จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การผลิตเชื้อเห็ดในถุงพลาสติก รุ่นที่ 1


เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ที่ ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มเพาะเห็ดบ้านโคกโตนด หมู่ที่ 9 ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายธีระ เจี่ยสกุล เลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายประสิทธิ์ สินเสาวภาคย์ นายสาโรจน์ อังคณาพิลาส สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และ นายวิชัย พฤติสืบ วิทยากรให้ความรู้ในการอบรม ร่วมมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม โครงการฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพ หลักสูตรการผลิตเชื้อเห็ดในถุงพลาสติก รุ่นที่ 1 จำนวน 30 คน

สำหรับหลักสูตรการผลิตเชื้อเห็ดในถุงพลาสติก รุ่นที่ 1 ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16 – 17 ธันวาคม 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ สร้างความชำนาญและประสบการณ์ด้านการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ ยกระดับการครองชีพ ฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่นให้ดีขึ้น ยกระดับสินค้าอุตสาหกรรมพื้นบ้านให้มีคุณภาพและสามารถเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค เพื่อการพัฒนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านทักษะการฝึกอาชีพ

ซึ่งกำหนดจัดอบรมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 – กันยายน 2554 และมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมการอบรม หลักสูตรละ 30 คน โดยอบรมภาคทฤษฎี ณ ศาลาประชาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และอบรมภาคปฏิบัติ ณ ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มเพาะเห็ดบ้านโคกโตนด หมู่ที่ 9 ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต การจัดอบรมในครั้งนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากเขตอำเภอเมือง จำนวน 30 คน โดยมี นายวิชัย พฤติสืบ เป็นวิทยากรให้ความรู้ในการอบรม ส่วนอำเภออื่นๆ ก็จะจัดในรุ่นถัดไป

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมอาชีพให้ประชาชน เนื่องจากปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ การลงทุนไม่ได้ผลดี จนเกิดปัญหาการว่างงานและปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาหลักและวิธีการที่จะให้ประชาชนมีรายรับเพิ่มขึ้นและลดรายจ่ายบางส่วนลง โดยการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและการผลิตของใช้เอง รวมไปถึงให้ประชาชนได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มพูนความรู้ มีอาชีพ มีรายได้ และสามารถพึ่งตนเองได้ในอนาคต โดยได้รับความสนใจสมัครเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 7 รุ่น รุ่นละ 30 คน รวม 210 คน และในการฝึกอบรมครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 1 ซึ่งมีผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรมมาจาก ชุมชนอ่าวเก ตลิ่งชัน และชุมชนหลังศาลากลาง

“บางเทาไนท์ฟิชชิ่งเกมส์” ครั้งที่ 18


เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2553 ณ ท่าเทียบเรือหางยาวอ่าวบางเทา หมู่ที่ 3 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการสืบสานวิถีประมงพื้นบ้าน “บางเทาไนท์ฟิชชิ่งเกมส์” ครั้งที่ 18 ประจำปี 2553 จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล นำโดย นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ประธานจัดงาน และนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต สมาชิกสภา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ได้กล่าวว่า โครงการสืบสานวิถีประมงพื้นบ้าน “บางเทาไนท์ฟิชชิ่งเกมส์” ครั้งที่ 18 จัดขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล เป็นระยะเวลา 2 วัน 2 คืน ในระหว่างวันที่ 18 – 19 ธันวาคม 2553 เพื่อรณรงค์ให้ชาวประมงใช้วิธีจับปลาอย่างถูกวิธี สืบทอดกิจกรรมการตกปลา เสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยรายได้จากการขายปลาทั้งหมด สนับสนุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่ตำบลเชิงทะเล โดยมีเรือหางยาวเข้าร่วมแข่งขันประมาณ จำนวน 50 ลำ โดยผู้ชนะเลิศประเภทปลารวม จะได้รับ ถ้วยเกียรติยศ จาก นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รางวัลชนะเลิศประเภทปลาบน ได้รับถ้วยเกียรติยศ จาก นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต รางวัลชนะเลิศประเภทปลาล่าง รับถ้วยเกียรติยศ จาก นายไมเคิล รามอล ไอลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลากูน่ารีสอร์ท

