จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

เด็กชายวัย 7 เล่นข้างขุมน้ำ ลื่นตกลงไปเป็นศพ

เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันที่ 30 มกราคม 53 พ.ต.ท.พิทักษ์พล สมพงศ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเด็กตกลงไปในขุมน้ำ เหตุเกิดภายในซอยนิมิต 1 หมู่ 5 ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต ขณะนี้ชาวบ้านช่วยกันค้นหายังไม่พบ หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย และชุดประดาน้ำมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สายตรวจตำบลวิชิต ที่เกิดเหตุเป็นขุมน้ำขนาดใหญ่ นอกจากนี้บริเวณด้านข้างยังมีการขุดเป็นร่องน้ำ ที่ให้น้ำจากเขาไหลลงไปยังขุมน้ำดังกล่าว อยู่สุดซอยนิมิต พบชาวบ้านเป็นจำนวนมากกำลังวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่รอบขุมน้ำ จากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิพร้อมด้วยนักประดาน้ำและชาวบ้านได้ลงค้นหา โดยใช้เวลากว่า 30 นาที เจ้าหน้าที่ก็ได้พบร่างเด็กที่จมอยู่ในขุมน้ำ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำร่างขึ้นมาจากขุมน้ำ ทราบชื่อด.ช.ถิฐิพงษ์ หรือ น้องทาโร่ จันทร์มณี อายุ 7 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/87 ซ.นิมิตร ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาวลายตัวการ์ตูนนอนแน่นิ่งอยู่ก้นหนองน้ำในความลึกราว 3 เมตร นักประดาน้ำจึงนำศพขึ้นมา โดยมีนายสุดใส จันทร์มณี อายุ 32 ปีและนางปานุจิรา พงนาราษ อายุ 23 ปีพ่อและแม่ร่ำไห้แทบขาดใจเมื่อเห็นร่างลูกชายวัยกำลังน่ารักไร้วิญญาณ จากนั้นได้นำศพส่งชันสูตรที่ รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง
ทั้งนี้จากการสอบถามด.ช.ดำ (นามสมมุติ) อายุ 8 ปี ซึ่งเพื่อนของด.ช.ถิฐิพงษ์ เล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุได้มาเล่นน้ำที่บริเวณลำธารข้างขุมน้ำกับ ด.ช.ถิฐิพงษ์เพียง 2 คน จากนั้นตนเองได้ขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนด.ช.ถิฐิพงษ์ไม่ยอมกลับยังคงเล่นน้ำอยู่ที่ลำธาร จนเวลาล่วงเลยมากว่าครึ่งชั่วโมง ตนเองยังไม่เห็นด.ช.ถิฐิพงษ์กลับบ้าน จึงได้ย้อนกลับมาดู ปรากฏว่าเห็น ด.ช.ถิฐิพงษ์ยืนอยู่บริเวณเนินดินริมขุมน้ำและลื่นตกลงไปยังขุมน้ำ จึงวิ่งมาบอกชาวบ้านใกล้เคียงเพื่อไปช่วยเหลือ แต่เมื่อไปถึงขุมน้ำไม่พบ ด.ช.ถิฐิพงษ์แล้ว มีแต่รองเท้าแตะวางอยู่ริมขุมน้ำ จนกระทั่งนักประดาน้ำงมร่าง ด.ช.ถิฐิพงษ์ขึ้นมาจากก้นขุมน้ำได้ในที่สุด

ตร.น้ำภูเก็ตช่วยเหลือลูกเรือไทย-เทศ 6 คน

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 มกราคม 2553 พ.ต.ท.วัลลพ พวงพกา สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต ได้สั่งการณ์ให้นำเรือตรวจการณ์ 524 ซึ่งมี ร.ต.อ.อนุพันธ์ สมบูรณ์ รองสารวัตรตำรวจน้ำ เป็นผู้การเรือ ออกไปทำการช่วยเหลือคนไทยและชาวต่างชาติ หลังจากได้รับการติดต่อจากบุคคลในเรือ ว่าได้เช่าเรือออกไปตกปลา ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2553 จากบริเวณหาดกมลา อ.กะทู้ ภูเก็ต และได้เกิดเครื่องยนต์ขัดข้องเสียอยู่กลางทะเลบริเวณหน้าอ่าวกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ ห่างจากฝั่งไปประมาณ 18 ไมล์ทะเล โดยบรรยากาศขณะนั้นมีคลื่นลมค่อนข้างแรงด้วย
จนกระทั่งเวลา 11.45 น.ของวันเดียวกัน เรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำภูเก็ต 524 ได้ลากเรือบลูชาร์ค ซึ่งเป็นเรือไฟเบอร์ยาว 12 เมตรขนาดชั้นเดียว โดยมีกระโดงเดียวคล้ายเรือใบ แต่เป็นเรือให้เช่าตกปลาได้ถูกลากมาลอยลำที่หน้าอ่าวกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จากนั้นนายโปโล ไม่ทราบนามสกุล อายุ 56 ปีชาวฝรั่งเศส และนางอารุณี ศรีศิล อายุ 29 ปีสองสามีภรรยาได้นั่งเรือยางขึ้นฝั่ง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 4 คนรอซ่อมเครื่องยนต์ที่ขัดข้องให้ใช้งานได้ และจะออกเรือไปตกปลาอีกครั้ง
นางอารุณีเปิดเผยว่าเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 29 มกราคม 2553 ที่ผ่านมาตนเองพร้อมด้วยสามีและเพื่อนๆ ชาวต่างชาติอีก 4 คนได้เช่าเรือลำดังกล่าวออกไปตกปลากันที่หน้าอ่าวกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จนกระทั่งเวลา 01.00 น.วันที่ 30 มกราคม 2553 พวกเรากำลังจะกลับเข้าฝั่ง แต่เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่พักใหญ่ เครื่องยนต์กลับไม่ติด จึงได้โทรแจ้งตำรวจน้ำภูเก็ต เพื่อขอความช่วยเหลือ จนเรือตรวจการณ์ลำดังกล่าวพบพวกเรากำลังลอยลำอยู่กลางทะเล ห่างจากหาดกมลาราว 18 ไมล์ทะเล เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ของวันเดียวกัน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำก็ได้ลากรเอกลับเข้าฝั่งที่หาดกมลาเป็นที่เรียบร้อย ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ตด้วยที่ช่วยเหลือและลากเรือกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย

หนังสือพิมพ์ ภูเก็ตโพสต์ ฉบัที่ 118

เตรียมพบกับหนังสือพิมพ์ "ภูเก็ตโพสต์"
ฉบับที่ 118 ประจำวันที่ 1 - 15 กุมภาพันธ์ 2553

ได้ทุกแผงหนังสือทั่วไป

เยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซี


ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซีดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมครอบครัว เข้าเยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซี และเข้าชมภัตตาคารซีฟู๊ดหรูหราใหม่ล่าสุด“สุริยมาส” และร่วมท่องป่าชมสัตว์ในรูปแบบของ เธียตริคอล ซาฟารี “ไทเกอร์ จังเกิ้ล แอดเวนเจอร์” ก่อนเข้าชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยประยุกต์ที่ผสานเทคโนโลยีระดับโลก อันน่าตะลึงกับเทคนิคอิลลูชั่นมิติมายากลลวงตายิ่งใหญ่ “ มหัศจรรย์กมลา ” ณ โรงละคร วังไอยรา ภูเก็ตแฟนตาซี หาดกมลา เมื่อเร็วๆ นี้

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

รพ.กรุงเทพ อบรม CPR ในโรงเรียน

เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ที่โรงเรียนภูเก็ตไทยหัว โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นำโดยพ.ต.อ.นพ.โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ รพ.กรุงเทพภูเก็ต และเลขาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจ แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นำพยาบาล เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ผ่านการฝึกอบรมมาตรฐานการช่วยชีวิต เข้าร่วมฝึกอบรม ดูแลและควบคุมการสอบทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ตามโครงการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนในจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้พ.ต.อ.นพ.โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ รพ.กรุงเทพภูเก็ต และเลขาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจ แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมฯ ดังกล่าวจัดให้มีขึ้นทุกๆ โรงเรียนให้แก่นักเรียนชั้นมัธยามศึกษาตอนปลาย ในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 10 โรงเรียน ซึ่งได้รับการประสานงานเพื่อให้จัดกิจกรรมดังกล่าว จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2553 ช่วง ในช่วง เวลา 13.00 น. – 16.30 น. โดยใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ต่อ หนึ่งรอบ ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่ภายในดรงพยาบาลแล้ว ยังมีการสับเปลี่ยนอาสามัคร เพื่อเป็นผู้ช่วยสอนที่ได้รับการอบรมจาก คณะกรรมการมาตฐานการช่วยชีวิต อีก 20 คนจากบริษัท Radi ประเทศไทย จำกัด บริษัท อนุภาษ จำกัด โรงแรม Banyan Tree Phuket โรงแรม Holiday Inn Phuket และโรงแรม Le Meridian Phuket Beach Resort
สำหรับที่โรงเรียนภูเก็ตไทยหัว จะมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และครู ได้จัดการฝึกอบรมตามขั้นตอนการเรียนการสอนที่ชัดเจน มีมาตรฐาน ได้แก่ การจัดบรรยายภาคทฤษฎี หนังสือคู่มือการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน วิดีทัศน์การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน สาธิตวิธีการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ฝึกปฏิบัติการการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน การสอบปฏิบัติ สามารถแสดงขั้นตอนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้ถูกต้องซึ่งปฏิบัติได้ถูกต้องมากกว่า 80% การสอบข้อเขียนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้ถูกต้องมากกว่า 80% และผู้ที่เข้าอบรมทุกคนจะได้รับมอบประกาศนียบัตรจาก สมาคมแพทย์โรคหัวใจฯ
ทั้งนี้ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต มีความพร้อมทั้งศักยภาพของบุคคลและเครื่องมือ สำหรับโครงการนี้ ให้แก่หน่วยงานหรือองค์กรทางภาครัฐและเอกชนที่มีความประสงค์จะพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ในการช่วยเหลือชีวิตขั้นพื้นฐาน และได้รับประกาศนียบัตร เพื่อรับรองมาตรฐานความรู้ความสามารถ จากสมาคมแพทย์โรคหัวใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โทร. 1719

ยุทธศาสตร์และแผนแม่บท กฟภ. ปี 2553-2563

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 (ภาคใต้) จัด “การประชุมเพื่อสื่อสารยุทธศาสตร์และแผนแม่บทการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ กฟภ. ปี 2553-2563” เชิญ เสรี ปรัชญกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายบริหารทรัพยากรทรัพยากรมนุษย์ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน และ รศ.ดร.จิรประภา อัครบวร คณะที่ปรึกษาจากสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวรายงาน เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานได้รับรู้และเข้าใจยุทธศาสตร์และแผนแม่บทการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของกฟภ. ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าวจะส่งผลต่อการดำเนินงานของ กฟภ. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน

พบซากเต่ากระ ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นที่สะพานหิน

เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 29 มกราคม 53 ศูนย์วิทยุสภ.เมือง ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีซากเต่าเสียชีวิตถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นที่บริเวณหาดปลายแหลม ภายในสวนสาธารณะสะพานหิน อ.เมือง ภูเก็ต หลังรับแจ้งก็ได้ประสานไปยังสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต และมูลนิธิกุศลธรรม เพื่อไปตรวจสอบยังบริเวณที่ได้รับแจ้ง
สำหรับบริเวณที่ได้รับแจ้งเป็นชายหาดที่อยู่ใกล้เมืองภูเก็ต และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวภูเก็ต เมื่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิเดินทางถึง พบซากเต่ากระขนาดใหญ่ ยาว 1 เมตร กว้าง 66 ซม.เพศเมีย น้ำหนักประมาณ 32 กก.อายุราว 30 ปีสภาพเริ่มเน่าถูกคลื่นซัดเกยชายหาด จากการตรวจสอบพบบาดแผลเน่าเปื่อยที่ขาขวาหลัง โดยใต้ท้องมีฝากระดองหายไป 2 แผ่น ส่วนที่ปากมีบาดแผลเน่าเช่นเดียวกัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำซากเต่ากลับไปยังสถาบันฯ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัด
ด้านนางกาญจนา อดุลยานุโกศล หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ได้กล่าวว่า ในเบื้องต้นคาดว่า เต่ากระตัวนี้อาจถูกเครื่องมือประมง เช่น อวนหรือติดเบ็ดราวที่ชาวประมงวางดักปลาไว้บาดที่ขาขวาหลังจนเป็นแผลเน่าเปื่อยและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จมน้ำตายในที่สุด จนกระทั่งถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยหาดดังกล่าว

รวบแล้วมือแทงหนุ่มเมืองเบียร์

เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 29 มกราคม 53 ที่ห้องประชุมสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง ได้ร่วมกันแถลงข่าว การจับกุมนายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/3 ม. 7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงยีนต์ขายาว เปื้อนเลือด 1 ตัว มีดปลายแหลม 1 อัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยาม่าฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู หมายเลขทะเบียน กฉฉ – 352 ภูเก็ต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิต โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง ได้กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งทราบว่า ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้ คือนายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ อายุ 32 ปี ทำงานบริการถ่ายรูปกับนกเหยี่ยว อยู่ที่จุดชมวิวกะตะวิวพ้อยส์ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญตัวมาทำการสอบสวน
และจากการสอบสวนนายพิทยาก็ได้ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปรับหลาน ที่หน้ามหาลัยราชภัฎภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต จากนั้นก็ได้ขับรถจักรยานยนต์กลับมาเพื่อที่จะมาส่งหลาน เมื่อขับมาหน้าสภ.ฉลอง ก็ได้แซงหน้ารถยนต์กระบะขึ้นมา ทำให้นายวูฟ ดีเทอร์ ออยเก้น เคสเซลเฮม สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี (ผู้ตาย) ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะไม่พอใจ กดแตรไล่เหมือนไม่พอใจ ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งขับมาแซงที่วงเวียนห้าแยกฉลอง ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร คนรับรถกระบะก็ได้ขับรถตามมากดแตรไล่อีก นอกจากนี้ยังได้กระโกนไล่ตามหลัง จึงทำให้ตนไม่พอใจอย่างมาก แต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งตนได้ขับไล่มาทันที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ห่างจากวงเวียนฉลองประมาณ 50 เมตร ตนจึงได้จอดรถขวางถนนและลงไปพูดคุยกับผู้ตาย แต่พูดจาไม่รู้เรื่องเนื่องจากผู้ตายมีอาการมึนเมาอย่างมาก และผู้ตายได้ลงจากรถยนต์กระบะมาชกต่อยที่ปากของตน 1 ครั้ง จากนั้นก็ได้ชกต่อยกันแต่ตนสู้ไม่ได้ถูกผู้ตายจับล๊อคคอ ตนจึงได้ใช้มือดึงมีดออกจากกระเป๋า และจ้วงแทงเข้าที่ลำตัวของผู้ตาย 2 ครั้ง จากนั้นผู้ตายได้ทรุดกองกับพื้น ตนก็ได้เตะเข้าที่ปากของผู้ตายอีก 1 ครั้ง ส่วนหลาน ที่มีอายุ 16 – 17 ปีที่นั่งซ้อนท้ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นตนได้หลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านพัก ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว
นายพิทยา ยังกล่าวอีกว่า ตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเกรงจะกระทบกับการท่องเที่ยวเนื่องจากตนก็ทำงานอยู่กับนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้นั้นเกิดจากสาเหตุที่ตนไม่พอใจผู้ตายที่กดแตรไล่และด่าแม่ตน จึงคว้ามีดแทงจนเสียชีวิตดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายพิทยาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจำนวน 3 จุด โดยจุดที่ 1 ที่หน้าสภ.ฉลอง ซี่งนายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ ขับรถรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ไม่ติดแผ่นป้านทะเบียน ขับรถแซงรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ของนายวูฟ ดีเทอร์ ออยเก้น เคสเซลเฮม และถูกกดแตรไล่

จุดที่ 2 ที่บริเวณวงเวียนห้าแยกฉลอง ที่นายวูฟ ดีเทอร์ ออยเก้น เคสเซลเฮม สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี (ผู้ตาย) ขับรถยนต์ประกบและบีบแตรไล่รวมทั้งด่าแม่นายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ (ผู้ต้องหา) จนเกิดการเข่มนกัน จุดที่ 3 ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ถนนวิเศษ ต.ราไวย์ นายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ จอดรถขวางถนนวิเศษ เพื่อเรียกนาย นายวูฟ ดีเทอร์ ออยเก้น เคสเซลเฮม ลงมาเครียส์ แต่ถูกผู้ตายชกเข้าที่บริเวณปาก 1 ครั้ง จากนั้นได้มีการชกต่อยกอดรัดฟัดเวี่ยง แต่สู่ผู้ตายไม่ได้ จึงชักอาวุธมีดที่เตรียมมาแทง ก่อนขับรถหลบหนีไป

