จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

ผวจ.ย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความถี่ตั้งจุดตรวจ





นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์มีคนใช้อาวุธปืนทำร้ายผู้อื่นจนเสียชีวิต 2 รายในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกันในพื้นที่ จ.ภูเก็ต รายแรกคือนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา และอีกรายเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ถือเป็นคดีอุจฉกรรจ์และสะเทือนขวัญค่อนข้างมาก ซึ่งตนก็ได้มอบนโยบายและสั่งการไปยังรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตให้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรต่างๆ ทุกสถานีเพิ่มความเข้มและความถี่ในการตั้งจุดตรวจต่างๆ เพื่อป้องกันและป้องปรามเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งหากกำลังไม่เพียงพอก็ขอให้ประสานมายังจังหวัดเพื่อสนธิกำลังร่วมกับทางฝ่ายปกครอง ชุดเฉพาะกิจจังหวัดและกำลังอาสาสมัคร ซึ่งพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

“ในเรื่องอาวุธปืนได้กำชับไปยังนายอำเภอทุกอำเภอให้ตรวจสอบรายละเอียดของผู้ที่มาขออนุญาตอาวุธปืนร้ายแรง ทั้งในเรื่องฐานะความเป็นอยู่และพฤติกรรม เพื่อเป็นการตรวจทานและป้องกันในเบื้องต้น จากรายงานที่ได้รับ พบว่าในปีที่ผ่านมามีการออกใบอนุญาตอาวุธปืนน้อยมาก ส่วนอาวุธปืนที่มีการนำเข้ามาจากพื้นที่อื่น ก็ต้องอาศัยการตรวจสอบของด่านตรวจต่างๆ โดยเฉพาะด่านตรวจภูเก็ตที่บริเวณท่าฉัตรไชย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ท่าฉัตรไชย นับเป็นด่านแรกในการเดินทางเข้ามายังจังหวัดภูเก็ต รวมไปถึงความเข้มงวดในการตรวจตราสถานประกอบการบันเทิงต่างๆ ตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าหากมีการเพิ่มความถี่ในการตั้งจุดตรวจหรือตรวจตราสถานที่ซึ่งล่อแหลมต่างๆ มากขึ้น ก็จะเป็นการช่วยป้องปรามและลดการกระทำความรุนแรงหรือการใช้อาวุธได้ในระดับหนึ่ง”

อย่างไรก็ตามนายตรี กล่าวด้วยว่า นอกจากเหตุอุจฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แล้ว ขณะนี้ก็มีคำเตือนเรื่องการก่อการร้ายซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่กรุงเทพมหานคร แต่เราก็ไม่ประมาท ซึ่งก็ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้วไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองในการติดตามในเรื่องอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเราเป็นเมืองท่องเที่ยว และมีชาวต่างชาติจากหลากหลายเชื้อชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในระยะนี้กลุ่มตะวันออกกลางก็เข้ามาเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งจะต้องมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะโรงแรมที่พักซึ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเข้าพักเป็นจำนวนมาก ก็ได้ประสานและกำชับไปยังผู้ประกอบการได้เพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบและเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้นเพียงหนึ่งหรือสองจุดก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตได้

ส่วนความคืบหน้ากรณียิงนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยากรณ์นั้น นายตรี กล่าวว่า เนื่องจากเป็นคดีอุจฉกรรจ์และมีการก่อเหตุในช่วงกลางวันซึ่งมีคนพลุกพล่าน ฉะนั้นหากจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนและนักท่องเที่ยวว่ามาภูเก็ตแล้วปลอดภัยก็จะต้องจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะสามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ในเร็วๆ นี้ 


ดับหนุ่มใหญ่พัวพันบุกรุกที่ดินมูลค่ามหาศาล



เมื่อคืนวันที่ 13 มกราคม 2555 ร.ต.อ.ธีระศักดิ์ บุญแสง ร้อยเวร สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ตได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้ากะหลิมซอย 6 – 7 ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.พ.ต.ท.กิตติพงษ์ คล้ายแก้ว รอง.ผกก.สส.เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ภูเก็ตและหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ที่เกิดเหตุซึ่งอยู่บริเวณถนนเลียบชายหาดกะหลิม ซึ่งเป็นถนนสายรอบเกาะ ที่จะเดินทางจากหาดป่าตอง ไปยังหาดกมลา เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง พบร่างชายนอนจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่บริเวณพื้นถนนข้างรถ จยย.ฮอนด้าดรีม สีน้ำเงิน-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ล้มคว่ำอยู่ จากนั้นหน่วยกู้ชีพพยายามปั้มหัวใจ พร้อมนำส่ง รพ.ป่าตอง แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายจักรกฤต หนูทัด อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม.เข้าที่บริเวณหลังจำนวน 6 นัดกระสุนทะลุหน้าอก ด้านหน้ามีรอย 7 แผล บริเวณแขนอีกจำนวนหนึ่ง รวมประมาณ 21 แผลบริเวณที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 11 มม.ตกอยู่ที่พื้นจำนวน 11 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายจักรกฤตขี่รถ จยย.คันดังกล่าวเพื่อกลับเข้าบ้านพักภายในกะหลิม ซอย 8 ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางเปลี่ยว ได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน ซึ่งขี่รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ-สีและทะเบียนขี่ตามมาจากด้านหลัง จากนั้นคนซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนออกมาจ่อยิงระยะ กระชั้นชิดเข้าที่บริเวณหลัง ทำให้รถ จยย.ของนายจักรกฤตล้มคว่ำทันที และคนร้ายได้ขี่รถ จยย.หลบหนีไปทางหาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ ทั้งนี้ในแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่านายจักรกฤตและพวกได้เข้าครอบครองที่ดินบริเวณกะหลิมซอย 7-8 ถ.พระบารมี ต.ป่าตองโดยปรปักษ์ ซึ่งเป็นของเครือญาติอดีตนักการเมืองระดับประเทศและเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตั้งอยู่ตรงข้ามชายหาดกะหลิม ห่างกันเพียงถนนกั้น มีมูลค่านับพันล้านบาท โดยนายจักรกฤตและพวกได้อ้างกรรมสิทธิ์ในการเข้าครอบครองมานานหลายสิบปี จนกระทั่งเมื่อหลายปีก่อนเจ้าของเอกสารสิทธิ์ได้ร้องต่อศาลเพื่อขอสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแปลงดังกล่าว โดยทางจังหวัด-ฝ่ายปกครอง-อำเภอกะทู้และเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถแบคโฮได้เข้ารื้อสิ่งปลูกสร้างตามอำนาจของศาล แต่นายจักรกฤตและพวกได้ร้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่ารื้อถอนและค่าเสียหายจากการรื้อถอนในครั้งนั้น โดยเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ไม่ได้ตัดออก เช่น ปัญหาส่วนตัว หนี้สิน ชู้สาว เป็นต้น
ขณะที่พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จากการสอบสวนพบว่าคนร้ายน่าจะมีการติดตามความเคลื่อนไหวของนายจักรกฤตมาโดยตลอด และเมื่อได้โอกาสจึงใช้อาวุธยิงในระยะกระชั้นชิด ส่วนของสาเหตุนั้นเบื้องต้นน่าจะมาจากเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวและผลประโยชน์ ล่าสุดทราบว่ามีผู้มาทวงถามเงินที่หยิบยืมมาเพื่อใช้ในการสร้างห้องเช่าเพิ่มเติม ส่วนประเด็นเรื่องของที่ดินซึ่งนายจักรกฤตและพวกเข้าไปบุกรุกจับจองของเครือญาตินักการเมืองรายหนึ่งน่าจะมีน้ำหนักค่อนข้างน้อย เพราะขณะนี้เรื่องอยู่ในกระบวนการของศาลมาเป็นเวลาประมาณร่วม 2 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็เป็นการดำเนินการไปตามกระบวนการของศาล และศาลมีการนัดไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งในวันที่ 19 มกราคมที่จะถึงนี้



รพ.กรุงเทพจัดงานวันเด็ก 2555



โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จัดกิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2555 ภายใต้ชื่องาน “วันหนูน้อยน่ารัก ตอน หรรษามายากล” โดยมีนพ.อนันต์ โลหะพัฒนบำรุง ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นประธานในพิธีเปิด ณ บริเวณชั้น 3 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงละครใบ้คนหน้าขาวและโบโซ่ จัด ดัด ลูกโป่ง จาก คณะเบบี้ ไมม์ การแสดงของน้องๆ นักเรียนโรงเรียนต่างๆ พร้อมร่วมสนุกสนานกับซุ้มเกมส่งเสริมความรู้และพัฒนาการ และของขวัญอีกมากมาย เป็นต้น นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีเวทีในการแสดงความสามารถ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ

วันเด็กภูเก็ตคึกคักทั้งราชการและเอกชน



เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2554 ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ตนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานวันเด็ก จ.ภูเก็ต ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) จัดขึ้น โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาฯ ข้าราชการ ตลอดจนผู้ปกครองซึ่งนำเด็กมาร่วมทำกิจกรรมเล่นเกมส์ เครื่องเล่น และของรางวัลต่างๆ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานราชการต่างๆ มาร่วมจัดกิจกรรมเป็นจำนวนมากเช่นกัน ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดภูเก็ต วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต วิทยาลัยสารพัดช่างภูเก็ต สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และโรงเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ตพร้อมกันนี้ได้เชิญ “เก้า จิรายุ ละอองมณี” ดาราวัยรุ่น มาสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆ ที่เข้ามาร่วมงานด้วย รวมทั้งได้จัดทำมาสคอตพิเศษรูปนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกฯ เพื่อสร้างความสนุกสนานกับเด็กๆ ที่เข้าร่วมงาน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า อบจ.ภูเก็ต ตระหนักถึงภารกิจ ความรับผิดชอบต่อเด็กและเยาวชน จึงมุ่งเน้นการพัฒนา สร้างสรรค์ เชื่อมโยงความรู้ ประสบการณ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดแนวคิด นำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติสืบต่อไปในอนาคต จึงได้จัดกิจกรรมวันเด็กขึ้น เพื่อให้เด็ก เยาวชนและประชาชน ในจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ เพื่อให้เด็กและเยาวชน ได้แสดงความสามารถ กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง ตลอดจนปลูกฝังค่านิยม คุณธรรมอันดีงามให้แก่เด็กและเยาวชน
ในส่วนของบรรยากาศภายในตัวอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ตก็คึกคักไม่ต่างจากบริเวณสนามหญ้า เนื่องจากได้มีการเปิดห้องทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารให้เด็กๆ และผู้ปกครองได้เยี่ยม รวมทั้งอนุญาตให้เด็กนั่งและถ่ายภาพบริเวณโต๊ะทำงานของผู้ว่าฯ ด้วย เช่นเดียวกับที่อาคารที่ทำการ อบจ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดภูเก็ตก็ได้เปิดห้องทำงานนายก อบจ.ภูเก็ต และห้องประชุมสภาฯ ให้เด็กๆ ได้เยี่ยมชมและถ่ายภาพด้วย สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กๆ เป็นอย่างมาก
ขณะที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต เจ้าหน้าที่ได้นำเด็กนักเรียนด้อยโอกาสโรงเรียน อบจ.บ้านนาบอน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 35 คน เดินทางด้วยรถโพถ้องไปทำกิจกรรมภายใต้โครงการ “พาน้องผจญภัย..หัวใจสีเขียว” เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ โดยพาเด็กไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ด้วยการทำกิจกรรมการท่องเที่ยวศึกษาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในพื้นที่ภูเก็ต X-treme Adventure และร่วมบำเพ็ญประโยชน์เก็บขยะบริเวณหาดป่าตอง และปิดท้ายด้วยการเข้าชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยที่สยามนิรมิต
ส่วนที่ศาลจังหวัดภูเก็ตและศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต ได้จัดกิจกรรมงานวันเด็ก ภายใต้โครงการ “เด็กดีศรียุติธรรม” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กไทยได้รับความรู้ ความสนุกสนานและกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีระเบียบวินัย รู้จักหน้าที่ของตนเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีทั้งนิทรรศการ การชมศาลจำลอง การชมวิดิทัศน์เกี่ยวกับระบบศาล และการเยี่ยมชมสถานที่และห้องทำงานผู้พิพากษาหัวหน้าศาล การเล่นเกมและอื่นๆ อีกจำนวนมาก
เช่นเดียวกับที่ด้านหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ซึ่งสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้จัดขึ้นกิจกรรมให้เด็กๆได้ร่วมทำกิจกรรม มีทั้งการเล่นเกม แจกของขวัญ และเลี้ยงอาหาร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก นอกจากนั้น ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ตลอดจนสวนสาธารณะสะพานหินซึ่งทางเทศบาลนครภูเก็ตได้มีการจัดกิจกรรมให้กับเด็กๆ ด้วย ขณะที่ภาคเอกชนโยโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ก็ได้จัดกิจกรรมวันเด็กขึ้นภายในโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน โดยมีกิจกรรมการเล่นเกม แจกของขวัญ และโชว์จากมายากลคนหน้าขาว Babymime



ม.อ.ภูเก็ตร่วมทม.กะทู้จัดงานวันเด็ก ปี 2555



เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2555 ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นายชัยอนันท์ สุทธิกุล นายกเทศบาลเมือกะทู้เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 พร้อมอ่านสาส์นวันเด็กของนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมธี สรรพานิช รองอธิการบดีวิทยาเขตภูเก็ต ให้การต้อนรับ โดยงานในครั้งนี้จัดโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ตร่วมกับเทศบาลกะทู้ สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การจัดซุ้มเพื่อให้เด็กที่เข้ามาร่วมงานได้เล่นเกมส์โดยทีมนักศึกษา ซึ่งกิจกรรมเน้นการพัฒนาความคิดอย่างสร้างสรรค์และซึ่งทำให้เด็กได้มีความสุขสนุกสนานตามวัย และเกิดความสามัคคีในหมู่คณะ 

“เด็จพี่” ตรวจสอบที่ดินแปลง “หาดฟรีด้อม“


เมื่อวันที่ 13 มกราคม 55 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุกจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ อาทิ รองเลขานุการสำนักงาน สปก. รองอธิบดีกรมป่าไม้ ผู้เชี่ยวชาญกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อาทิ นายสิทธิชัย พรหมชาติ ที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายไชยผดุง พรหมสวัสดิ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต นายวิบูลย์ รวยสิน ปฎิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน อ.เมืองภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงส์ทอง ผบก.ภ.จว.พังงา และพ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมสำรวจพื้นที่บริเวณหาดฟรีด้อม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งมีผู้ร้องเรียนผ่านทางพรรคเพื่อไทย ว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีการออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง โดยออกในที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ทั้งนี้คณะได้เดินทางเข้ายังแปลงที่ดินดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาแยกจากถนนสายป่าตอง-ไตรตรังระยะทางประมาณ 2 กม.ซึ่งมีลักษณะขรุขระ ตลอดสองข้างทางเป็นผืนป่าค่อนข้างสมบูรณ์ เมื่อไปถึงพื้นที่แปลงฟรีด้อม พบสภาพทั่วไปเป็นป่าค่อนข้างสมบูรณ์และต้นไม้ท้องถิ่นขนาดใหญ่ 2-3 คนโอบ จำนวนหนึ่ง เช่น ต้นไทร ต้นนทรี ตันพลับพลา เป็นต้น และมีต้นยางพาราขนาดอายุไม่เกิน 2 ปีเล็กน้อย โดยไม่พบพืชผลอาสินอย่างอื่น รวมทั้งมีการปลูกกระท่อมไม้ไผ่ซึ่งมีการระบุเลขของกระท่อมอีกจำนวนหนึ่ง โดยคณะได้เดินจากเนินเขาไปตามเส้นทางที่ค่อนข้างลาดชันมากลงไปยังชายหาดฟรีด้อมระยะทางประมาณ 2 กม. เมื่อลงไปถึงชายหาดพบนักท่องเที่ยวนอนอาบแดดและเล่นน้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวดังกล่าวจะเดินทางมาจากหาดป่าตองด้วยเรือหางยาว และยังพบมีการตั้งร้านค้าจำหน่ายอาหารเป็นอาคารถาวรให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนประมาณ 2-3 ร้านด้วย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เนื่องจากได้มีประชาชนเข้าไปร้องเรียนกับทางพรรคฯ ว่าที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิดและส่วนหนึ่งของที่ดิน สปก.โฉนดเลขที่ 98414 กับเลขที่ 98415 เนื้อที่รวมประมาณ 65 ไร่ ซึ่งมีการเปลี่ยนมือมาแล้วหลายทอดปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 3,000 บาท ดังนั้นจึงลงมาดูสภาพข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งผู้ร้อง เจ้าของที่ดินและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากพบว่าถูกต้องก็ไม่มีปัญหา แต่หากตรวจพบว่าไม่ถูกต้องก็จะมีการตรวจสอบย้อนถึงที่มาของการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิดังกล่าว
อย่างไรก็ตามจากการที่ได้สำรวจพื้นที่พบว่าสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่จะเป็นป่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และไม่พบพืชผลอาสิน มีความลาดชันเกินกว่า 30 องศา ซึ่งไม่สามารถที่จะออกเอกสารสิทธิได้ นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า การชี้แจงของกรมป่าไม้ซึ่งระบุว่าเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด แต่กรมที่ดินกลับบอกว่าไม่ใช่เขตป่าฯ และจากการพูดคุยกับกำนันตำบลกะรน บอกว่าที่ดินแปลงดังกล่าวทางกำนันผู้ใหญ่บ้านเจ้าของพื้นที่ไม่ได้รับรองแนวเขตซึ่งต่างจากการออกเอกสารสิทธิที่ดินแปลงอื่นๆ กำนันผู้ใหญ่บ้านในฐานะของผู้ปกครองท้องที่จะต้องรับรองแนวเขตด้วย ส่วนกรณีที่มีการระบุที่ดินแปลงนี้มีการทำประโยชน์มาก่อนปี 2497 แต่กลับพบว่าสภาพส่วนใหญ่เป็นป่าสมบูรณ์และไม่มีพืชผลทางการเกษตรแต่อย่างใด และยังพบมีการปลูกกระท่อมไว้เพื่อเป็นที่พักอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็คงต้องไปชี้แจงรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ด้วยเชื่อว่าที่ดินแปลงนี้มีการซื้อขายกันมาแล้วหลายทอด
“จากที่ได้สำรวจเบื้องต้นด้วยตาเปล่าสภาพภูมิประเทศน่าจะมีความลาดชันเกินกว่า 35องศา ซึ่งไม่สามารถออกเอกสารได้ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลในเชิงลึกด้วยว่า เมื่อประมาณปี 48-49 นายอำเภอเมืองภูเก็ตสมัยนั้นได้ทำการจับกุมชาวบ้านในข้อหาบุกรุกแผ้วถางในพื้นที่ป่าสงวนฯ แต่มาเมื่อเร็วๆ นี้กลับมีผู้นำไปออกเอกสารสิทธิได้ นายพร้อมพงศ์กล่าวและกล่าวด้วยว่า ปกติในการรังวัดออกโฉนดที่ดินทุกแปลงทางผู้ปกครองท้องถิ่นซึ่งได้แก่กำนันผู้ใหญ่บ้านจะต้องมีส่วนร่วมด้วย แต่ครั้งนี้กลับไม่ปรากฏ ดังนั้นจึงมองว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องทำการพิสูจน์ว่ามีส่วนราชการใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงในอดีต”
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายก็อาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการออกเอกสารดังกล่าวว่า มีส่วนราชการเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดิน ป่าไม้ สปก. ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง รวมทั้งจะได้มีการอ่านภาพถ่ายทางอากาศและตรวจสอบพิกัด GPRS โดยประสานกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เข้ามาร่วมตรวจสอบ เมื่อได้ผลเป็นเช่นไรก็จะได้ส่งเรื่องของกับกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยเพื่อทบทวนการออกเอกสารสิทธิดังกล่าว ว่าดำเนินการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบแล้วก็จะส่งเรื่องให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับทราบเนื่องจากเป็นผู้ดูแลกรมที่ดิน รวมถึงในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเรื่องดังกล่าวอาจจะเกี่ยวโยงกับการลอบยิงเจ้าของหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ตเสียชีวิต เนื่องจากมีการขุดขุ้ยประเด็นที่มาของเอกสารสิทธิของที่ดินแปลงดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวภูเก็ต ยื่นหนังสือเร่งรัดคดี “เอ๋ อินไซด์”



เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายพีระพงค์ ผลประมูล ประธานชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือกำชับการคลี่คลายคดีลอบยิง นายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ เจ้าของ-บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต ซึ่งถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ให้แก่ พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และสำเนาถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทาง พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8

นายพีระพงค์ กล่าวว่า จากกรณีเหตุฆาตกรรมนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ เจ้าของ-บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต บริเวณปากซอยทางเข้าหมู่บ้านศรีสุชาติโค้งควนดินแดง ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 12 มกราคม 2555 ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ในฐานะเป็นองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ตและเป็นองค์กรที่ผู้ตายมีตำแหน่งเป็นกรรมการที่ปรึกษาอยู่ด้วย มีความเห็นเบื้องต้นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการทำหน้ามี่สื่อมวลชนร่วม 20 ปีของผู้ตายนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงความรู้ ความสามารถ ความกล้าหาญ และมีอุดมการณ์ในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นบุคคลด้านสื่อมวลชนที่มีคุณภาพคนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต การจากไปด้วยเหตุฆาตกรรมอย่างอุกอาจในครั้งนี้ จึงเป็นความสูญเสียไม่เฉพาะกับญาติพี่น้อง และผู้ใกล้ชิดเท่านั้น หากแต่เป็นการสูญเสียของชาวภูเก็ต และชาวไทยทั้งหมดที่ต้องการเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคมด้วย ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ตจึงขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการทำหน้าที่คลี่คลายคดี และเชื่อว่าจะสามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ตถือว่าคดีนี้ เป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ตในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และสาธารณะสมบัติของแผ่นดินโดยตรง การคลี่คลายคดีดังกล่าวได้หรือไม่ จึงมีผลต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนและสมาชิกชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ตเป็นอย่างมากทั้งด้านสภาพจิตใจและความปลอดภัยในชีวิต 

อย่างไรก็ตามคดีนี้มีปมเหตุหลายประเด็นตามที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ และในแต่ละประเด็นผู้ที่เกี่ยวข้องถือได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งข้าราชการระดังสูง อิทธิพลด้านการเงิน และอิทธิพลด้านอำนาจเถื่อน โดยเหตุนี้ชมรมผู้สื่อข่าวจึงมีความเชื่อว่า เพียงลำพังเจ้าหน้าที่ในระดับจังหวัดไม่น่าจะสะสางคดีนี้ได้ลุล่วง จึงได้ร้องขอมายังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้เข้ามากำชับและสั่งการในคดีนี้โดยตรง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ตาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ต ให้ทำหน้าที่ตามจรรยาบรรณวิชาชีพต่อไป นายพีระพงค์กล่าว 


