จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ” เทิดพระเกียรติในหลวง


เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ที่บริเวณเวทีกลางสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ “เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ” ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตร่วมกับหน่วยงานและพสกนิกรทุกเหล่าร่วมกันจัดขึ้น โดยมีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน นักเรียน นักศึกษาทุกหมู่เหล่า ซึ่งส่วนใหญ่สวมเสื้อสีชมพู เข้าร่วมจำนวนกว่า 40,000 คน ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วย การถวายราชสักการะ การจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล การจุดพลุและแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ

นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายสำคัญในการสร้างความสมานฉันท์ให้แก่คนไทยทุกภาคส่วน และการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ และสร้างการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ป้องกัน ตลอดจนกำจัดสื่อและบุคคลที่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสถาบัน และรณรงค์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันสำคัญของชาติ

เพื่อสนองตอบต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาลดังกล่าว ทางจังหวัดภูเก็ตจึงได้ร่วมกับทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา รวมทั้งเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย และเป็นการผนึกพลังความรัก ความสามัคคี ของพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความสงบ สันติขึ้นในประเทศไทย และเพื่อประกาศเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงแผ่พระบารมี ปกเกล้าปกกระหม่อมแก่อาณาประชาราษฎร์เป็นระยะเวลากว่า 60 ปี ให้เป็นที่รับทราบทั่วกัน นายตรีกล่าว

รมว.พม.เข้าบริหารงานการเคหะฯ 2 ปีลดหนี้สินไปจำนวนมาก


นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวภายหลังทำพิธีมอบห้องชุดโครงการบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต (รัษฎา) อ.เมือง จ.ภูเก็ต ให้แก่ผู้ที่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ว่า ในช่วงระยะเวลา 3 -4 ปีที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรมีปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นโครงการที่จัดทำในลักษณะเร่งด่วน และมีเวลาจำกัด ทำให้ไม่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด จึงมีปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน ส่งผลให้การเคหะฯ ประสบภาวะขาดทุนค่อนข้างมาก ซึ่งการดำเนินการบ้านเอื้ออาทรระยะเริ่มต้นมีตัวเลขของผู้จองเพื่อซื้ออาคารในโครงการสูงถึง 6 แสนกว่าหน่วย แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ตัวเลขของผู้ที่จะเป็นเจ้าของอาคารที่แท้จริง ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขและปล่อยไว้ก็จะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานโดยภาพรวมของการเคหะฯ ด้วย จึงให้ทำการปรับปรุงและตรวจสอบข้อมูลว่าโครงการใดสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และโครงการใดมีปัญหา ซึ่งจากการตรวจสอบตัวเลขการได้รับสินเชื่อจริงสรุปตัวเลขเหลือจำนวนหน่วยอยู่ประมาณ 281,556 หน่วย

“จากการปรับแนวทางการทำงานในช่วง2 ปีที่ผ่านมา ทำให้การเคหะฯ สามารถลดภาระหนี้ลงไปถึง 28,000 กว่าล้านบาท จากที่เคยขาดทุนขณะนี้เริ่มมีกำไรขึ้นมาบ้างแล้วประมาณปีละหนึ่งพันกว่าล้านบาท และจำนวนหน่วยของโครงการต่างๆ จำนวนรวม 281,556 หน่วย สามารถขายได้ตลอด นอกจากนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการที่มีทำเลที่เหมาะสม มีประชาชนสนใจและมียอดจองซึ่งผ่านการพิจารณาด้านสินเชื่อจากธนาคารแล้วก็จะดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติม”

นายอิสสระ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการที่จะมีการก่อสร้างใหม่ของการเคหะฯ สำหรับผู้มีรายได้น้อยในอนาคต อาจจะไม่ใช้ชื่อบ้านเอื้ออาทร แต่อาจจะเป็นบ้านไทยเข้มแข็งหรือว่าเคหะชุมชนไทยเข้มแข็ง ซึ่งโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตคงไม่สามารถที่จะสร้างได้เท่ากับราคาในปัจจุบัน เนื่องจากวัสดุก่อสร้างมีการปรับสูงขึ้น ส่วนเรื่องของการให้สินเชื่อนั้นในระยะนี้คงต้องใช้ของธนาคารไปก่อน แต่เมื่อทางการเคหะฯ สามารถลดหนี้สินลงไปได้มากกว่านี้ก็อาจจะสามารถดำเนินการให้สินเชื่อได้เอง