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการทําแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นได้มีลูกเลี้ยงของผู้ตายและญาติๆ ที่ได้เดินทางมาดูในบริเวณที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ได้เดินปรี่เข้ามาชกใบหน้าของนายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ 1 ครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบนำตัวผู้ต้องหากลับสภ.ฉลอง ทันที

การแสดงธรรม

โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ต้อนรับ พระวรศักดิ์ วรธัมโม เจ้าอาวาสวัดพุทธธรรม เมืองฮินส์เดล รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เพื่อเทศนาธรรมในหัวข้อ โลก 3 โรค ณ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
พระอาจารย์วรศักดิ์ได้ แสดงธรรมเกี่ยวกับการบริหารกาย จิต และสังคม ซึ่งอธิบายในศิษย์ทราบถึงความสำคัญ และตระหนักรู้ในวิธีการควบคุมร่างกาย จิตใจ และสังคม สิ่งแวดล้อมของฆราวาสด้วยตนเอง ร่างกาย จิตใจ และสังคมของมนุษย์มีความสัมพันธ์กัน เป็นเหตุให้เกิดการกระทำ เช่น การทำงาน การวางตัวในที่ทำงาน ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกน้อง ก็ควรจะทำงานตามคำสั่งของเจ้านาย ซึ่งต้องคำนึงถึงทางสายกลาง ไม่ควรทำตาม เดินตามเจ้านายทุกอย่างจนลืมความเป็นตัวของตัวเอง เมื่อคิดว่าสิ่งที่เจ้านายสั่งนั้นเกินขีดความสามารถ ผิดกติกา กฎระเบียบ ผิดศีลธรรมหรือสร้างความเดือดร้อนต่างๆ นั้นก็ควรคิด ระลึกถึงและพิจารณาให้ถี่ถ้วน
ในขณะเดียวกันไม่ควรโต้เถียงเจ้านาย แสดงความก้าวร้าว แสดงความไม่พอใจจนออกนอกหน้า ควรรับฟัง ไตร่ตรองคำตำหนิ คำแนะนำ คำสั่ง เพื่อพิจารณาว่าหากมีข้อบกพร่องจริง เป็นความผิดพลาดจริงหรือไม่ หากจริงก็ควรนำมาแก้ไขข้อบกพร่องนั้น รู้จักควบคุมอารมณ์ไม่ให้เป็นโรค เนื่องจาก ความโกรธก็คือโรคอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ พระอาจารย์ยังได้อธิบายถึงหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลเพื่อให้ประโยชน์และความรู้กับบุคลากรจากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตที่เข้าร่วม คือ แพทย์ คือผู้ที่ดูแลความเจ็บป่วยด้านร่างกาย มีแพทย์เฉพาะทางไป เพราะเรียนมา รู้มา จึงรักษาให้หายได้ แต่พยาบาลคือผู้ที่ต้องดูแลรักษาจิตใจผู้ป่วย

การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน


พ.ต.อ.นพ. โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ รพ.กรุงเทพภูเก็ต และเลขาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจ แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ศูนย์หัวใจ เริ่มโครงการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับนักเรียนโรงเรียนภูเก็ตไทยหัว ในวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนเป็นอย่างดี ทั้งนี้เป็นโครงการที่สามารถผลักดันให้เด็กๆ เอาใจใส่ดูแลคนในครอบครัวได้อีกทางหนึ่งด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

3 ลูกเรือประมงภูเก็ตขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย


ความคืบกรณีเรือประมงหาปลาพร้อมลูกเรือ 3 คน ประกอบด้วย นายสรรชัย ปิ่นเมฆ อายุ 35 ปี นายประวิน สั่งสอน อายุ 26 ปีลูกเรือ และนายชูศักดิ์ แซ่อึ้ง อายุ 36 ปีไต๋เรือ ได้เดินทางออกจากท่าเทียบเรือบริเวณปากอ่าวภูเก็ต ข้างโรงเตาเผาขยะภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา และได้หายไปจนกระทั่งวันนี้ (28 มค.) ซึ่งเป็นที่ 7 ซึ่งปกติหลังจากออกไปได้ 2-3 วันก็จะกลับเข้าฝั่งแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีการติดต่อกลับมายังครอบครัว จึงได้มีการไปแจ้งขอความช่วยเหลือจากทางทัพเรือภาคที่ 3 โดยทาง พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ได้สั่งการให้นำเฮลิคอปเตอร์ พร้อมเรือตรวจการณ์ 218 ออกไปค้นหา จนกระทั่งพบว่าเรือประมงดังกล่าวจอดลอยลำห่างจากเกาะราชาไปประมาณ 17 ไมล์ทะเล เนื่องจากแบตเตอรี่เรือหมดทำให้เครื่องยนต์เรือไม่ทำงาน จึงเข้าทำการช่วยเหลือลูกเรือและลากเรือกลับขึ้นฝั่งที่บริเวณท่าเทียบเรือสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน เมื่อเวลาประมาณ 21.20 น.ที่ผ่านมา
โดยมีพล.ร.ต.สุพจน์ สุดประเสริฐ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมด้วยภรรยาและญาติพี่น้องของลูกเรือทั้ง 3 ที่มารอรับด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นจำนวนนับร้อยคน มีการนำธงชาติไทยโกไปมา พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ชูเหนือศีรษะ เมื่อเรือตรวจการณ์ 218 เข้าเทียบท่า ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ในชุมชนหมู่บ้านสะพานหินซึ่งเป็นชุมชนที่ลูกเรือทั้ง 3 คนอาศัยอยู่ ได้จุดประทัดแสดงการต้อนรับ เมื่อลูกเรือทั้ง 3 ก้าวขึ้นบนฝั่งบรรดาญาติพี่น้องของลูกเรือแต่ละคนต่างวิ่งเข้าไปสวมกอด นอกจากนี้ยังได้มีการมอบช่อดอกไม้และดอกกุหลาบให้ด้วยท่ามกลางบรรยากาศที่ชื่นมื่น รวมทั้งกล่าวขอบคุณทางเจ้าหน้าของทัพเรือภาค 3 ที่ทำการช่วยเหลือจนรอดกลับมาจากนั้นก็ได้มีการนำลูกเรือทั้ง 3 ไปทำการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เนื่องจากทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรย

ตำรวจเร่งสอบพยานเตรียมออกหมายจับ 3 วัยรุ่นที่ฉลอง


จากกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นจำนวน 3 คน ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุรุมทำร้ายนาย WOLF KESSEL SEIM สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี เข้าที่บริเวณราวนม 1 แผล ที่บริเวณซี่โครงด้านซ้าย 1 แผล ที่หน้าเซเว่นอีเลิฟเว่น ใกล้วงเวียนห้าแยกฉลอง ถนนวิเศษ ม. 5 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยเสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลสิริโรจน์ เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุมาจากผู้ตายบีบแตรไล่กลุ่มวัยรุ่นและทำสัญญาณมือ จนเกิดความโมโหและก่อเหตุสยองดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้าติดตามตัวคนร้ายดังกล่าว ในวันนี้ (28 มค.) พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสาวเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยว เกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด ได้รับรายงานว่าทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้เรียกพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำแล้วหลายปาก รวมทั้งได้ให้เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 44 ภูเก็ต มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและที่รถยนต์กระบะของผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามสำหรับข้อมูลจากกล้องซีซีทีวี คงไม่สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากกล้องในบริเวณห้าแยกฉลองเสียหมดทุกตัว ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ได้แจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับมทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว แต่อย่างไรก็คาดว่าน่าจะออกหมายจับและจับกุมตัวคนร้ายได้ในเร็วๆนี้ พ.ต.อ.ชินรัตน์ กล่าว
ทางด้าน พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้เรียกชุดสืบสวนมาประชุม เพื่อระดมกำลังค้นหาตัวคนร้าย และขณะนี้ได้ขอข้อมูลทะเบียนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู ว่าในเขตพื้นที่ตำบลฉลองราไวย์ มีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบรถต้องสงสัย ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 20 คัน ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุของวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว เชื่อว่ามีเพียงประเด็นเดียว คือ กลุ่มคนร้ายไม่พอใจผู้ตายที่บีบแตรไล่และทำมือชูนิ้วกลาง ลักษณะคล้ายด่าแม่ เชื่อว่าคนร้ายยังอยู่ในพื้นที่และน่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้

เรือประมงออกหาปลา หายไปร่วม 7 วัน



เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 28 มกราคม 53 เจ้าหน้าที่ทัพเรือภาค 3 ได้รับแจ้งจากนางสุภาภรณ์ สาธร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/62 หมู่บ้านสะพานหิน ซ.6 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ขอความช่วยเหลือให้ช่วยส่งเจ้าหน้าที่ออกค้นหา สามี คือนายสรรชัย ปิ่นเมฆ อายุ 35 ปี ซึ่งนำเรือหางยาวออกไปทำการประมงหาปลาบริเวณเกาะแก้วพิสดารและเกาะราชาใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา หายไปพร้อมด้วยเพื่อนอีก 2 คน คือ นายประวิน สั่งสอน อายุ 26 ปีและนายชูศักดิ์ แซ่อึ้ง อายุ 36 ปีไต๋เรือหลัง หลังรับแจ้ง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นทางพล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ได้สั่งการให้นำเรือตรวจการณ์ 218 ออกไปค้นหาเรือประมงหางยาวพร้อมลูกเรือ 3 คน ซึ่งสูญหายดังกล่าว
พร้อมกันนี้ทางนางสุภาภรณ์ สาธร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/62 หมู่บ้านสะพานหิน ซ.6 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ภรรยานายสรรชัย ปิ่นเมฆ อายุ 35 ปี พร้อมด้วยนางเกษร รอบคอบ อายุ 50 ปี ภรรยานายประวิน สั่งสอน อายุ 26 ปี และญาติๆ ของผู้สูญหาย ก็ได้เดินไปยังศาลของต่อพระรูปกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์หรือเสด็จเตี๋ยที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน ถ.ภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต เพื่อขอให้คุ้มครองลูกเรือทั้ง 3 ให้รอดปลอดภัยจากภัยอันตราย
ทั้งนี้นางสุภากรณ์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา นายสรรชัยสามีพร้อมด้วยนายประวิน สั่งสอน และนายชูศักดิ์ แซ่อึ้ง ไต๋เรือได้นำเรือหางยาวขนาดเล็ก ออกจากท่าเรือประมงพื้นบ้านข้างโรงเตาเผาขยะ คลองเกาะผี อ.เมืองภูเก็ต เพื่อออกหาปลาตามปกติ แต่ผ่านมาไปประมาณ 5 – 6 วัน ทั้งหมดก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับเข้าฝั่ง กลัวเกิดเหตุร้ายกับสามีและเพื่อน จึงขอความช่วยเหลือจากทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อออกค้นหา
“ปกติสามีและเพื่อนๆ จะนำเรือประมงออกหาปลาแถวเกาะแก้วพิสดารและเกาะราชาใหญ่ ครั้งละ 2 – 3 วันก็จะกลับเข้าฝั่ง แต่ครั้งนี้ออกเรือไปตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมจนถึงวันนี้เวลาล่วงเลยไปแล้ว 6 วัน 7 คืน เกรงว่าเรือของสามีและเพื่อนๆ อาจถูกคลื่นลมที่ช่วงนี้ค่อนข้างแรงพัดออกไปยังน่านน้ำสากล ทำให้น้ำมันหมดและไม่สามารถนำเรือกลับเข้าฝั่งได้ แต่ยังเชื่อว่าสามีและเพื่อนมีชีวิตอยู่ แต่ยังติดต่อกันไม่ได้อาจจะติดอยู่ที่เกาะใดเกาะหนึ่ง” นางสุภาภรณ์กล่าว

ทต.วิชิต เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารและสุขภาพ


นายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต อ.เมืองภูเก็ต ได้กล่าวถึง การเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารและสุขภาพ ว่า จากสภาพสังคมปัจจุบันเห็นได้ว่า การบริโภคอาหารสำเร็จรูปของประชาชน มีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารและสุขภาพ ให้กับประชาชนในพื้นที่ ทางเทศบาลตำบลวิชิต จึงได้ร่วมกับสถานีอนามัยบ้านแหลมชั่น สถานีอนามัยตำบลวิชิต จึงได้จัด “โครงการความปลอดภัยด้านอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพขึ้น” ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นการให้ความรู้ด้านสุขภาพ อันตรายจากสารปนเปื้อนต่างๆ ในอาหารและผลิตภัณฑ์ที่มีวางจำหน่ายอยู่ ได้แก่ การตรวจสารบอแรกซ์ สารกันรา สารฟอกขาว ฟอร์มาลิน สารตกค้าง ยาฆ่าแมลงและการตรวจน้ำมันทอดซ้ำ
โดยการจัดโครงการในครั้งนี้ ทางเทศบาลได้รับความสนใจจากอสม.ตำบลวิชิตและเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลวิชิต จำนวน 30 คน ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบถึงขั้นตอนในการใช้ชุดตรวจสารปนเปื้อนในอาหาร จากนั้นจะส่งเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม พร้อม อสม.ตำบลวิชิต ลงพื้นที่ตรวจสอบสารปนเปื้อนในอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ บริเวณตลาดนัดทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ตลาดนัดคลองมุดง ตลาดนัดอ่าวมะขาม ตลาดนัดนาคาและตลาดนัดถนนขวาง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคอาหารจากตลาดทั้งแห่ง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 076-525100 ต่อ 160

ตารางการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่

คลองมุดง ศุกร์ที่ 5 ก.พ. ศุกร์ที่ 5 มี.ค. ศุกร์ที่ 2 เม.ย. ศุกร์ที่ 7 เม.ย. ศุกร์ที่ 4 พ.ค. ศุกร์ที่ 2 ส.ค.
อ่าวมะขาม ศุกร์ที่ 12 ก.พ. ศุกร์ที12 มี.ค. ศุกร์ที่ 9 เม.ย. ศุกร์ที่ 14 เม.ย. ศุกร์ที่ 11 พ.ค. ศุกร์ที่ 9 ส.ค.
ตลาดนาคา ศุกร์ที่ 19 ก.พ. ศุกร์ที่ 19 มี.ค. ศุกร์ที่ 16 เม.ย. ศุกร์ที่ 21 เม.ย. ศุกร์ที่ 18 พ.ค. ศุกร์ที่ 16 ส.ค.
ถนนขวาง พุธที่ 24 ก.พ. พุธที่ 24 มี.ค. พุธที่ 21 เม.ย. พุธที่ 26 เม.ย. พุธที่ 23 พ.ค. พุธที่ 21 ส.ค.

เทศบาลนครภูเก็ตจัดงาน ย้อนอดีตเมืองภูเก็ต



น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ สมาคมเพอรานากันและชุมชน OLD PHUKET TOWN (ย่านเมืองภูเก็ต) กำหนดจัดงานเทศกาลตรุษจีน ภายใต้ชื่อ “ตรุษจีน – ย้อนอดีตเมืองภูเก็ต ครั้งที่ 11” ในระหว่างวันที่ 19 – 21 กุมภาพันธ์ 2553 ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี ถนนถลาง ซอยรมณีย์ ถนนกระบี่ และถนนภูเก็ตการ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้โครงการพัฒนาและอนุรักษ์ในเขตสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ต และเป็นงานที่เทศบาลฯ ดำเนินการร่วมกับประชาชนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปัจจุบัน รวมเวลา 11 ปี เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นคุณค่าของสถาปัตยกรรม ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในเขตเมือง อันจะนำมาซึ่งการฟื้นฟูของเศรษฐกิจ
สำหรับกิจกรรมหลักๆ ภายในงาน ประกอบด้วย การสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาฯ นิทรรศการทางวิชาการ ณ บ้านเลขที่ 63 ถนนถลาง การเสวนาภาษาภูเก็ตกับปราชญ์ท้องถิ่น หมู่บ้านชิโน ตลาดบาบ๋า เพอรานากัน การแสดงแสง สี เสียง “บาบ๋าเมืองภูเก็ต (Phuket Baba Light Show)” การแสดงและการละเล่นต่างๆ ตามแนวถนน การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง อาหารและขนมโบราณ การล่องเรือกอจ๊าน การจัดทำแสตมป์ถ่ายรูปย้อนยุค โดยบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และการนั่งรถสามล้อภูเก็ตชมเมืองเก่า ซึ่งจะจัดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15-21 ภุมภาพันธุ์นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป โดยจุดให้บริการอยู่ที่บ้านเลขที่ 63 ถนนถลาง
โดยในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งเป็นวันที่สองของการจัดงาน จะมีขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ตระการตาตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งจะมีขบวนแห่ ประกอบด้วย ขบวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และขบวนทางวัฒนธรรม โดยเคลื่อนจากเวทีกลางสะพานหิน ตรงเข้าถนนภูเก็ต ผ่านวงเวียนสุรินทร์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัษฎา เลี้ยวขวาวงเวียนสุริยเดช เข้าถนนเยาวราช เลี้ยวขวาเข้าถนนถลาง ตรงไปจนถึงสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี และวันสุดท้ายของงานซึ่งตรงกับวันไหว้เทวดา ก็จัดให้มีพิธีไหว้เทวดาขึ้นในเวลา 23.00-24.00 น. บริเวณด้านหน้ารูปปั้นพญามังกร (ฮ่ายเหล็งอ๋อง) เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองของเมืองภูเก็ต น.ส.สมใจกล่าว