ตร.ยังมืดยิ่งสาวยิ่งลึกพบมีหลายประเด็น



เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ อายุ 44 ปี เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต และ นปช.ภูเก็ต เสียชีวิตเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ที่บริเวณปากซอยทางเข้าหมู่บ้านศรี สุชาติ ถ.เทพกระษัตรี ฝั่งขาออกนอกเมืองภูเก็ต ตรงข้ามโชว์รูมนิสสันภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยพล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมร่วมกับคณะทำงานติดตามหาคนร้ายและคลี่คลายคดีดังกล่าวว่า จากการ ประชุมและสรุปข้อมูลประเด็นรายละเอียดต่างๆ ที่น่าจะเป็นมูลเหตุของการสังหารนายวิสุทธิ์ พบว่าแต่ละประเด็นจะมีน้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำเสนอข่าว เรื่องออกเอกสารสิทธิบริเวณหาดฟรีด้อม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต การออกโฉนดที่ดินแปลงนาคาเล ต.กมลา อ.กะทู้ เรื่องการเมืองทั้งการเป็นเลขานุการ นปช.ภูเก็ต หรือลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น คดีเกี่ยวกับการโจมตีและโยกย้ายข้าราชการหน่วยต่างๆ เนื่องจากผู้ตายได้เขียนระบุไว้ในบทความในหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ตฉบับปักษ์หลังเดือนธันวาคมระบุว่ามีผู้ข่มขู่ทำร้ายตัวเองด้วย แต่ ประเด็นที่ตัดไปคือเรื่องชู้สาว
“ทุกประเด็นที่กล่าวมานั้นล้วนมีน้ำหนักที่ไม่แตกต่างกัน ในเรื่องของผลประโยชน์ ซึ่งขณะนี้คณะทำงานมุ่งเน้นการติดตามเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มมือปืนว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกลุ่มไหนบ้างอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่ อยู่เบื้องหลัง ส่วนของกล้องวงจรปิดที่ได้มาจากที่พื้นที่เกิดเหตุนั้นปรากฏว่าเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วภาพ ไม่ชัดเจน จึงทำอะไรไม่ได้มากนัก ประกอบกับคนร้ายใส่หมวกกันน๊อค แต่จะใช้ประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อจับกุมคนร้ายได้แล้ว เช่นเดียวกับป้ายทะเบียนรถที่ก่อเหตุเพราะเมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีหมายเลขทะเบียนดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอม เนื่องจากคนร้ายเป็นมืออาชีพและมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ดังนั้นจะต้องตั้งสมมติฐานให้ดี เพราะหากตั้งสมมุติฐานผิดตั้งแต่ต้นก็จะทำให้การติดตามคดีผิดพลาดไปด้วย”
พล.ต.ต.พิสัณห์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับคดีนี้ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจมาก เนื่องจากเป็นคดีที่ถือว่าคุกคามสื่อขั้นสูงสุด ซึ่งในการติดตามคดีเพื่อนำคนร้ายมารับโทษนั้นก็จะทำงานร่วมกันระหว่างชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เจ้าหน้าที่ก็ดำเนินอย่างเต็มที่ตามพยานหลักฐานต่างๆ และคงไม่ต้องใช้เจ้าหน้ากองปราบปรามหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ



วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

ทรภ.3 มอบของขวัญวันเด็กใน จ.สตูล



พล.ร.ต.พรชัย ปิ่นทอง เสธ.ทรภ.3 ผู้แทน ผบ.ทรภ.3 พร้อมคณะ เป็นประธานมอบของขวัญ พร้อมทั้งให้เด็กได้ขึ้นชม เฮลิคอปเตอร์ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง โดยมีเด็กเข้ารับของขวัญจำนวนมาก ณ เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
 

