จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ทน.ภูเก็ตส่งเสริมคุณภาพชีวิตแก่ผู้สูงอายุ




นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้กล่าวว่า ในปัจจุบันจำนวนและสัดส่วน ของผู้สูงอายุในประเทศไทย เพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว ทำให้โครงสร้างของประชากรกำลังเคลื่อน เข้าสู่ระยะที่เรียกว่า ภาวะประชากรสูงอายุ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสภาพสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณที่จะต้องมีการปรับกระบวนทัศน์ และโครงสร้างพื้นฐานของสังคม ซึ่งที่ผ่านมา โครงสร้างวัฒนธรรมไทยนั้น อยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่ ผู้สูงอายุเปรียบเสมือนปูชณียบุคคล ที่ลูกหลานให้ความเคารพยำเกรงยกย่องเป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร หรือเสาหลักของครอบครัว แต่ในปัจจุบัน สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ตามความเจริญของวัตถุ และนวัตกรรมของเทคโนโลยี ส่งผลให้ครอบครัวไทยแยกจากกันเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ขาดความอบอุ่น ดูแลใจใส่ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุในหลายครอบครัว ขาดลูกหลานดูแลเอาใจใส่

เทศบาลนครภูเก็ต ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ เหล่านั้น จึงได้กำหนดจัดให้มีการอบรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้สูงอายุขึ้น จำนวน 250 คน ในวันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.30 น. ที่หอประชุมเทศบาลนครภูเก็ต (สมาคมผู้สูงอายุ) เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตใจและร่างกายของกลุ่มผู้สูงอายุในเขตเทศบาล สนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มของบุคคลวัยเดียวกันเพื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ และเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้พบปะสังสรรค์และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐ โดยเทศบาลฯได้เชิญ พระสำเนาว์ เขมาภิรโต พระนักเทศน์ จากวัดเจริญสมณกิจ (วัดหลังศาล) มาบรรยายธรรม เรื่อง “คุณธรรม ความรักตามวัย” นายแพทย์สิทธิชัย ธัญอำไพ จากโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต มาให้ความรู้ ในหัวข้อ “ปฏิบัติตนอย่างไรให้ห่างไกลโรคกระดูกพรุน หัวเข่าเสื่อม และการทำกายภาพบำบัด” และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต บรรยายพิเศษเรื่อง “การดูแลรักษาสุขภาพฟันของผู้สูงอายุ”

นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศบาลนครภูเก็ต เชื่อมั่นว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และส่งผลให้ผู้ที่เข้ารับการอบรมและร่วมกิจกรรมนำความรู้ไปเพื่อปฎิบัติตนในการดูแลสร้างเสริมสุขภาพของตนเอง เป็นการเรียนรู้เท่าทันโรค และดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้

โลตัสช่วยเหลือผู้ปลูกสตรอว์เบอร์รี



เทสโก้ โลตัส ชวนคุณบอกรักด้วยการมอบสตรอเบอร์รี่ที่มีคุณภาพ สด อร่อย มีความปลอดภัย ในราคายุติธรรมจากไร่ของโครงการดอยคำและเกษตรกรในภาคเหนือ ในวันแห่งความรัก โดยมีจำหน่ายแล้วที่เทสโก้ โลตัส ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2555
คุณสถาพร ภู่วิจิตรวราภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์สินค้ากลุ่มผักและผลไม้ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เรามุ่งช่วยเหลือเกษตรกร ในการเร่งกระจายผลผลิตสดออกสู่ตลาดไปทั่วประเทศ โดยเทสโก้ โลตัสตั้งเป้าเพิ่มยอดรับซื้อขึ้นทุกปี ๆ ละ 40 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมาเรามียอดการรับซื้อสตรอเบอร์รื่สดมากกว่า 10 ตัน และในปีนี้ เราสามารถเพิ่มยอดการรับซื้อสตรอเบอร์รื่สดได้มากกว่าเดิมร้อยละ 50 หรือมากกว่า 15 ตัน คิดเป็นมูลค่าซื้อขายในตลาดกว่า 11 ล้านบาท
ถือเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ระยะยาวของเทสโก้ โลตัสที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวเกษตรกรไทย โดยร่วมมือกับบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ในการพัฒนาและควบคุมคุณภาพของผลผลิต หาตลาดรองรับการจำหน่ายผลผลิต และให้ความมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้ซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ในราคาที่ยุติธรรม
“นอกจาก เทสโก้ โลตัส จะช่วยสนับสนุนด้านช่องทางการจำหน่ายแล้ว เรายังมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนา ให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มเกษตรกรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบวนการเก็บเกี่ยวผลผลิต วิธีการคัดสรรผลผลิตที่มีคุณภาพ และบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพราะเราคือผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ เราจึงตระหนักดีว่า นี่คือความรับผิดชอบของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมการผลิตและตอบสนองความต้องการที่มีต่อผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่น พร้อมทั้ง ช่วยให้เกษตรกรสามารถมีรายได้ที่ยุติธรรมและแน่นอน ในเวลาเดียวกัน ลูกค้าของเราก็จะได้รับผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ซึ่งดีต่อสุขภาพ ในราคายุติธรรม โดยเทสโก้ โลตัส รับซื้อผักและผลไม้จากคู่ค้าและเกษตรกรไทยคิดเป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาทต่อปี” คุณสถาพร กล่าว




“ชวน” ห่วงกลุ่มเคลื่อนไหวแก้ ม.112 ลับหลัง



นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ จ.ภูเก็ต กรณีการขอแก้ไขการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ว่า กรณีที่มีกลุ่มบุคลหรือบุคคลที่ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนและเปิดเผยคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะทำให้เราสามารถที่จะรับทราบได้ว่าเขามีแนวความคิดอย่าง ไรแต่ที่น่าเป็นห่วง คือ กรณีที่มีกระบวนการแจกเอกสารหรือแจกแผ่นซีดีที่มีข้อความที่จาบจ้วงหรือให้ร้ายต่อสถาบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เปิดเผย ฉะนั้นหวังว่าทางเจ้าหน้าที่ของรัฐจะได้มีการติดตามในเรื่องนี้โดยเฉพาะรัฐบาล เพราะว่าบางพวกต่อหน้าสาธารณชนพูดอีกอย่างแต่เมื่อลับหลังก็ไปทำอีกอย่างหนึ่งตรงข้ามกับที่พูดไว้ ซึ่งประชาชนโดยทั่วไปไม่รู้ ส่วนกลุ่มบุคคลหรือองค์กรใดที่ออกมาแถลงด้วยวาจาอย่างเปิดเผยทำให้เราทราบว่าเขาคิดอย่างไรจึงไม่น่าเป็นห่วง
“ขณะนี้กลุ่มกระบวนการที่กระทำการลับหลัง มีการแจกจ่ายเอกสารหรือซีดีในลักษณะข้อความที่ให้ร้ายป้ายสีสถาบันนั้นยังมีอยู่ ซึ่งไม่ทราบว่ามีมากน้อยเพียงใด และไม่ทราบว่ามีการทำอะไรไปบ้างและมากน้อยเพียงใด แต่ที่ผ่านมาเคยมีกลุ่มบุคคลที่ได้รับแจกเอกสารดังกล่าวเคยนำมาร้องกับทางพรรคฯ เพราะเขาไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้ว่าจะแจ้งกับใครด้วยกลัวอันตราย ซึ่งเขาบอกตรงๆ ว่าจะไปแจ้งตำรวจก็ไม่มั่นใจ แม้จะมีความมั่นใจในทหารแต่ด้วยทหารไม่ได้มีหน้าที่ในการสอบสวน ซึ่งจากการที่ได้ยินได้ฟังผู้ที่มีข้อมูลซึ่งมีความรู้สึกห่วงใย ซึ่งตนก็มองว่าการกระทำลับหลังดังกล่าวน่าห่วงมากกว่ากลุ่มหรือองค์กรที่แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย”
นายชวน กล่าวด้วย จากพฤติกรรมที่มีการดำเนินการลับหลังเป็นสิ่งที่น่าห่วงซึ่งประชาชนจะต้องร่วมกันเป็นหูเป็นตา เพราะพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มีความเคารพรักสถาบัน ไม่อยากให้ใครมาล่วงละเมิดสถาบัน แต่ในบ้านเมืองก็มีทั้งคนดีและไม่ดี ซึ่งต้องเข้าใจ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลออกมายืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 นั้น นายชวน กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะพูดยืนยันเช่นนั้น แต่ไม่มั่นใจว่าคนในรัฐบาลจะปฏิบัติตามที่รัฐบาลยืนยันทุกคนหรือไม่ และจะมีใครที่คิดนอกเหนือจากคำยืนยันของรัฐบาล เพราะที่เราเห็นเมื่อมีการคิดจะแก้ไขกฎหมายฉบับนี้กลุ่มที่เข้าไปสนับสนุนก็จะเป็นกลุ่มเดียวกับสนับสนุนรัฐบาลเช่นกัน ฉะนั้นสิ่งที่ต้องแสดงให้ชัด คือ การพูดกับประชาชน และการปฏิบัติลับหลังประชาชนจะต้องเหมือน ไม่ใช่พูดอย่างแล้วไปปฏิบัติอีกอย่างซึ่งเป็นที่น่าเป็นห่วง




วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โต้นทท.ให้ข่าวสื่อจีน ทานอาหารแล้วท้องเสีย



เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องรับรองพิเศษ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายลิน ยังเหว่ย ผู้จัดการบริษัท แปซิฟิก ฮอลิเดย์ (ประเทศไทย) จำกัด และนายพลัฎฐ์ จันทรโศภิน ที่ปรึกษาบริษัท แปซิฟิก ฮอลิเดย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต และประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนจากมณฑลเฉินตู ไปให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์จีนที่มณฑลเฉินตูประเทศจีน จำนวน 9 ฉบับ ว่ารับประทานอาหารในร้านอาหารที่ จ.ภูเก็ตแล้วมีอาการท้องเสีย

นายตรี กล่าวว่า ด้วยทางตัวแทนบริษัทฯ ได้เข้ามาพบและชี้แจงข้อเท็จจริงกับตนว่า จากกรณีที่มีหนังสือพิมพ์จีนจำนวน 9 ฉบับนำเสนอข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนมารับประทานอาหารที่ จ.ภูเก็ตแล้ว เกิดอาการท้องเสีย ว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งการนำเสนอข่าวดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต เพราะมีหลักฐานใบรับรองแพทย์ยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้เป็นตามที่สื่อหนังสือพิมพ์จีนนำเสนอ ซึ่งหลังจากนี้ในส่วนของจังหวัดก็จะได้ทำการแปลข้อความเป็นภาษาจีนชี้แจงข้อเท็จจริงส่งไปให้กับหนังสือพิมพ์ที่มีการลงข่าวดังกล่าวต่อไป เพราะทางจังหวัดให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว
ขณะที่นายลิน ยัง เหว่ย ผู้จัดการบริษัท แปซิฟิก ฮอลิเดย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ปกติทางบริษัทฯ จะนำนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าท่องเที่ยวภูเก็ตและประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะในปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3-4 เท่าตัว จากปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 800-1,000 คน แต่ปีนี้เพิ่มขึ้น 2,000-3,000 คน เนื่องจากเขามีความชื่นชอบความสวยงามของธรรมชาติหาดทรายชายทะเลและอาหารที่อร่อย 

“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับกรุ๊ปนักท่องเที่ยวจากมณฑลเฉินตู ซึ่งเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในระหว่างวันที่ 25-29 มกราคม ที่ผ่านมา จำนวน 41 คน และกำหนดเดินทางกลับในวันที่ 30 มกราคม 2555 โดยในวันที่ 29 มกราคม 2555 นักท่องเที่ยวได้ไปรับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารไทยวิลเลจ หลังจากนั้นในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น (30 ม.ค.55 ) มีนักท่องเที่ยวบอกว่ามีอาการท้องร่วง จำนวน 11 คน ทางบริษัทฯ ก็ได้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลป่าตอง เพื่อทำการรักษาซึ่งแพทย์ได้มีการทำประวัติ พบว่ามีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว และมีผู้ป่วย 3 ราย ได้รับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน ส่วนรายอื่นจำนวน 8 ราย รอตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอก แต่เมื่อเรียกผู้ป่วยเข้าตรวจปรากฏว่าไกด์ที่นำผู้ป่วยมาได้พาผู้ป่วยทั้งหมดออกไปจากโรงพยาบาลและไม่สามารถติดต่อได้”
นายลิน ยัง เหว่ย กล่าวว่า ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนั้นทางบริษัทฯ เป็นผู้จัดการทั้งหมด และในส่วนของนักท่องเที่ยวก็ได้มีการเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ยินยอมจ่าย รวมแล้วปะมาณ 300,000 บาท เนื่องจากเขาขู่ว่าหากไม่จ่ายจะไปบอกกับผู้สื่อข่าวที่ประเทศจีน ด้วยกลัวว่าจะทำให้จังหวัดภูเก็ตเสียชื่อเสียงจึงยอมจ่าย แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาไปถึงแล้วกลับไปให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์จีนถึง 9 ฉบับว่ากินอาหารที่ภูเก็ตแล้วมีอาการท้องเสียถึง 20 คน ทั้งๆ ที่ความจริงมีผู้ท้องเสียเพียง 3 คน จึงอยากชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อจังหวัดภูเก็ตในภาพรวม
ทางด้านนายพลัฎฐ์ จันทรโศภิน ที่ปรึกษาบริษัท แปซิฟิก ฮอลิเดย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวได้เรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทฯ เนื่องจากทำให้เสียเวลา เป็นเงินประมาณ 2,000 ยวน ต่อคน หรือประมาณ 10,000 บาทต่อคน พร้อมกับขู่ว่าฯ หากไม่ชดใช้ค่าเสียหาย จะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปนำเสนอข่าวที่ต่างประเทศ ด้วยเกรงว่าจะทำให้ภาพพจน์ของบริษัทฯ และการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตเสียหาย จึงยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย รวมเป็นเงินประมาณ 300,000 บาท แต่ปรากฏว่าเมื่อเดินทางกลับประเทศจีนไปแล้ว เขากลับไปแจ้งข่าวกับสำนักพิมพ์ชื่อดังในมณฑลเฉินตู ประเทศจีน จำนวน 9 ฉบับ ว่ากินอาหารภูเก็ต แล้วมีอาการท้องเสียกว่า 20 คน พร้อมกับมีการแสดงใบรับรองแพทย์ระบุว่าอาหารเป็นพิษ แต่จากข้อเท็จจริงซึ่งตนได้ไปสอบถามจากแพทย์โรงพยาบาลป่าตองได้ยืนยันว่าไม่ได้มีการออกใบรับรองแพทย์ให้แม้แต่ใบเดียว มีเพียงการลงทะเบียนประวัติไว้จำนวน 11 คน เรียกตรวจ 3 คน พบมีอาการลำไส้อักเสบ ส่วนอีก 8 คนที่เหลือพบว่าไกด์พาหายออกไปจากโรงพยาบาล ทั้งๆที่แพทย์ยังไม่ได้เรียกตรวจอาการปวดท้องตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
ฉะนั้นการที่เขาไปให้ข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวกว่า 20 คนมีอาการท้องเสียหลังจากรับประทานอาหารที่จ.ภูเก็ตนั้น จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้ไปใช้บริการของภัตตาคารแห่งนี้มาโดยตลอดและไม่เคยมีปัญหา ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก และขอยืนยันว่าอาหารที่จังหวัดภูเก็ตปลอดภัยไม่เป็นพิษอย่างที่มีการนำไปเสนอข่าวในประเทศจีน ก็อยากจะขอความร่วมมือสำนักข่าวประเทศจีน หากจะมีการนำเสนอข่าว ขอให้มีการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน เพราะจะส่งผลกระทบต่อจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ


ภูเก็ตขอจัดสรรที่ดินใหม่ 5 โครงการ



เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุม “หอทะเบียนที่ดิน 2459” สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 2/2555 โดยมีคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วม อาทิ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด เป็นต้น ทั้งนี้ได้มีการแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร 2 โครงการ การถอนสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค 2 โครงการ การยกเลิกและคืนสัญญาค้ำประกันการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค 3 โครงการ
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาออกใบอนุญาตจัดสรรให้กับบริษัทที่ขออนุญาตจัดสรร จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการ ภูเก็ตแอททาวน์ 3 ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต ของบริษัท สิทธารมย์ ลิฟวิ่งโฮม จำกัด แบ่งขายที่ดินพร้อมบ้านแถว 3 ชั้น จำนวน 29 แปลง ราคาแปลงละ 4,990,000 บาท ที่ดินส่วนเกินหรือขาด จำหน่ายตารางวาละ 60,000 บาท 2.โครงการฮาบิเทีย ภูเก็ต ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แบ่งขายที่ดินพร้อมบ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 244 แปลง ราคาแปลงละ 2.9-4.2 ล้านบาท ที่ดินส่วนเกินหรือขาด จำหน่ายตารางวาละ 31,500 บาท 3. โครงการบ้านฉลองสุขภูเก็ต (เฟส 2) ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ของบริษัท บ้านจรุงกลิ่น จำกัด แบ่งขายที่ดินจำนวน 90 แปลง ประกอบด้วย แปลงที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จำนวน 19 แปลง ราคาแปลงละ 3,590,000 บาท แปลงที่ดินพร้อมบ้านแถว 3 ชั้น จำนวน 47 แปลง ราคาแปลงละ 3,250,000 บาท แปลงที่ดินพร้อมบ้านแถว 2 ชั้น จำนวน 23 แปลง ราคาแปลงละ 2,790,000 บาท และแปลงที่ดินเปล่า จำนวน 1 แปลง จำหน่ายตารางวาละ 60,000 บาท ที่ดินส่วนเกินหรือขาด จำหน่ายตารางวาละ 60,000 บาท 
4. โครงการบ้านณัฐกมล-ดำรง 2 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของบริษัท ณัฐกมล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด แบ่งขายที่ดินจำนวน 154 แปลง ประกอบด้วย แปลงที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ จำนวน 10 แปลง ราคาแปลงละ 3,850,000- 4,200,000 บาท แปลงที่ดินพร้อมบ้านแถวชั้นเดียว จำนวน 139 แปลง ราคาแปลงละ 1,370,000 -2,000,000 บาท และแปลงที่ดินพร้อมบ้านเดี่ยวชั้นเดียว จำนวน 5 แปลง ราคาแปลงละ 3.6 -4.2 ล้านบาท แปลงที่ดินห้องหัวมุม คิดเพิ่มแปลงละ 40,000 บาท และที่ดินส่วนเกินหรือขาด จำหน่ายตารางวาละ 45,000 บาท 5. โครงการ บ้านพฤกษาวิลล์ 52/1ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต แบ่งขายที่ดินจำนวน 226 แปลง เป็นแปลงที่ดินพร้อมบ้านแถว 2 ชั้น ราคาแปลงละ 1.6 ล้านบาท ที่ดินส่วนเกินหรือขาด จำหน่ายตารางวาละ 40,000 บาท
อย่างไรก็ตามนายสมชาย ดวงแข หนึ่งในคณะกรรมการฯ ฝากผู้ประกอบการโครงการบ้านฉลองสุขภูเก็ต (เฟส 2)กับโครงการ บ้านพฤกษาวิลล์ 52/1และหน่วยงานท้องถิ่นดูเรื่องการระบายน้ำด้วย เนื่องจากพื้นที่ตั้งของโครงการดังกล่าวเป็นที่ลุ่มและเป็นแอ่งน้ำ หากไม่มีการระบายน้ำที่ดีก็จะเกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ยังฝากไปยังผู้บริหารโครงการบ้านณัฐกมล-ดำรง 2 เกี่ยวกับการจัดระบบจราจรเข้าออกโครงการ เนื่องจากอยู่ติดกับสามแยก และแนวโน้มบริเวณดังกล่าวจะมีการจราจรคับคั่ง

เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ



เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุม โรงเรียน อบจ.บ้านตลาดเหนือ (วันครู 2502) นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามแนวธรรมชาติ สำหรับโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายอวยพร สกุลตัน ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต ตลอดจน ผู้บริหาร คณะครู โรงเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ต และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
สำหรับโครงการดังกล่าว จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเติมเต็มศักยภาพ เพื่อจัดกระบวนการเรียนรู้ให้นักเรียนโดยจัดเนื้อหาสาระ จัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น พร้อมทั้งส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ สามารถพัฒนาเพื่อให้นักเรียนและครูโรงเรียนสังกัด อบจ.ภูเก็ต ให้เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
กองการศึกษา อบจ.ภูเก็ต ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นผู้วิจัย และพัฒนาเพื่อศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการ แนวคิด กลยุทธ์การพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ รวมทั้งดำเนินการสื่อสารสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด แนวทาง หลักสูตรภาษาอังกฤษและแนวธรรมชาติให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนดำเนินการพัฒนาด้านการเรียนการสอนและประเมินผลโครงการ โดยมีคณะครูที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 45 คน จาก 5 โรงเรียน คือ โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต โรงเรียน อบจ.บ้านตลาดเหนือ โรงเรียน อบจ.บ้านนาบอน โรงเรียน อบจ.สาธิตร่วมพัฒนา และโรงเรียน อบจ.บ้านไม้เรียบ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการ 9 เดือน ตั้งแต่มกราคม - กันยายน 2555 โดยการพัฒนาโครงการดังกล่าว จะมุ่งการพัฒนาศักยภาพการสอนของครู การพัฒนาวิธีการสอน การพัฒนาสื่อการสอน การพัฒนาเครื่องมือครู และการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ผ่านกระบวนการฝึกอบรมเข้ม การนิเทศการสอน การทดลองสอน การเข้าค่าย การเรียนรู้และให้คำปรึกษาผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 



พัฒนาสนามบินภูเก็ตรองรับนทท.ได้ 12.5 ล้านคน



เมื่อคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมกานดาฮอล์ โรงแรมกะตะบีชรีสอร์ท แอนด์ สปา หาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางธันยรัศมิ์ อัจฉริยะฉาย ประธานคณะกรรมาธิการ การท่องเที่ยววุฒิสภา เป็นประธานในการประชุมรับฟังแผนการขยายปรับปรุงพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีว่าที่ ร.ท.จตุรงคพล สดมณี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายวิศวกรรม บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องชี้แจงรายละเอียดและความคืบหน้าของแผนการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต 
โดยมีนายธวัช บวรวนิชกูร ประธานอนุกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบสัญญาการดำเนินการของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เข้าร่วม อาทิ นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานภูเก็ต พ.ต.อ.พีระยุทธ์ การะเจดีย์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต พังงาและกระบี่ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย จ.ภูเก็ต เป็นต้น
ว่าที่ ร.ท.จตุรงคพล สดมณี ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายวิศวกรรม บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการเติบโตของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดความแออัดของผู้ใช้บริการและเกินขีดความสามารถที่มีอยู่ จึงได้มีการจัดทำโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต (ปีงบประมาณ 2552 - 2556) :ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาคาร สาธารณูปโภค ตลอดจน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในพื้นที่ของท่าอากาศยานในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของท่าอากาศยานภูเก็ต ให้สามารถรองรับผู้โดยสารทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้ 12.5 ล้านคนต่อปี 
แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 5 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารภายในประเทศ 7.5 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 มีหลุมจอดเพิ่มขึ้น จาก 15 หลุมจอด เป็น 25 หลุมจอด มีงานที่จะต้องดำเนินการประกอบด้วย กลุ่มงานที่ 1 ออกแบบทางขับและลานจอดและขยายระบบเติมน้ำมันอากาศยาน กลุ่มงานที่ 2 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ กลุ่มงานที่ 3 ก่อสร้างอาคารจอดรถ และสำนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ก่อสร้างอาคารทดแทน และกลุ่มงานที่ 4 ก่อสร้างระบบถนนและสาธารณูปโภคภายในท่าอากาศยานก่อสร้างระบบถนนและสาธารณูปโภคภายในท่าอากาศยาน ใช้งบดำเนินการประมาณ 5,7000 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 47 เดือน คาดว่าจะสร้างเสร็จทั้งโครงการประมาณต้นปี 2558
“ความคืบหน้าของการดำเนินการขณะนี้ได้ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นรูปแบบที่บ่งบอกถึงความเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ตลอดจนเป็นการประหยัดพลังงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาผู้รับเหมา คาดว่าจะต้องใช้จากส่วนกลาง และจะลงมือก่อสร้างได้ประมาณเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้” ว่าที่ ร.ท.จตุรงคพล กล่าว และว่าในส่วนของข้อเสนอต่างๆ นั้นก็จะรับไปหารือกับทางกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฯ ต่อไป
นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองป่าตอง กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการปรับปรุงแต่อยากฝากเรื่องของการขยายรันเวย์ เพื่อความปลอดภัยในการรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินขนาดใหญ่
นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานโรงแรมกะตะธานี ฝากในเรื่องของการจัดระบบช่องทางรับ-ส่งผู้โดยสารให้ชัดเจนเหมือนกับสนามบินต่างประเทศ เช่น โซนรถแท็กซี่ รถส่วนตัว รถโรงแรม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามยังได้มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างทั้งเรื่องของระบบการบริหารจัดการหลังปรับปรุงเสร็จ สถานที่จอดรถส่วนตัว รถบริการสาธารณะซึ่งควรแบ่งสัดส่วนและพื้นที่ให้ชัดเจน การแบ่งพื้นที่สำหรับร้านค้ากับพื้นที่ใช้บริการของผู้โดยสารระหว่างรอขึ้นเครื่องหรือรอผู้มารับ ความเพียงพอและสะอาดของห้องน้ำ ช่องให้บริการตรวจคนเข้าเมือง การดูแลรักษาความปลอดภัย ปัญหาการจราจร ปัญหาความสะอาด ซึ่งทาง
ด้านนางธันยรัศมิ์ กล่าวภายหลังการประชุมฯ ว่า เป็นโอกาสดีที่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จะได้รับทราบแผนงานการดำเนินการปรับปรุงท่าอากาศยานภูเก็ต รวมทั้งได้ให้ขอเสนอแนะเพื่อนำไปปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสม เพราะผู้ใช้สนามบินเป็นคนในภูเก็ตและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่อันดามัน เนื่องจากสนามบินถือว่าเป็นด่านแรก และด่านสุดท้ายที่จะต้องมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวก ตลอดจนสร้างความประทับใจเพื่อให้เขาเดินทางกลับมาอีก

นอกจากนี้นางธันยรัศมิ์ ยังได้ฝากในเรื่องของการจัดพื้นที่รองรับผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เพียงพอ รวมถึงการจัดช่องบริการตรวจคนเข้าเมือง การแบ่งพื้นที่ช่องทางออกสำหรับการรับผู้โดยสารที่ชัดเจน เช่น รถสาธารณะ รถส่วนตัว รถโรงแรม เป็นต้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น 
 


ภูเก็ตเปิดค่ายแกนนำเยาวชน To Be No.1



เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประประชุมลดาวัลย์ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดค่ายแกนนำเยาวชน To Be Number One จังหวัดภูเก็ต รุ่นที่ 10 ประจำปี 2555 โดยมีนายแพทย์ศักดิ์ แท่นชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดภูเก็ต นางสาวชวนชม จันทะวงษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต นายณชัย เขมนิพัทธ์ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต นายสุภาษิต วงศา รองประธานแกนนำเยาวชน To Be Number One จังหวัดภูเก็ต รุ่นที่ 9 ประธานคณะกรรมการจัดกิจกรรมค่ายแกนนำเยาวชน To Be Number One จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 10 และเยาวชน To Be Number One เข้าร่วม
นายสุภาษิต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการโครงการรณรงค์ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการกิจกรรมของเยาวชน โดยเยาวชนเพื่อเยาวชน ที่ผ่านมาองค์กรเยาวชนได้มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ มีการจัดกิจกรรมค่ายแกนนำเยาวชน To Be Number One จังหวัดภูเก็ต ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อจัดค่ายแกนนำเยาวชน To Be Number One จังหวัดภูเก็ต รุ่นใหม่ทดแทนรุ่นเดิมที่มีภาระด้านการศึกษา อีกทั้งเป็นการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชน ให้มีความเข้มแข็งสามารถปฏิบัติงานด้านการรณรงค์ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นการขยายเครือข่ายแกนนำให้ครอบคลุมสถานศึกษาในจังหวัดภูเก็ตเพื่อนำพาเยาวชนจังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด
ขณะที่นายตรี กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาการดำเนินงานโครงการ To Be Number One จังหวัดภูเก็ต ได้รับรางวัลจากการประกวดมาโดยตลอด และในปี 2555 จังหวัดภูเก็ตสามารถรักษาผลงานเป็นจังหวัดรักษามาตรฐาน พร้อมเป็นต้นแบบระดับเพชร ปีที่ 1 ได้ ทั้งนี้แกนนำเยาวชน To Be Number One จังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ที่มีส่วนทำให้จังหวัดภูเก็ตได้รับรางวัลดังกล่าว แต่เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากรางวัลที่ได้รับแล้ว คือ การเสริมสร้างให้เยาวชนจังหวัดภูเก็ตเป็นคนเก่ง ดี มีความสุข และเป็นหนึ่งได้โดยไม่พึ่งยาเสพติด อันเป็นหน้าที่ของแกนนำเยาวชน To Be Number One จังหวัดภูเก็ต

ส.ส.ภูเก็ต เสนอจัดทำวาระภูเก็ต




นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.เขต 1 จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวในที่ประชุมที่ใหญ่สามัญประจำปี 2554 ของพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดภูเก็ต สาขาลำดับที่ 115 และสาขาที่ 183 และการสัมมนาส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ที่หอประชุมโรงเรียนสตรีภูเก็ต ว่า เนื่องจากในอีก 3 ปีข้างหน้าอาเซียนจะรวมเป็นหนึ่งเดียว หรือที่เรียกว่า ประชาคมอาเซียน จำเป็นที่เราจะต้องเตรียมความพร้อมในการรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะต่อไปการประกอบอาชีพจะทำได้เสรีตามกรอบของอาเซียน ซึ่งมี 8 สาขาอาชีพ ได้แก่ วิศวกรรม, พยาบาล,สถาปัตยกรรม, การสำรวจ, แพทย์,ทันตแพทย์,บัญชี และบริการด้านท่องเที่ยว ซึ่งหากจะรอรัฐบาลหรือภาครัฐเข้ามาช่วยก็อาจจะไม่ทันการณ์จำเป็นที่เราจะต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน จึงอยากเสนอวาระภูเก็ต หรือโมเดลภูเก็ต เพื่อกำหนดทิศทางในการเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

“แนวคิดของการจัดทำวาระภูเก็ตนั้น จะมีการจัดระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันวางยุทธศาสตร์การพัฒนาภูเก็ตที่ควรจะเป็นในอนาคตทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เบื้องต้นมองว่าประเด็นหลักๆ น่าจะประกอบด้วย การปกครอง ระบบขนส่งหรือโลจิสติกส์ การศึกษาและการกำหนดอัตลักษณ์ภูเก็ตที่ชัดชัด เพราะเมื่อเราเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว จากเดิมที่เราจะมีการแข่งขันเฉพาะภายในประเทศ แต่ต่อไปเราจะต้องแข่งขันกับประเทศในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดแนวทางในการพัฒนาที่ชัดเจน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อให้มีการเติบโตอย่างมีทิศทาง จำเป็นที่ต้องภาคส่วนจะร่วมมือกัน ซึ่งก็จะได้จัดให้มีการประชุมและระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ต่อไปในอนาคต”

นางอัญชลี กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ได้วางโครงข่ายไว้ว่าให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวมท่องเที่ยวอาเซียน เชียงใหม่เป็นประตูท่องเที่ยวทางภาคเหนือ และให้ภูเก็ตเป็นฮับท่องเที่ยวโลก โดยได้มีการอนุมัติงบประมาณ 5,700 ล้านบาทขยายและปรับปรุงสนามบินภูเก็ตเพื่อให้รองรับนักท่องเที่ยวจาก 6.5 ล้านคน เป็น 12.5 ล้านคน และงบก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ จำนวน 2,600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนด้านการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนโดยนำเสนอโครงการรถไฟฟ้ารางเบาหรือโมโนเรล รองรับและแก้ปัญหาจราจร รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรในทุกระดับ โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่จะต้องเพิ่มหลักสูตรในส่วนของภาษาอาเซียนเข้าไปเป็นภาษาที่ 3 ที่มีการดำเนินการแล้วขณะนี้คือ โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย เลือกภาษาอาหรับ ในขณะที่โรงเรียนสตรีภูเก็ตเลือกภาษาพม่า เป็นต้น รวมทั้งจะต้องยกมาตรฐานการศึกษาระดับปริญญาตรีให้ทัดเทียมกับสิงคโปร์ เพื่อป้องกันการถูกกีดกันและกดลดเงินเดือน 



ยื่นคัดค้านแก้กฎหมายอาญา ม.112



เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 บริเวณหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต กลุ่มประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบัน จำนวนประมาณ 100 คน นำโดยนายดอน ลิ้มนันทพิสิฐ์ พร้อมด้วยแผ่นป้ายข้อความต่างๆ อาทิ เราขอปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และขอคัดค้านการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112, สถาบันกษัตริย์ต้องอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไป, ชาวภูเก็ตไม่เอาคนล้มเจ้า, นิติราษฎร์มันไม่ใช่นักวิชาการ มันคือ พวกหนักแผ่นดิน, วรเจตน์ต่างกับคุณทองแดงอย่างไรช่วยตอบที เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการปราศรัยโจมตีผู้ที่เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ด้วยว่า จะเป็นการยิ่งสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น เห็นได้จากในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาจจะเกิดสงครามการเมืองขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบดำเนินการและหยุดยั้งเรื่องดังกล่าวเป็นการด่วน
ทั้งนี้ได้มีการยื่นแถลงการณ์ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตไปยังกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาล เพื่อคัดค้านการขอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และร่วมเป็นร่วมหนึ่งในการปกป้องสถาบัน โดยมีนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับมอบ พร้อมกล่าวว่า การแสดงออกดังกล่าวถือเป็นการแสดงออกตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะได้มีการส่งแถลงการณ์ดังกล่าวไปยังกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลต่อไป
อย่างไรก็ตามนายดอน ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ความว่า ตามที่กลุ่มนิติราษฎร์และกลุ่มแนวร่วมได้เสนอและแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และเสนอให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ทั้งฉบับ ซึ่งรวมหมวด 2 พระมหากษัตริย์ด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นเปิดโอกาสให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ หมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ง่าย และหนักข้อมากขึ้น รวมถึงข้อเสนอให้พระมหากษัตริย์ต้องสาบานตนว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและพิทักษ์ไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยกล่าวอ้างถึงประมุขในระบอบประชาธิปไตยของต่างประเทศมาเป็นตัวอย่าง ซึ่งข้อเสนอต่างๆ ล้วนแล้วแต่สอดรับกับขบวนการล้มสถาบันที่ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง และเหิมเกริมขึ้นทุกวัน และพยายามลดฐานะ ลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
การกระทำดังกล่าวข้างต้นไม่ใช่หนทางในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ แต่ตรงข้ามกลับเป็นการทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร โดยการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ก่อน และเพิ่มความแตกแยกของคนในชาติให้มากขึ้น แทนที่กลุ่มดังกล่าวนี้ควรทำในสิ่งที่สำคัญกว่า คือ เสนอวิธีการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองไทยในทุกระดับที่กำลังเป็นมะเร็งร้ายของประเทศนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ได้ทรงพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม และตลอด 60 ปีที่ครองราชย์พระองค์ทรงดำรงในทศพิศราชธรรม ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานับปราการช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตมานับครั้งไม่ถ้วน พระองค์จึงทรงเป็นดั่งศูนย์รวมใจและทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน จึงนำไปเปรียบกับประมุขของประเทศอื่นหาได้ไม่
ดังนั้นกลุ่มประชาชนชาวภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบัน จึงขอคัดค้านกลุ่มนิติราษฎร์และกลุ่มแนวร่วมต่างๆ ที่ร่วมกันเสนอและจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 หมวด 2 พระมหากษัตริย์ โดยให้ยุติการกระทำข้างต้นโดยทันที แต่หากกลุ่มดังกล่าวยังไม่ยุติและมีการดำเนินการล่ารายชื่อในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทางกลุ่มประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบันก็จะดำเนินการคัดค้านและต่อต้านอย่างถึงที่สุด
หลังจากการยื่นแถลงการณ์ดังกล่าวแล้วก็ได้มีการร้องเพลงสรรเสริญ และเพลงสดุดีมหาราชา เมื่อจบแล้วได้มีการเปล่งเสียงทรงพระเจริญ และได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง แม้ว่าก่อนที่จะยื่นหนังสือทางกลุ่มฯ ดังกล่าวได้แสดงความไม่พอใจที่ส่วนราชการลงมารับแถลงการณ์ช้า และได้มีการตะโกนถามว่า เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่