หยอดวัคซีนโปลิโอ

โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) ได้จัดกิจกรรมการรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอแก่เด็ก ๆ กลุ่มเป้าหมาย ตามแนวทางการรณรงค์ ให้วัคซีนโปลิโอจังหวัดภูเก็ต 2552 โดยมีพยาบาลให้บริการหยอดวัคซีนพร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่น้อง ๆ และผู้ปกครอง ที่ด้านหน้าคลินิกเด็ก โรงพยาบาลสิริโรจน์

โครงการ “สายใยรัก” จากสิริโรจน์

โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) มุ่งเน้นการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้ป่วยโดยการออกเยี่ยมผู้ป่วยหลังคลอด ซึ่งมีพยาบาลจากโรงพยาบาลให้คำแนะนำ และชี้แนะถึงการดูแลตัวเองหลังคลอด และการเลี้ยงดูลูกน้อย พร้อมทั้งรณรงค์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตามโครงการ “สายใยรัก” เพื่อเป็นการเติมความสัมพันธ์ และสร้างสายใยรักภายในครอบครัว

โจ๋ภูเก็ตโหดฝรั่งกดแตรใส่ เอามีดไล่แทง

เมื่อเวลา19.30 น.ของวันที่ 27 มกราคม 53 พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกต สารวัตรเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุนักท่องเที่ยวถูกแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ถนนวิเศษ ม.5 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย
ที่เกิดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง ก็พบแต่กองเลือดไหลอยู่ที่พื้น ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีนำส่งรพ.แล้ว นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ-8892 ภูเก็ต จอดอยู่ 1 คัน จากการสอบถามทราบว่าเป็นของผู้ได้รับบาดเจ็บ นาย WOLF KESSEL SEIM สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี พักอยู่ที่บ้านใสยวน ม. 7 ต.ราไวย์ โดยก่อนเกิดเหตุชาวต่างชาติได้ขับรถยนต์มาจากตัวเมืองภูเก็ต เพื่อที่จะขับกลับบ้านพักที่บ้านใสยวน แต่เมื่อขับมาถึงที่บริเวณวงเวียนห้าแยกฉลอง ได้มีกลุ่มวัยรุ่น 3 คน ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยาม่าฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจากหาดราไวย์ เพื่อที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่อ่าวฉลอง แต่กลุ่มวัยรุ่นได้เลี้ยวตัดหน้ารถยนต์กระบะของผู้ตายอย่างกระชั้นชิด ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ และบีบแตรไล่เสียงดัง ทำให้กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวไม่พอใจ จึงได้ขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามรถยนต์คันดังกล่าวไปตามถนนวิเศษ ในระหว่างนั้นชาวต่างชาติได้ยกมือให้กับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ทำให้วุ่นรุ่นไม่พอใจ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ชาวต่างชาติได้จอดรถเพื่อที่จะซื้อสินค้า และเมื่อกำลังก้าวลงจากรถยนต์ กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คน ก็ได้กรุเข้าไปชกที่ใบหน้าผู้ตายอย่างจังหลายครั้ง ก่อนที่ 1 ในกลุ่มคนร้ายจะชักอาวุธมีดแทงผู้ตายเข้าที่บริเวณใต้ราวนม 1 แผล ที่บริเวณซี่โครงด้านซ้าย 1 แผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นคนร้ายกลุ่มคนร้ายดังกล่าวได้ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางหาดราไวย์ ต.ราไวย์ เมื่อทราบดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้วิทยุแจ้งสกัดจับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว แต่ก็ยังไร้วี่แวว จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจสอบที่รพ.สิริโรจน์
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินถึงโรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ต ก็ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ของรพ.ว่า ชาวต่างชาติได้เสียชีวิตในระหว่างการนำส่งรพ.แล้ว โดยทางแพทย์และเจ้าหน้าที่ก็ได้ร่วมกันชันสูตร พบถูกแทงเข้าที่บริเวณใต้ราวนม 1 แผล ที่บริเวณซี่โครงด้านซ้าย 1 แผล ตรวจค้นในกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย พบเงินสด 5 พัน
โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ากลุ่มคนร้ายดังกล่าวน่าจะไม่พอใจผู้ตายที่ส่งสัญลักษณ์มือเหมือนด่าแม่ จึงโมโหก่อนขับรถไล่ตามและรุมทำร้ายก่อนจ้วงมีดแทงเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามมาคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจภูธรภูเก็ต 2 กองร้อยฝึกทบทวนควบคุมฝูงชน