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

ตำรวจตั้ง 4 ประเด็นหลักสังหาร “เอ๋ อินไซด์”



ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี 2 มือปืน ก่อเหตุยิงนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ อายุ 44 ปี หรือเอ๋ อินไซด์ เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “อินไซด์ภูเก็ต และแกนนำนปช.ภูเก็ต เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (12 ม.ค.55) และต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นางสาวจิราภรณ์ โฮ่สกุล ภรรยาและบิดาของนายวิสุทธิ์ ตลอดจนครอบครัวได้ติดต่อขอรับศพจากโรงพยาบาล และนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 2 วัดขจรรังสรรค์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประสานงานพรรคเพื่อไทย ฝั่งอันดามัน จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนนายวิสิษฏ์ ใจอาจ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย เขต 1 จังหวัดภูเก็ต ญาติพี่น้อง ตลอดจนเพื่อนๆ สื่อมวลชน ในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา ร่วมในพิธีรดน้ำศพและบรรจุศพในโลง
นอกจากนี้เวลาประมาณ 15.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ฝ่ายป้องกันปราบปราม ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนและนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมประจักษ์พยานและหลักฐานเกี่ยวกับคดี รวมทั้งได้เชิญนางสาวจิราภรณ์ โฮ่สกุล ภรรยา นายพีระพงค์ ผลประมูล ประธานชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต และนายวัชระ มะลิแก้ว เลขาชมรมฯ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท มาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย
หลังจากการประชุมเสร็จ พล.ต.ต.พิสัณห์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้มาดูคดีนี้ ซึ่งการประชุมร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องนั้นก็เพื่อทราบมูลเหตุเบื้องต้น เพื่อแบ่งแยกมูลเหตุ และให้คณะทำงาน ซึ่งได้มีการแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายติดตามหาขอมูลเกี่ยวกับตัวมือปืน ฝ่ายตรวจสอบหาสาเหตุของการก่อคดี เพื่อหาสาเหตุ ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้งในช่วงประมาณเที่ยงวันพรุ่งนี้ (13 ม.ค.55) เพื่อมาสรุปให้น้ำหนักสาเหตุการฆาตกรรมว่ามาจากเรื่องใด
“ทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำการทำคดีนี้ให้ดีที่สุด เพราะถือว่าเป็นการคุกคามสื่อที่สูงสุดถึงกับเอาชีวิต จากการสอบถามภรรยาและเพื่อนของผู้ตาย ทราบว่าผู้ตายพยายามนำเสนอข่าวสารในการปกป้องทรัพยากรของชาติ แต่กลับถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพล และผลประโยชน์มาคุกคามถึงชีวิต ซึ่งจะมีการสรุปสาเหตุที่ชัดเจนอีกครั้ง ขณะนี้ก็ได้พยานหลักฐานพอสมควร ทั้งจากบริเวณที่เกิดเหตุ ประกอบกับภรรยาผู้ตายอยู่ในรถ พยานที่เห็นเหตุการณ์ ภาพจากกล้องวงจรปิดบางส่วน”
พล.ต.ต.พิสัณห์ กล่าวด้วยว่า นอกจากจากสืบพยานจากที่เกิดเหตุและส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าหาข้อมูลเกี่ยวกับคนร้าย จากศูนย์มือปืนรับจ้างของภาค ว่าเป็นมือปืนซุ้มใด เพราะจากลักษณะการยิงทำให้เชื่อได้ว่าเป็นมืออาชีพ โดยขณะนี้ประเด็นหลักของเหตุฆาตกรรมน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข่าวการออกเอกสารสิทธิที่ดินทั้งบริเวณหาดฟรีดอม ต.ป่าตอง, นาคาเล ต.กมลา และอื่นๆ ซึ่งไปกระทบกับผลประโยชน์มหาศาลของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนประเด็นการพนันและชู้สาวได้ตัดออกไปแล้ว เนื่องจากมีน้ำหนักน้อยมาก