อย่างไรก็ตามนายอิสสระ กล่าวด้วยว่า ที่อยู่อาศัยจำนวนรวม 281,556 หน่วยนั้นส่วนใหญ่จะสร้างเสร็จแล้วและส่งมอบไปแล้วเช่นกัน จะเหลือที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพียงบางส่วนและได้ทำสัญญาซื้อขายไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็ได้มีการเปิดขายอยู่ และมีหลายทำเลที่ได้รับความสนใจ ส่วนที่เป็นปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการได้นั้นจะเป็นในส่วนของทำเลที่ไม่ดี การคมนาคมไม่สะดวก และปัญหาอื่นๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ

การเคหะฯ มอบห้องชุดบ้านเอื้ออาทร(รัษฎา)


เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ที่บริเวณที่ตั้งโครงการบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต (รัษฎา) หมู่ที่ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานส่งมอบห้องชุดโครงการบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต (รัษฎา) ให้แก่ผู้ที่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์จำนวนประมาณ 500 ราย โดยมีนายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นายตรีอัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติผู้บริหารระดับสูงการเคหะแห่งชาติ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดจนประชาชนที่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อฯ เข้าร่วม

นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ดารเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ มีภารกิจด้านการพัฒนาและจัดสร้างที่อยู่อาศัย รวมถึงการพัฒนาเมือง เพื่อให้ประชาชนทุกระดับรายได้ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลางทั่วประเทศมีที่อยู่อาศัยที่เพียงพอต่อความต้องการ มีคุณภาพชีวิตและสภาพแวดล้อมชุมชนที่น่าอยู่อาศัย

“การส่งมอบบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต (รัษฏา) จะทำให้ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียงมีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน สาธารณูปโภคสาธารณูปการที่เหมาะสม ในราคาที่สามารถรับภาระได้ และเมื่อประชาชนเข้าอยู่อาศัยในโครงการแล้ว การเคหะฯ ยังจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยมีการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และกายภาพ รวมทั้งสามารถบริหารจัดการชุมชนของตนเองได้อย่างเข้มแข็ง และยั่งยืน เช่น การตั้งกลุ่มออมทรัพย์ การฝึกอาชีพ การรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน เป็นต้น” นายอิสสระกล่าว

ด้านนายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการบ้านเอื้ออาทร มีเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ สร้างเป็นอาคารชุดพักอาศัย 4 ชั้น 16 อาคาร ขนาด 33 ตรม.จำนวน 702 หน่วย พร้อมระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการ เช่น ถนน ทางเท้า ที่จอดรถ ลานกีฬา เป็นต้น ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นอีกโครงการของการเคหะฯในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับการตอบรับด้วยดีจากประชาชน โดยมีผู้สนใจจองเต็มโครงการแล้ว แต่ในเบื้องต้นมีผู้ที่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคารอาคารสงเคราะห์จำนวน 500 ราย

อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นที่ภาคใต้ การเคหะฯ ได้ดำเนินการพัฒนาและสร้างที่อยู่อาศัย รวมทั้งสิ้น 131,727 หน่วย โดยในจังหวัดภูเก็ตมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,345 หน่วย ประกอบด้วย โครงการเคหะชุมชนภูเก็ต 1 ระยะ 1 จำนวน 654 หน่วย โครงการเคหะชุมชนภูเก็ต 1 ระยะ 2 (อาคารชุด) จำนวน 928 หน่วย โครงการเคหะชุมชนภูเก็ต 2 ระยะ 1 ส่วนที่ 1-2 จำนวน 311 หน่วย โครงการบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต ระยะ 2 และ 3/1 จำนวน 717 หน่วย โครงการบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต (ถลาง) จำนวน 1,033 หน่วย และโครงการบ้านเอื้ออาทรภูเก็ต(รัษฏา) จำนวน 702 หน่วย

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาตามแผนระดมการกวาดล้าง


เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2553 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตพร้อมด้วยพ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผกก.ปป.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.วิจักขณ์ ตารมย์ สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมพวก ได้ร่วมกันแถลงข่าวการระดมกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านตามนโยบายรัฐบาล สภ.เมืองภูเก็ต ได้ดำเนินการขอหมายค้นเป้าหมาย จำนวน 45 เป้าหมาย และดำเนินการตรวจค้นในวันที่ 24 ธันวาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม ประกอบด้วย

นายวิรุฬ หิรัญภิญโญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน (ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 621/2553 ลง 22 พฤศจิกายน 2553)

น.ส.ไพลิน เข็มเจริญ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/38 ซ.ไอยราษฎร์ ถ.ศรีสุทัศน์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ตพร้อมด้วยของกลางยาบ้า ชนิด สีส้ม จำนวน 22 เม็ด ถุงพลาสติก ขนาด 1.5X2.0 นิ้ว จำนวน 14 ถุง

นางศรีนวล ศิริพรหม อยู่บ้านเลขที่ 18 ซ.9 ถ.อนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ไทยประดิษฐ์ จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนยาว ไทยประดิษฐ์ จำนวน 3 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 6 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 3 นัด

น.ส.ปริศนา มาก อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 ถ.พูนผล ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ออโตเมติก ขนาด .32 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .32 จำนวน 35 นัด เครื่องกระสุปืน เบอร์ 12 จำนวน 1 นัด

นายกิตติ พึ่งถิ่นอายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/15 ซ.ป่ามะพร้าว ม.3 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนลูกซองพกสั้น ไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ โคลท์ ขนาด .38จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 3 นัด เครื่องกระสุนปืน เบอร์ 12 จำนวน 8 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 3 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 5 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 4 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 3 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 32 จำนวน 1 นัด ยาไอซ์ จำนวน 0.02 กรัม

นายเอกชัย ชุมทอง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/213 ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนลูกซองพกสั้น ไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 1 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม.จำนวน 1 นัด
นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซ.11 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

น.ส.ดี อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซ.11 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

น.ส.จี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซ.11 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

นายนัทธี สุขขันธ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซ.11 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

น.ส.นัฏกานต์ แก้วหยด อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซ.11 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ตโดยกล่าวหาว่า เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฏหมาย

น.ส.เนาวรัตน์ ไชยพันธ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่ ซ.ตาเป๋ ถ.ดำรง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยกล่าวหาว่า เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฏหมาย

นายพิริยะ ทองวน อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/13 ซ.พัชนี 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ตโดยกล่าวหาว่า เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฏหมาย

นายมานพ กรรสุวรรณ์ อายุ - ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/140 ม.7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ตโดยกล่าวหาว่า เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฏหมาย

นายอนุกูล เต่าทอง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/130 ม.7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ตพร้อมด้วยของกลาง พืชกระท่อม จำนวน 1 ถุงโดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

ภูเก็ตซ้อมช่วยเหลือและอพยพกรณีเกิดภัยสึนามิ


เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2553 ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมภาคสนาม (Field Training Exercise : FTX) การฝึกซ้อมแผนการช่วยเหลือและอพยพผู้ป่วยในภาวะวิกฤตทางทะเลและอากาศยาน จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตโดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานงานสาธารณสุข ทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจน้ำ โรงพยาบาลรัฐและเอกชน มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต เป็นต้น โอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับภาคเอกชน ประกอบด้วย บริษัทหาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) สาขาภูเก็ต ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาภูเก็ต ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาภูเก็ต ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขาภูเก็ต และห้างซุปเปอร์ชิป

นายสันติ์ จันทรวงษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวขนาด 9.3 ริกเตอร์เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ทำให้พื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเล (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนองและสตูล) ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สินและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล สาเหตุหนึ่งเนื่องมาจากขาดการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นและขาดกลไกการแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านมาตรการและด้านทรัพยากรต่างๆ ให้พร้อมในอันที่จะป้องกัน บรรเทาภัย และช่วยเหลือประชาชนให้สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติสึนามิ รวมทั้งต้องมีการเพิ่มองค์ความรู้และสร้างความตระหนัก จิตสำนึกปลอดภัย และการเพิ่มพูนขีดความสามารถด้านการเตรียมความพร้อมและการรับมือภัยพิบัติ

“การฝึกซ้อมแผนการช่วยเหลือฯ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และการพัฒนาศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ บุคลากรของหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดทั้งการประสานการปฏิบัติ และขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ นอกจากนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมวางแผนแก้ไขปัญหาหากเกิดสาธารณภัยขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องขอรับการช่วยเหลือด้านเครื่องอุปดภคและบริโภคเป็นการเร่งด่วน จึงได้มีการบันทึกข้อตกลงในการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้วย”

นายสันติ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการฝึกซ้อมนั้นแบ่งเป็นภาควิชาการ การฝึกซ้อมในที่บังคับการ และการฝึกซ้อมปฏิบัติจริง โดยมีกิจกรรมหลักตามสถานการณ์สมมติว่าเกิดแผ่นดินไหว และเกิดสึนามิ ได้มีการเปิดสัญญาณหอเตือนภัยแจ้งเตือนภัยสึนามิ ประชาชนอพยพ มีการตั้งศูนย์อำนวยการฯ การตั้งโรงพยาบาลสนาม การช่วยเหลือทางทะเลโดยใช้เฮลิคอปเตอร์และเรือ สปีดโบ๊ท การกู้ภัย กรณีมีบ้านพังและรถยนต์ได้รับความเสียหาย การส่งต่อผู้ป่วยโดยทีมแพทย์พยาบาล และการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศยาน โดยเครื่องบิน C130 จากท่าอากาศยานภูเก็ตลงจอดท่าอากาศยานจังหวัดนครศรีธรรมราช


วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตร.ภูเก็ตวางกรอบเข้ม 6 ด้าน รับปีใหม่


เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ณ บริเวณลานจอดรถหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นประธานพิธีปล่อยแถวกำลังพลในการระดมป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 โดยมี ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครและภาคเอกชน รวมทั้งสิ้นจำนวน 200 คนร่วมสนธิกำลังออกปฏิบัติการดังกล่าว

พ.ต.อ.ชลิต กล่าวว่า ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดให้จังหวัดต่างๆ ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2554 ในระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2553-4 ม.ค.2554 เป้าหมายเพื่อให้สามารถลดจำนวนครั้ง ของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ จากช่วงเทศกาลปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง ( 2551-2553) ให้ได้ร้อยละ 5 ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ จังหวัดภูเก็ต ย้อนหลัง 3 ปี (2551-2553) ค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง พบว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ มีอุบัติเหตุเฉลี่ยวันละ 10.3 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละเกือบ 1 คน ดังนั้นช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 เกิดอุบัตเหตุต้องไม่เกิน 73 ครั้ง ผู้บาดเจ็บไม่เกิน 78 คน ผู้เสียชีวิต ไม่เกิน6 คน

ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ณ ที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2553 เป็นต้นไป ประกอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ โดยให้ดำเนินการตามาตรการหลัก 6 ด้านคือ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ด้านการอำนวยความสะดวกจราจร ด้านวิศวกรรมจราจร ด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านการแพทย์ฉุกเฉินและการกู้ชีพ

พ.ต.อ.ชลิต กล่าวต่อไปอีกว่า ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการจัดทำแผนป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจังหวัดภูเก็ต ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติ รวมทั้งได้ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต ในการประชุมซักซ้อมการปฏิบัติ เพื่อป้องกันลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ตลอดจนได้มีการบูรณาการกำลังพล กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยสนธิกำลังร่วมปฏิบัติการ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้มีประสิทธิภาพ

รพ.อบจ. ภูเก็ตอยู่ระหว่างหาผู้รับจ้างบริหารจัดการ


นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) กล่าวถึงความคืบหน้าของการเปิดให้บริการโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการหาผู้รับจ้างบริหารจัดการ ซึ่งมีเอกชนสนใจยื่นซองประมูลแล้ว 2-3 ราย คาดว่าจะทราบผลว่าใครจะได้รับการคัดเลือกประมาณเดือนมกราคม 2554 และสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการประมาณเดือนพฤษภาคม 2554 หลังจากคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนห้องผ่าตัด และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“เบื้องต้นจะเปิดให้บริการจำนวน 120 เตียง ซึ่งนอกจากให้บริการรักษาโรคทั่วไปแล้ว ยังจะเน้นการให้การรักษาเกี่ยวกับโรคไต โดยจะจัดทำเป็นศูนย์ไต และการดูแลรักษาผู้สูงอายุ ส่วนอัตราค่ารักษาพยาบาลก็จะต่ำกว่าโรงพยาบาลเอกชนทั่วไป แต่จะสูงกว่าโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเล็กน้อย”นายไพบูลย์กล่าว และว่า เป้าหมายการให้บริการกำหนดทั้งสิ้น 190 เตียง โดยขอดูการประกอบการในส่วนแรกก่อนว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นจะมาดูความพร้อมอีกครั้ง

สร้างความรู้ความเข้าใจต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว


เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ที่ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการประชุมชี้แจงการต่ออายุใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าวประจำปี 2554 ให้แก่นายจ้าง/สถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ซึ่งทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นโดยมีนายจ้าง/สถานประกอบการในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมประมาณ 200 คน เพื่อจะได้รับฟังคำชี้แจงและซักถามข้อปัญหาต่างๆ แนวทางขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อจะได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องในการติดต่อกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ การตรวจสุขภาพ การทำบัตรประกันสุขภาพ การขออกวีซ่า และการเก็บเงินแรงงานต่างด้าวเพื่อนำเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร

นายนพดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 เห็นชอบการขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติ และผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าวไปอีก 2 ปี สิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 โดยในส่วนของจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับล่างจำนวนมาก และแรงงานต่างด้าวก็ยังเป็นที่ต้องการสำหรับนายจ้าง/เจ้าของสถานประกอบการ ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ที่ได้รับอนุญาตทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ตามมติคณะรัฐมนตรีในจังหวัดภูเก็ต จำนวนทั้งสิ้น 50,332 คน สัญชาติพม่า 49,974 คน สัญชาติลาว 328 คน และสัญชาติกัมพูชา 30 คน โดยแรงงานต่างด้าวเหล่านี้จะต้องขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้แล้วเสร็จก่อนใบอนุญาตทำงานหมดอายุของแต่ละกลุ่ม

โดยแรงงานต่างด้าวกลุ่มหมดอายุวันที่ 20 มกราคม 2554 จะต้องดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2554 และแรงงานต่างด้าวกลุ่มหมดอายุวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 จะต้องดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 โดยแรงงานต่างด้าวทั้งหมดจะต้องเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตได้มีการพิสูจน์สัญชาติแล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 12,631 คน เป็นสัญชาติพม่า 12,373 คน สัญชาติลาว 238 คน สัญชาติกัมพูชา 20 คน และยื่นขอใบอนุญาตทำงานแล้ว 12,412 คน นายนพดลกล่าว

ทน.ภูเก็ตพร้อมรับโอนจดทะเบียนเทศพาณิชย์


นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เปิดเผยว่า เทศบาลนครภูเก็ตได้รับมอบหมายให้รับถ่ายโอนภารกิจการจดทะเบียนพาณิชย์ซึ่งครอบคลุมกิจการต่างๆ 17 ประเภท ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 มาตรา 6 จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) โดยทางอบจ.ภูเก็ตจะส่งมอบงานทะเบียนพาณิชย์ให้กับเทศบาลนครภูเก็ตในวันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม 2553 และเทศบาลนครภูเก็ตจะเริ่มดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์รายใหม่ ณ สำนักงานเทศบาลนครภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2554 เป็นต้นไป

สำหรับพาณิชยกิจที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ประกอบด้วย 1.การทำโรงสีข้าว และการทำโรงเลื่อยไม้ที่ใช้เครื่องจักร 2.การขายสินค้าไม่ว่าอย่างใดๆอย่างเดียวหรือหลายอย่างก็ตามคิดรวมแล้วทั้งสิ้นในวันหนึ่งวันใดขายได้เป็นเงินตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป หรือมีสินค้าดังกล่าวไว้เพื่อขายมีค่ารวมทั้งสิ้นเป็นเงินตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป 3.การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนค้าซึ่งทำการเกี่ยวกับสินค้าไม่ว่าอย่างใดๆอย่างเดียวหรือหลายอย่างก็ตามและสินค้านั้นมีค่ารวมกันทั้งสิ้นในวันหนึ่งวันใดเป็นเงินตั้งแต่ 20 บาทเป็นต้นไป 4.การประกอบหัตถกรรมหรือการอุตสาหกรรมไม่ว่าอย่างใดๆ อย่างเดียวหรือหลายอย่างก็ตามและขายสินค้าที่ผลิตได้มีค่ารวมทั้งสิ้นในวันหนึ่งวันใดเป็นเงินตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป หรือในวันหนึ่งวันใดมีสินค้าที่ผลิตได้มีค่ารวมทั้งสิ้นเป็นเงินตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป

5.การขนส่งทางทะเล การขนส่งโดยเรือกลไฟ หรือเรือยนต์ประจำทาง การขนส่งโดยรถไฟ การขนส่งโดยรถราง การขนส่งโดยรถยนต์ประจำทาง การขายทอดตลาด การรับซื้อขายที่ดิน การให้กู้ยืมเงิน การรับแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ การซื้อหรือขายตั๋วเงิน การธนาคาร การโพยก๊วน การทำโรงรับจำนำและการทำโรงแรม 6.ขาย หรือให้เช่า แผ่นซีดี แถบบันทึก วีดิทัศน์ แผ่นวีดิทัศน์ ดีวีดีหรือแผ่นวีดิทัศน์ระบบดิจิทัลเฉพาะเกี่ยวกับการบันเทิง 7.ขายอัญมณี หรือเครื่องประดับซึ่งประดับด้วยอัญมณี 8.ซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการใช้สื่ออิเลคทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอิเตอร์เน็ต 9.การบริการอิเตอร์เน็ต 10.การให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย 11.การบริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการใช้สื่ออิเลคทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 12.ผลิต รับจ้างผลิต แผ่นซีดี แถบบันทึก วีดิทัศน์ แผ่นวีดิทัศน์ ดีวีดี หรือแผ่นวีดิทัศน์ ระบบดิจิทัลเฉพาะที่เกี่ยวกับการบันเทิง 13.การให้บริการเครื่องคอมพวเตอร์เพื่อใช้อิเตอร์เน็ต 14.การให้บริการฟังเพลงและร้องเพลงโดยคาราโอเกะ 15.การให้บริการเครื่องเล่นเกมส์ 16.การให้บริการตู้เพลง 17.โรงงานแปรสภาพ แกะสลักและการทำหัตถกรรมจากงาช้าง การค้าปลีก การค้าส่งงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้าง

นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เทศบาลฯมีความพร้อมในการรับถ่ายโอนภารกิจงาน จดทะเบียนพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ผู้ที่ประสงค์จะดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ จดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ หรือจดทะเบียนเลิกประกอบพาณิชยกิจ สามารถติดต่อดำเนินการได้ที่ งานจัดหาผลประโยชน์ ส่วนพัฒนารายได้ สำนักการคลัง (ชั้น 1) เทศบาลนครภูเก็ต

เตรียมลงนาม MOU สสปน.ส่งเสริมตลาด MICE


เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2553 ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางพีรบูรณ์ ทองศิริเศรษฐ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต นางจุฑา ธาราไชย ตัวแทนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

สำหรับวาระประชุมที่สำคัญในครั้งนี้เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการการส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE ของจังหวัดภูเก็ต และการแนะนำโครงการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรม MICE CITIES (สสปน.) รวมถึงการพิจารณาร่างข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สสปน.กับจังหวัดภูเก็ต ในการดำเนินการงานส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE ของจังหวัดภูเก็ต

นางจุฑา กล่าวว่า โครงการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรม MICE นั้นเป็นแผนพัฒนาให้จังหวัดภูเก็ตเป็น MICE CITIES โดยโครงการนี้เริ่มมาประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งมีกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และจะทำการส่งเสริมจังหวัดภูเก็ตให้เป็นตลาด MICE หรือตลาดการประชุม นอกจากนี้หลังจากการบันทึกข้อตกลงร่วมกันแล้วจะมีแผนพัฒนาตลาด MICE เข้าประเทศ เน้นกิจกรรมด้านการขาย มีการสนับสนุนการตลาดและการประชาสัมพันธ์ การพัฒนางานด้านการประสานความร่วมมือหน่วยงาน การพัฒนาบุคคล การสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรม รวมถึงความร่วมมือทางการตลาดและร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดโครงการส่งเสริมการขายต่อไปในอนาคต

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เปิดใช้ถนนเลี่ยงเมืองหลังสนามกีฬาสุระกุล


เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2553 นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดใช้ถนนสายหลังสนามกีฬาสุระกุล เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร บริเวณแยกโรงเรียนดาราสมุทร ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ร่วมกับนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) และนายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภาเทศมบาลตำบลวิชิต ตลอดจนประชาชน ร่วมเป็นเกียรติ

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ด้วย อบจ.ภูเก็ต ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตที่สัญจรไปมาระหว่างถนนสายหลังสนามกีฬาสุระกุล บริเวณแยกโรงเรียนดาราสมุทร โดยเทศบาลตำบลวิชิตได้จัดทำโครงการก่อสร้างถนนเอกวานิชอุทิศในพื้นที่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งได้รับการอุทิศที่ดินจากภาคเอกชน คือ มูลนิธิคาธอลิคสุราษฎร์ธานี (โรงเรียนดาราสมุทร) และคุณโสภณ เอกวานิช คิดเป็นเนื้อที่รวมกันประมาณ 4 ไร่ เพื่อให้ทางราชการใช้ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระดับมาตรฐาน พร้อมคูระบายน้ำ เชื่อมระหว่างถนนสายหลังสนามกีฬาสุระกุลกับถนนเฉลิมพระเกียรติ ร .9 (บายพาส)

ที่ประชุมเครือข่ายเพื่อแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น (Clinic center) โดยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต (นายวิชัย ไพรสงบ) ได้สั่งการให้ อบจ.ภูเก็ต จัดทำแผนพัฒนาประจำปี พ.ศ. 2553 (เพิ่มเติม) และได้เสนอขออนุมัติงบประมาณต่อสภา อบจ.ภูเก็ต เพื่อก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระดับมาตรฐานพร้อมคูระบายน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรหลังสนามกีฬาสุระกุล บริเวณแยกโรงเรียนดาราสมุทรให้ประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต ได้รับความสะดวกในการสัญจรไปมา ทั้งในภาวะปกติและช่วงเวลาเร่งด่วน ทั้งนี้ อบจ.ภูเก็ต ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนให้ดำเนินการก่อสร้างตามรูปแบบรายการและมาตรฐานของถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมคูระบายน้ำ ในวงเงินงบประมาณ 908,000 บาท และการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปิดสัญจรไปมาแล้ว จึงได้มีการประกอบพิธีเปิดใช้อย่างเป็นทางการ นายไพบูลย์กล่าว

ประชุมวิชาการวิชาชีพ 4 องค์การ


เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2553 ที่ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมทางวิชาการองค์การวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทยระดับ ภาคใต้ ครั้งที่ 21 ประจำปีการศึกษา 2553 ซึ่งทางสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาคใต้จัดขึ้น เพื่อพัฒนานักเรียน-นักศึกษา และสมาชิกองค์การวิชาชีพฯ ให้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมจริยธรรม ส่งเสริมวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ตระหนักในการสร้างงานสร้างรายได้ระหว่างเรียน โดยมีสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาคใต้เข้าร่วม 66 สถาบัน จำนวนประมาณ 264 คน มีกิจกรรมในการจัดงานทั้งการประกวด การแข่งขันทักษะวิชาชีพ และทักษะวิชาพื้นฐาน ซึ่งจัดไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคมนี้

นายกำจัด บุญพันธุ์ ประธานอาชีวศึกษาภาคใต้ กล่าวว่า การจัดการประชุมทางวิชาการองค์การวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย ระดับภาค ภาคใต้ จัดให้มีจนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 21 ซึ่งเป็นการประชุมของสมาชิกองค์การวิชาชีพ ฯ 4 องค์การ ประกอบด้วย องค์การช่างเทคนิคในอนาคตแห่งประเทศไทย (อ.ช.ท.) องค์การนักธุรกิจในอนาคตแห่งประเทศไทย (อ.ธ.ท.) องค์การนักคหกรรมศาสตร์ในอนาคตแห่งประเทศไทย (อ.ค.ท.) และองค์การช่างศิลปหัตถกรรมในอนาคตแห่งประเทศไทย (อ.ศ.ท.)

โดยกิจกรรมขององค์การวิชาชีพเป็นกิจกรรมสร้างเสริมการเรียนรู้ ด้านกิจกรรมองค์การวิชาชีพฯ และเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนการสอนด้านวิชาชีพ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการแสดงออกถึงภาพลักษณ์ของนักศึกษาอาชีวศึกษาให้ได้แสดงออกถึงความเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดี ทำให้มวลสมาชิกองค์การทุกองค์การมีความรู้ ความสามารถทางวิชาชีพ มีความเป็นผู้นำ และมีทักษะในการใช้ชีวิต

วัตถุประสงค์ของการการประชุมทางวิชาการองค์การวิชาชีพฯ นั้น เพื่อให้การดำเนินงานจัดกิจกรรมองค์การวิชาชีพฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 ทั้งนี้เพื่อพัฒนากิจกรรมองค์การวิชาชีพฯ ในรูปสถานศึกษาให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้นำสมาชิกองค์การวิชาชีพของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในภาคใต้ ได้ตระหนักถึงคุณภาพมาตรฐานผู้เรียน และคุณสมบัติพึงประสงค์ในการพัฒนานักเรียนนักศึกษาให้เป็นคนดีและมีความสุข

โดยการเสริมสร้างบุคลิกภาพ มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีคุณธรรม จริยธรรม มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ห่างไกลยาเสพติด และมีสำนึกในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความสมานฉันท์และวิถีประชาธิปไตย เพื่อให้สมาชิกองค์การฯ ครูที่ปรึกษาและผู้เข้าร่วมประชุมนำแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมองค์การวิชาชีพไปปรับใช้กับกิจกรรมอื่นๆ ในสถานศึกษาได้อย่างเหมาะสม และใช้กิจกรรมองค์การวิชาชีพเป็นเครื่องมือในการบูรณาการวิชาชีพต่อไป เพื่อให้สมาชิกองค์การได้แสดงออกซึ่งความรู้ความสามารถ เสริมสร้างประสบการณ์ แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นและถ่ายทอดประสบการณ์ในมวลสมาชิกต่อกัน เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของกิจกรรมองค์การวิชาชีพของนักศึกษาอาชีวศึกษาทั้งทักษะวิชาชีพ และทักษะวิชาชีพพื้นฐาน นายกำจัดกล่าว