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 มกราคม 2553 ที่บริเวณลานฝึกหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการฝึกทบทวนกองร้อยควบคุมฝูงชนของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีกำลังพลจำนวน 2 กองร้อย เป็นข้าราชการตำรวจจากสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตทั้ง 8 สถานี ทั้งชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน รวม 310 นาย ในโอกาสเดียวกันนี้นอกจากรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรและรองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่เข้าร่วมสังเกตการณ์แล้ว ยังมีนายเกร็ก มิลเลอร์ และนายดักลาส โรบินสัน หัวหน้าส่วนป้องกันกำลังทหารเรือสหรัฐอเมริกา พร้อมคณะเข้าร่วมชมการฝึกทบทวนด้วย
พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัดได้จัดตั้งและทำการฝึกกองร้อยควบคุมฝูงชนจังหวัดละ 2 กองร้อย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรักษาความสงบเรียบร้อย การเดินขบวน การชุมนุมประท้วง การนัดหยุดงานและสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยให้ทำการฝึกทบทวนเป็นประจำทุกเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2553
“ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้จัดตั้งกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 2 กองร้อย แบ่งการฝึกซ้อมออกเป็น 2 กองร้อย โดยกองร้อยที่ 1 ทำหน้าที่เสนอการฝึกในส่วนของการฝึกแถวกระบอง การต่อสู่ด้วยกระบอง การเคลื่อนที่ของรูปขบวนต่างๆ ในระดับกองร้อย ส่วนกองร้อยที่ 2 ทำหน้าที่นำเสนอสถานการณ์สมมุติ กรณีการนำกองร้อยควบคุมฝูงชน เข้าควบคุมสถานการณ์ เมื่อมีผู้ชุมนุมประท้วง ซึ่งเริ่มจากการใช้มาตรการตามลำดับความจำเป็น ตั้งแต่การเจรจา การใช้กำลังเข้าผลักดัน การใช้น้ำจากรถดับเพลิงและการใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งทุกขั้นตอนเป็นไปตามที่กฎหมายได้ให้อำนาจไว้”
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวว่า แม้ว่าผลของการฝึกซ้อม อาจจะไม่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ เพราะการแก้ปัญหาของแต่ละสถานการณ์จะมีความแตกต่างกัน แต่ในการฝึกนั้นจะทำให้กองร้อยมีความเข้าใจและมีวินัยเกี่ยวกับการรับฟังคำสั่ง เพราะในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นจะมีความวุ่นวายและสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นค่อนข้างมาก
ขณะที่นายเกร็ก มิลเลอร์ หัวหน้าส่วนป้องกันกำลังทหารเรือสหรัฐอเมริกา กล่าวภายหลังการร่วมสังเกตการณ์การฝึกซ้อม ว่า ที่ผ่านมาทางส่วนป้องกันกำลังทหารสหรัฐได้ให้การสนับสนุนด้านอุปกรณ์กับทางตำรวจภูธรภูเก็ตมาอย่างสม่ำเสมอ และจากการฝึกซ้อมดังกล่าวถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านยุทธวิธีเป็นไปตามหลักสากล และเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

งานย้อนอดีตเมืองภูเก็ต ครั้งที่ 11



นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต พร้อมด้วยนางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผอ.ททท.สำนักงานภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปติศฤงค์ ประธารศาลเจ้าแสงธรรม นายแพทย์โกศล แตงอุทัย นายกสมาคมไทยเพอรานากัน และคณะ ได้ร่วมกันแถลงข่าว การจัดงานย้อนอดีตเมืองภูเก็ต ครั้งที่ 11 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 19 - 21 กุมภาพันธ์ 2553 ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี ถนนถลาง ถนนกระบี่ และซอยรมณีย์ พบกับกิจกรรมต่างๆ จำนวนมากภายในงาน พร้อมอาหารพื้นเมืองอีกมากมาย

ตรวจสุขภาพในงานอีซูซุกระบี่



แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จัดหน่วยบริการตรวจสุขภาพ ในงาน “อีซูซุ ดีแมคซ์ แพลททินั่มโชว์นำทางรวย” เช่น การตรวจวัดความดันโลหิต การชั่งน้ำหนัก การวัดส่วนสูง และการตรวจดูค่า BMI ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวกระบี่ที่เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก รวมถึงบริการให้คำแนะนำการตรวจสุขภาพประจำปีที่ และการเลือกใช้เวชภัณฑ์การปฐมพยาบาล ณ บริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด สาขากระบี่ด้วย เนื่องจากผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้บริการตรวจสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตอยู่แล้ว นับเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้เข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

มอบกระเช้าปีใหม่


นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต รับมอบกระเช้าของขวัญปีใหม่ จาก นายพีระพงษ์ ผลประมูล ประธานชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต และสมาชิกชมรมผู้สื่อข่าว ซึ่งได้ร่วมประสานงานและร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมทางสังคมและสุขภาพให้แก่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตมาตลอด จากนั้นก็ได้มอบน้ำชีวภาพ EM เพื่อนำไปใช้ประโยชน์และร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

มอบกระเช้าดอกไม้แก่สมาคมศิษย์เก่า ม.อ. จังหวัดภูเก็ต



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศักย์ชิน บุญถวิล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต พร้อมหัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนงานกิจการนักศึกษาและบุคลากร มอบกระเช้าดอกไม้เนื่องในโอกาสปีใหม่แก่นายไตรวุฒิ ฉัตรแดง เหรัญญิกสมาคมฯ ตัวแทนนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดภูเก็ต พร้อมนี้ นายไตรวุฒิ ฉัตรแดง ได้เป็นตัวแทนของสมาคมฯ มอบเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนกองทุนกู้ยืมฉุกเฉินแก่นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต