จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

ฟุตซอล BPK FUTSAL CUP ต้านภัยยาเสพติด

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2553 ที่โรงยิมเนเซียม 1 สะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการแข่งขันฟุตซอล BPK FUTSAL CUP ต้านภัยยาเสพติด (โครงการสถานประกอบการสีขาว) ซึ่งทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนส่งทีมนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 11 ทีม แบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 สายและหลังจากเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการแล้วยังได้มีการแข่งฟุตซอลคู่พิเศษระหว่างทีมสื่อมวลชนกับทีม BPK VIP ผลปรากฏว่าทีมสื่อมวลชนชนะไปด้วยคะแนน 7:4 ประตู

ทั้งนี้นายเชาวลิต เหล่าประเสริฐศิริ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ตัวแทนผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ได้เห็นความสำคัญของการเล่นกีฬา และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการออกกำลังกาย และเป็นการต่อต้านยาเสพติดในสถานประกอบการ โยพนักงานได้มีการจัดตั้งชมรมฟุตซอลขึ้น และดำเนินการแข่งขันมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ซึ่งที่ผ่านมาชมรมฯ ได้สร้างผลงานการแข่งขันฟุตซอลไว้หลายกิจกรรม เช่น การแข่งขันเชื่อมความสัมพันธ์ที่เกาะยาว จ.พังงา เมื่อปี 2550 และมอบอุปกรณ์ กีฬา ให้กับเด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาสทางการกีฬา,การแข่งขันฟุตซอล HOSPITAL CUP ในปี 2551 พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับเด็กนักเรียนที่โรงเรียนเยาววิทย์ อ.กะปง จ.พังงา และในปีนี้จัดการแข่งขันฟุตซอลขึ้น โดยมีการรวมตัวจากองค์กรต่างๆ 11 หน่วยงาน จำนวน 12 ทีม ภายใต้ชื่อ BPK FUTSAL CUP ต้านภัยยาเสพติด ประกอบด้วย

ทีมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต บริษัท RADI จำกัด บริษัท HOME PRO จำกัด หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมืองภูเก็ต บริษัท เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต บริษัท บิ๊กซี จำกัด บริษัท เอไอเอ จำกัด บริษัทอนุภาษวิวิธการ จำกัด โรงเรียนนานาชาติบริติช โรงเรียนสตรีภูเก็ต และโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต การแข่งขันในครั้งนี้ จะดำเนินการเป็นระยะเวลา 2 วัน คือวันที่ 18 และวันที่ 19 กันยายน 2553

อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลกรุงเทพในนามตัวแทนองค์กรต่างๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการแข่งขันในครั้งนี้ จะทำให้พี่น้องนักกีฬาได้ร่วมกันสร้างบทบาท และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนพนักงานด้วยกัน รวมไปถึง เยาวชนของจังหวัดในการที่จะ ลด ละ เลิกยาเสพติดทุกชนิด สมดังเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป นายเชาวลิต กล่าวในที่สุด


ด่านตรวจภูเก็ต ยังคงจับยาบ้าได้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 53 ที่ห้องประชุมด่านตรวจภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ภูเก็ต พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย พร้อมด้วยพ.ต.ท.ธวัช ตันสกุล สวป.ฯ ร.ต.ต.ธรรมรัตน์ เพ็ญศรี รองสวป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายสายันห์ ดำเขียว อายุ 30 ปีอยู่บ้านเลขที่ 80/2 ม.10 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ และนายธีรพงษ์ นวลอ่อน อายุ 21 ปี อยู่ที่ 103 ม.10 ต.เขาพนม จ.กระบี่ พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 3,932 เม็ด ในขณะที่ขับรถผ่านด่านตรวจภูเก็ต

ทั้งนี้พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย ได้กล่าวว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้มีรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บฉ 5220 กระบี่ ขับเข้ามาที่ด่านตรวจ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกตรวจค้น จากการตรวจค้นภายในรถยนต์ เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูรถ กลิ่นยาบ้าได้โชยออกมาจากภายในรถ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 3,932 เม็ดอยู่ในกล่องใส่กระดาษเช็ดหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายสายันห์ มีอาชีพทำสวนปาล์ม อ.เขาพนม จ.กระบี่ และติดยาบ้า แต่หาเงินมาซื้อยาบ้าไม่พอ จึงได้รับจ้างส่งยาบ้า โดยได้ไปรับยาบ้า ที่บริเวณตลาดทับเที่ยง จ.ตรัง จากนั้นก็ได้เดินทางเพื่อที่จะมาส่งให้กับผู้รับปลายทางที่บริเวณหน้าสนามบินภูเก็ต โดยการขนส่งในครั้งนี้จะได้ยาบ้าจำนวน 30 เม็ด และเงินสดอีกจำนวน 6,000 บาท จึงได้ชวนนายธีรพงษ์ฯ ซึ่งเป็นญาติ เดินทางมาเป็นเพื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย ดำเนินคดีต่อไป

พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจได้ปฏิบัติงานอย่างเข็มแข็ง โดยในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ สามารถจับกุมผู้ค้าทั้งรายเล็กรายใหญ่ ได้กว่า 2 หมื่นเม็ด นอกจากนี้ยังมียาไอซ์ และตรวจยึดเงินสดกว่า 2 แสนบาท โดยยังได้กำชับเจ้าหน้าที่ประจำด่านให้ปฏิบัติหน้าที่กวดขันอย่างจริงจัง เพื่อจะได้ขจัดขบวนการขนส่งยาบ้าไม่ให้เดินทางเข้ามาจังหวัดภูเก็ตได้อีก

ทต.ราไวย์ ร่วมจังหวัดคืนต้นตาลให้แหลมพรหมเทพ


เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2553 ที่บริเวณแหลมพรหมเทพ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เทศบาลตำบลราไวย์ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต จัดทำโครงการคืนต้นตาลให้แหลมพรหมเทพ ตามโครงการปลูกต้นไม้ถวายแม่ของแผ่นดิน ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 78 แสนต้น โดยมี นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภา จ.ภูเก็ต นายทศพร เทพบุตรและนายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กลุ่มองค์กรต่างๆ ตลอดจนประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมกันปลูกต้นตาลโตนดขนาดความสูง 1 เมตร จำนวน 46 ต้น และเมล็ดพันธุ์ต้นตาลโตนดอีก จำนวน 200 เมล็ด เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตามโครงการปลูกต้นไม้ถวายแม่ของแผ่นดิน เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 78 พรรษา 78 แสนต้น เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณแหลมพรหมเทพ เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูต้นตาลให้อยู่เคียงคู่กับแหลมพรหมเทพตลอดไป เนื่องจากต้นตาลนั้นถือเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับแหลมพรหมเทพมาเป็นเวลานาย รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้แก่ชุมชนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังแหลมพรหมเทพ

ด้านนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวว่า พรหมเทพเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภูเก็ต นอกจากแหลมที่ยื่นออกไปแล้วยังมีต้นตาลโตนดซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่อยู่คู่กับแหลมพรหมเทพมาเป็นเวลานาน แต่ปัจจุบันต้นตาลมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากอายุมาก ตลอดจนสภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก และมีศัตรูพืชกัดกินทำให้ยืนต้นตาย จึงจำเป็นจะต้องจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น พร้อมกันนี้ก็ยังจะได้มีการปรับภูมิทัศน์ให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงดึงดูดและประทับใจ เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าท่องเที่ยวที่ภูเก็ตนั้นจะต้องเดินทางมาชมพระอาทิตย์ตกน้ำทะเลที่แหลมพรหมเทพซึ่งถือว่าเป็นที่พระอาทิตย์ตกน้ำสวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย

อย่างไรก็ตามยังได้มีการจัดทำโครงการเพื่อเพิ่มความเขียวขจีให้กับแหลมพรหมเทพด้วย โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2554 ด้วยการเพิ่มจำนวนต้นไม้ชนิดต่างๆ และการดูแลบำรุงรักษาในช่วงหน้าแล้ง โดยเฉพาะเรื่องของการบำรุงรักษาที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องของการดูแลต้นตาลโตนดที่ปลูกใหม่ ซึ่งจะได้มีการต่อท่อพีวีซีเพื่อปล่อยน้ำลงไปยังต้นตาลโตนดทุกต้นเพื่อให้มีความชุ่มชื่นตลอดเวลา และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้มากขึ้น เนื่องจากต้นตาลเป็นไม้ที่ดูแลยากและโตช้า นายอรุณกล่าว

ขณะที่นางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แหลมพรหมเทพเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต และสิ่งที่อยู่คู่กับแหลมพรมเทพ คือ ต้นตาลโตนด หาดขาดต้นตาลโตนดไปแล้วแหลมพรมเทพก็จะมีความสวยงามลดน้อยลง การคืนต้นตาลโตนดให้กับแหลมเทพจึงเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะต้นตาลโตนดมีอายุที่ยืนยาวสามารถสืบทอดไปสู่รุ่นลูกหลานและเป็นการเพิ่มความสวยงามให้กับแหลมพรหมเทพตลอดไปด้วย


คนร้ายย่องลักรถ และทรัพย์สินชาวต่างชาติ


เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา พ.ต.ท.บุญเลิศ อ่อนกลาง สารวัตรเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากนาย TODD LESLIE EKERT อายุ 49 ปี สัญชาติออสเตรเลีย ว่า ถูกคนร้ายย่องเข้าไปงัดบ้านพักแล้วขโมยทรัพย์สินไปหลายรายการ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 27/89 หมู่บ้านโชคทิพย์วิลล่า ม.8 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย

หลังจากได้รับแจ้งก็ได้จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส. เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 44 ภูเก็ต ที่เกิดเหตุพบนาย TODD LESLIE EKERT เจ้าของบ้าน และนางไปรยา เอ็ดเคิร์ต อายุ 33 ปี ภรรยา ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พบที่ประตูเหล็กหน้าบ้านถูกคนร้ายตัดจนประตูพังเสียหายและเปิดอ้าอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในห้องนอนพบทรัพย์สินถูกรื้อค้นจนเข้าของกระจัดกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนี้ตู้เซฟยังถูกงัดจนประตูได้รับความเสียหายและเปิดอ้าอยู่ นอกจากในห้องนอนซึ่งอยู่ติดกัน ก็พบว่ามีร่อยรอยการรื้อค้นและประตูเสื้อผ้าถูกงัด ข้าวของถูกรื้อกระจัดกระจายทั่วห้อง จากนั้นทางเจ้าที่ก็ได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งได้เก็บลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนนาย TODD LESLIE EKERT เจ้าของบ้านก็ทราบว่า มีอาชีพรับจ้างเฝ้าเรือยอร์ชที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 53ที่ผ่านมา ตนพร้อมภรรยา ได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ จนกระทั่งวันนี้ก็เดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านเห็นที่ประตูเหล็กหน้าบ้านถูกทำลายเสียหายและประตูเปิดอ้าอยู่ และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน กต 311 ภูเก็ต ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถภายในบ้านหายไป รู้สึกตกใจมาก จึงได้เปิดประตูบ้านเข้าไปตรวจสอบภายใน ก็พบว่าประตูห้องนอนเปิดอ้าอยู่จากนั้นก็ได้เข้าไปตรวจสอบที่ตู้เซฟ ก็พบว่าตู้เซฟถูกเปิดอ้าอยู่ และสร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท 1 เส้น สร้อยคอทองคำรูปพรรณพร้อมจี้น้ำหนัก 2 สลึง 1 เส้น แหวนเพชรของภรรยาที่ซื้อให้วันแต่งาน 2 วง แหวนทองคำรูปพรรณ 1 วง เครื่องเล่นดีวีดี เงินสด 500 ดอลล่าห์ ได้หายไปด้วย

จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายปืนขึ้นทางหลังคาบ้านและโรยตัวลงมาจากนั้นได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน ก่อนที่จะขับรถยนต์ออกจากบ้านหลังดังกล่าวอย่างสบายใจ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายรายนี้น่าจะรู้ดีว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ จึงปีนขึ้นทางหลังคาบ้านแล้วย่องเข้าไปขโมยทรัพย์สินอย่างใจเย็น ซึ่งคาดว่าผู้ที่อยู่ใกล้เคียงน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องและขณะได้ล่าตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

 

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวและกีฬาติวเข้มพี่เลี้ยงชุมชน

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 53 ที่โรงแรมคาทีน่าภูเก็ต นายบัวยัญ สุวรรณมณี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการส่งเสริมความร่วมมือในการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตสู่สากล กิจกรรม พี่เลี้ยงชุมชน การท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งทางสำนักงานการท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดภูเก็ต ได้รับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 จัดขึ้น โดยมีผู้แทนส่วนราชการ นักพัฒนาการท่องเที่ยวองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน เข้าร่วมจำนวนประมาณ 100 คน ซึ่งมีการบรรยายให้ความภาคทฤษฎีและศึกษาดูงานกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนเกาะยาวน้อย จ.พังงา

นายบัวยัญ กล่าวว่า การจัดทำโครงการส่งเสริมความร่วมมือในการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตสู่สากล กิจกรรม พี่เลี้ยงชุมชน การท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน ในด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวชุมชน และการเป็นนักพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อขยายเครือข่ายหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนของจังหวัดภูเก็ต

ปัจจุบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ามาศึกษาเรียนรู้ ด้านศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนมากขึ้น การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีประสิทธิภาพต้องใช้ระบบการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของชุมชน มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สมบูรณ์ สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อสร้างเสริมอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมทั้งสร้างจุดขายใหม่ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นายบัวยัญ กล่าว


ทน.ภูเก็ตเตรียมจัดงานไหว้พระจันทร์


นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้กล่าวถึงการจัดงาน เทศกาลไหว้พระจันทร์ ว่า เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นประเพณีเก่าแก่ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวภูเก็ต เชื้อสายจีนที่ได้ปฏิบัติและสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษกว่าร้อยปีแล้ว สืบเนื่องจากสมัยโบราณประเทศจีนจัดให้มีพิธีไหว้ดวงจันทร์เพื่อตั้งจิตอธิษฐานให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ ประชาราษฎร์ อยู่เย็นเป็นสุข ต่อมาพิธีดังกล่าวได้แพร่หลายไปสู่ประชาชนในท้องถิ่นจนกลายเป็นประเพณีของชาวจีน สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปกติประเพณีไหว้พระจันทร์จะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี โดยในปีนี้ (2553) วันไหว้พระจันทร์ตรงกับวันพุธที่ 22 กันยายน 2553

ดังนั้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามให้คงอยู่ตลาดไป ตลอดจนเพื่อสืบสานและเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักกับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการส่งเสริมนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง เทศบาลนครภูเก็ตจึงได้ร่วมกับสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ตและมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต ชุมชน Old Phuket Town เมืองเก่าภูเก็ต กำหนดให้มีการประกอบพิธีไหว้พระจันทร์ ร่วมกินขนม ชมพระจันทร์ พร้อมกับชมกิจกรรมการแสดงมากมายและการออกร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมือง ขนมไหว้พระจันทร์/ขนมมงคล ขึ้น ในระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2553 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี เทศบาลนครภูเก็ตจึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรม ตามวัน เวลาดังกล่าว


ปปช.ลงพื้นที่เพื่อศึกษาดูงานภูเก็ตแคร์


เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้นำคณะโครงการพัฒนาผู้นำคุณธรรม ซึ่งประกอบด้วย นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นางผาณิต นิติฑัณต์ประภาศ ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นางนราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดิน (ศูนย์คุณธรรม) นายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม จ.สุราษฎร์ธานี นายนภดล นพรัตน์ รองนายกเทศมนตรี ตำบลบ้านกลาง จ.ลำพูน นายนภดล ณ เชียงใหม่ นายกอบต.ดอนแก้ว จ.เชียงใหม่ นายสุชน แซ่เฮง ตัวแทนจากมูลนิธิฉือจี้ จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่เยี่ยมชม มุมคุณธรรมของห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา ประจำศูนย์รวมใจออสเตรีย – ภูเก็ต เยี่ยมเด็กๆ ในโรงเรียน อบจ.สาธิตปฐมวัย และเยี่ยมผู้ป่วยในโครงการภูเก็ตแคร์ ในเขต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

สำหรับการออกเยี่ยมผู้ป่วยในโครงการภูเก็ตแคร์ ในครั้งนี้มีจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้นจำนวน 7 ราย ประกอบด้วย นายประมาณ หยาหรัน อายุ 21 ปี นางโสมสุนีย์ ทองหล่อ อายุ 31 ปี นางละหม้าย ทองหล่อ อายุ 69 ปี นายอนันต์ หวันหยี อายุ 46 ปี นายประคอง เดชากุล อายุ 72 ปี นายกิตติพงศ์ แซ่ตัน อายุ 33 ปี และนางสาวบุษบา จิตสมุทร อายุ15 ปี นอกจากการเยี่ยมแล้วในวันนี้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้มอบชุดของเยี่ยม อาทิ ผ้าอ้อม แป้ง สบู่ ผ้าขนหนูฯลฯให้แก่ผู้ป่วยทั้ง 7 รายอีกด้วย

การเยี่ยมผู้ป่วยในโครงการภูเก็ตแคร์ในเขตพื้นที่ต.ไม้ขาว เจ้าหน้าที่ได้เห็นถึงการดูแล การแบ่งปันความรัก การเอาใจใส่ของคนในครอบครัวของผู้ป่วยที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างไม่ห่าง ทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการต่อสู้ที่ทำให้ตนเองมีอาการดีขึ้นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค


มุฑิตาสักการะหลวงปู่สุภาที่เจริญอายุวัฒนะ 115 ปี

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2553 ที่วัดสิริสีลสุภาราม ต.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย อุบาสก อุบาสิกา ศิษย์ยานุศิษย์ ทั้งชาวภูเก็ต ต่างจังหวัด และต่างประเทศ กว่า 5 พันคน ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยกันแสดงมุฑิตาสักการะ พระมงคลวิสุทธิ์ (หลวงปู่สุภา กนตสีโล) เจ้าอาวาสวัดสิริสีลสุภาราม ที่จำเริญอายุวัฒนะ 115 ปี

สำหรับกิจกรรมในปีนี้ ทางคณะกรรมการวัดได้จัดไว้จำนวน 2 วันคือวันที่ 16 กันยายน 53 มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร โดยพระสงฆ์จากวัดวิชิตสังฆาราม พิธีหล่อพระพุทธรูปปางนาคปรกหน้าตัก 69 นิ้ว สูง 4.70 เมตร พิธีเจริญนพเคราะห์ และสวดภาณยักษ์ โดยพระสงฆ์จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์

ส่วนในวันนี้ (17 กันยายน 2553) โดยในช่วงเช้า ได้ประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญหลวงปู่สุภา พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์สมณศักดิ์ เจริญพระพุทธมนต์ หลวงปู่สุภาปล่อยนกจำนวน 119 ตัว ถวายภัตราหารเพลแด่พระสงฆ์ จำนวน 200 รูป จากนั้นในช่วงเที่ยงได้มีพิธีมอบทุนการศึกษาในกับนักเรียนที่เรียนดี แต่ยากจน จากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 139 ทุน โดยในส่วนนี้ได้มีผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคเงินสมทบทุนการศึกษาในครั้งนี้ด้วย

จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เปิดโอกาสให้ อุบาสก อุบาสิกา ศิษย์ยานุศิษย์ ที่เดินทางมาร่วมงานได้ร่วมกันแสดงมุฑิตาสักการะ พระมงคลวิสุทธิ์ (หลวงปู่สุภา กนตสีโล) รวมทั้งถวายปัจจัย และผ้าไตร และภายในงานได้มีประชาชน และนักธุรกิจ ได้ร่วมกันจัดอาหารมาให้บริการกับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานได้รับประทานตลอดทั้งงานด้วย

สำหรับพระมงคลวิสุทธิ์ (หลวงปู่สุภา กนตสีโล) เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน โดยได้เริ่มบวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนกระทั่งอายุครบและได้บรรพชาเป็นพระภิกษุ นอกจากนี้ยังได้ธุดงค์ไปศึกษาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้พระมงคลวิสุทธิ์ (หลวงปู่สุภา กนตสีโล) ยังได้จัดสร้างวัดต่างๆ มาหลายวัดทั้งในจังหวัดภูเก็ต และต่างจังหวัด และวัดสุดท้ายที่ท่าได้สร้างคือ วัดสิริสีลสุภารามและจำพรรษามาถึงปัจจุบันจำเริญอายุวัฒนะ 115 ปี ถือว่าเป็นพระ


วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

ภูเก็ตวิทยาลัยเปิดธนาคารโรงเรียน

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 ที่โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย อ.เมืองภูเก็ต ธนาคารออมสิน โดยนายจำนง ศิริยศ ผู้จัดการภาค 16 ได้ร่วมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย โดยนางสาวสดศรี ตันสุธัญลักษณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ในการดำเนินการโครงการธนาคารโรงเรียน มีคณะครู นักเรียนโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ตลอดแขกผู้มีเกียรติ และเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน เขตภูเก็ต เข้าร่วมในพิธี นอกจากนี้ทางผู้จัดการภาค 16 และผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดโครงการธนาคารโรงเรียน ขึ้นเป็นอย่างทางการ และร่วมเยี่ยมชมการดำเนินงานธนาคารโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย

ทั้งนี้สืบเนื่องจากทางโรงเรียนและธนาคารได้เล็งเห็นความสำคัญร่วมกันในการส่งเสริมให้นักเรียนมีการออมทรัพย์ และเรียนรู้หลักการบริหาร การบริการลูกค้า และการร่วมงานกับผู้อื่นอย่างมีความรับผิดชอบ จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ขึ้น เพื่อระบุเจตนารมณ์ร่วมกันของโรงเรียนและธนาคารในการจัดให้มีโครงการธนาคารโรงเรียน

โครงการธนาคารโรงเรียน มีลักษณะเป็นการนำเอาธนาคารมาตั้งไว้ในโรงเรียน ดำเนินการ รับฝาก ถอน โดยนักเรียน มีอาจารย์ และพนักงานธนาคารออมสินสาขาใกล้เคียงเป็นพี่เลี้ยง นักเรียนที่ปฏิบัติงานในธนาคารโรงเรียน เป็นผู้ที่อาสา เข้ามาทำงาน และได้รับการคัดเลือกจากคณะอาจารย์ ว่าเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี เรียนดี มีความรับผิดชอบ และมีความละเอียดถี่ถ้วนในการปฏิบัติงาน

โดยเจ้าหน้าที่ของธนาคารโรงเรียนจะได้รับการฝึกฝนอบรมจากพนักงานธนาคารให้มีความรู้ก่อนปฏิบัติงานจริง โดยธนาคารได้ให้การสนับสนุนในเรื่อง เครื่องมือ เครื่องใช้และวัสดุสำนักงาน สำหรับสมุดเงินฝาก และเอกสารแบบพิมพ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการ ฝาก ถอน ได้รับการออกแบบเป็นการเฉพาะ



วชิระภูเก็ตร่วมใจประหยัดพลังงานเพื่อในหลวง

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 ที่ห้องประชุมมะฮอกกานี โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ร่วมใจประหยัดพลังงานเพื่อในหลวง” ครั้งที่ 4 ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้มอบเหรียญรางวัลให้แก่โรงพยาบาลที่มีผลงานดีเด่น ด้านการประหยัดพลังงาน จำนวน 4 แห่ง โดยมีนายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต คณะแพทย์ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วม

นายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า จากสภาวะปัญหาด้านพลังงานและภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ประกอบกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ทำให้ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาและตื่นตัวในการหาทางออกในการแก้ไขปัญหา หน่วยงานภาครัฐ ของประเทศไทย จึงได้ดำเนินการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง โดยพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทั้งในส่วนของเครื่องจักร การจัดการระบบและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคคลภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม

ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดและมีโอกาสเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว จึงได้นำมาตรการประหยัดพลังงานต่างๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในโรงพยาบาล ให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าแก่เจ้าหน้าที่ทุกระดับ โดยวิทยากรของกระทรวงพลังงานและบริษัทอินโนเวชั่น เทคโนโลยี จำกัด ส่งทีมงานด้านอนุรักษ์พลังงานไปศึกษาดูงานที่อาคารอนุรักษ์พลังงาน จังหวัดปทุมธานี และกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้งมีการติดตาม กำกับผลการใช้พลังงานตามมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมให้ทุกหน่วยงานมีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงาน อย่างจริงจังเป็นผลให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลดลงสูงสุด 10% หรือมากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน นายแพทย์เจษฎา กล่าวและว่า ด้วยเหตุดังกล่าว จึงกับร่วมกับโรงพยาบาลหาดใหญ่และโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งที่ 4 ขึ้น เพื่อให้บุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้โครงการอนุรักษ์พลังงานขององค์กรภาครัฐดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีการรณรงค์ลดใช้พลังงาน อย่างเป็นรูปธรรม และมีความยั่งยืนตลอดไป


ปปช.MOUพัฒนาผู้นำคุณธรรมของ อปท.

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 ที่ห้องประชุมศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ได้มีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาผู้นำคุณธรรมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) โดยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาลเมืองท่าข้าม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลบ้านกลาง จังหวัดลำพูน และองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายไจเด็ด พรไชยา กรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.), นางผาณิต นิติฑัณต์ประภาศ ผู้ตรวจราชการแผ่นดิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน, นางนราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดิน (ศูนย์คุณธรรม), นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต, นายทศพล งามไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม จ.สุราษฎร์ธานี, นายนภดล นพรัตน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านกลาง จ.ลำพูน และนายนภดล ณ เชียงใหม่ นายก อบต.ดอนแก้ว จ.เชียงใหม่

สำหรับวัตถุประสงค์ของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และการสร้างองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผู้นำคุณธรรมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสามารถในการจัดการฝึกอบรม สัมมนา เพื่อเผยแพร่หลักสูตร การพัฒนากิจกรรมและหลักสูตร อีกทั้งมีศักยภาพในการสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้นำคุณธรรมได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน โดยการร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย การพัฒนาคุณธรรมในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การศึกษาวิจัยเพื่อการพัฒนาผู้นำคุณธรรม และการสร้างเครือข่ายผู้นำคุณธรรม

ทั้งนี้ในแต่ละหน่วยงานก็จะต้องมีหน้าที่ในการสนับสนุนเพื่อให้การดำเนินการตามโครงการเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยทาง ปปช.จะมีหน้าที่ในการสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร และการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนด้านเจ้าหน้าที่ วิทยากร และสิ่งอำนวยประโยชน์ที่จำเป็น สร้างและพัฒนาหลักสูตร ศึกษา ถ่ายทอดและเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินและสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) มีบทบาทในการสร้างและพัฒนาหลักสูตร ศึกษาวิจัย ถ่ายทอดและเผยแพร่องค์ความรู้ สนับสนุนเจ้าหน้าที่ วิทยากร และสิ่งอำนวยประโยชน์ที่จำเป็น ศูนย์คุณธรรม ส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 4 แห่ง มีหน้าที่ในการจัดการฝึกอบรม สัมมนา เพื่อเผยแพร่หลักสูตร พัฒนากิจกรรม และหลักสูตร สนับสนุนงบประมาณหลักในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้นำคุณธรรม


คืนต้นตาลแหลมพรหมเทพในวันที่ 18 ก.ย.


เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา ที่บริเวณแหลมพรหมเทพ ม.6 ต.ราไวย์ อ.เมือง ภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ และหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคคลเกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจพื้นที่แหลมพรหมเทพ เป็นข้อมูลก่อนที่จะนำต้นตาลโตนดลงไปปลูกในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพื่อปรับภูมิทัศน์บริเวณแหลมพรหมเทพให้มีความสวยงาม ปลูกต้นตาลบริเวณแหลมพรหมเทพ ตลอดจนการบำรุงรักษาดูแลต้นตาล

นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยต้นตาลโตนดถือเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับแหลมพรหมเทพมาเป็นเวลายาวนาน แต่ปัจจุบันนี้ต้นตาลโตนดบริเวณแหลมพรหมเทพมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ซึ่งมีสาเหตุมาจากอายุมากและมีศัตรูพืชกัดกินทำให้ยืนต้นตาย ทำให้ต้นตาลโตนดที่เคียงคู่กับแหลมพรหมเทพต้องสูญหายไป และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ต้นตาลให้เคียงคู่กับแหลมพรหมเทพ ทางจังหวัดภูเก็ต ก็ได้ร่วมกับทางเทศบาลตำบลราไวย์ จัดโครงการ คืนต้นตาลให้แหลมพรหมเทพ ขึ้น เพื่อปลูกต้นไม้ตามโครงการปลูกต้นไม้ถวายแม่ของแผ่นดิน ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 78 ล้านต้น อีกทั้งเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณแหลมพรหมเทพ เพื่ออนุรักษ์ต้นตาลให้คงอยู่คู่แหลมพรหมเทพ อันเป็นสัญลักษณ์คู่แหลมพรหมเทพมาช้านาน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งยังทำให้ทัศนียภาพของแหลมพรหมเทพร่มรื่นมากขึ้น ตลอดจนสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์ และรักษาต้นตาลให้อยู่คู่กับแหลมพรหมเทพต่อไปในอนาคต และส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้แก่ชุมชนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังแหลมพรหมเทพ

โดยในวันเสาร์ 18 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ทางจังหวัดภูเก็ต เทศบาลตำบลราไวย์ รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่นทุกแห่งของจังหวัดภูเก็ต จะมาร่วมกันปลูกต้นตาลเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยในวันดังกล่าวจะนำต้นตาล มีความสูงเป็นเมตรแล้ว ประมาณ 40 ต้นมาปลูก และรวมถึงเมล็ดพันธุ์อีกประมาณ 400 เมล็ดพันธุ์ด้วย ที่จะนำมาปลูกในวันดังกล่าว ซึ่งในส่วนเมล็ดพันธุ์นี้ไม่ได้ซื้อมา แต่เป็นการรับบริจาคมา ดังนั้นก็ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาช่วยกันปลูกต้นตาลในวันดังกล่าว โดยจะปลูกตลอดแนวแหลมพรหมเทพ แล้วก็จะมีการตกแต่งปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม

ด้านนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวว่า ทางเทศบาล ได้ตั้งงบประมาณ ปี 2553 จำนวน 400,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการคืนต้นตาลให้แหลมพรหมเทพ ทั้งในเรื่องของต้นตาล ที่จะนำมาปลูกทดแทนต้นตาลที่ยืนต้นตาย และปลูกใหม่ รวมจำนวน 40 ต้น ทั่วทั้งบริเวณแหลมพรหมเทพ รวมถึงการบำรุงรักษา ดูแลต้นตาลบริเวณแหลมพรหมเทพ และการจัดกิจกรรมการอนุรักษ์ต้นตาลร่วมกับกลุ่ม องค์กรต่างๆ ในชุมชน


วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

กก.ค่าจ้างขั้นต่ำภูเก็ตเสนอเป็น 214 บาท

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553 นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 3/2553 โดยมีผู้แทนภาครัฐ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง เข้าร่วม เพื่อรับทราบข้อมูลด้านต่างๆ เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจพิจารณาเสนอแนะการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2554 อันสืบเนื่องมาจากคณะกรรมการค่าจ้างได้กำหนดกรอบระยะเวลาให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัด และเสนอผลการพิจารณาต่อคณะกรรมการค่าจ้างภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 และคณะกรรมการค่าจ้างจะพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2554 อย่างช้าภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553

ทั้งนี้ที่ประชุมได้ใช้ข้อมูล 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความจำเป็นในการครองชีพของลูกจ้าง ด้านความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง และด้านเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของจังหวัด เพื่อประกอบการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งนี้ได้มีการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ว่า ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม 2553 สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นจากปีก่อนในทุกด้าน เช่น การเข้า-ออกงานของลูกจ้าง มีการแจ้งเข้าของลูกจ้างในสถานประกอบการ จำนวน 34,140 ราย ขณะที่มีการแจ้งออกจำนวน 25,624 ราย เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลทั้งสองส่วนพบว่ามีการเข้างานมากกว่าการออกจากงาน เป็นต้น

ในส่วนของกำลังแรงงาน การมีงานทำและการจ้างงาน พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2553 มีตำแหน่งงานว่าง 7,632 อัตรา มีผู้มาสมัครงาน 4,307 ราย และมีการบรรจุงาน จำนวน 3,841 ราย แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 มีแนวโน้มดีขึ้น และนับตั้งแต่เดือน มกราคม-สิงหาคม 2553 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต จำนวนทั้งสิ้น 950,936 คน ทั้งเที่ยวบินตรง และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70% ของห้องพักทั้งหมด ขณะที่แนวโน้มการท่องเที่ยวในฤดูการท่องเที่ยวที่จะถึงในเดือนตุลาคม มีอัตราการจองห้องพักเข้ามาของนักท่องเที่ยวเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักอยู่ที่ประมาณ 50%

นายสุทธิพงศ์ สายสาคเรศ แรงงานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดภูเก็ต อยู่ที่ 204 บาท หากมองสภาพความเป็นจริงของจังหวัดภูเก็ตแล้ว จะมีค่าครองชีพสูง ลูกจ้างต้องใช้จ่ายเยอะ อัตราเงินเฟ้อสูง ฉะนั้นในการพิจารณาจะต้องให้ความสำคัญในส่วนของลูกจ้างมาก่อน ส่วนความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง เชื่อว่าตามปกตินายจ้างจ่ายค่าจ้างสูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าความสามารถในการจ่ายของนายจ้างก็มีสูงเช่นกัน

หลังจากที่ได้มีการรับฟังรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ และแสดงความคิดเห็นของคณะกรรมการอย่างกว้างขวางแล้ว สรุปว่าเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตไม่มีผลกระทบ และมีแนวโน้มดีขึ้นในทุกด้าน ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ เสนอปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดภูเก็ต เพิ่มขึ้นอีก 10 บาท จากเดิม 204 บาท เป็น 214 บาท


อนุญาต สวล.พ่นพิษ ชาวบ้านร้องสร้างคอนโด

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานคณะทำงานรับฟังปัญหาและข้อเท็จจริงผลกระทบจากการก่อสร้างและดำเนินการโครงการกะตะรอยัล คอนโดมีเนียม ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ครั้งที่ 2 โดยมีนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น โยธาธิการและผังเมือง ที่ดินจังหวัด ปลัดอำเภอ เป็นต้น นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน ตัวแทนบริษัทผู้ดำเนินโครงการ และตัวแทนจากประชาชนมีพื้นที่กะตะ-กะรน เข้าร่วม

สำหรับการประชุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อปัญหาการร้องเรียนของประชาชนชาวกะตะกะรน ซึ่งได้มีการยื่นหนังสือร้องเรียนถึงทางจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้ระงับการก่อสร้างโครงการกะตะรอยัล คอนโดมีเนียม เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นอาคารที่พักอาศัยขนาดใหญ่จำนวน 7 ชั้น ตั้งอยู่กลางชุมชนดั้งเดิม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างในชั้นที่ 5 ซึ่งหากก่อสร้างเสร็จก็จะบดบังทัศนียภาพของเกาะปูและหาดกะตะ ทำให้สูญเสียสัญลักษณ์ของท้องถิ่นซึ่งเป็นจุดขาย และคาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนอีกหลายอย่าง เช่น การจราจรแออัด ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภค มลพิษในระหว่างการก่อสร้าง เป็นต้น

ทั้งนี้ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาได้มีการสรุปข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งมี 12 ข้อ พบว่าการดำเนินการของโครงการได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถชี้แจงในประเด็นต่างๆ ที่ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตได้ แต่ติดขัดในประเด็นเรื่องของตัวอาคารสูงที่บดบังทัศนียภาพ จึงมีมติให้เชิญฝ่ายของผู้ประกอบการและฝ่ายของประชาชนผู้ร้องเรียนมาประชุมเพื่อหาทางออกรวมกัน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มีการซักถามในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ซึ่งผู้ร้องยอมรับได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ได้มีการตั้งข้อสังเกตในกรณีของการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ควรให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะพบว่าในข้อมูลรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการนี้มีหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และยังคงติดใจในประเด็นของอาคารสูงที่บดบังทัศนียภาพ โดยชาวบ้านขอให้ทางโครงการคงความสูงของอาคารที่สร้างไว้แล้ว และห้ามไม่ให้สิ่งอื่นใดอยู่บนชั้นบนสุด ในขณะที่ตัวแทนของบริษัทผู้ดำเนินโครงการ กล่าวว่า ขณะนี้ลงทุนไปมากแล้ว หากไม่มีการดำเนินการต่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วประมาณ 294 ล้านบาท ทั้งก็ต้องนำข้อเสนอของทางชาวบ้านไปเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณาตัดสินใจ

หลังจากที่มีการตอบข้อซักถามและชี้แจงข้อมูลต่างๆ แล้ว นายไชวัฒน์ กล่าวได้กล่าวสรุปว่า ในส่วนของคณะทำงานชุดนี้คงไม่สามารถที่จะชี้ชัดลงไปได้ว่าอาคารดังกล่าวบดบังทัศนียภาพหรือไม่อย่างไร ก็จะได้สรุปแนวทางทั้งหมดเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อจะได้นำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำรายงานและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นผู้ชี้ขาดว่ามีผลกระทบหรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกันเนื่องจากในส่วนของตัวแทนทางบริษัทก็ยังไม่สามารถคำตอบได้ เพราะต้องนำข้อเสนอดังกล่าวไปให้ทางผู้มีอำนาจในการตัดสินใจพิจารณาก่อน หลังจากนั้นก็จะได้นำมาชี้แจงให้ได้รับทราบกันอีกครั้ง

ขณะที่นายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน กล่าวว่า ในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมในส่วนของการก่อสร้างอาคารสูง โดยเฉพาะในประเด็นของการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้นควรที่จะให้มีการสอบถามในส่วนของคณะกรรมการหมู่บ้านหรือผู้นำชุมชนด้วย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง เพราะขณะนี้มีโครงการที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากทางคณะกรรมการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งล้อม ที่กำลังจะยื่นเรื่องของอนุญาตจากทางเทศบาลฯ อีก 2-3 โครงการ

ติวเข้มเรือรับจ้างนำเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นใช้บริการ

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553 ที่ห้องประชุมสวนหลวง โรงแรมคาทีน่าภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการส่งเสริมความร่วมมือในการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตสู่สากล กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรเรือรับจ้างนำเที่ยวจังหวัดภูเก็ต โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต สมาชิกชมรมเรือหางยาวรับจ้าง และชมรมดำน้ำทีดีเอ เข้าร่วมจำนวน 50 คน ซึ่งการอบรมมีทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติที่บริเวณอ่าวฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต โดยวิทยากร

จากสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ตบรรยายให้ความรู้ด้านกฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับเรือ, สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน เรื่องการจัดการและดูแลสิ่งแวดล้อมทางทะเล, สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว บรรยายเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตบรรยายและสาธิตการปฐมพยาบาลแก่นักท่องเที่ยว

นางสาวรัชดาภรณ์ พัฒนา นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า ด้วยจังหวัดภูเก็ตได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ให้กับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ตในการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความร่วมมือในการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตสู่สากล โดยกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรเรือรับจ้างนำเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เป็นหนึ่งกิจกรรมในการส่งเสริมความร่วมมือในการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต

“การจัดอบรมดังกล่าว เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ ความเข้าใจด้านการให้บริการนักท่องเที่ยวและเผยแพร่มาตรฐานเรือรับจ้างนำเที่ยว เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และยกระดับการบริการเรือรับจ้างนำเที่ยวของผู้ประกอบการเพื่อเข้าสู่มาตรฐาน เพื่อให้ความรู้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย และการดูแลนักท่องเที่ยวให้แก่บุคลากรเรือรับจ้างนำเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว” นางรัชดาภรณ์กล่าว

นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม มีภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการผักผ่อน จึงเป็นดินแดนแห่งไข่มุกอันดามันที่ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นจุดปลายทางการของการท่องเที่ยว ซึ่งการจัดกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในภาคบริการต่างๆ เช่น บริการชายหาด พนักงานโรงแรม นวดสปา บริการเรือรับจ้างนำเที่ยว เป็นต้น จึงนับเป็นเรื่องที่ดี ในการที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ

การเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรเรือรับจ้างนำเที่ยว เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยว การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและความปลอดภัยทางทะเล ตลอดจนการให้บริการที่ดี ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจและกลับมาใช้บริการอีกครั้ง ทั้งนี้ยังส่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับชาวภูเก็ตและชุมชนในการมีรายได้เสริมจากการทำการประมงมาให้บริการเรือหางยาวนำเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว นายตรีกล่าว

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ทราบแล้วสาวที่ถูกฆ่า ที่เขากะรน

จากกรณีที่พบศพหญิงสาวอายุประมาณ 18 -21 ปี ถูกฆ่าแล้วนำศพไปฝังไว้ในซอกหิน สภาพศพท่อนบนเปลือยเปล่า สวมกางขาสั้นเพียงตัวเดียว ไม่สวมกางใน โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ รองเท้าแตะสีดำ 1 คู่ สีขาว 1 คู่ เทียนไขใช้แล้ว 1 อัน ยังไม่ใช้ 1 อัน มีดพกสั้นยาวประมาณ 20 เซนติเมตร 1 ด้าม เสื้อยืดคอกลมสีแดง 1 ตัว กางเกงในสีแดงลายดอกไม้ 1 ตัว เสื้อในสีดำ 1 ตัว โทรศัพท์มือถูกขว้างจนแตกละเอียด 1 เครื่อง และซิมโทรศัพท์มีรอยหัก 1 ซิม และถุงยางอนามัยใช้แล้ว 1 ถุง เหตุเกิดบนเทือกเขานาคเกิด รอยต่อระหว่างตำบลกะรน อ.เมือง – ตำบลป่าตอง อ.กะทู้ เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดพ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุก็ได้เรียกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนประชุมเป็นการด่วน เพื่อเร่งว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน เพราะหากทราบว่าผู้ตายเป็นใครเจ้าหน้าที่ก็จะได้ตั้งประเด็นการสังหารได้ ซึ่งจาการสืบสวน ขณะนี้ทราบแล้วว่าผู้ตายคือ นางสาวอนิชา (หรือแนน) ไขกันหา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192 ม.13 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น มีอาชีพเป็นสาวเสิร์ฟคาราโอเกะแห่งหนึ่งในซอยนาใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยเพื่อนของผู้ตายยืนยันแล้วว่าเสื้อผ้าที่พบในที่เกิดเหตุเป็นของผู้ตายที่ผู้ตายสวมใส่อยู่เป็นประจำ ซึ่งทราบว่าผู้ตายนั้นหายออกจากบ้านพักที่ซอยนาใน ต.ป่าตอง เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา จนกระทั่งมาพบศพดังกล่าว

พ.ต.อ.วิชิต ยังกล่าวอีกว่า คนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คนและรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี ส่วนสาเหตุการตายนั้นได้ตั้งไว้หลายประเด็นแต่มุ่งประเด็นแต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้พุ่งประเด็นเรื่องชู้สาวเป็นเรื่องหลัก แนวทางการสอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้ผู้ตายได้คบอยู่กับแฟนหนุ่มชาวไทย ชื่อนาย แมว จนกระทั่งผู้ตายตั้งท้องได้ประมาณ 3 เดือนเศษ จากนั้นแฟนหนุ่มรู้และบ่ายเบี่ยงจะไม่รับผิดชอบกับลูกในท้อง เนื่องจากนายแมว แฟนหนุ่มของผู้ตาย ทราบว่าผู้ตายเป็นคนนิสัยเจ้าชู้ จึงบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบ จึงได้ล่อลวงผู้ตายมายังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยวลับตายคน เพื่อตกลงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงลงมือฆ่าเพื่ออำพรางคดีดังกล่าว ส่วนประเด็นอื่น ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ทิ้งประเด็น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งออกหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว

กู้เรือบรรทุกน้ำมันโชคถาวร 6 สำเร็จแล้ว

จากกรณีเรือโชคถาวร 6 ซึ่งบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อนำไปส่งที่เกาะราชาใหญ่ อ. เมือง จ.ภูเก็ต และถูกคลื่นลมแรงซัดอับปางกลางทะเลอันดามัน ระหว่างเกาะราชาใหญ่และเกาะเฮ ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางทิศใต้ประมาณ 8 ไมล์ทะเล เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา ทีมกู้เรือชาวไทยใหม่บ้านแหลมตุ๊กแก ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นำโดยนายสุรินทร์ ประมงกิจ ได้ใช้ความพยายามในการกู้เรือลำดังกล่าวขึ้นมาจากใต้ทะเลที่จมน้ำลึกประมาณ 40 เมตรขึ้นมาได้แล้วหลังจมอยู่ในทะเลนานถึง 10 วัน โดยใช้วิธีการนำถังขนาด 200 ลิตรผูกกับเรือที่จมจำนวน 130 ใบ และใช้ความดันอากาศอัดเข้าไปเพื่อดันให้เรือลอยขึ้นมา จากนั้นได้ใช้เรือพี่เลี้ยงจำนวน 2 ลำ ประคองเรือและลากไปไว้ที่บริเวณเกาะตะเภาใหญ่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต และลากเข้ามาบริเวณท่าเทียบเรือรัษฎา อ.เมืองภูเก็ต

นายประมวล หนวดงาม เจ้าของเรือโชคถาวร 6 กล่าวว่า การกู้เรือดำเนินการเสร็จสิ้นด้วยดี และไม่มีคราบน้ำมันไหลออกมาจากตัวเรือแต่อย่างใด เหตุที่การกู้เรือไม่สามารถดำเนินการได้ในทันที เนื่องจากปัญหาในระยะเวลา 10 วันที่ผ่านมา คลื่นลมในทะเลและกระแสน้ำใต้ทะเลแรงมาก ประกอบกับเรือจมอยู่ในระดับความลึกกว่า 40 เมตร จึงต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก หลังจากนี้ก็จะได้ทำการสูบน้ำมันออกจากแท็งค์ในระวางเรือซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 20,500 ลิตร

ขณะที่พล.ร.ต.นาวิน ธนเนตร เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า หลังจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าของเรือได้มีความพยายามในการกู้เรือมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเรือจมอยู่ที่ความลึกถึง 43 เมตร โดยใช้วิธีการนำถังขนาด 200 ลิตรผูกกับเรือที่จมจำนวน 130 ใบ และใช้ความดันอากาศอัดเข้าไปเพื่อดันให้เรือลอยขึ้นมา จนสำเร็จและลากเข้าฝั่งเรียบร้อย จากการตรวจสอบไม่พบปัญหาคราบน้ำมันแต่อย่างใด



สถานพินิจฯ ภูเก็ตให้เด็กได้แสดงออก

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 ที่สนามฟุตบอล สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ต นางเมธินี ทิพย์มณเฑียร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการวันเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายอรรถพงษ์ จันทรัตนวงศ์ รองนายกเทศมนตรี ฝ่ายการศึกษา แขกผู้มีเกียรติ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม


นางสุขพร อุดมสิน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยวันที่ 20 กันยายนของทุกปีคณะรัฐมนตรี ได้มีมติประกาศให้เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้นจึงได้มีการจัดกิจรรมเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2553 ขึ้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน พัฒนาประเทศชาติ ให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนที่มีคุณค่าต่อประเทศชาติทั้งในด้านคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้นโยบายส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและสัมฤทธิ์ผล รวมทั้งเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมกับชุมชนกับสังคมในด้านต่างๆ เช่น ความสามารถด้านกีฬา ซึ่งจะส่งผลช่วยให้สุขภาพ อนามัยสมบูรณ์ แข็งแรง และเยาวชนห่างไกลยาเสพติด เป็นต้น

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแข่งขันกีฬาฟุตบอล และกีฬาพื้นบ้านชนิดต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือจากเทศบาลเมืองกะทู้ เทศบาลตำบลราไวย์ เทศบาลตำบลรัษฎา เทศบาลตำบลวิชิต และหน่วยงานเกี่ยวข้องต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขัน


กาชาดภูเก็ตจัดงานเนื่องในวันปฐมพยาบาลโลก


เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานวันปฐมพยาบาลโลก ประจำปี 2553 ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้มอบเกียรติบัตร และเงินรางวัลให้แก่นักเรียนที่ชนะการประกวดคำขวัญ วันปฐมพยาบาลโลก ประจำปี 2553 โดยคำขวัญที่ชนะเลิศการประกวด คือ “ภัยพิบัติเกิดได้ทุกเมื่อ ควรช่วยเหลือด้วยการปฐมพยาบาล” ซึ่งเป็นคำขวัญของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต รับมอบโดยนายเมษ ตัลยารักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ต โดยมีนางสาวสดศรี ตันสุธัญลักษณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย แขกผู้มีเกียรติ นักเรียน ประชาชน คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นางพรพิมล จรูญศักดิ์ วิทยากรเครือข่าย สภากาชาดไทย กล่าวถึงการจัดงานดังกล่าวว่า วันปฐมพยาบาลโลก เป็นวันที่องค์กรกาชาดสากลกำหนดขึ้น ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนกันยายนของทุกปี โดยกาชาดและสภากาชาดทั่วโลกจะร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการปฐมพยาบาล รวมทั้งได้รับความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลจากการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย โดยในส่วนของเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ตร่วมกับวิทยากรเครือข่ายสภากาชาดไทย ได้จัดกิจกรรม การแข่งขัน Walk Rally เกี่ยวกับการปฐมพยาบาล การประกวดคำขวัญ และการให้ความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาล เพื่อประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รณรงค์ให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกเรื่องการปฐมพยาบาลแก่ประชาชนในจังหวัดภูเก็ต กระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในเรื่องการปฐมพยาบาลและการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติฉุกเฉิน อีกทั้งเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่อาสาสมัคร วิทยากรเครือข่ายและประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อสังคม และเพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลโดยผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับความรู้ ทักษะเรื่องการปฐมพยาบาล