นอกจากนี้ โดยมีกิจกรรมทำความสะอาดชายหาด การจำหน่ายและประมูลปลา งานเลี้ยงนักกีฬา การแสดงของนักเรียน การแสดงของเยาวชน การแสดงดนตรีและนักร้องชื่อดัง กล้วย แสตมป์ และการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ให้การสนับสนุนต่างๆ ซึ่งโครงการสืบสานวิถีประมงพื้นบ้าน


ภูเก็ตรณรงค์ “เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ”


เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2553 ที่ห้องประชุมโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ และเทิดทูนสถาบันให้กับนักเรียน ภายใต้โครงการ เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและประกาศเกียรติคุณ เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา ให้แก่นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปี ที่ 2 และ 4 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัน จำนวนกว่า 1,000 คน โดยมีพลเอกปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้เคยสนองงานภายใต้เบื้องพระยุคลบาท รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเคยทำงานใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาร่วมให้ความรู้ และเล่าความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวจะดำเนินการจัดไปตามสถานศึกษาในจังหวัดภูเก็ต จนถึงวันที่ 24 ธันวาคมนี้

นางอัญชลี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายสำคัญในการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ รวมทั้งจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีความสมัครสมานสามัคคี เกิดความรักชาติ ลดความขัดแย้งทางการเมือง ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศ และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์และนโยบายสำคัญของรัฐบาล

สำหรับกิจกรรม “เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ” นั้นจัดขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและประกาศเกียรติคุณกำหนดขึ้นในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ที่บริเวณเวทีปลายแหลมสะพานหิน เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ประกอบด้วย การแสดงเทิดพระเกียรติจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต วีดีทัศน์ประมวลภาพการจัดกิจกรรมรณรงค์ปกป้องสถาบันและสร้างจิตสำนึกนักเรียนนักศึกษาและเยาวชนในพื้นที่ จุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา

คืนพื้นที่รถเช่าให้ประชาชน-นทท.ชายหาดป่าตอง


เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 53 ที่ห้องประชุมสภาเทศบสลเมืองป่าตอง ต.กะทู้ ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมการจัดระเบียบที่จอดรถสาธารณะ โดยมีนายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง พร้อมคณะผู้บริหาร นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสมาพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ พ.ต.ท.จักรวรรดิ บุญทวีกุลสวัสดิ์ สารวัตรจราจร สภ.กะทู้ พร้อมด้วย ชมรมรถเช่าหาดป่าตอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้นายตรี อัครเดชา ได้กล่าวว่า เนื่องจากที่ผ่านมาจังหวัดภูเก็ตได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาการจอดรถในที่สาธารณะโดยเฉพาะบริเวณหน้าหาดป่าตองค่อนข้างมาก ทั้งผ่านทางเว็บไซด์และการนำเสนอปัญหาของทางกงสุล/กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำจังหวัดภูเก็ต จึงได้มีการหารือร่วมกับทั้งเทศบาลเมืองป่าตองในฐานะองค์กรปกครองพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรกะทู้ สหพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ ชมรมรถเช่าหาดป่าตอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาใช้ที่จอดรถสาธารณะหน้าชายหาดป่าตอง รวมทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้ประกอบการรถเช่าและการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในภาพรวมด้วย

ผลจากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ผู้ให้บริการรถเช่าที่บริเวณถนนทวีวงศ์ทั้งในส่วนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้เช่า จะคืนพื้นที่ให้กับการจอดรถของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปประมาณ 50% และขอให้ทางเทศบาลเมืองป่าตองดำเนินการจัดทำป้ายสัญลักษณ์รายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อจะได้ไม่มีเกิดความสับสนหรือความไม่เข้าใจเหมือนกับในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งให้มีการตั้งคณะทำงานมาดูแลเรื่องของการจัดระเบียบที่จอดรถสาธารณะของป่าตองขึ้นมา 1 ชุด โดยตนจะรับเป็นประธาน เพื่อจะได้มาหารือและกำหนดแนวทางการทำงานที่ชัดเจนอีกครั้ง คาดว่าน่าจะไม่เกินปลายเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายเท่าๆ กัน นายตรี กล่าว

ขณะที่นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า ในส่วนของการทำป้ายต่างๆ นั้นเทศบาลฯไม่มีปัญหาและพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการทันที ซึ่งภาพรวมนั้นเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการดำเนินการจัดระเบียบที่จอดรถ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้มีปัญหาเฉพาะบริเวณถนนทวีวงศ์เท่านั้น แต่ยังมีถนนสายอื่นๆ อีก ซึ่งก็จะได้ดำเนินการเป็นลำดับต่อไป โดยร่วมกับทางสถานีตำรวจภูธรกะทู้ในการวางแผนการทำงานร่วมกัน พร้อมกันนี้ก็ต้องฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง รวมทั้งเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

ด้านนายอาณัติ หลาวหล้าง รองประธานชมรมรถเช่าหาดป่าตอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาโดยเฉพาะหลังจากเกิดสึนามิเมื่อปี 2547 ก็ได้มีการจัดระเบียบในส่วนของรถเช่าที่บริเวณถนนทวีวงศ์มาโดยตลอด และในส่วนของผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือด้วยดี มีการแบ่งโซนในการให้บริการตั้งแต่บริเวณสามแยกซีเพิร์ลจนถึงหน้าสวนสาธารณะโลมาเป็น 7 โซน รวมผู้ประกอบการประมาณ 100 ราย และส่วนใหญ่ก็เป็นคนป่าตองที่ทำธุรกิจนี้สืบทอดกันมา 2-3 รุ่น และทุกคนก็ไม่ต้องการที่จะทำลายหม้อข้าวของตัวเอง ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องตกเป็นจำเลยมาตลอด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สร้างปัญหา อาจจะมีบ้างก็ส่วนน้อย และขณะเดียวกันก็อยากให้หันไปมองในมุมของนักท่องเที่ยวที่สร้างปัญหาด้วย เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้นมีคุณภาพลดน้อยลง และบางครั้งก็สื่อสารกันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจอดรถไม่ได้ บางครั้งการที่เกิดรอยขูดขีดก็มาจากการขยับเลื่อนรถ ดังนั้นเมื่อจัดระเบียบแล้วก็อยากให้ทางเทศบาลฯ เข้าไปทำป้ายสัญลักษณ์ให้ชัดเจนว่าจุดไหนเป็นที่จอดรถทั่วไป จุดไหนเป็นที่จอดรถให้บริการเช่า เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาความไม่เข้าใจขึ้นมาอีก ส่วนของการขอพื้นทีคืน 50% นั้นคิดว่ายอมรับได้ แต่ก็ต้องมากำหนดรายได้ละเอียดอย่างที่บอก

ส่วนของ พ.ต.อ.อารยะพันธ์ พุกบัวขาว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะทู้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางตำรวจก็ร่วมกับเทศบาลและผู้ประกอบการร่วมมือกันแก้ปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีอุปสรรคบางอย่างเช่นกัน ก็ต้องหาแนวทางการแก้ไขกันต่อไป สำหรับครั้งนี้นอกจากบริเวณถนนทวีวงศ์ซึ่งคงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ที่สามารถดำเนินการได้เลย คือ บริเวณถนนพระบารมีซึ่งเป็นถนนสายหลักที่เข้าออกป่าตองซึ่งจะมีปัญหาการจราจรแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้ากับเย็น เนื่องจากมีการจอดรถบริเวณไหล่ทางหรือมีการจดรถซ้อนคัน ดังนั้นจะขอให้มีการจอดในลักษณะของวันคู่วันคี่ซึ่งจะทำให้การจราจรไหลลื่นไปได้ กับการเชื่อมต่อระหว่างถนนทวีวงศ์ (ถนนสายหน้าหาด) กับถนนราษฎร์อุทิศ 200 ปี (ถนนสาย 2) ซึ่งปัจจุบันเป็นการให้ขับแบบเวียนขวาก็จะปรับมาให้เวียนซ้ายเหมือนเดิม แต่การดำเนินการจะต้องมีการติดป้ายประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งก็ต้องขอความร่วมมือจากทางเทศบาลฯในการจัดทำป้าย ส่วนประกาศจราจรนั้นทางตำรวจก็จะได้ไปดำเนินการต่อไป

Phuket Street Show Festival 2010


เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 53 บริเวณด้านหน้าสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ถนนถลาง ถนนกระบี่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวและซอยรมณี อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นถนนย่านเมืองภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานเทศกาลศิลปะการแสดงริมถนน หรือ Phuket Street Show Festival 2010 ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต มูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ตและชมรม Old Phuket Town กันจัดขึ้น โดยนำหลากหลายโชว์จากนักแสดงนานาชาติทั่วโลกทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรป มาจัดแสดงรวม โดยการแสดงมีขึ้นระหว่างเวลา 17.00 – 23.00 น. ไปจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 53

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เห็นว่าประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ตยังคงเป็นประเทศที่น่าเที่ยว ด้วยการนำเสนอความสนุกสนานผ่านทางการแสดงหลากหลายชนิดที่เรียกว่าศิลปะการแสดงริมถนน โดยใช้ชื่อว่า Phuket Street Show Festival 2010 ถือเป็นครั้งแรกของภูเก็ต

ในส่วนของการแสดงที่นำมาแสดงนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น คณะ Acrobuffos จากสหรัฐอเมริกาเป็นการแสดงตลกของนักสู้บอลลูนน้ำที่จะสร้างความสนุกสนานเปียกปอนทั่วตัวนักแสดงและผู้ชม, คณะการแสดงAerial Acrobatic (Tissue Act) จากเนเธอร์แลนด์โชว์เด่นของคณะนี้เป็นการเล่นกายกรรมบนริ้วผ้าที่จะทำให้คนดูตื่นเต้นแทบลืมหายใจโดยนักแสดงจะหล่นตัวหมุนตัวอยู่เหนือผู้ชมเป็นการเดินทางจากฟ้าสู่พื้น, คณะการแสดง Funniest จากเกาหลีเป็นนักแสดงคู่หูคู่ฮาผู้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันในทุกท่วงท่าจะมาโชว์ความสามารถที่เกิดจากการประยุกต์การแสดง Circus แบบดั้งเดิมให้เข้ากับยุคสมัย, คณะการแสดง James จากบราซิลเป็นการโชว์ความสามารถระดับ BMX Champion ซึ่งหนุ่มนักแสดงจะควบจักรยาน BMX ผาดโผนโจนทะยานอย่างน่าตะลึงที่สุดคนหนึ่งของโลก, คณะการแสดง Le Tennis จากฝรั่งเศสเป็นคณะนักแสดง Trio สร้างเสียงฮาด้วยการแสดง Comedy Juggling ระดับชั้นเซียนที่จำลองเอาสนามเทนนิสสุดป่วนมาให้ทุกคนได้ดูไปขำไป

นอกจากนั้นยังมีคณะนักแสดงของไทยอีก 6 คณะ อาทิ คณะการแสดง Aleno Show เป็นไฮไลต์ของคณะนักแสดงไทยผู้มากความสามารถการเดี่ยวบนลานซิ่งและมายากลสร้างความสุขใจให้ผู้ชมด้วยอุปกรณ์แปลกตาที่หาดูได้ยากกับประสบการณ์การบุกเบิกงาน Street ในประเทศไทยมากกว่ายี่สิบปี, คณะการแสดง Kae Dam Dam (แกะดำดำ) เป็นนักแสดงผู้ช่ำชองหุ่นสายมาอย่างยาวนานและโชกโชน เป็นต้น


มอบเครื่องดนตรีให้ชาวเลราไวย์-บ้านแหลมตุ๊กแก


เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ที่อาคารอเนกประสงค์ ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานในการมอบเครื่องดนตรีแก่ชนชนชาวเลบ้านราไวย์ โดยมีนายหนีม ดำรงเกษตร ประธานชุมชนชาวไทยใหม่ ม.2 ต.ราไวย์ เป็นผู้แทนในการรับมอบ นายทวิชาติ อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต นายธีรพงศ์ เถาว์แดง รองนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายสเทือน มุขดี ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลราไวย์ ข้าราชการเกี่ยวข้อง แขกผู้มีเกียรติ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชาวเลราไวย์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

จากนั้นวันเดียวกันนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้พร้อมด้วยวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต และคณะเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านชาวไทยใหม่ แหลมตุ๊กแก ม.4 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เพื่อนำเครื่องดนตรีไปมอบให้แก่ชาวเลแหลมตุ๊กแก เช่นเดียวกัน ซึ่งรับมอบโดยนายสุธน ประมงกิจ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.รัษฎา มีนายสมประสงค์ เอี่ยมสกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ นายเชาวเลิศ จิตต์จำนง รองนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ข้าราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลรัษฎา และประชาชนชาวไทยใหม่แหลมตุ๊กแก ร่วมเป็นเกียรติในพิธี สำหรับเครื่องดนตรีที่มอบให้แก่ชาวเลในวันนี้ ประกอบด้วย กลองรำมะนา ไวโอลีน ฆ้อง ฉิ่ง ปี่ แอ็ดโคเดี้ยน และชุดเครื่องเสียง

ทั้งนี้นายตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากจังหวัดภูเก็ตได้รับงบประมาณจากงบไทยเข้มแข็งโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเลจังหวัดภูเก็ต เป็นเงิน 8,415,700 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวเลมีระดับคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง มีการสร้างอาชีพที่ใช้ภูมิปัญญาของตนเอง ดำรงและสืบสานวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของตนเองได้อย่างยั่งยืน จังหวัดภูเก็ตสามารถสร้างจุดขายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้เพิ่มขึ้น

ทางจังหวัดได้มอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ตดำเนินการจัดกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมชาวเล 5 ชุมชน และดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ เครื่องดนตรีชุดเต็มวง จำนวน 2 ชุด รวมเป็นเงิน 147,000 บาท เพื่อมอบให้แก่ชุมชนชาวเลตำบลราไวย์ และชุมชนชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแก ต.รัษฎา ส่วนชุมชนชาวเลไม่ว่าจะเป็นชุมชนชาวเลบ้านสะปำ ชุมชนชาวเลบ้านแหลมหลา และชุมชนชาวเลบ้านหินลูกเดียวที่ต้องการใช้เครื่องดนตรีดังกล่าวสามารถขอใช้ได้จากคณะกรรมการชุมชนที่ได้รับเครื่องดนตรี

กิจกรรมที่ ได้ดำเนินการภายใต้โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเลจังหวัดภูเก็ต 5 ชุมชน มีกิจกรรมศิลปะการแสดง เป็นการแสดงรำรองเง็ง มวยกาหยง และการจักสาร รวมทั้งการร้อยโมบาย และการจัดซื้อครุภัณฑ์ เครื่องดนตรีเต็มวงรวม 2 ชุดให้แก่ชุมชนได้ส่งเสริมสนับสนุนเด็กเยาวชนลูกหลานชาวเลให้สืบสานวัฒนธรรมรองเง็งต่อไป โดยได้มอบให้ชุมชนราไวย์ กับบ้านแหลมตุ๊กแก”

นายตรี กล่าวต่อไปอีกว่า เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้เครื่องดนตรีจึงขอให้ชุมชนที่ได้รับมอบเครื่องดนตรีดังกล่าวเป็นแกนนำในการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมของจังหวัดภูเก็ตให้คงอยู่ พร้อมทั้งสร้างคน สร้างจุดขายของชุมชนชาวเลโดยใช้เครื่องดนตรีที่ทางราชการมอบให้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“จุรินทร์” ยกระดับมาตรฐานสาธารณสุข


เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2553 ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน การสาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยว (กลุ่มจังหวัดอันดามัน) และมหกรรมสถานีสุขภาพ ซึ่งทางสำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 7 ดูแลจังหวัดกลุ่มอันดามัน ประกอบด้วย กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนองและสตูล โดยมีผู้บริหารระดับสูงและผู้ปฎิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสาธารณสุขในแหล่งท่องเที่ยวระดับกระทรวงสาธารณสุข ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ จากทั้ง 6 จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขเข้าร่วม โอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อความร่วมมือด้านการสาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับกลุ่มจังหวัดฝั่งอันดามันด้วย

นายแพทย์วิรัช เกียรติเมธา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 7 กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดให้จังหวัดในแหล่งท่องเที่ยวพัฒนามาตรฐานด้านสุขภาพตามโครงการสาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว โดยสำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 7 ดูแลจังหวัดกลุ่มอันดามัน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ จึงกำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาขึ้น คือ การสาธารณสุขในแหล่งท่องเที่ยว ฝั่งอันดามัน ได้มาตรฐาน คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวไว้วางใจ และมีความพังพอใจ ในระดับสากล โดยการกำหนดแผนพัฒนาร่วมกันในภาพเขต ระดมทรัพยากรและความร่วมมือจากภาคีทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน ที่สำคัญคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับมาตรฐานด้านการดูแลสุขภาพสู่ระดับสากล ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อต้องการสื่อสารไปยังประชาชน และนักท่องเที่ยวให้เกิดความมั่นใจว่ากลุ่มอันดามันได้ผนึกกำลังกันสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยว

ทางด้านนายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงฯ มีนโยบายที่จะดูแลความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการพัฒนางานสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยจะใช้การทำงานด้านสาธารณสุขเป็นจุดขายสำหรับการท่องเที่ยวในท้องถิ่น พื้นที่ จังหวัด อำเภอ หน่วยงานท้องถิ่นนั้นๆ โดยกำหนดเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขภาพสำหรับแหล่งท่องเที่ยว 2 ข้อ คือ เกณฑ์มาตรฐานด้านสาธารณสุขและเกณฑ์มาตรฐานด้านระบบการให้บริการสุขภาพ

เกณฑ์มาตรฐานด้านสาธารณสุข แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ต้องปลอดโรคสำคัญ 6 โรค ได้แก่ มาลาเรีย พิษสุนัขบ้า ซาร์ส ไข้หวัดนก อหิวาต์ และลีเจียนแนร์ที่เกิดจากความชื้นในแอร์ 2.ต้องผ่านเกณฑ์ด้านสุขอนามัยสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ร้านอาหาร แผงลอยจำหน่ายอาหาร ต้องได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย ตลาดสดได้มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ โรงแรมเป็นโรงแรมน่าพัก น่าอยู่ รวมทั้งสุขาสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวต้องได้มาตรฐานของกรมอนามัย

ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานด้านระบบบริการสุขภาพ เป็นการแสดงให้เห็นความพร้อมในการให้บริการทางการแพทย์ เมื่อนักท่องเที่ยวเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.สถานบริการสาธารณสุขทุกระดับในจังหวัดท่องเที่ยวนั้นๆ ต้องพัฒนาให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 3 ดี บวกกับการประกันคุณภาพ เช่น HNQA, HA รวมทั้งมาตรฐานด้านการบริการนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น มีล่าม บริการ 24 ชั่วโมง 2.คลินิกเอกชน ร้านขายยา ธุรกิจบริการสุขภาพนวด สปาก็ต้องได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดเช่นกัน 3.ความพร้อมการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการนักท่องเที่ยว ต้องมีบุคลากร อุปกรณ์ รถพยาบาลฉุกเฉิน อุปกรณ์ ทีมกู้ชีพ รวมทั้งมาตรฐานการให้บริการที่จุดเกิดเหตุต้องส่งผู้ป่วยจากจุดเกิดเหตุให้ถึงสถานพยาบาลให้ได้ภายใน 10 นาที พื้นที่ใดจะประกาศเป็นพื้นที่สาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยวต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า การพัฒนางานสาธารณสุขนอกจากจะเป็นจุดขายช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในพื้นที่แล้ว ยังจะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนในพื้นที่นั้นๆด้วย เพราะจะทำให้สามารถเข้ารับการบริการได้ทุกวัน เป็นการบูรณาการงานสาธารณสุขทุกด้าน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประชาสัมพันธ์ให้จังหวัด พื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการฯ โดยลงนามความร่วมมือที่จะพัฒนางานสาธารณสุข ทั้งแบบสมัครใจและแบบบังคับ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่นภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ข่าวลือสึนามิส่งผลกระทบตลาดเอเชีย



เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 53 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ต หรือ กรอ.ภูเก็ต ว่า จากกรณีที่มีข่าวลือเกี่ยวกับการจะเกิดคลื่นสึนามิในฝั่งทะเลอันดามันในช่วงประมาณเดือนธันวาคมนี้ผ่านทางสื่อต่างๆ ได้ส่งผลกระทบต่อจังหวัดท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตลาดเอเชีย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เป็นต้น หายไปจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราการเข้าพักหายไปประมาณ 20 – 30%

“จากการสอบถามไปยังบริษัทนำเที่ยวหลายๆ แห่งในพื้นที่ที่รับนักท่องเที่ยวตลาดเอเชียได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า สาเหตุสำคัญที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หายไป เกิดขึ้นจากข่าวลือการเกิดสึนามิ เนื่องจากตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีความอ่อนไหวง่าย เมื่อเกิดข่าวลือเกี่ยวกับภัยพิบัติทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป ที่ทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักในระยะนี้เดินทางเข้ามาลดน้อยลง หายประมาณ 30% เมื่อเทียบช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งในช่วง 10 – 15 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับภูเก็ต ยกเว้นในช่วงที่เกิดสึนามิถล่มเมื่อปี 2547 ถือว่าท่องเที่ยวภูเก็ตได้รับผลกระทบอย่างหนัก ดังนั้นเมื่อมาพิจารณารายได้ในภาพรวมคิดว่าน่าจะหายไปประมาณ 600 ล้านบาท”

นายภูริต กล่าวด้วยว่า แนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ในส่วนของจังหวัดควรที่จะเร่งทำหนังสือชี้แจงและประกาศไปยังประเทศต่างๆ เพื่อยืนยันและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความพร้อมของจังหวัดทั้งเรื่องระบบการเตือนภัย การอพยพกรณีเกิดสึนามิ เพื่อยืนยันและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เหมือนกับในอดีตที่เคยมีการดำเนินการมาแล้วเมื่อเปิดภัยพิบัติขึ้น


กองทุนสวัสดิการชุมชนร่วมถอดบทเรียนการทำงาน

กองทุนสวัสดิการชุมชนร่วมถอดบทเรียนการทำงาน

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2553 ที่โรงแรมคาทีน่าภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดเวทีถอดบทเรียนการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชนเพื่อหาแนวทางในการพัฒนากองทุนสวัสดิการชุมชนอย่างยั่งยืน ในปี 2554 โดยมีประธาน กรรมการและเลขานุการกองทุนสวัสดิการชุมชน 18 พื้นที่ รวม 120 คน เข้าร่วม เพื่อถอดบทเรียนการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชนในภาพรวมทั้ง 18 กองทุน พร้อมทั้งหาแนวทางในการพัฒนากองทุนสวัสดิการชุมชนอย่างยั่งยืน ในปี 2554 ต่อไป โดยมีวิทยากรจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นวิทยากรร่วมถอดบทเรียนการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชนดังกล่าว

นายสำราญ คงนาม รองประธานคณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สืบเนื่องจากจังหวัดภูเก็ต ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 2 คณะ คือ คณะอนุกรรมการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาระบบสวัสดิการจังหวัดภูเก็ต เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการกองทุนสวัสดิการชุมชน สนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดภูเก็ต เป็นกลไกดำเนินการในระดับจังหวัดภูเก็ต เชื่อมโยงงานสวัสดิการชุมชนกับการจัดสวัสดิการสังคมในพื้นที่ ส่วนคณะที่สอง คือคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชนจังหวัดภูเก็ต ทำหน้าที่ติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนในพื้นที่ต่างๆ จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ทุก 6 เดือน และสรุปผลชุดองค์ความรู้การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ

ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 2 ชุด ได้ลงพื้นที่กองทุนสวัสดิการชุมชน จำนวน 18 แห่ง ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา เพื่อถอดบทเรียนการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชน ทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์เพื่อขยายสมาชิกให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านในตำบล และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน สมาชิกกองทุนและชาวบ้านในพื้นที่แต่ละกองทุนฯ เพื่อให้เกิดการบูรณาการกองทุนร่วมกันในการจัดสวัสดิการให้มีความมั่นคงและยั่งยืนและคนในตำบลได้รับสวัสดิการอย่างทั่วถึงต่อไปนายสำราญกล่าว

“กรีฑา นักเรียน นักศึกษาและประชาชน ประจำปี 2553”


เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ที่สนามสุระกุล อ.เมือง ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการแข่งขัน กรีฑา นักเรียน นักศึกษาและประชาชน จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2553 ซึ่งจัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นำโดยนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15 – 17 ธันวาคม 2553 โดยมีคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย คณะครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา จากสถานศึกษาต่างๆ และประชาชนในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม

ทั้งนี้นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกอบจ.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า กรีฑานักเรียน นักศึกษาและประชาชน เป็นกีฬาที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และมีการจัดเป็นประจำทุกปี ซึ่งทางอบจ.ภูเก็ต ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะพัฒนานักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นเยาวชนของชาติเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และเพื่อส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชาชนในจังหวัดภูเก็ต ได้เล่นกีฬาเสริมสร้างสุขภาพ พลานามัยและห่างไกลอบายมุข ยาเสพติด ตลอดจนการเฟ้นหาตัวนักกีฬา ที่มีความสามารถเป็นนักกีฬาทีมจังหวัดภูเก็ตต่อไป

การจัดการแข่งขันกรีฑาครั้งนี้ มีสถานศึกษาส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 38 หน่วยกีฬา แบ่งการแข่งขันออกเป็นประเภทลู่ จำนวน 120 รายการ และประเภทลานจำนวน 110 รายการ นักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 6,300 คน กองเชียร์จำนวน 25,000 คน ใช้งบประมาณในการจัดการแข่งขันจำนวน 2,700,000 บาท โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เป็นอย่างดี

ทางด้านนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสร้างสุขภาพและการจัดการแข่งขันกีฬาทุกประเภทมาโดยตลอด และยังส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐ คือ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต ภาคเอกชนและประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะการเล่นกีฬาได้มีส่วนช่วยพัฒนาคน พัฒนาจิตใจให้มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย จึงขอเชิญชวนทุกท่านสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อเป็นการสร้างทรัพยากรบุคคลของจังหวัดให้มีศักยภาพ คุณภาพที่ดี มีสุขภาพสมบูรณ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยในการเสริมสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคงของประเทศชาติ

ภูเก็ตพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในไฮซีซันนี้


เมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคม 53 ที่ผ่านมา ที่บริเวณบนถนนทวีวงษ์ และลานซอยบางลา หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ครั้งที่ 25 ประจำปี 2553 ในระหว่างวันที่ 15 – 20 ธันวาคม 2553 ซึ่งจัดโดยเทศบาลเมืองป่าตอง ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีนายศิริพัฒ พัฒกุล นายอำเภอกะทู้ นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง คณะบริหารเทศบาลเมืองป่าตอง สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง แขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ตลอดจนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองป่าตองและใกล้เคียง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเข้าร่วมในพิธี จำนวนมาก

โดยก่อนพิธีเปิดจะเริ่มขึ้น ทางคระผู้จัดงาน ได้จัดให้มีขบวนแห่ Patong Carnival ใน 2 รูปแบบ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างขบวนรถที่ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ และขบวนรถที่ตกแต่งด้วยไฟหลากสี ร่วมกับการนำเสนอขบวนพาเหรดที่มีผู้เข้าร่วมขบวนจำนวนหลายร้อยคน เพื่อสะท้อนให้เห็นความงดงามของการตกแต่งกายจากตำนาน และอารยธรรมไทยทุกยุคทุกสมัย แดนดินถิ่นสี่ภาค ซึ่งตลอดสองข้างทางที่ขบวนแห่ผ่านเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ที่ออกมารอรับ เพื่อชมความสวยงามของขบวนแห่

ทั้งนี้นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ได้กล่าวว่า การจัดงานเปิดฤดูการการท่องเที่ยว ในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ และสร้างความหลากหลายในกิจกรรมให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและการเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เกิดความประทับใจ ซึ่งเป็นการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โรงแรม และสถานบันเทิง

นอกจากนี่ยังได้รับความร่วมมือจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในการจัดกิจกรรมภายใต้บรรยากาศริมทะเลชายหาดป่าตอง ประชาชนและนักท่องเที่ยวจะได้พบกับการแสดงแสงสีเสียง ยามค่ำคืน การแสดงศิลปวัฒนธรรม และคอนเสิร์ตจากศิลปินดังจาก GMM แกรมมี่ ทุกค่ำคืน นอกจากนี้ยังจะได้พบกับความบันเทิงจากอีก 2 เวทีหลัก คือ เวทีแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักเรียน นักศึกษา ณ ลานบางลา และเวทีคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง ณ สนามฟุตบอลแหลมเพชร

ส่วนกิจกรรมในภาคกลางวัน ทางเทศบาลได้ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้จัดกิจกรรม “หาดสวย ทะเลใส ป่าตองใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งจะประกอบด้วยการแข่งขันดำน้ำเก็บขยะ การแข่งขันเรือหางยาว การช่วยกันรักษาความสะอาดของท้องทะเล และชายหาดป่าตอง นิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้สวยงามเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว และพร้อมรับการกลับมาเยือนอีกหลายๆ ครั้ง