จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คนร้ายบุกปล้นร้านทองได้ไปกว่า 200 บาท


เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 54 พ.ต.ท.ยงยุทธ์ กรองมาลัย สารวัตรเวร สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากทางร้านทองธเนศ2 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ว่า ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืน บุกเข้ามาจี้พนักงานภายในร้าน และกวาดทองรูปพรรณไปกว่า 200 บาท ขอให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เอกวุฒิ เสน่ห์พร ผกก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รองผกก.ป. พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วย รองผกก.สส. พ.ต.ท.วิจักรณ์ ตารมณ์ สว.สส.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่วิทยาการ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพานิช 4 ชั้น ด้านหน้ากั้นห้องไว้สำหรับเปิดเป็นร้านขายทอง ส่วนด้านหลังได้จัดเป็นห้องแบ่งให้เช่า โดยมีทางเข้าออกอยู่ด้านข้าง เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงก็พบกับนางจันทนา ธเนศธนสมบัติ อายุ 52 ปีและครอบครัวยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ จากนั้นก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุ พบตู้โชว์สร้อยคอทองคำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ถูกเปิดออกจำนวน 2 ตู้ ภายในตู้มีสร้อยคอทองคำถูกกระชากห้อยโตงเตงอยู่จำนวนหนึ่ง โดยมีสร้อยคอสูญหายไปเป็นจำนวนมาก ที่พื้นหลังเคาน์เตอร์พบสร้อยคอจำนวนหนึ่งตกอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่วิทยาการได้เก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้ายที่ติดอยู่กระจกบานเลื่อนบริเวณตู้โชว์ทองไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบทองรูปพรรณที่หายไปจากตู้โชว์สร้อยคอทองคำมีน้ำหนักรวมไม่ต่ำกว่า 200 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่ากล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในร้านจำนวน 4 ตัว ซึ่งสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ทั้งหมดขณะเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 28 – 30 ปี สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ผิวดำแดง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาถึงเข่าสีดำ ร้องเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกแก๊ป ขี่รถ จยย.ฮอนด้าคลิกสีขาว ทะเบียน ขทค 6 ภูเก็ตขับมาจอดบริเวณหน้าร้านเพียงลำพัง จากนั้นชายดังกล่าวได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูบานเลื่อนที่ควบคุมด้วยรีโมตเปิดปิดจากภายในร้าน โดยลูกสาวเจ้าของร้านซึ่งมีอายุ 13 ปียืนอยู่ภายในร้านเพียงลำพังได้กดเปิดประตู ทำให้ชายฉกรรจ์ได้จังหวะก้าวเข้ามาภายในร้านพร้อมกับชักอาวุธปืนที่พกอยู่ที่เอวออกมาจี้บังคับลูกสาวเจ้าของร้านให้เปิดล๊อคบานเลื่อนตู้โชว์สร้อยคอทองคำหลังเคาน์เตอร์
แต่ลูกสาวเจ้าของกลับเอื้อมหยิบอาวุธปืนขนาด .38 ที่วางอยู่ในลิ้นชักตู้โชว์ทองบริเวณเคาน์เตอร์พร้อมกับจ่อไปที่ชายฉกรรจ์ โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะถูกคนร้ายยิงสวนแต่อย่างใด ซึ่งเหตุการณ์กลับตาลปัตร คนร้ายได้คว้าปืนจากมือของลูกสาวเจ้าของร้านไปได้อย่างง่ายดายพร้อมกับใช้ปืนกระบอกดังกล่าวจ่อบังคับลูกสาวให้เปิดล๊อคตู้โชว์ทองรูปพรรณทันที จากนั้นคนร้ายได้เดินเข้าไปหลังเคาร์เตอร์และกวาดสร้อยคอทองคำที่อยู่ภายในตู้โชว์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดินไปกวาดสร้อยคอทองคำที่โชว์อยู่อีกตู้หนึ่งไปด้วย จากนั้นได้เดินอย่างใจเย็นพร้อมกับสั่งให้ลูกสาวเจ้าของร้านเปิดประตูอัตโนมัติ โดยคนร้ายใช้เวลาประมาณ 4 นาที ในการปฏิบัติการ จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถ จยย.ที่จอดสตาร์ทเครื่องอยู่หน้าร้านขี่หลบหนีไปทางสี่แยกโรงฆ่าสัตว์เก่า ถ.เจ้าฟ้าตะวันออกแล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปตาม ถ.อนุภาษมโนรม ต.วิชิต อ.เมืองแล้วหายไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณสี่แยกดังกล่าว พบรถ จยย.คนร้ายขี่เข้าไปภายในหมู่บ้านอนุภาษมโนรม ซ.5/3 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ตห่างจากร้านทองดังกล่าวราว 1.5 กม.สายตรวจและชุดสืบสวนได้ระดมกำลังปิดล้อมหมู่บ้าน เพื่อตรวจสอบรถ จยย.คันดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จนกระทั่งพบรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจอดทิ้งไว้ภายในซอย 5/3 จึงได้ปิดล้อมบริเวณจุดที่พบรถ เพื่อตรวจค้นบริเวณโดยรอบ แต่ไม่พบวี่แวว โดยมีชาวบ้านเห็นชายวัยรุ่นดังกล่าวขี่รถมาจอด จากนั้นได้มีรถกระบะฟอร์ดสีดำหรือสีน้ำเงินเข้มขับมารับไป โดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นร้านทองแล้วหลบหนีมา จึงไม่มีใครสนใจและคิดว่าเป็นคนในหมู่บ้าน
จากการตรวจสอบรถจยย.คันดังกล่าวพบว่าผู้ครอบครองคือ น.ส.กมลวรรณ แซ่ลิ้ม อยู่บ้านเลขที่ 67/13 ถ.ราชปาทานุสรณ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก้ได้ประสานไปยังสภ.กะทู้ เพื่อทำการตรวจสอบกับเจ้าของรถคันดังกล่าว ก็ทราบว่าน.ส.กมลวรรณได้ให้เช่าไป ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดผู้เช่า เบื้องต้นคาดว่าผู้เช่าอาจใช้ชื่อปลอม จึงนำรถ จยย.กลับมาตรวจสอบเก็บลายนิ้วแฝงและหาหลักฐานต่างๆเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เสริมศักยภาพผู้ประกอบการอาหารฮาลาล


เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลาประชาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการอบรมผู้ประกอบการบริการอาหารฮาลาลเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่ง อบจ.ภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต และชมรมธุรกิจฮาลาล จัดขึ้น โดยมีนายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ.ภูเก็ต, นายจีระศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต, ข้าราชการและสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วม จำนวนประมาณ 70 คน
นายจีระศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มตลาดอาหารมุสลิมมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้ประกอบการธุรกิจฮาลาล ถือเป็นตัวกลางหนึ่งที่สำคัญในตลาดอาหารฮาลาล เนื่องจากอาหารฮาลาล เป็นอาหารที่ไม่มีสิ่งต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลามเจือปน ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวมุสลิมในการบริโภค ข้อห้ามสำหรับการบริโภคของชาวมุสลิมมีหลายประการซึ่งต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง จึงจะสามารถขอรับรองตราฮาลาล ที่เป็นตราติดบนสลากผลิตภัณฑ์อาหาร จากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์อาหารนั้นเป็นที่ฮาลาลสำหรับมุสลิมใช้บริโภค
เพื่อให้ผู้ประกอบการอาหารฮาลาลมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล สามารถปฏิบัติถูกต้องตามหลักศาสนาเป็นที่เชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม จึงได้จัดทำโครงการผู้ประกอบการบริการอาหารฮาลาลเพื่อการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการธุรกิจฮาลาลในจังหวัดภูเก็ต และวางแนวทางการให้บริการอาหารฮาลาลให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อเตรียมความพร้อมและส่งเสริมให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการสถานประกอบการด้านฮาลาลสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม นายจีระศักดิ์ กล่าว
ขณะที่นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกอบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจฮาลาลเป็นตัวกลางที่สำคัญสำหรับธุรกิจฮาลาล หากผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ก็จะส่งผลให้ธุรกิจฮาลาลในระดับจังหวัด รวมไปถึงระดับประเทศขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากในปัจจุบันอาหารฮาลาลเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากสังคมไทย มิใช่เพียงแต่ชาวไทยมุสลิมที่จำเป็นต้องบริโภคอาหารฮาลาลเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการซึ่งต้องการผลิตอาหารฮาลาลจำหน่ายแก่ผู้บริโภคมุสลิมในประเทศ และผลิตเพื่อการส่งออกในตลาดโลกมุสลิม ก็จำเป็นต้องให้ความสนับสนุนอย่างจริงจังและดำเนินกระบวนการผลิตอาหารฮาลาลให้ถูกต้องตามบัญญัติศาสนาอิสลามและระเบียบคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกหลานในตลาดท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่าหันกลับมาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น

สนธิกำลังบุกรวบส.อบต. เฮโรอีน 310 กรัม


เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 54 ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เอกวุฒิ เสน่ห์พร ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.จิรศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผกก.สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่นปพ.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายอุดม รัตนมณี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 ม.12 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราชพร้อมของกลางเฮโรอีนน้ำหนัก 32.60 กรัม อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก, นายนาคิน วิสุทธารมณ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 268 ม.1 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล นายวิชัย กองทัพ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/6 ม.2 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และนายพรศักศิ์ วันทอง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/5 ม.5 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางเฮโรอีน ตราสิงห์โตคู่เหยียบลูกโลก น้ำหนัก 310.63 กรัม กัญชาน้ำหนัก 3 กก.อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซองยาวจำนวน 1 กระบอก ก่อนนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม
ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ได้กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต ได้สืบสวนและติดตามจนสามารถจับกุมตัวนายอุดม รัตนมณี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 ม.12 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราชพร้อมของกลางเฮโรอีนน้ำหนัก 32.60 กรัม อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าทำการตรวจค้นในห้องพักของนายอุดมใน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบเฮโรอีนที่ซุกซ้อนไว้ในกระป๋องแป้ง จำนวน 27.14 กรัม จากนั้นก็ได้ควบคุมตัวนายอุดมพร้อมของกลางไปขยายผลต่อ
และจากการสอบสวนเบื้องต้นนายอุดมได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายนาคิน วิสุทธารมณ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล อ.ถลาง ภูเก็ต อาศัยอยู่ในบ้านไม่มีเลขที่บนเทือกเขากมลา หมู่ 1 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีส่วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบเฮโรอีนน้ำหนัก 310.63 กรัม กัญชาสดน้ำหนัก 3 กก.อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซองยาวจำนวน 1 กระบอก โดยมีนายวิชัยและนายพรศักดิ์อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวทั้งหมด พร้อมด้วยของกลางมาทำการสอบสวนเพื่อขยายผลถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่านำเฮโรอีนดังกล่าวมาจากภาคเหนือ เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ โดยเฮโรอีนที่ตรวจยึดได้นั้นจะมีราคาขายในท้องตลาดกว่า 3 แสนบาท

งานราชทัณฑ์ 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดแล้ว


เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 54 ที่เวทีกลางสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสุรินทร์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนาพฤตินิสัย เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ 14 จังหวัดภาคใต้ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2554 พร้อมเป็นประธานมอบเกียรติบัตรชนะเลิศผลการประกวดผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ให้แก่ผู้ชนะการประกวด รวมถึงมอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับนักแสดง และมอบของที่ระลึกให้กับผู้สนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ โดยมีนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ผู้บัญชาการเรือนจำ ทัณฑสถาน จาก 14 จังหวัดภาคใต้ หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ บริษัท เอกชน มูลนิธิ และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมในพิธีเปิด และเที่ยวชมภายในงาน
นายสุชน ดำกระเด็น ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี ในฐานะทำหน้าที่ประธานเขต 8 ในนามของเรือนจำและทัณฑสถาน 14 จังหวัดภาคใต้ กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า ด้วยกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้เห็นชอบให้เรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป็นเจ้าภาพดำเนินการจัดงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ 14 จังหวัดภาคใต้ ครั้งที่ 8 ขึ้น ณ บริเวณเวทีกลางสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 3-12 มิ.ย.54 ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น.
การจัดงานนิทรรศการครั้งนี้ มีเรือนจำและทัณฑสถานในเขต 8 และ เขต 9 รวม 25 แห่ง ได้นำผลิตภัณฑ์อันเกิดจาการฝึกอบรมวิชาชีพ ซึ่งผลิตจากฝีมือของผู้ต้องขังมาจำหน่าย งานนิทรรศการครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ภารกิจของเรือนจำและทัณฑสถานให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมภายนอก เป็นการนำผลิตภัณฑ์งานด้านการฝึกวิชาชีพสาขาต่างๆ ในระหว่างต้องโทษออกเผยแพร่สู่สาธารณชน เพื่อต้องการให้ประชาชนโดยทั่วไป ได้มีโอกาสเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ที่มีความคงทน ประณีตสวยงาม คุณภาพดี และราคาประหยัด
ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งรายได้จากการจำหน่ายสินค้าจะเป็นทุนหมุนเวียนในการฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขังเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมทั้งกำไรจากการจำหน่ายจะแบ่งปันผลให้กับผู้ต้องขังเพื่อให้ผู้ต้องขังเป็นค้าใช้จ่าย ขณะต้องโทษในเรือนจำ อันเป็นการลดภาระของครอบครัวและผู้ต้องขังสามารถเก็บเงินรางวัลปันผลเป็นทุนสำรองในการประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้



วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กกต.ภูเก็ต จัดประชุมชี้แจงผู้สมัคร ส.ส.


เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปี 2554 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดภูเก็ต นางสาวประดับ อภัยกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต ปฏิบัติราชการแทน นายตรี อัครเดชา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การโฆษณาหาเสียงทางสถานีวิทยุและสถานีวิทยุโทรทัศน์จังหวัดภูเก็ตของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ.2554 โดยมีผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส., ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ และผู้แทน ร่วมประชุมด้วย
ทั้งนี้ทางคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การโฆษณาหาเสียงทางสถานีวิทยุและสถานีวิทยุโทรทัศน์จังหวัดภูเก็ตของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ.2554 ประสานงานสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต ให้อำนวยความสะดวก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกพรรค สามารถไปบันทึกเทปโทรทัศน์ ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ ที่ห้องแสดง ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30น.โดยจะต้องเตรียมป้ายชื่อพรรค หมายเลขและชื่อ-สกุลผู้สมัครและเขตเลือกตั้ง ตลอดจนนำเพลงประจำพรรคการเมืองหรือเพลงประกอบไปตามความเหมาะสม
ในขณะเดียวกัน หากพรรคการเมืองใด ต้องการจัดทำเทปโทรทัศน์หรือบันทึกเสียงวิทยุด้วยตนเอง สามารถกระทำได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องมีความยาวไม่เกิน 2 นาทีและส่งให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบ ภายในเวลา 16.30น. วันเดียวกัน หากพรรคใด ไม่ไปบันทึกเสียงหรือส่งเทปตามกำหนด ถือว่า สละสิทธิ์ ที่สำคัญ ต้องใช้ข้อความ ถ้อยคำที่สุภาพและรูปแบบที่เหมาะสม ไม่ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคล ไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
สำหรับการจัดสรรเวลาให้พรรคการเมืองต่างๆออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงที่สนับสนุน กกต. ในครั้งนี้ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 นาทีต่อคน และสถานีวิทยุโทรทัศน์และเคเบิ้ลทีวี ในท้องถิ่นนั้น อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 นาทีต่อคน โดยสถานีจัดสรรเวลาให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งออกอากาศ วันละ 1 ครั้ง พร้อมกันทั้ง 2 เขต ตามลำดับหมายเลขของพรรค จนครบทุกคน ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน-วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 นอกจากนี้สถานีวิทยุกระจายเสียง หรือสถานีวิทยุโทรทัศน์ อาจจะพิจารณาจัดรายการและเปิดโอกาสให้ผู้สมัครทุกพรรค ไปแสดงวิสัยทัศน์ อภิปรายเชิงนโยบาย ตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็นอย่างทัดเทียมกันด้วย

ติวเข้มพัฒนาและขยายเครือข่ายด้านการข่าว


เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมศาลาประชาคมองค์การบริการส่วนจังหวัดภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการพัฒนาและขยายเครือข่ายประชาชนด้านการข่าวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางป้องกันจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีนายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง, ผรส., ชรบ., ประธานชุมชน, คณะกรรมการชุมชนในพื้นที่อำเภอและเทศบาล จำนวน 100 คน ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการข่าว จากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจสันติบาลภูเก็ตและที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต
นายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการฝึกอบรมจัดตั้งเครือข่ายประชาชนด้านการข่าวที่คัดเลือกจากผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ในปีงบประมาณ 2551-2553 เพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส ข้อมูลข่าวสารสิ่งผิดปกติในพื้นที่ให้กับทางราชการและเป็นการทบทวนและพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างความสัมพันธ์และขยายฐานสมาชิกเครือข่ายในการสนับสนุนข้อมูลเบาะแสที่เป็นประโยชน์แก่ทางราชการ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เช่น การแพร่ระบาดของยาเสพติด การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของคนต่างด้าว การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัญหาด้านอื่นๆ ที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
“จากการจัดทำโครงการพัฒนาและขยายเครือข่ายประชาชนด้านการข่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและประสานงานการข่าวภาคประชาชนตามนโยบายข่าวกรองของกระทรวงมหาดไทย สนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงภายใน ให้ความสำคัญบทบาทของหน่วยงานในสังกัดในการเพิ่มขีดความสามารถกลุ่มพลังมวลชน เพื่อเป็นช่องทางในการรวบรวมประเมินความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในระดับพื้นที่ ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึก กระบวนการเรียนรู้ในการปกปักรักษาเพื่อดำรงความเป็นไทยภายใต้กติกาการเคารพและเทิดทูนสถาบัน ให้สามารถดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
อย่างไรก็ตามนายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า หลังเสร็จสิ้นการอบรมเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาเครือข่ายภาคประชาชนทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในการสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร เบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง ภาคประชาชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสนับสนุนข้อมูลเบาะแสและข่าวสารเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเสริมสร้างความมั่นคงภายในตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนเครือข่ายข่าวที่ได้จัดตั้งไว้แล้วได้มีโอกาสพบปะปฎิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกหนึ่งที่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาด้านมวลชนและความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะการให้ความร่วมมือในการเสริมสร้างความสามัคคี เพื่อขจัดความขัดแย้งทางความคิดที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยสันติวิธี

หนังสือพิมพ์ ภูเก็ตโพสต์ ฉบับที่ 150


หนังสือพิมพ์ ภูเก็ตโพสต์
ฉบับที่ 150 ประจำวันที่ 1 - 15 มิถุนายน 2554
ที่แผงหนังสือทั่วไป

ทัพเรือภาคที่ 3 ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ


เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 54 ที่บริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต หมู่ที่ 4 บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พลเรือโทชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานการปลูกป่าชายเลน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 7 รอบ 84 พรรษา ใน 5 ธันวาคม 2554 โดยมีนาวาเอกปริญญาธรรม พูลพิทักษ์ธรรม ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 3 ,ข้าราชการทัพเรือภาคที่ 3, นายธวัช ศรีวิระชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต, สถานีรายงานภูเก็ต (กองทัพอากาศ), อบต.ป่าคลอก, สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต, วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต, วิทยาลัยสารพัดช่างภูเก็ต, โรงเรียนเมืองถลาง, โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา (ในพระอุปถัมภ์ฯ), มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, โรงเรียนบ้านแหลมทราย, โรงเรียนบ้านป่าคลอก, โรงเรียนบ้านพาราและประชาชนทั่วไปจำนวนรวมกว่า 500 คน เข้าร่วม ประกอบด้วย มีพันธุ์กล้าไม้ 1,290 ต้น และ ฝัก 10,000 ฝัก มีพื้นที่ในปลูกป่าชายเลน จำนวน 30 ไร่

พลเรือโทชุมนุม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 7 รอบ84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นการสนองพระราชดำรัสในการพัฒนาและปลูกป่าชายเลน เนื่องในโอกาสใกล้กับวันที่ 5 มิถุนายน นี้ ซึ่งองค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก รวมทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้เด็ก เยาวชน และประชาชนมีความรัก ความผูกพันและอนุรักษ์กับธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันเริ่มถูกทำลายมากยิ่งขึ้น ทำให้ระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลงไป จนสุดท้ายจะมีกระทบกลับมาถึงชุมชนในพื้นที่

“เหตุที่เลือกพื้นที่บริเวณบ้านป่าคลอก เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเขียวสำคัญของจังหวัดภูเก็ต มีความหลากหลายทางชีวภาพดำรงอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งทางทะเล ชายฝั่งและบนบก โดยทั้งสามส่วนสัมพันธ์กันและกัน จนทำให้เกิดสังคมวัฒนธรรม เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ เนื่องจากป่าชายเลนถือเป็นแหล่งสะสมอาหาร และที่พักพิงของสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น โดยเฉพาะการเป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยา นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยควบคุมระดับอุณหภูมิชายทะเล ไม่ให้ร้อนจัด เย็นจัด หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไป รวมทั้งยังเป็นแหล่งที่ทำมาหากินให้กับประชาชนในพื้นที่ ” พลเรือโทชุมนุมกล่าว







พัฒนาความร่วมมือด้านงานยุติธรรม


เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 54 ที่ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาความร่วมมือด้านงานยุติธรรม ระหว่างสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีนางสุขพร อุดมสิน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต ผู้เข้าร่วมประชุมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เข้าร่วม
นางสุขพร อุดมสิน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ต ประธานกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต จัดโครงการพัฒนาความร่วมมือด้านงานยุติธรรม ระหว่างสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ตขึ้น เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในงานยุติธรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนด้านงานยุติธรรมได้อย่างทั่วถึง สร้างสัมพันธ์ที่ดี ตลอดถึงการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ศูนย์บริการร่วม บทบาท หน้าที่ อำนาจภารกิจของสำนักงานยุติธรรมให้ประชาชนทราบ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
ขณะที่นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นตัวแทนกระทรวงยุติธรรมในการบริหารงานยุติธรรมจังหวัด มีหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนทั้งระบบอย่างรวดเร็วและเท่าเทียมกัน รวมทั้งคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ป้องกันควบคุมอาชญากรรม ตลอดจนประสานความร่วมมือกับองค์กรหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงยุติธรรมในระดับจังหวัด จึงเป็นศูนย์รวมในการบริหารที่เป็นเอกภาพ โดยนำแนวทางการบริหารแบบบูรณาการมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ นำภารกิจของทุกภาคส่วนราชการมาบริหารร่วมกัน และมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัด รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการเป็นหน่วยบริการในพื้นที่ และรับผิดชอบงานด้านปฏิบัติการในการบริการประชาชน ตามแนวการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง อันมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุก และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ความสงบ ความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม ดังนั้นความร่วมมือที่เกิดขึ้น ระหว่างสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ตกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในการบริหารงานด้านยุติธรรม จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักยุทธศาสตร์ ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม โดยอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างเสมอภาค

ผบช.ภ.8 กำชับตำรวจวางตัวเป็นกลาง


เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 เป็นประธานการประชุมซักซ้อมและชี้แจงทำความเข้าใจ พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงานด้านการเลือกตั้งของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อให้นำไปถ่ายทอดให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไป โดยมีพล.ต.ต.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในจังหวัดภูเก็ตทั้ง 8 สถานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสารวัตรในพื้นที่เข้าร่วม
ทั้งนี้ได้มีการบรรยายสรุปสถานการณ์เลือกตั้งของจังหวัดภูเก็ต ว่า มี 2 เขตเลือกตั้ง โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 ได้แก่พื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ยกเว้น ต.รัษฎากับ ต.เกาะแก้ว มีผู้สมัครประกอบด้วย นายวิสิษฐ์ ใจอาจ พรรคเพื่อไทย หมายเลข 1, นายจตุพงศ์ เลิศศิลป์จิรดา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หมายเลข 2, นางอัญชลี วานิช เทพบุตร พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 10 และนายวีรศักดิ์ วรเนติวงศ์ พรรคแทนคุณแผ่นดิน หมายเลข 17 กับเขตเลือกตั้งที่ 2 ได้แก่พื้นที่ อ.ถลาง อ.กะทู้ และ ต.รัษฎากับ ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ประกอบด้วย นายสมาน เก็บทรัพย์ จากพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1, นายเรวัต อารีรอบ พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 10 และนายจิรายุส ทรงยศ พรรคภูมิใจไทย หมายเลข 16 มีเขตเลือกตั้งทั้งหมดรวม 377 หน่วย ทั้งนี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.ภูเก็ต ได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูและความปลอดภัยในการเลือกตั้งทั้งประจำหน่วยสำนักงาน กกต.จังหวัด กกต.เขตเลือกตั้ง การรักษาความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้ง การดูแลรักษาความปลอดภัยหีบบัตรเลือกตั้ง การติดตามหาข่าวการเลือกตั้ง การจัดชุดเคลื่อนที่เร็วร่วมกับ กกต.จังหวัด
ในส่วนของผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้ที่เกี่ยวข้องมีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยแล้ว 3 ราย มีการแจ้งความเกี่ยวกับการทำลายป้ายหาเสียงแล้วจำนวน 8 ป้าย ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 6 ป้าย เป็นของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย และเขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 2 ป้าย เป็นของพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่เป็นลักษณะของการกรีดทำให้ฉีดขาด แนวโน้มการหาเสียงทั่วไปเขตเลือกตั้งที่ 1 ไม่มีแนวโน้มของความรุนแรง ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 2 มีแนวโน้มการแข่งขันสูง โดยยังไม่ปรากฏการเข้ามาของมือปืนรับจ้างและการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานสถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งของภูเก็ตนั้นยังไม่พบความรุนแรง ส่วนการซื้อขายบัตรประจำตัวประชาชนนั้นก็เป็นเพียงกระแสข่าว เช่นเดียวกับการประทุษร้ายร่างกายของผู้สมัครหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ยังไม่พบความผิดปกติ และในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ก็ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ลงมาประจำในพื้นที่แล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนของกลุ่มมือปืนรับจ้างตามประกาศของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นมีจำนวน 75 ราย อยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 23 ราย
“ได้เน้นย้ำการปฏิบัติตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายวางตัวเป็นกลาง และจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตามที่ กกต.จังหวัดร้องขอ การติดตามสืบสวนหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง การเฝ้าระวังการทำลายป้ายหาเสียงของผู้สมัครฯ ตลอดจนการปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงของการเลือกตั้ง ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – วันที่ 13 มิถุนายนนี้
ส่วนผลการกวาดล้างฯ ในระยะที่ 1 ระหว่างวันที่ 12 – 26 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ได้กวาดล้างจับกุมอาวุธปืนได้ถึง 200 กระบอก นอกจากนี้ยังได้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มครองผู้สมัคร ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว และยังกำหนดให้แต่ละจังหวัดจัดตั้งจุดตรวจเข้มแข็งซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตอยู่ที่ด่านตรวจจังหวัดภูเก็ต (ท่าฉัตรไชย) และอีกจุดในตัวเมืองขึ้นอยู่กับความเหมาะสม” พล.ต.ท.ก่อเกียรติกล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แห่ยื่นใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด


เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 54 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้มีการยื่นลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไปนอกเขตจังหวัดของประชาชนหรือกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เข้ามาอาศัยและประกอบอาชีพอยู่ในจังหวัดภูเก็ต และผู้ที่ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่ในเขตเลือกตั้งไม่ถึง 90 วัน บรรยากาศเป็นไปด้วยคึกคัก มีผู้มายื่นต่อนายทะเบียนอำเภอเมืองภูเก็ต อ.ถลาง และอ.กะทู้ ตลอดจนนายทะเบียนท้องถิ่น โดยเฉพาะนายทะเบียนอำเภอเมืองภูเก็ต เบื้องต้นมีรายงานว่ามีจำนวนผู้มายื่นลงทะเบียนตั้งแต่เปิดรับลงทะเบียนจนถึงเที่ยงวันของวันที่ 2 มิถุนายน 54 มีจำนวนประมาณ 6,000 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในการเดินทางมายื่นลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดของจังหวัดภูเก็ตในวันนี้เป็นจำนวนมากจนล้นออกมาด้านนอกอาคารสำนักงานอำเภอเมืองภูเก็ต เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเศรษฐกิจสำคัญ ส่งผลให้มีประชาชนจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาประกอบอาชีพและอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

หลังจากนี้แล้วผู้ที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดของจังหวัดภูเก็ต จะได้หนังสือยื่นยันจากสำนักทะเบียน เพื่อที่จะให้ผู้ที่ลงทะเบียนไปลงคะแนน ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนด โดยสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดภูเก็ต กำหนดไว้ในวันที่ 26 มิถุนายน 54 ที่ศาลาประชาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ระหว่างเวลา 08.00 – 15.00 น.