จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เยี่ยมผู้ป่วยโครงการภูเก็ตแคร์ ต.กมลา



เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายสนธยา สุนธารักษ์ สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต คณะแพทย์ และพยาบาล จากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกมลา และอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลกมลา ได้ลงพื้นที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการที่บ้านโครงการภูเก็ตแคร์ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2554 ในเขตตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้มอบชุดของเยี่ยม อาทิ ผ้าอ้อม แป้ง สบู่ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ให้แก่ผู้ป่วย จำนวน 4 ราย ได้แก่ นายดำ สารโศก อายุ 80 ปี นายประจบ ไกรทอง อายุ 75 ปี นางอุ้น สายสมอ อายุ 75 ปี และนายเสน เสน่ห์ อายุ 76 ปี
สำหรับโครงการภูเก็ตแคร์ เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้พิการในจังหวัดภูเก็ต ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขใกล้บ้านให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการในชุมชน ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งการเยี่ยมผู้ป่วยโครงการภูเก็ตแคร์ เขตพื้นที่ตำบลกมลา ในครั้งนี้ ทางคณะแพทย์ และพยาบาลจากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ได้ทำการตรวจสุขภาพผู้ป่วย พร้อมให้คำแนะนำแก่คนในครอบครัวสำหรับการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการต่อสู้ที่ทำให้ตนเองมีอาการดีขึ้นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

“เด็จพี่” รับข้อเสนอชาวบ้านแก้กฎหมาย



เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2554 ที่ห้องประชุมคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต เครือข่ายชุมชนชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต – พังงา ได้จัดเวทีสาธารณะเพื่อทวงคืนแผ่นดินมาเป็นสมบัติชาติ นำเสนอสภาพพื้นที่ ปัญหาและการแก้ไขการบุกรุกป่าไม้ ที่ดิน และที่สาธารณะจังหวัดภูเก็ต พังงา และสุราษฎร์ธานี โดยมีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุกจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร, พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 9 ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ ที่ดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายไชยผดุง พรหมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธนู แนบเนียร ตัวแทนชุมชนชายฝั่งจังหวัดภูเก็ตและพังงา ร่วมเสวนา โดยมีตัวแทนจากชุมชนบ้านกู้กู ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ชุมชนบ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ตัวแทนบ้านทับยาง ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และ ตัวแทนชุมชนสันติพัฒนา ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมนำเสนอปัญหาของแต่ละพื้นที่
สรุปสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย การบุกรุก ทำลาย ถางไถและออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองบางชีเหล้า-ท่าจีน จำนวน 50 ไร่ ชุมชนบ้านกู้กู หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต, การบุกรุก ถางไถ และออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของชุมชน บ้านย่าหมี หมู่ 3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา, บริษัทเอกชนถือครองโดยมีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก จำนวน 11 แปลง รวมพื้นที่จำนวน 1,284 ไร่ ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวบ้าน ทั้งทางแพ่งและคดีอาญารวม 3 คดี จำนวน 21 คน ชุมชนสันติพัฒนาอาศัยอยู่ ณ ปัจจุบันตั้งอยู่ ม.6 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี, การบุกรุกทำลายและออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในพื้นที่ป่าชายเลน จำนวน 59.2 ไร่ ในเขตชุมชนบ้านในไร่ หมู่ 7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และกรณีการออกเอกสารสิทธิ์โฉนดเลขที่ 972 และ 973 รวมเนื้อที่ 170 ไร่ โดยอ้างจาก สค.1 เลขที่ 124 ครอบครองโดยการผ่อนผัน โดยครอบครองจากการซื้อสิทธิ์จากนายอุทัย ณ ระนอง ผู้ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่แล้วนำมาออกโฉนดโดยมิชอบในพื้นที่บ้านทับยาง หมู่ 9 ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
ทั้งนี้นายพร้อมพงศ์ กล่าวภายหลังการร่วมเวทีเสวนา ว่า ภาพรวมของปัญหาแต่ละพื้นที่จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน โดยจะเป็นการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่สาธารณะและมีการนำไปออกเอกสารสิทธิ เช่น กรณีชุมชนบ้านกู้กู ซึ่งได้นำเสนอปัญหานายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ 50 ไร่ และมีการนำไปขอออกเอสารสิทธิ และจากการตรวจสอบตามขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าเป็นการออกไม่ถูกต้อง และมีการเสนอให้กรมที่ดินทำการเพิกถอน เช่นเดียวกับชุมชนย่าหมี ซึ่งมีการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน และมีการตรวจสอบพบความผิดแล้วของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ปรากฏเมื่อเสนอไปยังกรมที่ดินก็ยังคงเพิกเฉย ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทางชาวบ้านจึงได้มีการร้องเรียนและขอให้ไปเร่งรัดในเรื่องดังกล่าวให้มีความชัดเจน

พิธีถวายบังคมใน “วันวชิราวุธ” ประจำปี 2554



เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ที่สนามกีฬาสุระกุล นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 6 “วันวชิราวุธ” ประจำปี 2554 เพื่อน้อมเกล้ารำลึกพระมหากรุณาธิคุณแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต โดยนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ-เนตรนารี จำนวน 109 คน ลูกเสือสำรอง จำนวน 40 คน ลูกเสือสามัญ จำนวน 710 คน ลูกเสือ กกต. จำนวน 40 คน ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ จำนวน 610 คน ลูกเสือวิสามัญ จำนวน 120 คน เนตรนารี จำนวน 480 คน สมาชิกลูกเสือชาวบ้านจังหวัดภูเก็ต จำนวน 20 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 คนเข้าร่วมงาน
สำหรับพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ประสูติเมือวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2423 พระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าชายวชิราวุธ ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมาร ได้ทรงไปศึกษาวิชาการจากทวีปยุโรป และปี พ.ศ.2453 ได้เสด็จเถลิงราชสมบัติเมื่อพระชนมายุได้ 31 พรรษา ดำรงราชสมบัติอยู่ได้ 16 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2468
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของชาติไทย ทรงเป็นนักปกครอง นักปราชญ์ นักประชาธิปไตย แม้ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชทรงรักชาติบ้านเมืองอย่างแรงกล้า ได้ดำเนินนโยบายเผยแพร่เกียรติคุณและชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เช่น การส่งทหารไปร่วมกับฝ่ายพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นผลให้ประเทศไทยมีสิทธิเสมอภาคกับต่างประเทศ ในการพิจารณาคดีความชาวต่างประเทศ นอกจากนี้ ได้ปลุกใจให้คนไทยมีความผูกพันรักชาติบ้านเมือง พระราชกรณียกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การลูกเสือ พระองค์ทรงเห็นความสำคัญของขบวนการลูกเสือ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่จะปลูกฝังจิตใจเยาวชนให้มีความรักชาติบ้านเมือง มีเกียรติ วินัย และความกล้าหาญ ซึ่งจะทำให้ชาติอยู่ร่วมเย็นเป็นสุข นับแต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว 86 ปี กิจการลูกเสือไทยได้เจริญมาเป็นลำดับ มีลูกเสือเหล่าต่างๆ ลูกเสือชาวบ้าน เนตรนารี เกิดขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งขบวนการลูกเสือเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่า มีคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองอย่างมหาศาลและในบางครั้งสามารถร่วมแก้ปัญหาของชาติบ้านเมือง

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทูตสวีเดน เยี่ยมคารวะผู้ว่าภูเก็ต



เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับ นาย Klass Molin เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะ โดยมี นางสาว เบญจาภา ทับทอง หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางฯ จังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
จากนั้นนายตรี ได้กล่าวภายหลังว่า จากการเข้าพบของเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย ในครั้งนี้ ได้หารือเรื่องปัญหาของนักท่องเที่ยว รวมทั้งนักธุรกิจชาวสวีเดนที่เดินทางมาท่องเที่ยวและลงทุนในจังหวัดภูเก็ต โดยทั้งนี้ได้ขอร่วมมือในการแก้ปัญหาการอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องพาสปอร์ต ปัญหาราคารถโดยสาร
ทั้งนี้ได้ขอให้ทางจังหวัดภูเก็ตได้เร่งแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวที่ทางนักท่องเที่ยวชาวสวีเดนที่ไม่ได้รับความ สะดวกในเรื่องต่างๆ เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตเสียหาย และเป็นการสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ที่มาเยือน ให้เกิดความประทับใจในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ทางเอกอัครราชทูตได้กล่าวแสดงความห่วงใยปัญหาน้ำท่วมในภาคกลาง และภาคใต้ของไทย ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางสวีเดนพร้อมที่จะเป็นกำลังใจและให้การสนับสนุนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

อย่างไรก็ตาม ทางสวีเดนมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับประเทศไทยมายาวนานได้มีการช่วยเหลือไทย ด้านการออกแบบเครื่องเตือนภัย สึนามิ และฟื้นฟูในส่วนของสิ่งแวดล้อมธรรมชาติด้วย




สวท.ภูเก็ต สัมมนาสร้างเครือข่ายข่าว



เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ที่ห้องยูงทอง โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลินจังหวัดภูเก็ต สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการสัมมนาการสร้างเครือข่ายข่าว สวท.ภูเก็ต ประจำปีงบประมาณ 2555 ในรูปแบบของการสัมมนาเชิงปฏิบัติการบุคลากรในฝ่ายประชาสัมพันธ์หรือฝ่ายสื่อสารองค์กร ที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงาน ราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา องค์กรภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปที่มีศักยภาพ และมีจิตสาธารณะ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนานำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการทำงานและร่วมเป็นเครือข่ายกับ สวท.ภูเก็ต เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนาข่าวให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นาย ปราโมช รัฐวินิจ อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง ผลิตข่าวอย่างไรให้โดนใจ นางจิรดา ดีชัยยะ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ภูเก็ต วิทยากรบรรยายการนำเสนอข่าวและช่องทางในการเผยแพร่ข่าว ขณะที่นายบัญชา กันหาสินธุ์ หัวหน้าฝ่ายเทคนิค สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ภูเก็ต บรรยายหัวข้อ เทคนิคการถ่ายภาพประกอบข่าว
นางจิรดา ดีชัยยะ ผอ.สวท.ภูเก็ต กล่าวว่า สื่อมวลชนในประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมากในทุกแขนง และสื่อวิทยุกระจายเสียงในเครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญ สำหรับการเสนอข้อมูลข่าวสาร ผ่านทางวิทยุให้เข้าถึงได้ง่ายกับกลุ่มผู้ ฟัง
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวจึงได้มีการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายข่าวสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ตขึ้น โดยจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการบุคลากรในฝ่ายประชาสัมพันธ์หรือฝ่ายสื่อสารองค์กรที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา องค์กรภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปที่มีศักยภาพและมีจิตสาธารณะ เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายข่าวสารสาธารณะให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัด ภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง โดยมี สวท.ภูเก็ตเป็นสื่อกลางเพื่อ ร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนางานด้านการข่าวให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้การที่จะเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่ดี จะต้องรู้จักการใช้เครื่องมือในการสื่อสาร มีความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ในหน่วยงานของตนเอง ต้องเป็นนักเขียนที่ดี ทำงานข่าวได้รอบด้านทั่วถึง และเป็นสื่อกลางในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่าง

อบจ.ภูเก็ต ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วย ต.เกาะแก้ว



เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ในเขตตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายศุภโชค ละอองเพชร สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต คณะแพทย์ และพยาบาล จากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะแก้ว และอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลเกาะแก้ว ได้ลงพื้นที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการที่บ้านโครงการภูเก็ตแคร์ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2554
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้มอบชุดของเยี่ยม อาทิ ผ้าอ้อม แป้ง สบู่ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ให้แก่ผู้ป่วย จำนวน 7 ราย ได้แก่ นางสาวสุดา สมานมิตร อายุ 60 ปี นางพร้อม หนูเล้ง อายุ 68 ปี นางตุ้น สกุลชิด อายุ 82 ปี นางปราณี ภูผา อายุ 82 ปี นางบุญ แก้วสุข อายุ 87 ปี นางแสะหนี ประมงกิจ อายุ 59 ปี และนายบุญพัน สมบัติ อายุ 64 ปี
สำหรับโครงการภูเก็ตแคร์ เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้พิการในจังหวัดภูเก็ต ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขใกล้บ้านให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการในชุมชน ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งการเยี่ยมผู้ป่วยโครงการภูเก็ตแคร์ เขตพื้นที่ตำบลเกาะแก้ว ในครั้งนี้ ทางคณะแพทย์ และพยาบาลจากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ได้ทำการตรวจสุขภาพผู้ป่วย พร้อมให้คำแนะนำแก่คนในครอบครัวสำหรับการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการต่อสู้ที่ทำให้ตนเองมีอาการดีขึ้นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

ตร.ถลาง รวบผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์รับของโจร



เมื่อวันนี้ 25 พฤศจิกายน 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.ถลาง ภูเก็ต พ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก.สภ.ถลาง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ศุภวิทย์ สุวรรณภิรมย์ รองผกก.ป. พ.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิรัตนกุล สว.สส.และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายสุบัณฑิต บุญสิทธิ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/3 ม.1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายกิตติศักดิ์ วงสะอาด อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/5 ม.8 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และนายสมยศ ทวีแสง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 ม.1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง พร้อมด้วยของกลาง ตู้นิรภัย จำนวน 1 ใบ พระบูชาหลวงปู่ทวดวัดช้างให้หน้าตักกว้าง 4 นิ้วจำนวน 1 องค์ พระบูชาหลวงปู่ทวดวัดถ้ำเสือหน้าตักกว้าง 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 1 องค์ พระเครื่องเนื้อผง “จตุคาม-รามเทพ”จำนวน 18 องค์ เครื่องเล่นMP3จำนวน 1 เครื่อง โดยตรวจยึดได้ที่บ้านนายสุบัณฑิต นอกจากนั้นยังตรวจยึดโน๊ตบุ๊คยี่ห้อซัมซุงจำนวน 1 เครื่องที่บ้านของนายกิตติศักดิ์ และตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง กล้องวีดีโอจำนวน 1 ตัวจากบ้านนายสมยศ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งขอกล่าวหาลักทรัพย์หรือรับของโจร
ทั้งนี้พ.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิรัตนกุล ได้กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจำนวนหลายราย ว่ามีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้านเรือน โดยเหตุเกิดมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. 2554 จนถึงวันที่ 21 พ.ย. 2554 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ทราบมาว่า ที่บ้านเลขที่ 200/63 ม.1 ต.เทพกระษัตรี มีพฤติกรรมน่าสงสัย โดยมีนายสุบัณฑิต บุญสิทธิ์ อยู่ภายในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบสิ่งหลายรายการอยู่ภายในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวพร้อมของกลางมาทำการสอบสวนเพิ่มเติม จากการสอบสวนทราบว่า สิ่งของทั้งหมดเป็นของนายอธิพันธ์ ทวีแสง เป็นผู้ลักขโมยมาและนำมาฝากไว้กับตน รวมทั้งโน้ตบุ๊ค อีก 4 เครื่อง นายสุบัณฑิตเก็บไว้ 1 เครื่อง ส่วนอีก 3 เครื่องนายอธิพันธ์ ได้นำไปด้วย จากนั้นนายสุบัณฑิตได้นำโน๊ตบุ๊ค ไปขายต่อให้กับนายกิตติศักดิ์ วงสะอาด ในราคา 2,500 บาท จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนายสุบัณฑิต ไปทำการตรวจยึด โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อซัมซุง ที่บ้านเลขที่ 161/5 ม.8 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านของนายกิตติศักดิ์ฯ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวนายกิตติศักดิ์ พร้อมของกลางมาทำการสอบสวนเพิ่มเติม
พ.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิรัตนกุล ยังกล่าวอีกว่า จากการขยายผลของเจ้าหน้าที่ ยังทราบอีกว่า ยังมีทรัพย์สินบางส่วนอยู่ที่บ้านของนายสมยศ ทวีแสง อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นลุงของนายอธิพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 101 ม.1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านพบ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ SONY ERICSSON รุ่น K 510I จำนวน 1 เครื่อง และกล้อง VIDEO SHOT DIGITAL รุ่น JAY-TECH จำนวน 1 ตัว และจากการสอบสวนทราบว่า ของทั้งหมดที่ตรวจยึดมาได้เป็นของนายอธิพันธ์ ที่นำมาฝากไว้ และมีของบางอย่างที่นำไปขายแล้ว ส่วนนายอธิพันธ์ ซึ่งเป็นคนที่ก่อเหตุขโมยทรัพย์สินจากบ้านเรือนของประชาชนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า นายอธิพันธ์เคยติดคุกคดีลักทรัพย์มาแล้ว และเพิ่มออกจากคุกมาเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ และมาก่อเหตุซ้ำ โดยในขณะนี้ได้มีเจ้าของทรัพย์สินมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ทางเจ้าที่ตรวจยึดมาได้จำนวน 3 รายแล้ว
ด้านพ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก.สภ.ถลาง ได้กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่อำเภอถลางมีเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์จากบ้านเรือนประชาชนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจสอบสวนสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี ซึ่งจากการติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขณะนี้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้บางส่วน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้พยายามติดตามคนร้ายกลุ่มนี้มาให้ได้ทั้งหมด
พ.ต.อ.วิทูรย์ ยังกล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือจากเจ้าของบ้านเช่า และประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นกลุ่มวัยรุ่นบ้านใกล้เรือนเคียง หรือห้องเช่า มีการมั่วสุมหรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ขอให้แจ้งข้อมูลข่าวสารให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้เข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งจะได้เป็นการป้องปรามและเฝ้าระวังต่อไป

Andaman Travel Trade 2011


เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ที่ศูนย์ประชุม มหาวิทยาลัยราชการภัฎภูเก็ต นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ ร่วมกับนายบัวยัญ สุวรรณมณี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการ Andaman Travel Trade 2011 โดยมีนายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายประพฤทธิ์ ข้อเพชร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ผู้ประกอบการโรงแรมและท่องเที่ยวในจังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง และตรัง ตลอดจนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจาก 28 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมทั้ง ยุโรป อเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกาและตะวันออกกลาง
นางจุฑาพร กล่าวว่า กิจกรรม Andaman Travel Trade 2011 เกิดจากความร่วมมือระหว่างจังหวัดภูเก็ต ททท.สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต สำนักบริหารนโยบายและยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคใต้อันดามัน และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการพัฒนากลไกการจัดการ การท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดอันดามันสู่มาตรฐานสากล เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยนำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากต่างประเทศในฐานะผู้ซื้อร่วมเจรจาซื้อขายสินค้าทางการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ตลอดจนเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อกับผู้ขายได้พบปะเจรจากันโดยตรง
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มาร่วมงานมีจำนวน 322 ราย จากทุกภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ ยุโรป อเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง รวม 28 ประเทศ นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนจากต่างประเทศมาร่วมสังเกตการณ์และร่วมทดสอบสินค้าทางการท่องเที่ยวด้วย ส่วนของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวฝั่งอันดามันสนใจเข้าร่วมนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 160 ราย นางจุฑาพรกล่าว และกล่าวด้วยว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวนั้นจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวนำไปสู่การกระจายผลประโยชน์ทางการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทั้ง 5 จังหวัดฝั่งอันดามัน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจากต่างประเทศน่าจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากประเทศไทย มีข้อได้เปรียบในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามซึ่งยังคงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ประกอบกับผู้คนที่มีอัธยาศัยที่ดี ที่สำคัญประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความคุ้มค่าของเงินสูง คาดว่าเป็นปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
 

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ฝึกอบรมการจับจีบผ้าแก่พนักงานแม่บ้าน



เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต จัด “โครงการฝึกอบรมการจับจีบผ้า” แก่พนักงานซึ่งเป็นแม่บ้าน งานอาคาร สำนักงานอธิการบดีวิทยาเขตภูเก็ต ซึ่งเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และฝึกทักษะในการจับจีบผ้า และการตกแต่งสถานที่ในโอกาสต่างๆ โดยจัดอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จำนวน 2 วัน ระหว่างวันที่ 24 - 25 พฤศจิกายน 2554 โดยมีวิทยากรผู้มีความรู้ความชำนาญในการจับจีบผ้าคือ คุณณรงค์ฤทธิ์ จิตสว่าง มาให้ความรู้และฝึกทักษะให้แก่แม่บ้านที่เข้าร่วมการอบรมดังกล่าว ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัย