จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

เครือข่ายประชาชนจังหวัดภูเก็ตแสดงพลัง


ที่วงเวียนกระเฌอขุดแร่ สะพานหิน อ.เมือง ภูเก็ต เครือข่ายประชาชนคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จังหวัดภูเก็ตนำโดยนายมนู เขียวคราม นายอำนวย คุ้มบ้าน นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว นายมงคล รัตนะ และเครือข่ายประมาณ 250 คน ได้รวมตัวกัน พร้อมด้วยแผ่นป้ายที่เขียนตัวหนังสือให้กำลังใจกับนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ทหาร เช่น เราร่วมเป็นกำลังใจ นายกได้ทำงานต่อไป, นายกต้องสู้, เพราะคนกลุ่มเดียว ทำให้ประเทศไทยตกต่ำ เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังได้มีการออกแถลงการณ์ โดยนายมนู เขียวคราม เพื่อขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นายรัฐมนตรียึดหลักนิติรัฐฯ จากนั้นทางเครือข่ายได้ร่วมกันร้องเพลงรักกันไว้เถิด พร้อมทั้งได้มีการนัดหมายที่จะรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ในวันจันทร์ที่ 19 เมษายน 53 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ที่สนามฟุตบอลสนามชัย ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดภูเก็ต


อบจ.ภูเก็ต สงกรานต์ซอยรมณีย์


เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมกับ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการ พนักงาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมสงกรานต์ซอยรมณีย์


ทั้งนี้ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ ได้กล่าวว่า ด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของประเพณี พร้อมทั้งสืบสานประเพณีสงกรานต์ในจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดกิจกรรม สงกรานต์ซอยรมณีย์ ขึ้น โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย ในช่วงเช้าจัดพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ และสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน จากนั้นในช่วงบ่าย มีการจัดขบวนแห่กลองยาว ตามถนนสายหลักผ่าน ถนนภูเก็ต ถนนถลาง ถนนเยาวราช ถนนดีบุก และเข้าในซอยรมณีย์ เพื่อทำพิธีเปิดงาน โครงการสืบสานประเพณีสงกรานต์รมณีย์ พิธีรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ โดยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานในพิธีมีผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยละชาวต่างชาติ



ครบรอบ 15 ปี รพ.กรุงเทพ



นพ.บดินทร์ ละเอียด รองผู้อำนวยการ รพ.กรุงเทพภูเก็ต นำทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ร่วมบวงสรวงศาลพระพรหม และศาลตายาย เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน ในโอกาสที่จะครบรอบ 15 ปี ของการก่อตั้ง รพ.กรุงเทพภูเก็ตในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งพิธีบวงสรวงเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันที่ 17 เมษายน ของทุกปี โดยในครั้งนี้ ญาดา เปียกลิ่น ผู้จัดการศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน ได้นำบุตรสาว แก้มและเกต เดอะสตาร์ เข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลนี้เช่นกัน


วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

มีตำแหน่งงานว่างมาฝากครับ



3 กิจกรรม หรรษา หน้าร้อน




รับมือเหตุฉุกเฉิน



โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) จัดอบรมการปฏิบัติงานกรณีเกิดอุบัติเหตุกลุ่มชนให้แก่บุคลากรในทุกหน่วยงานของโรงพยาบาล เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และให้ผู้ใช้บริการได้มั่นใจในมาตรฐานการรักษาพยาบาล โดยมีคุณธนันดา ชนะกุล รักษาการผู้จัดการฝ่ายการพยาบาลแผนกผู้ป่วยนอกเป็นวิทยากรในการบรรยาย ณ ห้องประชุมของโรงพยาบาล


ห่วงใยผู้สูงอายุ



โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) นำทีมแพทย์และพยาบาล ออกให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ เนื่องในการจัดงานวันผู้สูงอายุของเทศบาลตำบลเชิงทะเล เพื่อให้การดูแลและสร้างเสริมสุขภาพที่ดีแก่ผู้สูงอายุ อีกทั้งยังได้จัดนักโภชนาการและนักกายภาพบำบัด เพื่อให้คำแนะนำในการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ที่ถูกต้องสำหรับผู้สูงอายุ ณ อาคารอเนกประสงค์เทศบาลตำบลเชิงทะเล



ท่องเที่ยวภูเก็ตพอใจภาพรวมช่วงเทศกาลสงกรานต์


นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผอ.ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าวถึงภาพรวมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในช่วงสงกราตน์ ว่า ในช่วงสงกรานต์ปีนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80% มั่นใจว่า จังหวัดภูเก็ตมีรายได้สะพัดจากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวกระจายตัวไปทั้งในตัวเมืองและชายหาด สำหรับโรงแรมภายในตัวเมืองนั้นพบว่าอัตราการเข้าพักดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้จากการททท.สำนักงานภูเก็ต ได้จัดงาน Songkran in old town Phuket โดยจัดให้มีบรรยากาศการเล่นน้ำแบบวิถีไทย และเนรมิตให้ถนนถลางบริเวณด้านหน้าสำนักงาน ททท.ภูเก็ตเป็นถนนน้ำแข็ง กำแพงน้ำแข็งเมืองเก่า สวนภูเขาน้ำแข็ง และสวนน้ำแข็งภายในบริเวณสวน 72 พรรษามหาราชินี ซึ่งภายในสวนน้ำแข็งจะมีการสร้างเก้าอี้ม้านั่งจากก้อนน้ำแข็ง และการแกะสลักน้ำแข็งประเภทสวยงาม การแสดงคาบาเร่ต์ ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง และชมสาธิตการผสมเครื่องดื่ม นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้ชมม่านน้ำสุดอลังการครั้งแรกของจังหวัดภูเก็ต โดยงานได้จัดตั้งแต่วันที่ 13 – 15 เมษายน ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยว ที่เข้าพักในตัวเมือง รวมทั้งประชาชนในจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ และคงจะมีการจัดงานเช่นนี้อีกในปีถัดไปและจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ด้านนายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงภาพรวมในช่วงสงกราตน์ ว่า ภาพรวมอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวอยู่ในอัตราที่น่าพอใจมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและคนไทยเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80 % ทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตคึกคักเป็นอย่างมากโดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมเดินทางไปฉลองเทศกาลสงกรานต์ตามแหล่งท่องเที่ยวชายหาด และย่านตัวเมืองภูเก็ต

นายlสมบูรณ์ ยังกล่าต่อว่า อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ไปแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวตลาดยุโรปกำลังจะหมดไป ประกอบกับสายการบินจากจีน ฮ่องกง ไต้หวันและญี่ปุ่น ได้ยกเลิกการเดินทางมายังประเทศไทย รวมทั้งจังหวัดภูเก็ตแล้วบางส่วนเนื่องจากความไม่มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยจากการชุมนุมทางการเมือง ถึงแม้ว่าจังหวัดภูเก็ต จะอยู่ห่างจากจุดชุมนุมประท้วงในกรุงเทพมหานคร แต่ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จึงต้องรอดูสถานการณ์สักระยะหนึ่งก่อน พร้อมทั้งยอมรับว่า มีความหนักใจกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อ โดยวิงวอนขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อหาข้อยุติแบบสันติ เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ได้กลับมาสงบสุขเหมือนเดิม


องค์กรแพลนเนตแมร์ หนุนชาวป่าคลอกภูเก็ต

เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 16 เมษายน 53 ที่บริเวณชายทะเลบ้านบางทราย ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ. ภูเก็ต นายอธิพงษ์ คงนาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ระหว่าง กลุ่มอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนตำบลป่าคลอก และ องค์กรแพลนเนตแมร์ ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนจากประเทศฝรั่งเศส ตามโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนในตำบลป่าคลอก ที่ทางองค์กรแพลนเนตแมร์ ตกลงจะให้ความช่วยในทุกด้านแก่เครือข่ายประชาชนชาวตำบลป่าคลอกในการบริการจัดการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม และหลังจากพิธีลงนามร่วมกัน ก็ได้มีการปล่อยพันธ์สัตว์น้ำชนิดต่างๆ กลับสู่ทะเลจำนวน 1 ล้านตัว เพื่อคืนความสมดุลให้กับธรรมชาติและเพิ่มจำนวนปลาให้กับทะเลในพื้นที่ตำบลป่าคลอกด้วย


ทั้งนี้นายมานะ สามเมือง ประธานโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนในตำบลป่าคลอก กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อร่วมกันจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้มีความสมบูรณ์ เพื่อ สร้างความมั่นคงทางแหล่งอาหาร รวมทั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชนประมงพื้นบ้าน รวมทั้งร่วมกันรักษาความหลายหลากทางชีวภาพของระบบนิเวศน์ชายฝั่งทะเล และการจัดการโครงการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นเพื่อลดสภาวะปัญหาโลกร้อน นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างรากฐานการพัฒนาตั้งแต่ระดับชุมชนให้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดภูเก็ต รัฐบาลไทยและสิ่งที่สำคัญเป็นการใช้หลักการสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชนตามกฎหมายรัฐธรรมปัจจุบัน


ขณะที่ นายอธิพงศ์ คงนาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอกกล่าวว่าโครงการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนในตำบลป่าคลอก ได้เกิดความร่วมมือที่หลากหลายภาคส่วนที่จะได้ร่วมกันจัดทำโครงการให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดภูเก็ตและประเทศไทยยิ่งขึ้นไป โดยเฉพาะเป็นพื้นที่ฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นที่พื้นที่แหล่งเรียนรู้และจะเป็นแหล่งที่ทำมาหากิน ทำการประมงที่มั่นคง ของประชาชนสืบทอดไปสู่ลุกหลานในวันข้างหน้าต่อไป


พธม.ภูเก็ตอ่านแถลงการณ์ มอบดอกไม้เป็นกำลังทหาร



เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 16 เมษายน 53 ที่บริเวณด้านหน้าทัพเรือภาคที่ 3 บ้านแหลมพันวา ม.8 ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ตและประชาชนชาวภูเก็ตกว่า 200 คน พร้อมด้วยป้ายข้อความต่างๆ เช่น “ที่พึ่งหนึ่งเดียวของไทย ตอนนี้คือทหารเท่านั้น” “ประเทศชาติจะพึ่งใคร ถ้าไม่ใช้ทหารปราบ” “การปราบกบฏ บ้าน กบฏเมือง ต้องใช้ทหารใช้หรือไม่” หลับเถิดทหารเสือราชินี ปวงชนจะสดุดี ชั่วนิรันดร์” เป็นต้น โดยมีนางสาวอาภารัตน์ ชาติชุติกำจร แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต เป็นแกนนำมายื่นหนังสื่อแถลงการณ์และดอกไม้ให้กำลังใจทหารและประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมีนาวาเอก พุทธิพร สวาดสุด รองผอ.กิจการพลเรือน ทัพเรือภาคเรือภาคที่ 3 ตัวแทนผบ.กองเรือภาคที่ 3 พร้อมทหารประจำการอยู่ที่กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ให้การต้อนรับและรับมอบ

ทั้งนี้นางสาวอาภารัตน์ ได้อ่านแถลงการณ์ โดยมีใจความว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต และประชาชนชาวภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต มีความรู้สึกเสียใจ ต่อกรณีการสูญเสียกำลังพลของเจ้าหน้าที่ทหารหาญ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยให้ชาติบ้านเมือง ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือนปช.ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จนเจ้าหน้าที่ทหารระดับผู้บัญชาการ ผู้ใต้บังคับบัญชา ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายนาย เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต และประชาชนชาวภูเก็ต ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อการสูญเสียรั้วของชาติครั้งนี้อย่างสุดซึ้ง จะขอเป็นกำลังใจให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและทหารที่ปฏิบัติงานในวันที่เกิดเหตุทุกท่าน รวมไปถึงพลเรือนกลุ่มมวลชนเสื้อแดง ที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บร่วม 859 ราย ให้เหตุการณ์เดียวกันด้วย

การชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่น่าจะมีเหตุการณ์สูญเสียร้ายแรงต่อประเทศเช่นนี้ หากผู้ชุมนุม ชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธจริงอย่างที่กล่าวอ้าง แต่กลับพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเป็นกองกำลังติดอาวุธ ผ่านการฝึกมาอย่างดี เพื่อสังหาร เข่นฆ่าทหาร ด้วยอาวุธสงครามอย่างไม่ปราณี และไร้ซึ่งมนุษยธรรม เพราะการมีไว้ซึ่งอาวุธสงครามนาครอบครอง

พฤติกรรมแกนนำปลุกระดมสร้างความรุนแรง ข่มขู่ ก้าวร้าว และบิดเบือนความจริง เข้าข่ายเป็นกบฏภายในราชอาณาจักร ซึ่งฝ่ายการเมืองคงจะแก้ปัญหาฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องให้กองทัพบูรณาการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาด้วย โดยขอเป็นกำลังใจให้กองทัพเดินหน้าทำงานต่อไปอย่างเสียสละ มีชาติ และสถานบันเป็นที่ตั้ง ดังนี้

1.ทหารต้องซื่อสัตย์ต่อคำปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลทุกข้อ โดยเฉพาะจะเชิดชู และรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

2.ตั้งแต่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ควบคุมสถานการณ์ที่ไม่ปกติของการชุมนุม แต่ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ หรือนำพาประเทศสู่ความสงบได้ กลับทำให้สถานการณ์รุนแรง และเลวร้ายขึ้นถึงเวลาที่รัฐบาลควรปล่อยทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยประกาศใช้ “กฎ อัยการศึก” ทันที ก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงและเลวร้ายมากไปกว่านี้และหาวิธีแยกผู้ชุมนุมบริสุทธิ์ออกจาก “กลุ่มกบฏ” ไม่ปราบ ไม่ฆ่าประชาชนที่มาชุมนุมโดยบริสุทธิ์อย่างเด็ดขาดและ

3.ฝากถึงทุกฝ่ายที่หน้าที่ดูแลสถานการณ์ขณะนี้ ต้องช่วยกันนำพาประเทศให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ โดยประชาชนทั้งประเทศที่ไม่มีโอกาสต่อรองหรือเจรจา จะร่วมเป็น “ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก” รับรองความชอบธรรมที่ทุกฝ่ายเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาติ ระบบการปกครองประเทศ ที่เป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและปกป้องปวงชนชาวไทยทั้งประเทศอย่างแน่นอน

จากนั้นนาวาเอกพุทธิพร ได้กล่าวต่อผู้ที่เดินทางมาร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ว่า ตนในฐานะตัวแทน ผบ.กองเรือภาคที่ 3 ก็ขอขอบคุณที่ทุกท่านได้เดินทางมาให้กำลังใจกับทหารในครั้งนี้ หลังจากนี้จะได้นำแถลงการณ์พร้อมด้วยดอกไม้ที่ได้รับมอบในครั้งนี้ ไปมอบให้กับผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อนำส่งต่อไปยังทหารและชาชนที่ที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพต่อไป

ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมร้องเพลง เราสู้ และเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับเพื่อไปรวมตัวกันต่อที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง ภูเก็ตต่อ


ตร.เมืองภูเก็ตรวบคนร้ายชิงทรัพย์ และพยายามข่มขืน



เมื่อเวลา 10.00 น.ของวัยที่ 16 เมษายน 53 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รองผบก.ภ.จส.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายเสถียร เรืองจินดา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 313 ถ.ระนอง อ.เมือง ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางจำนวน 15 รายการ ในข้อหา บุกรุกเคหสถานโดยมีอาวุธ ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยขู่เข็ญโดยใช้กำลังประทุษร้ายและพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร

ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ได้กล่าวว่า ด้วยเมื่อวันที่ 13 เมษายน 53 ที่ผ่านมา ได้มีนางไพ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้ขับขี่รถ จยย.กลับจากเที่ยวสงกรานต์ที่หาดป่าตอง อ.กะทู้ เพื่อกลับห้องพักภายในซอยหล่อโรง ถ.พัฒนา อ.เมือง จากนั้นคนร้ายได้ขี่รถ จยย.คันดังกล่าวติดตามมาถึงหน้าห้องพักแล้วใช้กรรไกรปลายแหลมบุกจี้บังคับเหยื่อพร้อมกับผลักเหยื่อเข้าไปในห้อง แล้วได้ปลดทรัพย์สินของเหยื่อพร้อมกับใช้กรรไกรจี้บังคับให้เหยื่อขึ้นรถ จยย.ของคนร้ายและพาไปในป่าบริเวณสุสานเขารัง ถ.แม่หลวน อ .เมือง พร้อมกับบังคับให้เหยื่อถอดกางเกงและเริ่มลงมือข่มขืน แต่ขณะกำลังที่คนร้ายกำลังจะข่มขืน ปรากฏว่ามีคนผ่านมาพบพร้อมกับตะโกนสอบถามผู้ต้อง ทำให้เหยื่อฉวยโอกาสวิ่งหนีออกจากป่าและเข้าขอแจ้งความกับตำรวจ จากนั้นชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตได้ออกติดตามจนกระทั่งทราบว่า คนร้ายรายนี้ชื่อนายเสถียร ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายและหลักฐานเสนอต่อศาลออกหมาจับนายเสถียร จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายเสถียร พร้อมด้วยรถจยย.ยามาฮ่าฟิโน่สีม่วง ทะเบียน ขกว 488 ภูเก็ต จากนั้นก็ควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบสวนนายเสถียร ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ตั้งแต่เดือน มี.ค. – เม.ย.53จำนวน 11 ครั้ง และเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ในคดีวิ่งราวทรัพย์ นอกจากนี้ผู้เสียหายยังได้ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุใช้อาวุธดังกล่าวแทงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บในพื้นที่สภ.ฉลอง ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ได้ลักมาจากซอยหมู่บ้านล๊อดปาล์ม เขตพื้นที่รับผิดชอบสภ.ทุ่งทอง จากนั้นก็ได้นำมาเปลี่ยนแปลงหมายเลขทะเบียนเพื่ออำพรางคดี ในการใช้ก่อเหตุ

“ผู้ต้องหารายนี้ถือว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคมเป็นอย่างมาก โดยแต่ละวันไม่ได้ทำงานอะไรเป็นหลักแหล่ง ซึ่งเคยถูกจับกุมในข้อชิงทรัพย์และถูกจำคุกกว่า 2 ปี โดยเพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นาน จากนั้นได้ออกก่อเหตุใช้รถ จยย.ตระเวนหาเหยื่อหญิงสาว เพื่อมีจุดประสงค์ต้องการข่มขืนและกระทำชำเราเป็นหลัก ส่วนทำทรัพย์สินเป็นเพียงเรื่องรอง ซึ่งคาดว่าคงมีเหยื่อที่เป็นหญิงสาวอีกหลายรายที่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เนื่องจากอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยบางรายอาจถูกข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ แต่บางรายอาจถูกพยายามจะข่มขืนหรือแค่กระทำอนาจาร บางรายอาจถูกชิงทรัพย์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากไม่สบโอกาส จึงขอวอนให้หญิงสาวที่ใช้รถ จยย.ระวังภัยใกล้ตัวในลักษณะดังกล่าวไว้ด้วย” ผบก.ภ.จ.ภูเก็ตกล่าวย้ำเตือน


เมืองทอง ปะทะ เซาธ์ไชน่า เอเอฟซี คัพ ที่ ภูเก็ต



 
จังหวัดภูเก็ต รับหน้าเสื่อจัดเกมเอเอฟซี คัพ นัด “กิเลนผยอง”เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดรังชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่ม จี กับ เซาธ์ไชน่า ของฮ่องกง หลังฝ่ายทีมเยือนร้องขอเอเอฟซี ขอเปลี่ยนสนามเพราะหวั่นเหตุการณ์ความไม่สงบ กำหนดฟาดแข้งที่สนามสุระกุล วันที่ 20 เม.ย.นี้ เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป

ศึกลูกหนังเอเอฟซี คัพ รอบคัดเลือก กลุ่มจี นัดที่ 5 ซึ่งเป็นเกมฟาดแข้งระหว่าง “กิเลนผยอง”เมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 และแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ประเภท ก. จะเปิดรังรับการมาเยือนของทีม เซาธ์ ไชน่า ของฮ่องกง โดยสถานการณ์ของทั้งสองทีมถือว่ามีโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมด้วยกันทั้งคู่ โดยเมืองทอง ยูไนเต็ด แข่งไป 4 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 มีอยู่ 10 แต้ม นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ขณะที่เซาธ์ ไชน่า ของฮ่องกง เตะ 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 7 แต้ม เกมนี้ เมืองทองฯ ต้องการอย่างน้อยเสมอ เพื่อรับประกันเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอน เพราะนัดสุดท้ายทีม เซาธ์ ไชน่า ต้องไปวัดกับทาง วีบี มัลดีฟส์ เพื่อแย่งกันเข้ารอบตามเมืองทองฯ เอง

ล่าสุดหลังจากมีข่าวว่าทาง เซาธ์ ไชน่า ได้ยื่นหนังสือถึงทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี เพื่อขอให้เปลี่ยนสนามในเกมมาเยือน เมืองทอง ยูไนเต็ด วันที่ 20 เม.ย.จากยามาฮ่า สเตเดี้ยม เป็นสนามกลาง เพราะหวั่นเกรงจะไม่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่ไม่สงบในกรุงเทพฯ ทาง “บิ๊กเปี๊ยก”องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงได้ตัดสินใจประสานไปยังจังหวัดภูเก็ต เพื่อจะขอให้จัดการแข่งขันแมตช์นี้ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจาก 3 ประสานคือ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต, นาย ปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานโรงแรมในเครือ กะตะกรุ๊ป และ นาย เอี่ยม ถาวรว่องวงศ์ ที่ปรึกษานายกส.ฟุตบอลฯและประธานสโมสร เอฟซี ภูเก็ต ว่าพร้อมจะจัดการแข่งขันในนัดนี้

โดยทาง เลขาธิการส.ฟุตบอลฯ ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้เป็นอันแน่นอนแล้วว่า เกมเอเอฟซีคัพ ศึกชิงแชมป์กลุ่มจี ระหว่างเมืองทอง ยูไนเต็ด กับ เซาธ์ ไชน่า ของฮ่องกง จะเตะกันที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ ในเวลา 18.00 น. ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมในการจัดการแข่งขันแมตช์นี้อย่างแน่นอน และทาง เซาธ์ ไชน่า ก็ตอบรับจะมาแข่งขันแล้ว

ภายหลังจากที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ได้ประกาศให้เกมระหว่าง "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ เซาท์ ไชน่า นั้น ย้ายสนามแข่งขันจากสนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม ไปแข่งขันกันที่ สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต แทน เนื่องจาก ทีมเยือนนั้นได้ยื่นเรื่องไปทางเอเอฟซี เนื่องจากเกรงเรื่องความปลอดภัยของนักเตะและสต๊าฟโค้ชที่จะต้องเดินทางมาแข่งขัน ที่กรุงเทพฯ พร้อมกับเอกสารจากทางรัฐบาลฮ่องกงที่ให้งดการเดินทางเข้ากรงเทพฯ ล่าสุด "บิ๊กเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทีมทั่วไป สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว ว่า

"สโมสรอยากให้แฟนบอลเข้าใจกับเรื่องดังกล่าว เราเองพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะโน้มน้าวให้เอเอฟซีอนุมัติให้ใช้สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม ทั้งเสนอให้มีตำรวจคอยรักษาความปลอดภัยให้กับทีมเยือนแบบเข้มข้นเต็มพิกัด ทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร พร้อมกับการย้ายโรงแรมมายังมิราเค่ล แกรนด์ที่ใกล้สนามแข่งขัน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการเดินทาง แต่ที่สุดก็ไม่เป็นผล เราจึงต้องยอมรับคำตัดสินของเอเอฟซีที่แจ้งมายังสมาคมฯ ซึ่งด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดความรุนแรงทำให้เงื่อนไขเข้าทางทีมเซาท์ไชน่า ซึ่งต้องการลดการเสียเปรียบในการเล่นนอกบ้านอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราก็ยังถือว่ายังโชคดีที่ได้เล่นในประเทศไทย ไม่ต้องย้ายไปยังประเทศเป็นกลางตามเงื่อนไขแรกที่ทางเซาท์ ไชน่าต้องการ โดยที่ทางเอเอฟซี จะให้ไปเล่นในต่างประเทศด้วยซ้ำไป สุดท้ายก็อยากให้แฟนบอลเข้าใจกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเป็นไปได้เราอยากแข่งในยามาฮ่า สเตเดี้ยม อย่างที่สุด"

สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี คัพ 2010 ระหว่าง "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ เซาท์ ไชน่า จะแข่งขันกันในวันอังคารที่ 20 เมษายน นี้ เวลา 18.00 น. ที่สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต โดยตั๋วเข้าชมการแข่งขันนั้นจะมี 3 ราคา ได้แก่ 200 บาท (VIP), 100 บาท (อัฒจันทร์), ด้านข้างสนาม 50 บาท (หลังโกล์) และ เด็ก 20 บาท


วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

ถวายปริญญาหลวงปูสุภา



นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภา นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวภูเก็ตร ร่วมในพิธีถวายปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน แด่พระมงคลวิสุทธิ์ (หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล) เจ้าอาวาสวัดสีลสุภาราม (วัดหลวงปู่สุภา) เมื่อวันที่ 11 เมษายน 53