ำตกบางแป ถ.สายป่าคลอก – เมืองใหม่ หมู่ 2 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ขอให้เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู พ.ต.อ.ชำนาญ แป้นนาบอน รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก.สภ.ถลาง พ.ต.ท.พิศิษฐ์ ชื่นเพ็ชร รอง.ผกก.สส.สภ.ถลาง พ.ต.ท.สมคิด บุญรัตน์ รอง.ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตนำกำลังชุดสืบสวน – จนท.วิทยาการ ภ.จว.ภูเก็ตและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ที่เกิดเหตุเป็นถนนสายที่จะเดินทางไปยังท่าเทียบเรือบางโรง อ่าวปอ เพื่อเดินทางไปยังเกาะแก่งต่างๆ พบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์จำนวนหนึ่ง โดยมีอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตกำลังเร่งมือปั้มหัวใจ เป็นชายชาวต่างชาติ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นสีครีม ใส่รองเท้าหนังสีขาวดำนอนจมกองเลือดหายใจรวยรินอย่างเร่งด่วน โดยด้านข้างมีรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นคลิก สีแดง-ขาว ทะเบียนป้ายแดง 2-236 บริษัท ซินฮ่องซุ่ย จำกัด ล้มคว่ำอยู่ข้างถนน โดยมีหมวกกันน๊อคสีบรอนซ์เงินกระเด็นตกอยู่ด้วย จากการตรวจสอบทราบชื่อคือ นายหลุยส์ เซียโน่ อายุ 63 ปี ชาวอิตาลี สภาพศพถูกกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .45 เข้าที่บริเวณใต้ราวนมซ้าย 1 นัด ไหปลาร้าขวา 1 นัด ชายโครงซ้าย 1 นัด และที่บริเวณแขนซ้ายด้านในและหัวแม่มือซ้ายอย่างละ 1 นัดกระสุนทะลุ จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 2 นัด โดยที่ท้ายปลอกมีรูเข็มแทงชนวน แต่กระสุนไม่ทำงานตกอยู่ใกล้กับศพ ห่างออกไปราว 3 และ 5 เมตรพบปลอกกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 2 ปลอก นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังพบหัวกระสุนชนิดเดียวกันอีก 1 หัวตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่วิทยาการจึงได้เก็บกลับไปตรวจพิสูจน์ เพื่อเปรียบเทียบกับอาวุธปืนของกลุ่มมือปืนรับจ้างที่มีทะเบียนประวัติอาชญากร จากการตรวจสอบภายในร่างของผู้ตาย พบในกระเป๋ากางเกงมีเงินสดจำนวน 21,740 บาทและโทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบล็คเบอรี่ 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ล่าสุดที่นายหลุยส์ติดต่อ

จากการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ก็ทราบว่า นายหลุยส์เป็นนักธุรกิจและเจ้าของบังกะโล – ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะพีพี จ.กระบี่ ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางเข้ามาจังหวัดภูเก็ต โดยมาเปิดห้องพักที่โรงแรมดารา ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จากนั้นได้เช่ารถ จยย.คันดังกล่าวจากร้านเช่ารถแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต เพื่อใช้เป็นยานพาหนะไปหาเจ้าของที่ดินรายหนึ่งที่บ้านป่าคลอก อ.ถลาง โดยจะมีการตกลงซื้อขายที่ดินแปลงหนึ่งติดทะเลใน ต.ป่าคลอก มูลค่าหลายสิบล้านบาท เพื่อนำไปสร้างรีสอร์ท และภายในกระเป๋าของผู้ตายที่คนร้ายเอาไปน่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรม หรือเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจของผู้ตาย โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพุ่งปมสังหารโหดไว้ 2 เรื่องหลัก คือ ขัดแย้งผลประโยชน์ซื้อขายที่ดินและปัญหาส่วนตัวเกี่ยวข้องการแบ่งมรดกกับครอบครัวเก่า

ปิดการอบรมหลักสูตรนวดไทยด้วยน้ำมันหอม


เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2554 ที่ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (อาคารใหม่) นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรและปิดการอบรม โครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ หลักสูตร การนวดไทยด้วยน้ำมันหอม 60 ชั่วโมง ภายใต้งบประมาณโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพแก่ผู้ประสบภัย ประจำปีงบประมาณ 2554 ซึ่งทางสำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีผู้ผ่านการอบรมฯ ในระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 จำนวน 64 คน ทั้งผู้ที่ประกอบอาชีพอยู่เดิมและต้องการพัฒนาฝีมือ รวมทั้งผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพใหม่

นายสุทธิพงศ์ สายสาคเรศ แรงงานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ หรือเดือดร้อนจากการประกอบอาชีพ ในการประชุมคณะกรรมการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติกระทรวงแรงงานจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ได้อนุมัติให้สำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตร การนวดไทยด้วยน้ำมันหอม 60 ชั่วโมง จำนวน 4 รุ่น ๆ ละ 16 คน รวม 64 คน งบประมาณ 252,000 บาท เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความสามารถในการนวดไทยเพื่อสุขภาพ โดยหลักและวิธีการของการนวดไทย รวมทั้งยกระดับทักษะฝีมือให้แก่ผู้สำเร็จการอบรมให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จำนวน 4 รุ่น รุ่นละ 10 วัน ซึ่งหลักสูตรที่เปิดอบรมนั้น ประกอบด้วยภาคทฤษฎี จำนวน 10 ชั่วโมง และภาคปฏิบัติ จำนวน 50 ชั่วโมง โดยมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 64 คน

หลายหน่วยงานเปิดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น


เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 54 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายคาซูชิ มิยาชิตะ นายกสมาคมญี่ปุ่นภูเก็ต ได้ร่วมกัน เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิญี่ปุ่น พร้อมทั้งเปิดบัญชีเพื่อให้ประชาชนได้โอนเงินเข้าบัญชี รวมทั้งเปิดหมายเลขโทรศัพท์ตรง เพื่อให้ประชาชนได้โทรศัพท์เพื่อบริจาคเงิน โดยในช่วงเปิดศูนย์ ได้มีหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย บริษัท พรทิพย์ ภูเก็ต จำกัด, โรงพยาบาลสิริโรจน์ ภูเก็ต, บริษัท วินโปร์ จำกัด, องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ได้นำเงินมาร่วมบริจาค

นายตรี อัครเดชา ได้กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีชาวญี่ปุ่นเข้ามาประกอบอาชีพ และอาศัยอยู่ในภูเก็ตจำนวนกว่า 500 คน และเมื่อทางประเทศญี่ปุ่นได้ประสบภัยสึนามิ และเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทางจังหวัดภูเก็ตจึงได้ร่วมกับสมาคมญี่ปุ่นภูเก็ต ได้ทำการเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิญี่ปุ่น ขึ้น และทางจังหวัดก็ได้มอบหมายให้คลังจังหวัดภูเก็ต ได้เปิดบัญชีช่วยผู้ประสบภัยโดยใช้ชื่อ “ภูเก็ตร่วมใจ ช่วยผู้ประสบภัยที่ญี่ปุ่น” ธนาคารกรุงไทย สาขาภูเก็ต หมายเลขบัญชี 805-0-41578-3 นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับโทรศัพท์ภูเก็ต เปิดหมายเลขโทรศัพท์ 5 คู่สาย หมายเลข 076 – 216333 โดยกำหนดระยะเวลาเปิดรับบริจาคเป็นระยะเวลา 10 วัน ระหว่างวันที่ 16 – 26 มีนาคม 2554 ทั้งนี้จะเน้นรับบริจาคเงินเป็นหลัก เพื่อความสะดวกในการช่วยเหลือ ส่วนแผนระดับจังหวัดมีแนวคิดเชิญชวนชาวญี่ปุ่นที่ประสบภัยสึนามิเดินทางมาพักผ่อนจังหวัดภูเก็ต โดยจังหวัดจะมีการประสานโรงแรม คอนโดมีเนียมไว้รองรับ

อย่างไรก็ตามในคราวที่จังหวัดภูเก็ตประสบกับธรณีพิบัติภัยสึนามิเมื่อปี 2547 ทางการของประเทศญี่ปุ่นและประชาชนชาวญี่ปุ่นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญและเครื่องอุปโภคบริโภคมาให้ความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อเขาปราบเหตุภัยพิบัตินอกจากเราจะแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะได้ร่วมมือร่วมใจกันให้ความช่วยเหลือตามกำลังความสามารถที่มีอยู่ เพื่อแสดงออกซึ่งความมีน้ำใจระหว่างกัน นายตรีกล่าว

ขณะที่นางสาวสลิลลา เศวตเศรนี ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ภูเก็ต สแควร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าจังซีลอนป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต แจ้งว่า ทางศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต ได้ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จัดตั้งจุดรับบริจาคเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติชาวญี่ปุ่น จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ โดยชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะช่วยเหลือสามารถร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่บริเวณโซนเดอะพอร์ท ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น.หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ หมายเลขโทรศัพท์ 076-600-111

นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ได้ร่วมกับทัพเรือภาค 3 เปิดรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ อาหารกระป๋อง, อาหารแห้ง, นมกล่อง UHT, น้ำผลไม้, เครื่องนุ่งห่ม, ผ้าห่ม, ผ้าพันคอ, หมวกไหมพรม, ผ้าอนามัย, ผ้าอ้อมเด็ก, ขวดนมเด็ก, เสื้อผ้าเด็ก, กระดาษชำระ, ช้อนส้อม, ตะเกียบ, จาน ชาม ถ้วย แก้วน้ำ (พลาสติก) ในระหว่างวันที่ 15 – 20 มีนาคมนี้ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่จะนำมาบริจาคนั้น สามารถนำมาบริจาคได้ที่กล่องรับบริจาคบริเวณแผนกต้อนรับและบริการ ชั้น 1 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือประสานงานเพื่อให้ทางโรงพยาบาลฯ ไปรับสิ่งของบริจาคที่หน่วยงานของท่านได้ที่ ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โทร 089-8678710

“ภูเก็ต ไบค์วีค 2011” คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 600 ล.


เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2554 ที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) นายสมชาย บุรารักษ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต นายมีชัย นาวิน ตัวแทนกลุ่มไบค์เกอร์จังหวัดภูเก็ต และนายวิทยา สิงห์ฆาฬะ ผู้ประสานงานและดำเนินงานภูเก็ตไบค์วีค ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “ภูเก็ตไบค์วีค 2011” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2554 บริเวณชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

นายวิทยา สิงห์ฆาฬะ ผู้ประสานงานและดำเนินงานภูเก็ตไบค์วีค กล่าวว่า ด้วยจังหวัดภูเก็ตร่วมกับเทศบาลเมืองป่าตอง และชมรมผู้รักการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ ภูเก็ตไรเดอร์คลับ, ชมรมฮีโรเอ็นเอ็มซี ไทยแลนด์ และบริษัท เวสโคสท์ ไรด์ไทยแลนด์ จำกัด ในฐานะผู้ดำเนินการจัดงานภูเก็ตไบค์วีค จัดทำโครงการภูเก็ตไบค์วีค ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางบกและทางทะเลระดับโลก ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย เป็นการเผยแพร่ประเพณี วัฒนธรรม สังคมของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เพื่อหารายได้จากการจัดกิจกรรมมอบให้แก่องค์กรการกุศล เป็นการรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนและเสริมสร้างวัฒนธรรมในการขับขี่ให้เกิดความปลอดภัย

“คาดว่าในปีนี้จะมีนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่มาจาก 26 ประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย รวมจำนวนไม่ต่ำกว่า 500 ชมรม มีมอเตอร์ไซค์ใหญ่เข้าร่วมประมาณ 6,000 คัน และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 10,000 คน โดยจะมีเงินสะพัดในช่วงดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท ทั้งนี้กิจกรรมในช่วงดังกล่าวจะมีหลากหลาย เช่น มหกรรมโชว์รถมอเตอร์ไซค์ (PBW 2011 Exhibition) ที่มีรถจากทุกค่ายเข้าร่วม ณ สนามฟุตบอล หาดป่าตอง การประกวด Miss Phuket Bike Week การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวเพื่อสันติภาพรอบเกาะภูเก็ต กิจกรรมงานภูเก็ตไบค์วีค บีชปาร์ตี้ 2011 มหกรรมดนตรี (PBW Beach Party 2011 & Music Festival) ที่มีศิลปินดังร่วมแสดงมากมาย นำโดยคาราบาว, บ่าววี, เป้ ไฮร็อค, โป่ง หินเหล็กไฟ, เจี๊ยบ พิสุทธิ์, แหลม เ มอริสัน และศิลปินชาวต่างชาติ อินเดียน คาวบอย เร็กเก้” นายวิทยากล่าว

ขณะที่ น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตไบค์วีคเป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะมีเป็นส่วนช่วยสร้างสีสันทางการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดภูเก็ตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งในส่วนของ ททท. ได้มีการประสานไปยังสำนักงานในต่างประเทศและในประเทศประชาสัมพันธ์ข้อมูลในการจัดงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศใกล้เคียง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมการจองห้องพักในช่วงสงกรานต์นี้จากการสอบถามข้อมูลไปยังโรงแรมต่างๆ ทราบว่ามีอัตราการจองห้องพักแล้วประมาณ 80-90%และคาดว่าในช่วงดังกล่าวจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท