จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วิสิษฐ์ ใจอาจ เพื่อไทย เขต 1 ลงพื้นที่หาเสียง


วิสิษฐ์ ใจอาจ เพื่อไทย เขต 1 ลงพื้นที่หาเสียง

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2554 ที่บริเวณตลาดนัดบ้านบางคณฑี ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวิสิษฐ์ ใจอาจ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ภูเก็ต เขต 1 พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายหาซื้อหาสินค้าในตลาดนัด โดยได้มีการทักทายและแจกเอกสารแนะนำตัว โอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการเปิดเวทีปราศรัยย่อยเพื่อนำเสนอนโยบายที่จะทำหากได้รับการเลือกตั้งเข้าไปด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี

นายวิสิษฐ์ กล่าวว่า จากการพบปะและพูดคุยกับประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดพบว่าปัจจุบันราคาสินค้าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็จะต้องมีการเลือกผู้นำที่จะเข้าไปแก้ปัญหาได้ ส่วนปัญหาอื่นๆ ของภูเก็ตซึ่งเมื่อได้รับการเลือกเข้าไปก็จะแก้ปัญหาเรื่องการจราจรขนส่ง ซึ่งพบว่าเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับภูเก็ตและเป็นปัญหาเร่งด่วน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว การจัดให้มีมหาวิทยาลัยภูเก็ต การพัฒนาด้านภาษา การให้บริการวายฟายฟรี การดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น ทั้งนี้จะมีการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน และประชาชนทั่วไป เนื่องจาก ส.ส.ไม่ใช่เทวดา หรือผู้วิเศษ จึงจำเป็นที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และมาลำดับความสำคัญในการแก้ไข นำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงกับความต้องการ เพื่อพัฒนาให้ภูเก็ตดีกว่าเดิม

อย่างไรก็ตามในส่วนของนโยบายพรรคที่มีการวางไว้หากได้รับการคัดเลือกเข้าไปเป็นรัฐบาลนั้น มีทั้งการเพิ่มรายได้ และขยายโอกาสให้เกษตรกรและคนยากจน ด้วยการสร้างที่พักให้หนี้ ให้เกษตรกรมีบัตรเครดิต รับจำนำข้าวเปลือก อนาคตเด็กไทย สู่หลักประกันใหม่ของชีวิต เช่น ฟื้นฟูกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เด็กมีคอมพิวเตอร์ใช้ เล่นเน็ตในที่สาธารณะฟรี เป็นต้น สร้างหลักประกันรายได้ให้กับบัณฑิตจบใหม่และผู้ใช้แรงงานเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ และเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน จัดทำกองทุนตั้งตัว คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อมให้แก่ผู้ซื้อบ้านหลักแรก คืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกในชีวิต สร้างโครงข่ายน้ำทั่วประเทศ สร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วม สร้างเครือข่ายคมนาคม รวมถึงการแก้น้ำท่วมซ้ำซาก







วันสุดท้ายสมัครสส.เพิ่มอีก 2 ราย


วันสุดท้ายสมัครสส.เพิ่มอีก 2 ราย
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 54 เป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตทั้งเขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 ในช่วงเช้าปรากฏว่ามีผู้สมัครมายื่นใบสมัครเพิ่มอีก 1 คน คือ นายวีรศักดิ์ วรเนติวงศ์ หมายเลข 17 จากพรรคแทนคุณแผ่นดิน โดยมีผู้สมัคร ส.ส.แบบระบบบัญชีรายชื่อจากพรรคแทนคุณแผ่นดิน พร้อมกลุ่มผู้สนับสนุน มาร่วมให้กำลังใจกำลังหนึ่ง
นายวีรศักดิ์ กล่าวถึงการตัดสินใจลงสมัคร ส.ส. ในครั้งนี้ ว่า ด้วยที่ผ่านมาทำงานร่วมกับกลุ่มสัจจานุภาพซึ่งมี นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะเป็นแกนนำมาเป็นเวลาร่วม 4 ปี โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มดังกล่าว พร้อมชูนโยบายในการผลักดันภูเก็ตให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ร่วมทั้งการปรับปรุงถนนทุกสายในภูเก็ตให้ดีขึ้น ส่วนของฐานเสียงนอกจากกลุ่มสัจจานุภาพแล้วยังเป็นกลุ่มเพื่อนฝูง ญาติและประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด ซึ่งตนขอเป็นทางเลือกดังกล่าว
และในช่วงบ่ายก่อนปิดการรับสมัคร ปรากฏว่านายจตุพงศ์ เลิศศิลป์จิราดา อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นนักธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตอดีตผู้ลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา จ.พังงา ได้เดินทางมายื่นใบสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ภูเก็ต เขต 1 พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หมายเลข 2
ทั้งนี้นายจตุพงศ์ กล่าวถึงการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ภูเก็ต เขต 1ว่า เนื่องจากมีความชื่นชอบนโยบายของพรรคฯ ที่จะผลักดันให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มจาก 17 ล้านคน เป็น 25 ล้านคน สอดคล้องกับจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาค เมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาภูเก็ตเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังต้องการที่จะสร้างสีสันทางการเมืองให้กับจังหวัดภูเก็ต รวมถึงการเข้าไปผลักกันเรื่องของขนส่งมวลชนด้วย แม้จะรู้อยู่ว่าภูเก็ตเป็นพื้นที่ของพรรคการเมืองใหญ่ก็ตาม แต่ไม่ได้มีความกังวลอย่างใด ซึ่งวิธีการหาเสียงก็จะเน้นการเคาะประตูบ้านเพื่อให้เข้าถึงประชาชน คาดหวังจะได้คะแนนเพียงเล็กน้อยก็พอใจแล้ว เนื่องจากปกติเป็นคนที่สนใจการเมืองอยู่แล้ว โดยเคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.เมื่อปี 2542 ที่จังหวัดพังงา มาแล้ว
ด้านนายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผอ.กกต.ภูเก็ต กล่าวว่า สรุปจำนวนผู้มายื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของ จ.ภูเก็ตมีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 4 คน ได้แก่ นายวิสษฐ์ ใจอาจ พรรคเพื่อไทย, นางอัญชลี วานิช เทพบุตร พรรคประชาธิปัตย์ นายวีรศักดิ์ วรเนติวงศ์ พรรคแทนคุณแผ่นดิน และนายจตุพงศ์ เลิศศิลป์จิรดา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 มีจำนวน 3 คน ได้แก่นายสมาน เก็บทรัพย์ พรรคเพื่อไทย นายเรวัต อารีรอบ พรรคประชาธิปัตย์ และนายจิรายุส ทรงยศ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งทาง กกต.จะใช้เวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติ 7 วัน หลังจากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ภูเก็ตทำบุญปกป้องภัยพิบัติและเสริมดวงเมือง


เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2554 ที่บริเวณด้านหน้าศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง ปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต คณะกรรมการบริหารศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย ศาลเจ้าปุดจ้อ และศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง สะพานหิน ร่วมกับประชาชนจังหวัดภูเก็ต จัดงานทำบุญปกป้องภัยพิบัติและเสริมดวงเมืองภูเก็ตขึ้น โดยมี พระมงคลวิสุทธิ์ หรือหลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสิริสีลสุภาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานฝ่ายฆารวาส ซึ่งมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยว และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
นายธีรวุธ ศรีตุลารักษ์ ประธานศาลเจ้าจุ้ยตุ้ยเต้าโบ้เก้ง และประธานกรรมการจัดงาน ดังกล่าว กล่าวว่า ด้วยทางคณะกรรมการบริหารศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย ศาลเจ้าปุดจ้อ ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง สะพานหิน ร่วมกับประชาชนจังหวัดภูเก็ต ได้มติร่วมกันจัดงานทำบุญปกป้องภัยพิบัติและเสริมดวงเมืองภูเก็ตขึ้น เพื่อเป็นการเสริมขวัญและกำลังใจแก่ประชาชนจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ต่อข่าวสารทางราชการและท่านผู้รู้แจ้งให้ทราบว่าจะเกิดภัยธรรมชาติขึ้นอีกที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวหลักของประเทศได้
กิจกรรมภายในงาน ภาคเช้า มีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยคณะพราหมณ์เชียรและพิธีสงฆ์ มีการทำบุญตักบาตรและการถวายภัตตาหารเพล พระสงฆ์ จำนวน 118 รูป ส่วนภาคกลางคืน มีพิธีซงเก้ง (สวดมนต์) โดยเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ พิธีเวียนธูป พิธีซงเก้ง(สวดมนต์) โดยทีมงานเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้งขจัดภัยพิบัติภยันตรายทั้งปวง


เปิดประชุมสภาเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี


เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 54 ที่อาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเทพกระษัตรี นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมสภาเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี ครั้งแรกประจำปี 2554 เพื่อการคัดเลือกประธานสภาเทศบาล รองประธานสภาเทศบาล และเลขานุการ โดยมี นายปิยวัฒน์ จิรจามร นายกเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี นายสมนึก วิจิตรสรัตน์ ปลัดเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี นายสาธิต กลิ่นภักดี ท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเทพกษัตรี เข้าร่วม

ทั้งนี้นายสมนึก วิจิตรสรัตน์ ปลัดเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี ในฐานะ เลขานุการสภาชั่วคราว ได้กล่าวว่า ตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประกาศผลการเลือกทั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเทพกระษัตรีครบทั้งสองเขตเลือกตั้ง จำนวน 12 คน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 54 และเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามความในมาตรา 24 วรรค สอง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.1.พ.ศ.2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง(ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2552 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ.2547 ข้อ 6 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 25 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2552 ให้เรียกประชุมสภาเทศบาลตำบลเทพกษัตรีครั้งแรก เพื่อคัดเลือกประธานสภา รองประธานสภา และเลขานุการสภา

ด้านนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ ได้กล่าวว่า สมาชิกเทศบาลตำบลเทพกระษัตรีที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลเทพกระษัตรีสืบไป

โดยในเบื้องต้นที่ประชุมได้มอบหมายให้นางกฤษณา เฉิดโฉม ซึ่งเป็นผู้ที่มีอาวุโสที่สุดของสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี เป็นประธานชั่วคราว เพื่อนำสมาชิกสภาทุกท่าน ได้กล่าวคำปฏิญาณตนและคัดเลือกประธานสภาและรองประธานสภา จากการคัดเลือกปรากฏว่า นายวศิน ดับโศก ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานสภาเทศบาล ส่วนนายพยุง ชนะศึก ได้รับการคัดเลือกให้เป็นรองประธานสภาเทศบาล และนางกฤษณา เฉิดโฉม ได้รับการคัดเลือกเป็นเลขานุการสภาเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี

“อภิสิทธิ์” นำทัพ ปชป.เปิดเวทีใหญ่ครั้งแรกที่ภูเก็ต


“อภิสิทธิ์” นำทัพ ปชป.เปิดเวทีใหญ่ครั้งแรกที่ภูเก็ต

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 พฤษภาคม 2554 ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ นำทีมโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ พร้อมแกนนำคนสำคัญจำนวนมาก เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์, นายชิณวรณ์ บุญเกียรติ, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นต้น โดยมีประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตและพังงาร่วมรับฟังจำนวนมาก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของชุดรักษาความปลอดภัยของนายอภิสิทธิ์ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งนอกจากการรักษาความปลอดภัยแล้วยังได้ดูแลเรื่องการจราจรด้วย

โดยการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในครั้งนี้ เริ่มด้วยนายชิณวรณ์ บุญเกียรติ กล่าวกับผู้มารับฟังการปราศรัย ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าเรื่องของการศึกษาทั้งเรื่องการเรียนฟรี และการส่งเสริมทางด้านการศึกษาด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายเดินเพื่อประชาชน

ตามด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งสำคัญเป็นการชี้เป็นชี้ตายว่าประเทศจะเดินทางไปได้หรือไม่ และก็ไม่ใช่เป็นการเลือก ส.ส.ธรรมดา แต่เป็นการเลือกรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งเป็นการเลือกว่าใครควรจะได้เป็นผู้นำประเทศระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย

“ยืนยันว่าสำหรับนายอภิสิทธิ์เป็นผู้ที่เรียนหนังสือเก่งจนได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยระดับโลก และมีความสนใจทางการเมืองมาตั้งแต่อายุยังน้อย ในช่วงที่เข้ามาทำหน้าที่ในการทำการเมืองนั้นก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แสดงความคิดเห็นที่เด็ดขาดชัดเจนและมีโดดเด่น โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นรัฐบาล 2 ปี ก็สามารถนำพาประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรมีราคาเพิ่มสูง เป็นที่พอใจของเกษตรกรโดยเฉพาะการประกันรายได้เกษตรกร ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 7% มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่ดีแต่พูดเหมือนกับที่ถูกกล่าวหา”

นายสุเทพ ยังกล่าวด้วยว่า กรณีชื่อของผู้ก่อเหตุร้ายเผาบ้านเผาเมืองในช่วงที่ผ่านมายืนยันว่าจะยังคงพูดทุกเวที เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตนก็ไม่ได้ใส่ร้ายแต่อย่างใด และคนผิดก็ควรที่จะได้รับการลงโทษ กรณีของการนำเสนอผลโพลต่างๆ ก็เช่นกันซึ่งมีหลากหลายสำนักก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ที่มั่นใจคือ อภิสิทธิ์ชนะยิ่งลักษณ์แน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์ก็ชนะพรรคเพื่อไทยแน่นอนเช่นกัน สำคัญคือ ทุกคนจะต้องแสดงความเป็นเจ้าของประเทศด้วยการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

หลังจากที่นายสุเทพ ปราศรัยเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ก็ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยการเดินทางในครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ซ้อนท้ายจักรยานยนต์รับจ้าง มาที่เวทีปราศรัย ซึ่งในระหว่างเดินขึ้นเวทีปราศรัยมีผู้ให้การสนับสนุนมอบช่อดอกไม้ ในโอกาสเดียวกันนี้ได้มีการแนะนำผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ ยกเว้น จ.นราธิวาส ยะลาและปัตตานี จากนั้นก็ได้ปราศรัยแนะนำนโยบายของทางพรรค ภายใต้สโลแกนเดินหน้าต่อไปด้วยนโยบายเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายในช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรัฐบาล เช่น เบี้ยยังชีพ เรียนดีเรียนฟรี 15 ปี อสม. เป็นต้น นอกจากนี้ยังเรื่องของปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ การเพิ่มค่าแรง และยาเสพติด

อย่างไรก็ตามจากการทำงานที่ผ่านมาเป็นผลพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี เพราะการแก้ปัญหาแต่ละเรื่องนั้นก็จะต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เช่น เรื่องของราคาน้ำมันดีเซลซึ่งคงไว้ที่ลิตรละ 30 บาท เนื่องจากได้มีข้อตกลงกับทางบริษัทขนส่งไม่ให้ปรับขึ้นราคาเพราะจะเป็นการทำให้ต้นทุนอื่นๆ สูงตามไปด้วย รวมไปถึงในส่วนของสินค้า แม้ว่าน้ำมันจะปรับลดราคาลงแต่ราคาสินค้าต่างๆ เมื่อปรับขึ้นแล้วก็ยากที่จะลดลง เป็นต้น ดังนั้นจากผลงานที่ผ่านมาน่าจะพิสูจน์กันได้ว่าไม่ได้ดีแต่พูด

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายที่คิดขึ้นมานั้นไม่ได้ทำเพื่อจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งแต่เพื่อทุกจังหวัด เช่น การก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ที่ภูเก็ต ก็ยังคงให้การสนับสนุนศูนย์ประชุมฯ ที่เชียงใหม่ด้วย เป็นต้น ซึ่งหากได้รับการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งก็ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน ไม่โกง และไม่ขี้เกียจ ดังนั้นจึงขอให้ก้าวคูหาแล้วกาพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนของภูเก็ตนั้นก็ขอทั้งสองเขตเลือกตั้ง เพื่อให้ ส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามาไปมาเลือกตนเป็นนายกรัฐมนตรี และให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล



วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจสถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุม



 นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจสถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุม

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 54 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ที่บริเวณราชพัสดุแปลง ภก.153 หาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งดำเนินการโดยกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวนประมาณ 2,600 ล้านบาทในการก่อสร้าง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบรายละเอียด

ในโอกาสเดียวกันนี้ได้มีการพูดคุยกับผู้นำชุมชน ตลอดจนนายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และอุปนายกสมาคมฯ ซึ่งได้ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ เนื่องจากเสียโอกาสมาเป็นเวลาร่วมสิบปี พร้อมเสนอว่าไม่ควรที่จะมีการสร้างโรงแรมที่พักภายในศูนย์ประชุมฯ แข่งกับผู้ประกอบการ เพราะปัจจุบันโรงแรมที่พักทั้งใน จ.ภูเก็ต พังงาและกระบี่มีเป็นจำนวนมาก และเพียงพอที่จะรองรับผู้ที่จะมาเข้าพัก

โดยนายอภิสิทธ์ กล่าวภายหลังการพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ ว่า ทราบว่าได้มีความคิดริเริ่มในการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาได้หยุดชะงักไป ซึ่งทำให้บั่นทอนโอกาสและศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตไปพอสมควร ดังนั้นด้วยมองเห็นศักยภาพของการสร้างศูนย์ประชุมฯ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งกับทางจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อเป็นรัฐบาลจึงได้มีการผลักดันงบประมาณในการก่อสร้าง จนถึงขณะนี้จึงมีความชัดเจนทั้งเรื่องของบประมาณ สถานที่ก่อสร้างและการออกแบบอาคาร

ส่วนกรณีที่ภาคเอชนได้เสนอแนะว่าไม่ควรที่จะมีโรงแรมที่พักภายในศูนย์ประชุมฯ นั้นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เช่นเดียวกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคเพื่อเชื่อมโยงกับศูนย์ประชุมฯ นั้นก็คงจะได้มีการจัดสรรงบประมาณ เพิ่มเติมต่อไป นายอภิสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลังจากตรวจพื้นที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ แล้ว นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ รวมทั้งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดภูเก็ต เขตเลือกตั้งที่ 1 นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เขตเลือกตั้งที่ 2 นายเรวัต อารีรอบ ได้ลงพบปะพี่น้องประชาชนที่บริเวณบ้านท่าฉัตรไชย บ้านแหลมหลาและหินลูกเดียว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จากนั้นได้เดินทางไปพบปะกับพี่น้องประชาชนที่ตลาดนัดบ้านลิพอน ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนในช่วงค่ำก็จะเดินทางไปร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โอกาสเดียวกันนี้ก็จะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ด้วย




วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อำเภอป้องกันควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน


เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2554 ที่ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม เรื่อง การสนับสนุนการขับเคลื่อนอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน จังหวัดภูเก็ต 2554 ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต (สสจ.ภูเก็ต) จัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันทุกภาคส่วนในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาและขับเคลื่อนระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคระดับอำเภอ โดยมีนายอำเภอเมืองภูเก็ต นายอำเภอถลาง นายอำเภอกะทู้ นายแพทย์สาธารณสุข ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุข และผู้รับผิดชอบงานอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนทุกระดับเข้าร่วม โอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการมอบเกียรติบัตรให้แก่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลสิริโรจน์ และโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่สนับสนุนการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคของจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดี
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ในช่วง 2 – 3 ทศวรรษที่ผ่านมาประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองค่อนข้างมาก ภาคประชาชน เอกชน รวมถึงสื่อมวลชนมากขึ้น ระบบงบประมาณด้านสาธารณสุข ปรับเปลี่ยนมาเป็นแบบเหมาจ่ายเป็นรายหัว จัดสรรโดยตรงสู่หน่วยบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่ มีการจัดตั้งกองทุนสุขภาพตำบล การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีภารกิจและบทบาทในการป้องกันและควบคุมโรค จึงขึ้นอยู่กับศักยภาพและระบบกลไกที่เกิดขึ้นทั้งในระดับอำเภอและตำบล
“อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน เป็นนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพัฒนาระบบเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในระดับพื้นที่ โดยเสริมศักยภาพและความเข้มแข็งในระดับอำเภอ รวมถึงความพร้อมในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขให้มีระบบและกลไกการบริหารจัดการ การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพของพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลทันสถานการณ์ ทั้งอำเภอถือเป็นจุดเชื่อมโยงการดำเนินงาน การบริหารทรัพยากรจากส่วนภูมิภาคสู่ส่วนท้องถิ่นและชุมชน แต่ที่ผ่านมาในแต่ละพื้นที่ยังขาดการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบและยังมีความเข้มแข็งที่แตกต่างกัน”
นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า คุณลักษณะอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนมี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ มีคณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพระดับอำเภอ มีระบบระบาดวิทยาที่ดี มีการวางแผนป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ มีการระดมทุนและทรัพยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีผลสำเร็จการป้องกันควบคุมโรคที่สำคัญ โดยจังหวัดภูเก็ตกำหนดเป้าหมายพัฒนาให้ทุกอำเภอผ่านเกณฑ์คุณลักษณะอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน อันส่งผลให้สามารถลดหรือขจัดปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคและภัยที่สำคัญ ประชาชนมีความปลอดภัยจากโรคและภัยสุขภาพมากยิ่งขึ้น

ดันนครภูเก็ตเป็นต้นแบบ “เมืองแห่งอาหาร”


เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 54 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานเทศบาลนครภูเก็ต นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และนางสาวสมใจ สุวรรณศุภสพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้ร่วมกันบันทึกความเข้าใจในการผลักดันเมืองภูเก็ตให้เป็นเมืองแห่งอาหารในเครือข่ายเมืองวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของ UNESCO โดยมีนายวีรวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยประชาชนชาวภูเก็ต และชาวบ้านย่านการค้าเมืองเก่าเข้าร่วม

ทั้งนี้นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละปีจะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตมีความโดดเด่นทั้งทางด้านขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต มีธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม และที่สำคัญภูเก็ตยังได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของอาหารที่แสดงถึงวัฒนธรรมที่สั่งสมมาแต่อดีต บนความกลมกลืนของเชื้อชาติที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งอาหารที่หลากหลาย และผสมกลมกลืนกันจนกลายเป็นอาหารท้องถิ่นที่รสชาดอร่อย และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต

โดยใช้วัตถุดิบของพื้นถิ่นเป็นเครื่องปรุงหลัก อาทิ อาหารจีนสไตล์ฮกเกี้ยน อาหารอิสลาม อาหารพื้นบ้านแบบปักษ์ใต้ อาหารไทยภาคกลาง ภาคอีสาน และอาหารฝรั่งอันลือชื่อ ประกอบกับภูมิประเทศที่เป็นเกาะ จึงทำให้ภูเก็ตยังมีชื่อเสียงในเรื่องอาหารทะเลที่สด สะอาด นอกจากนี้แล้ว ด้วยความมีอัธยาศัยและความเป็นมิตรไมตรีของคนภูเก็ตล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เมืองภูเก็ตสามารถก้าวถึงความเป็น City of Gastronomy ของ UNESCO

สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จึงให้ความสำคัญและ คัดเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นต้นแบบ นำร่องในการผลักดันให้เป็นเครือข่ายเมืองแห่งอาหาร (Phuket : City Gastronomy) ของ UNESCO เพื่อให้ภูเก็ตได้นำวัฒนธรรมซึ่งเป็นต้นทุนทางสังคมไปต่อยอดให้ได้รับการยอมรับและกล่าวขานมากขึ้น ส่งผลสู่การเป็นนครแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน