จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

ททท.ภูเก็ต จัดงานสงกรานต์หาดป่าตอง-ย่านเมืองเก่า



สงกรานต์ภูเก็ตปีนี้คึกคักสนุกสนานสร้างบรรยากาศท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ไทยให้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียง กระตุ้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อน สองบรรยากาศ สองอารมณ์ ในวันหยุดยาวเดือนเมษายนนี้

นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานภูเก็ต ได้กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดภูเก็ต ว่า ช่วงวันหยุดงานประเพณีสงกรานต์ปีนี้ภูเก็ตคึกคักมากเป็นพิเศษนอกจากมีนักขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่เข้ามาชุมนุมจัดงาน Phuket Bike Week 2010 แล้วยังมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศแห่เข้าภูเก็ตเพื่อมาพักผ่อนมากเกินความคาดหมายห้องพักถูกสำรองมากกว่า 80% ซึ่งปีนี้ ททท.ภูเก็ตได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและธุรกิจท่องเที่ยวจัดงานสงกรานต์เพื่อสร้างสีสันในช่วงวันหยุดให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน สนุกสนาน รื่นเริงภายใต้สองบรรยากาศให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกวัน เริ่มจากหาดป่าตอง ซอยบางลาเน้นความสนุกสนาน สีสันการเล่นน้ำของนักท่องเที่ยว ขบวนแห่รถบุปผชาติ การแสดงนาฏศิลป์ภาคใต้ และประกวดเทพีสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด : Songkran : The Water Festival on the Beach ระหว่างวันที่ 12 – 13 เมษายน และพิเศษในปีนี้เพิ่มบรรยากาศร่วมสัมผัสเมืองเก่าภูเก็ต เล่นน้ำแบบวิถีไทย ตื่นตาตื่นใจ เย็นชื่นฉ่ำกับการรังสรรค์ก้อนน้ำแข็งให้เป็นสวนภูเขาน้ำแข็ง กำแพงน้ำแข็งเมืองเก่า โชว์การแกะสลักน้ำแข็งสวยงาม และม่านน้ำสุดอลังการครั้งแรกในตัวเมืองภูเก็ต พร้อมชมการแสดงภูเก็ตแฟนตาซี การแสดงคาบาเร่ต์ ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง ชมสาธิตการผสมเครื่องดื่ม และกิจกรรมสามล้อชมเมืองเก่าภูเก็ต ภายใต้แนวคิด : Songkran in old town Phuket ระหว่างวันที่13 – 15 เมษายนศกนี้

ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานภูเก็ต ยังกล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากได้อนุรักษ์สืบสานงานประเพณีที่ดีงามของไทยแล้ว กิจกรรมที่ได้กำหนดจัดขึ้นทั้งสองแห่งระหว่างวันที่ 12 – 15 เมษายน 2553 ยังถือได้ว่าเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกกิจกรรมหนึ่งที่สามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ ได้รับความสนุกสนาน จับจ่ายซื้อสินค้าและบริการ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงในภาพรวมคึกคักมากยิ่งขึ้นอีกด้วย


กรมพัฒนาธุรกิจแจงผู้ประกอบการป้องกันการทำผิดกฎหมาย



เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 เมษายน 2553 ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธานเปิดการอบรมสัมมนาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยห้างหุ้นส่วนและบริษัท กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวและกฎหมายบัญชี ซึ่งทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น มีผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายวีระชัย ตันติวัฒนวัลลภ หัวหน้าสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการธุรกิจ ผู้ทำบัญชีในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.กระบี่ เข้าร่วมจำนวนประมาณ 280 คน เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติ และขั้นตอนในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีการแก้ไขปรับปรุงใหม่ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีกฎหมายที่ใช้ดูแลนิติบุคคลจำนวน 9 ฉบับ เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เป็นต้น ซึ่งการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดในแต่ละฉบับนั้น นิติบุคคลที่มีคนต่างด้าวถือหุ้นอยู่อาจมีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ประกอบกับกรมฯ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 เป็นผลให้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติแตกต่างไปจากเดิม รวมทั้งได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2551
“ปัจจุบันทั่วประเทศมีนิติบุคคลที่จดทะเบียนจำนวนประมาณ 940,000 ราย แต่ที่ยังมีการทำธุรกิจอยู่ประมาณ 550,000 ราย และมีการยื่นงบดุลการเงินประจำปีเพียงประมาณ 360,000 ราย สาเหตุเนื่องจากมีความไม่รู้หรือเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่กำหนด เช่น กรณีการเลิกทำธุรกิจซึ่งจะต้องแจ้งยกเลิก การย้ายสำนักงาน เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้หากไม่ปฏิบัติก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย”



นายบรรยงค์ กล่าวด้วยว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ตมีบริษัทจดทะเบียนจำนวนประมาณ 14,000 ราย มีการยื่นงบดุลการเงินประมาณ 9,000 ราย หรือประมาณ 70% นอกจากนี้ยังมีในส่วนของบริษัทที่มีการถือครองที่ดินของคนต่างด้าว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะดำเนินการให้ส่วนที่เหลืออีก 30% ดำเนินการให้ถูกต้องทั้งเรื่องของการประกอบธุรกิจก่อสร้าง การตรวจสอบธุรกิจ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวและอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

นายบรรยงค์ กล่าวว่า ปัญหาการถือครองที่ดินจริงๆ เป็นข้อกฎหมาย ซึ่งกฎหมายธุรกิจต่างด้าวมีหัวใจสำคัญอยู่สองเรื่องหลัก คือ เราจะต้องคุ้มครองดูแลคนไทยให้ประกอบธุรกิจได้ในกรณีที่ธุรกิจนั้นเกี่ยวกับความมั่นคง สิ่งแวดล้อม เป็นธุรกิจที่เรายังไม่มีศักยภาพหรือมีความสามารถที่จะแข่งขันได้ เพื่อให้คนไทยประกอบธุรกิจได้โดยไม่มีปัญหา กับเจตนาของกฎหมายฉบับนี้ซึ่งต้องการส่งเสริมให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนซึ่งก็มีบัญชีธุรกิจสำหรับคนต่างด้าวมาลงทุนว่ามีธุรกิจอะไรบ้าง เมื่อลงทุนแล้วเกิดประโยชน์กับประเทศไทยและ ไม่เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการคนไทย ส่วนการถือครองที่ดินหรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญชีต้องห้าม เมื่ออยู่ในบัญชีต้องห้าม แปลว่าคนต่างด้าวทำไม่ได้ ซึ่งหากมีการตรวจพบจะมีความผิดที่รุนแรง โดยปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท จำคุก 3 ปี

“จากตรวจสอบธุรกิจที่มีคนต่างด้าวถือหุ้นอยู่นั้นจะมีการสุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยง กรณีที่มีต่างด้าวถือหุ้นค่อนข้างมาก การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากการส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสุ่มตรวจในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พบว่ามีจำนวนประมาณ 100 ราย แต่ยังไม่พบความผิดปกติในเรื่องของการเป็นนอมินี เบื้องต้นที่พบจะเป็นกรณีของการปิดบริษัทโดยไม่สามารถที่จะติดต่อเข้าตรวจสอบได้ประมาณ 10 บริษัท และมีประมาณ 9 บริษัทซึ่งไม่มีการแจ้งย้ายสำนักงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดี และที่มีการตรวจสอบค่อนข้างเข้มข้นนอกจากภูเก็ตแล้ว ยังมีสมุย พัทยา เชียงใหม่”

อย่างไรก็ตามนายบรรยงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลพบว่าในปี 2552 จดทะเบียนน้อยกว่าปี 2551 แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าในช่วงปลายปีของปี 2552 มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นทั้งนี้เป็นผลมาจากนโยบายไทยเข้มแข็งของรัฐบาล และเห็นได้ชัดมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งจำนวนผู้จดทะเบียนสูงที่สุดจากการจัดให้มีหอทะเบียนมาเป็นเวลา 90 ปี แม้ว่าจำนวนนิติบุคคลเพิ่มขึ้นไม่มากเพียง 10% แต่จำนวนทุนจดทะเบียนกลับสูงมากถึง 200 % ภาพรวมส่วนใหญ่เป็นธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ธุรกิจที่ค่อนข้างโดดเด่นมากในช่วงมีนาคมที่ผ่านมา คือ ธุรกิจด้านนันทนาการหรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งคงต้องจับตาต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร


สภ.ฉลอง ภูเก็ตจัดแข่งนกกรงหัวจุก



เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 เมษายน 2553 ที่สนามโรงเรียนอบจ.เมืองภูเก็ต ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดการแข่งขันประชันเสียงนกกรงหัวจุกสมทบทุนกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สภ.ฉลอง โดยมี พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง เป็นประธานจัดการแข่งขัน ร่วมกับ ชมรมนกกรงหัวจุกจังหวัดภูเก็ต

พ.ต.อ.วิชิต กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่ายาเสพติดยังคงมีการแพร่ระบาดในทุกพื้นที่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีมาตรการการป้องกันและปราบปรามอย่างจริง แต่ปัญหายังไม่ลดลงทั้งผู้เสพ-ผู้จำหน่าย และที่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะการแพร่กระจายเข้าไปยังกลุ่มเยาวชน ซึ่งมีปัจจัยหลากหลาย สำหรับสถานีตำรวจภูธรฉลอง รับผิดชอบ 3 ตำบล คือ ตำบลฉลอง ตำบลราไวย์และตำบลกะรน มีทั้งพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัยและพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว จากสภาพสังคมที่หลากหลายและขนาดพื้นที่กว้างขวางขณะที่จำนวนเจ้าหน้าที่จำกัด จึงทำให้บางครั้งไม่สามารถดูแลดีทั่วถึง จึงเป็นช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสกระทำผิดกฎหมายได้หลายรูปแบบ และปัญหาหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของสังคม คือ การแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน

ด้วยสถานีตำรวจภูธรฉลองได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติดไม่ให้แพร่ระบาดไปยังประชาชนและกลุ่มเยาวชนเพิ่มมากขึ้น จึงได้จัดกิจกรรมการแข่งขันนกกรงหัวจุกขึ้น เพื่อสร้างมวลชนสัมพันธ์ในพื้นที่ โดยใช้ประชาชนเป็นแนวร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อสร้างกิจกรรมให้แก่ประชาชนและเยาวชนในพื้นที่ ให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการหันมาเลี้ยงนกกรงหัวจุก เป็นการอนุรักษ์พันธุ์นกและเป็นการเล่นกีฬา ตลอดจนสร้างภาพพจน์ของตำรวจยุคใหม่ โดยใช้เวทีต่างๆ ในการประชาสัมพันธ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจัดหาเงินสมทบทุนเพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดด้วย พ.ต.อ.วิชิต กล่าว

ทางด้าน พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือว่าเป็นแนวทางป้องกันแหละปราบปรามยาเสพติดที่ถูกต้องสร้างสรรค์ในการตอบสนองนโยบายการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ได้ผลนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆ ด้าน จะปล่อยเฉพาะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการพียงลำพังหน่วยงานเดียวคงมิอาจป้องกันและปราบปรามได้อย่างทั่วถึง องค์ประกอบสำคัญที่สุด คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งการจัดการแข่งขันประชันเสียงนกกรงหัวจุกถือเป็นโอกาสอันดีที่เจ้าหน้าที่และประชาชนจะได้พบปะสร้างสัมพันธ์ และทำกิจกรรมการกุศลเพื่อประโยชน์แก่สังคมร่วมกัน ตลอดจนเพื่อให้เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซากต่อไป


วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

ส.ท่องเที่ยวภูเก็ตสรุปผลร่วมงานไอทีบีเยอรมัน



นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต สนับสนุนงบประมาณในการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือโรดโชว์ ในงานไอทีบีที่ประเทศเยอรมันเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยปีนี้ อบจ.ภูเก็ตเพิ่มงบประมาณเพิ่มจากปีที่ผ่านมาในส่วนการจัดสร้างสแตนด์ของจังหวัดภูเก็ตขึ้นบนพื้นที่ขนาด 180 ตารางเมตร ในอาคาร 26 บี ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับสองรองจาก ททท. จากปีก่อนหน้านี้ซึ่งมีขนาดพื้นที่เพียง 90 ตารางเมตร ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการนำเที่ยวทั่วโลกที่เข้ามาเจรจาแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อซื้อขายสินค้าทางการท่องเที่ยว

“การไปส่งเสริมการขายครั้งนี้ สรุปว่าตลาดยุโรปยังคงเป็นตลาดหลักของภูเก็ตในช่วงไฮซีซั่น เพราะผู้ประกอบการนำเที่ยวจากตลาดดังกล่าว ยังคงให้ความสนใจต่อจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในส่วนของกลุ่มตลาดยุโรปตะวันออกก็ได้มีการทำข้อตกลงเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหน้ามีทั้งจากประเทศเช็ค โปรแลนด์ ฮังการีและบัลกาเรีย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม เช่น การเก็บตัวนางงามที่จังหวัดภูเก็ต การนำเสนอภาพลักษณ์จังหวัดภูเก็ตผ่านทางสื่อมวลชนและผู้ประกอบการนำเที่ยวในประเทศนั้นๆ ที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน “The Andaman Travel Trade” เป็นต้น ส่วนผู้ประกอบการในกลุ่มยุโรปเหนือและสแกนดิเนเวีย รวมทั้งฟินแลนด์ ยังคงมีผลในทางบวกแม้ว่าจะมีกระแสข่าวความวุ่นวายทางการเมือง แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวมากนัก ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องรักษาตลาดกลุ่มเหล่านี้ไว้”

นายสมบูรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรีนซีซั่นหรือการท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝนปีนี้ไม่น่าที่จะซบเซามากนัก เพราะมีตลาดในกลุ่มเอเชียเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจากยุโรป รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากอินเดีย ตะวันออกกลาง จีน เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซียและญี่ปุ่น คาดว่าจะทำให้อัตราเข้าพักใน 6 เดือนของกรีนซีซั่นจะอยู่ที่ประมาณ 65-70% อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการมีเที่ยวบินตรงของสายการบินต่างๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการเดินทางทำโรดโชว์ในภาคอีสานที่ จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีสายการบินต้นทุนต่ำเปิดให้บริการบินตรง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวกมากยิ่ง ไม่เฉพาะในส่วนของคนไทยเท่านั้น แต่รวมถึงชาวต่างชาติด้วย

ขณะที่นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของ อบจ.ภูเก็ตนั้นพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวของภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง โดยจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งที่ได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าพักของนักท่องเที่ยวมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการท่องเที่ยวให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งก่อนหน้าที่จะเดินทางไปร่วมส่งเสริมการขายในงานไอทีบี แล้วยังได้มีการเดินทางไปเปิดตลาดเมดานและจากาต้าร์ ประเทศอินโดนีเซีย รวมทั้งในช่วงประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ก็จะเดินทางไปทำตลาดที่ประเทศเกาหลีด้วย


ธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ตยื่นแถลงการณ์แสดงจุดยืน


เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 2 เมษายน 2553 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายสุชาติ หิรัณย์กนกกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ นายกสมาคมโรงแรมหาดป่าตอง สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหาดกะตะกะรน และสมาคมสปาภูเก็ต ตลอดจนพนักงานตัวแทนภาคธุรกิจการท่องเที่ยวสาขาอื่นๆ จำนวนรวมประมาณ 200 คน พร้อมแผ่นป้ายข้อความต่างๆ เช่น ทุกฝ่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย สมานฉันท์เพื่อท่องเที่ยวไทย ให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง เป็นต้น ได้เดินทางมายื่นแถลงการณ์ผ่านทางนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ส่งไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ให้ยุติความรุนแรง และร่วมกันแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมอย่างสันติ และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขในสังคมไทย โดยให้แต่ละฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และร่วมกันนำพาประเทศสู่ความเจริญมั่นคงต่อไป

ทั้งนี้นายสมบูรณ์ ได้อ่านแถลงการณ์ใจความว่า จากสถานการณ์ความขัดแข้งทางการเมืองที่ผ่านมาในระยะเวลา 2-3 ปีนั้น ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างกว้างขวางไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ดังปรากฏตามสื่อต่างๆ และเป็นที่รับทราบของสาธารณชน อย่างไรก็ตามปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมาดูเหมือนว่าแต่ละฝ่ายยังไม่สามารถหาแนวทางร่วมกัน เพื่อนำไปสู่ข้อยุติอย่างสันติ และสามารถกลับไปสู่การดำเนินวิถีชีวิต ทั้งในด้านความเป็นอยู่และการดำเนินธุรกิจอย่างปกติสุข

ผลกระทบจากความขัดแย้งดังกล่าวได้ส่งผลทางธุรกิจโดยตรงต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกสาขาอาชีพ และเป็นที่ทราบดีว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในรูปแบบของเม็ดเงินการจ้างงานและสร้างรายได้อย่างมากมาย และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนั้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยทั้งในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความประทับใจและการให้บริการด้านต่างๆ ตลอดจนการเดินทางเข้าท่องเที่ยวในโอกาสต่อไปในอนาคต

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้มิได้กระทบเฉพาะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในด้านการท่องเที่ยวและการย้ายแหล่งท่องเที่ยวจากประเทศไทยไปสู่ประเทศอื่นๆในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ตามมา ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปอย่างยั่งยืน สมาคมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง และร่วมกันแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมอย่างสันติ และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขในสังคมไทย โดยให้แต่ละฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และร่วมกันนำพาประเทศสู่ความเจริญมั่นคงต่อไป

ขณะที่นายวิชัย กล่าวว่า ขอบคุณที่มาแสดงออกด้วยวิธีการที่สันติ เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะทุกคนสามารถที่จะมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่อย่าให้เกิดความแตกแยก เนื่องจากท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและอ่อนไหว หากเกิดปัญหาขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างแน่นอน


วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

นายก ส.ท่องเที่ยวภูเก็ตเรียกร้องชุมนุมโดยสันติ


นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองที่กำลังคุกลุ่นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนทั่วไป ก่อให้เกิดความกังวลกลัวจะเกิดความรุ่นแรงขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ย่อมที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศโดยรวม ดังนั้นทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้วิธีการแก้ปัญหาทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้โดยสันติวิธี และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง เพราะการใช้ความรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก และเมื่อการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบก็จะมีคนจำนวนมากที่เกี่ยวเนื่องที่จะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

“สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้สันติวิธีในการคลี่คลายปัญหา โดยใช้การเจรจาซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและถาวร หากรีบตัดสินใจดำเนินการอะไรลงไปโดยไม่มีการวางกรอบกติกาที่ชัดเจน วงจรของวิกฤตทางการเมืองก็จะวนกลับมาอีก ซึ่งเชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่อยากเห็นความรุนแรงระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกันเอง แต่ต้องการให้เกิดความสงบขึ้นภายในประเทศ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นก็เท่ากับเป็นการช้ำเติมเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัว และจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมความบอบช้ำให้กับประเทศไทยด้วย” นายสมบูรณ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (2 เม.ย.) ทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตจะรวมตัวกันเดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุมสมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย(เฟสต้า) เพื่อแสดงท่าทีและเรียกร้องให้รัฐบาลและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.แดงทั้งแผ่นดิน) ร่วมกันหาทางออกเพื่อยุติความขัดแย้งและการชุมนุมโดยเร็ว ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามบานปลาย

สดุดีบรรพชนผู้สร้างนครภูเก็ต “คอซิมบี้ ณ ระนอง”


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 เมษายน 2553 ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง สวนสาธารณะเขารัง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง ) ซึ่งทางเทศบาลนครภูเก็ตจัดขึ้น โดยมี ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงษ์หยก สมาชิกวุฒิสภา นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ข้าราชการพลเรือน พนักงานส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทุกสาขาอาชีพและลุกหลานสกุล ณ ระนอง เข้าร่วม

เนื่องด้วยวันที่ 1 เมษายน ของทุกปีได้รับการประกาศให้เป็น “วันข้าราชการพลเรือน” ทางเทศบาลนครภูเก็ตจึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำโครงการเชิดชูบรรพชนผู้สร้างนครภูเก็ต ประจำปี 2553 โดยมีพิธีวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เพื่อร่วมรำลึกและสดุดีเชิดชูคุณงามความดีของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ผู้เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต ระหว่างปี 2444-2456 ด้วยถือว่าท่านเป็นบุคคลตัวอย่างของข้าราชการพลเรือนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์และคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ ในการสร้างความเจริญให้แก่มณฑลภูเก็ต จนเป็นที่ประจักษ์ควรแก่การสรรเสริญ ด้วยท่านเป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตที่มีชื่อเสียงเกียรติยศเลื่องลือไปถึงต่างประเทศ ภารกิจต่างๆ ท่านได้วางไว้ยังคงปรากฎผลเป็นคุณประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติจนถึงปัจจุบัน

ผลงานของท่านในคราวที่ตำรงตำแหน่งข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต พร้อมกันนี้ก็ได้ทำหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตควบคู่ไปด้วย โดยได้เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองไว้ให้แก่จังหวัดภูเก็ตเป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแนะนำให้กระทรวงมหาดไทยจัดหาวิธีการหารายได้เอง เพื่อให้สามารถมีรายได้มาทำนุบำรุงเมืองฝั่งตะวันตก ตามโครงการเงินทดแทน ได้แก่ การนำเงินไปใช้ในการบูรณะซ่อมแซม รักษาวัตถุสถานอันเป็นสาธารณประโยชน์ เงินที่เหลือจากการบูรณะซ่อมแซมได้นำมาสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนนขุดลอกลำน้ำสร้างโรงพยาบาล เป็นต้น สร้างถนนสายใหม่ในจังหวัดภูเก็ต และเชื่อมเมืองต่างๆ ในมณฑลภูเก็ตแทนแนวถนนที่สร้างไว้แต่เดิม รวมถึงการสร้างศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กหลังแรกของประเทศไทย ตลอดจนได้วางผังถนน สถานที่ต่างๆ สร้างเมืองใหม่โดยมิต้องจ่ายเงินหลวงแม้แต่สตางค์เดียว รวมถึงการจัดซื้อเรือกลไฟไว้ในราชการสองลำ คือ เรือถลางและเรือเทพกระษัตรี

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาท่านได้เอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนเสมือนพ่อปกครองลูก ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียรคำนึงถึงประโยชน์สุขของราษฎรเป็นที่ตั้ง และเป็นผู้วางรากฐานความเจริญก้าวหน้าในหลายด้าน เช่น ด้านการพัฒนาส่งเสริมอาชีพ ริเริ่มให้มีการทำสวนยางพาราเป็นสินค้าออกแทนแร่ดีบุก ด้านการคมนาคมให้มีการสร้างท่าเรือภูเก็ต กำหนดที่จอดเรือ ควบคุมและจัดทำทะเบียนเรือ ด้านการรักษาความปลอดภัยปราบโจรอั้งยี่อย่างได้ผล เป็นต้น ซึ่งเป็นการนำการบริหารแผนใหม่มาใช้อย่างชาญฉลาดจนได้รับสมญานามว่า “เจ้าแห่งการพัฒนา” ต่อมาภายหลังได้รับการยกย่องให้เป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น สาขาการปกครองในรอบ 200 ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นับเป็นเกียรติประวัติที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง



วิชิตจัดงานอาหารปลอดภัย พร้อมเปิด Vichit Wi-Fi



นายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ทางเทศบาลฯ ได้จัดงานมหกรรมอาหารปลอดภัยอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ประจำปี 2553 ในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม –วันที่ 3 เมษายน 2553 ที่บริเวณสวนศรีภูวนาถ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารเข้าใจ และตระหนักถึงการจำหน่ายอาหารที่สะอาดปลอดภัย กระตุ้นให้ประชาชนสนใจการบริโภคอาหารที่สะอาดปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการร้านอาหารเพื่อพัฒนางานด้านโภชนาการอาหารให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตเทศบาลตำบลวิชิต

“สภาพแวดล้อมของสังคมในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลวิชิตเกิดการขยายตัวของสังคมเมือง ทำให้รูปแบบวิถีดำเนินชีวิตของประชาชน ในพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องแบกรับปัญหาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเรื่องภัยและสารปนเปื้อนที่อยู่ในอาหาร การมุ่งควบคุมสุขลักษณะของวัตถุดิบอาหาร สถานประกอบการอาหาร และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างหนึ่ง ที่ทางพื้นที่ให้ความสำคัญ เพื่อทำให้เทศบาลตำบลวิชิตเป็นชุมชนอาหารปลอดภัย ปลอดสารพิษ บริโภคได้อย่างมั่นใจ”

สำหรับกิจกรรมภายในงาน การแสดงของเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไป การแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง การแข่งขันวิชิตแอโรบิคคอนเทส ปีที่ 2 การประกวดเยาวชนคนพันธุ์ A-Anti AIDS ตำบลวิชิต การประกวดแข่งขันวงดนตรีตามโครงการสานสานใยรักด้วยดนตรี การประกวดเมนูซีฟู้ดส์-ชูสุขภาพ ตลอดจนการออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอาหารปลอดภัย และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย นายกรีฑากล่าว

นายกรีฑา กล่าวว่า ในโอกาสเดียวนี้ยังได้มีการเปิดโครงการบริการอินเตอร์เน็ตสาธารณะ Vichit Wi-Fi ภายในสวนสาธารณะศรีภูวนาถ ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วสูงในช่วงแรกจะเปิดให้บริการที่ความเร็ว 1 Mbps โดยหนึ่ง User ใช้บริการได้ 2 ชั่วโมง ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้ลงทะเบียนรับ Username และ Password สามารถใช้กับโน้ตบุ๊ก หรือพ็อกเก็ต พีซีโฟน โดยความร่วมมือกับทางบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน)


วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

กลุ่มแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ร่วมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ


 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 มีนาคม 2553 ที่ห้องประชุมโรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาคาเดีย รีสอร์ท อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการด้านศัลยกรรมตกแต่งประจำปี พ.ศ.2553 ซึ่งสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย (SPRST) และสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย (SAPST) จัดขึ้น โดยเชิญสมาชิกศัลยแพทย์ตกแต่งของประเทศไทย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศสาธารณรัฐจีนไต้หวัน ร่วมจำนวนรวมประมาณ 200 คน ซึ่งนอกจากการประชุมสัมมนาวิชาการด้านศัลยกรรมตกแต่ง ยังได้เชิญ Dr.Bahman Guyuron นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นวิทยากร และนิทรรศการออกร้านแสดงเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยบริษัทชั้นนำกว่า 30 บริษัท เช่น จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, 3 เอ็ม, นีโอฟาร์ม เป็นต้น

น.พ.กมล วัฒนไกร เลขาธิการสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดสัมมนาดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมวิชาการร่วมกันอย่างต่อเนื่องโดยมีการสลับกันเป็นเจ้าภาพ และครั้งนี้พิเศษเนื่องจากเป็นการประชุมร่วมกันของสองสมาคม เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านวิชาการและประสบการณ์ทางการแพทย์ศัลยกรรมใหม่ๆ ระหว่างกัน ครั้งนี้เน้นพิเศษในเรื่องของการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยเฉพาะจมูก เนื่องจากปัจจุบันมีความนิยมค่อนข้างสูง เห็นได้จากความนิยมของคนไทยที่ไปทำศัลยกรมที่ประเทศเกาหลี ซึ่งมีการนำกระดูกอ่อนมาใช้ ซึ่งความยินเทคนิคดังกล่าวมีการทำกันมานานแล้วในประเทศตะวันตก ส่วนของประเทศไทยก็เช่นเดียว แต่จะเลือกทำเป็นรายกรณีไป ดังนั้นการสัมมนาครั้งนี้จึงเป็นการเผยแพร่ความรู้ด้านศัลยแพทย์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบด้วย

อย่างไรก็ตาม น.พ.กมล กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่ได้มีการส่งเสริมในเรื่องของเมดิคัล ในแต่ละปีจะมีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก มีทั้งเอเชีย และประเทศแถบยุโรป สแกนดิเนเวีย เยอรมัน อมริกา ตะวันออกกลางบางส่วน เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถุกกว่าในประเทศของเขา และคุณภาพก็ไม่ได้ด้อยกว่า แต่น่าเสียดายที่คนไทยของเรากลับเดินทางไปใช้บริการในต่างประเทศ ซึ่งเป้นอีกบทบาทหนึ่งของสมาคมฯ ในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับความสามารถของแพทย์ด้านศัลยกรรมของไทยซึ่งมีฝีมือไม่แตกต่างจากแพทย์ศัลยกรรมประเทศอื่นๆ

ขณะที่ น.พ.สงวน คุณาพร ศัลยแพทย์ประธานผู้ประสานงาน การประชุมวิชาการด้านศัลยกรรมตกแต่งประจำปีพ.ศ. 2553 ส่วนของ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การเลือกจังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่ประชุมนอกจากเป็นการตอกย้ำถึงสถานภาพแหล่งท่องเที่ยวนานาชาติชั้นนำของประเทศและภูมิภาคแล้ว ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าภูเก็ตมีศักยภาพที่จะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อรับบริการทางการแพทย์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวย ศัลยกรรมแปลงเพศ ศัลยกรรมเปลี่ยนข้อเข่า ข้อสะโพก หรือ การทำฟัน นักท่องเที่ยวเหล่านี้มีการใช้จ่ายต่อคนสูงกว่านักท่องเที่ยวปกติกว่า 10 เท่าตัว มีการประเมินว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาภูเก็ตไม่ต่ำกว่าปีละ 4,000 คน ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งในกรุงเทพมหานครมีผู้เข้ารับการศัลยกรรมด้านต่างๆ ปีละประมาณ 400,000 คน

“ประเทศนับเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการให้บริการศัลยกรรมตกแต่งค่อนข้างสูง และเป้ฯที่ยอมรับของนานาประเทศ การได้มีโอกาสพบปะกันนั้น เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านวิชาการระหว่างกัน ครั้งนี้เน้นเรื่องของการศัลยกรรมจมูก โดยเฉพาะตามแบบตะวันตก แม้ว่าศัลยกรรมแพทย์ของเราจะมีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเอเชีย ดังนั้นการที่นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นวิทยากรพิเศษนับเป็นประโยชน์สำหรับศัลยแพทย์ในการพัฒนาความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้านอกจากชาวเอเชียแล้วยังมีชาวยุโรปด้วย

เหตุที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจมาใช้บริการแพทย์เฉพาะทางของประเทศไทย หรือภูเก็ต เนื่องจากจะประหยัดค่าจ่ายไปได้ประมาณ 30-50% เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการใช้บริการในบ้านของเขาเอง รวมถึงการบริการที่สร้างความประทับใจ เพราะเรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญ หากเกิดความผิดพลาดก็จะส่งผลกระทบต่อชีวิตได้ น.พ.สงวนกล่าว


 

รพ.กรุงเทพจับสื่อภูเก็ตอบรมช่วยเหลือผู้ป่วยหยุดหายใจ


เมื่อเวลา 08.30 น.ของวันที่ 31 มีนาคม 53 ที่ห้องประชุมห้องประชุมคิงส์ คาร์ล กูสตาฟว์ รพ.กรุงเทพภูเก็ต นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการรพ.กรุงเทพภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรม ปฏิบัติการพิราบ...ช่วยชีวิต ซึ่งจัดโดย รพ.กรุงเทพภูเก็ต ร่วมกับ คณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อฝึกสอนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ต โดยเป็นโครงการที่สานต่อจากการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในจังหวัดภูเก็ต จำนวนกว่า 2,000 คน ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ ฯพณฯ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ เป็นประธานเปิดโครงการเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการ รพ.กรุงเทพภูเก็ต กล่าวว่า “โครงการปฏิบัติการพิราบ...ช่วยชีวิต สำหรับสื่อมวลชน ในจ.ภูเก็ต เป็นโครงการที่ต่อยอดแนวความคิดมาจากโครงการที่รพ.กรุงเทพภูเก็ตได้จัดฝึกอบรมให้แก่นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย เนื่องจากสื่อมวลชนเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสพบเจอกับเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝัน เพราะภาวะวิกฤตที่ผู้ป่วยจะหยุดหายใจมักจะเกิดขึ้นนอกสถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจากโรคหัวใจ ถูกไฟฟ้าดูด จมน้ำ สารเสพติด สำลักอาหารอุดกั้นทางเดินหายใจ และสำลักควันไฟ ขาดอากาศหายใจ เป็นต้น หากสื่อมวลชนมีทักษะในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

รพ.กรุงเทพภูเก็ตได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงสถาบันการศึกษา โรงแรม บริษัท ห้างร้าน ในการจัดฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ที่ตรงตามมาตรฐานการช่วยชีวิตของสมาคมแพทย์โรคหัวใจฯ รวมไปถึงการฝึกอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น การฝึกอบรมพี่เลี้ยงเด็ก “การช่วยชีวิตผู้ป่วยหยุดหายใจได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนทุกคน ควรได้รับการฝึกอบรม ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ทำงานในวงการการแพทย์เท่านั้น แต่ทุกคนมีโอกาสช่วยชีวิตผู้อื่นให้กลับมาหายใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังส่งผลดีต่อประเทศชาติในการช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญอีกด้วย” นพ.ก้องเกียรติกล่าวเสริม

ด้านพ.ต.อ.นพ.โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ รพ.กรุงเทพภูเก็ต และเลขาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการฯ กล่าวว่า “ศูนย์หัวใจ รพ.กรุงเทพภูเก็ต ได้ดำเนินโครงการเพื่อให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพของชาวภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงมาโดยตลอด เช่น ในปี 2550 รพ.กรุงเทพภูเก็ตจัดโครงการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ให้กับประชาชนทั่วไปในเขตจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงา มากกว่า 800 คน

สำหรับในปีนี้รพ.กรุงเทพภูเก็ตได้ร่วมมือกับผู้ให้การสนับสนุน และคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต ภายใต้สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดโครงการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในจังหวัดภูเก็ต จำนวนกว่า 2,000 คน และได้ขยายการสอนมายังกลุ่มสื่อมวลชน ในจ.ภูเก็ต ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจฯ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นในยามฉุกเฉิน”

อนึ่งการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในภาวะวิกฤตและการกู้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสำคัญยิ่งในการช่วยชีวิตผู้ที่หัวใจหยุดเต้นหรือไม่หายใจ ให้ได้ภายใน 4 นาที เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะสมองตายจากการขาดออกซิเจน ที่อาจทำให้เกิดภาวะทุพลภาพ


ชาวภูเก็ต ยื่นแถลงการณ์ผ่านพ่อเมืองภูเก็ตอย่ายุบสภา



เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 31 มีนาคม 2553 ที่บริเวณหน้าสวน 72 พรรษามหาราชินี อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มผู้เรียกตัวเองว่าประชาชนชาวภูเก็ต จำนวนประมาณ 200 คน นำโดยนายสมนึก ตุ่ยโต นายกฤช เทพบำรุงและ น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร ได้รวมตัวกันและเดินขบวนไปรอบๆ ตัวเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยผืนธงชาติไทยขนาดใหญ่ และแผ่นป้ายข้อความต่างๆ เช่น คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ, คิดดีแล้วหรือที่ผ่านฟ้าไปเสนอยุบสภาที่ยมราช, ปัญหาของชาติอย่าให้คนขลาดกำหนดชะตากรรม, ยุบสภาเพื่อใคร, ชาวภูเก็ตเป็นกำลังใจให้นายกฯ อย่ายุบสภา เป็นต้น

จากนั้นได้เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นแถลงการณ์ในนามประชาชาวภูเก็ต ให้กับนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านไปยังรัฐบาล เพื่อขอให้อย่ายุบสภาฯ ตลอดเรียกร้องหน่วยงานความมั่นคงให้ช่วยเร่งรัดจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุรายวันในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้รัฐบาลเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความเป็นจริงกรณีคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และขอให้หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลรับผิดชอบการชุมนุมของ นปช.ให้มีการชุมชนอย่างสันติและไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น หลังจากมอบแถลงการณ์แล้วได้มีการจุดเทียนยืนสงบนิ่งและร้องเพลงสดุดีมหาราชา จากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับไป

ทั้งนี้นายสมนึก ตุ่นโต ได้อ่านแถลงการณ์ ว่า ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันที่มีการรวมตัวชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช.ภายใต้การนำของนายวีระ มุสิกพงศ์,นพ.เหวง โตจิราการ,นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธ์ โดยมี นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอลิงค์เข้ามาปลุกระดมกลุ่มพี่น้องเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา จนนำมาซึ่งรัฐบาลยอมเปิดโต๊ะเจรจากับฝั่งแกนนำกลุ่ม นปช.2 ครั้ง แต่ไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากกลุ่ม นปช.ต้องการให้มีการยุบสภาภายใน 15 วัน ไม่เช่นนั้นจะเดินหน้ากดดันต่อ โดยการยกระดับการชุมนุม เพื่อนำไปสู่การยุบสภา ทั้งที่กลุ่ม นปช.ไม่มีเหตุผลเพียงพอในการกดดันให้รัฐบาลยุบสภา เพราะผลที่จะเกิดขึ้น คือ ประเทศชาติได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่กำลังขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี

ประกอบกับการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนำมาซึ่งความวุ่นวาย เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และพื้นที่ภาคเหนือบางจังหวัด จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นประชาชนชาวภูเก็ต ในฐานะที่เป็นหนึ่งในพลเมืองของประเทศไทย ขอเรียกร้องให้รัฐบาลอย่ายุบสภา หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเรียกร้องของ นปช.เพราะไม่ใช่ทางออกของปัญหาของประชาชน และของประเทศชาติ เพราะปัญหาชาติที่แท้จริงขณะนี้ที่รัฐบาลควรหามาตรการแก้ไขเป็นการด่วน คือ ปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความเป็นอยู่ของประชาชน ปัญหาภัยแล้ง และความมั่นคงของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้และอื่นๆ

เรียกร้องให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร ทำงานภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุปาระเบิด และสร้างสถานการณ์ความรุนแรงรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นขณะนี้ให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนคนไทย และนานาอารยประเทศ นำมาซึ่งความสงบสุขของชาติบ้านเมือง นอกจากนี้รัฐบาลควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นความจริง เกี่ยวกับคดีความต่าง ๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรี นช.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านสื่อต่าง ๆ ที่รัฐมีอยู่อย่างทั่วถึง และมีความจริงจังในการใช้กฎหมายกำกับการกระจายเสียง ทั้งวิทยุ และโทรทัศน์ ไม่ให้เป็นการปลุกระดม เพื่อออกมาสร้างความรุนแรง และทำลายความสงบสุขของคนในประเทศชาติ และฝากหน่วยงานรัฐฯ ที่มีหน้าที่ดูแลความสงบของผู้ชุมนุม ให้กลุ่มพี่น้อง นปช.รวมตัวชุมนุมด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ชุมนุมโดยสันติวิธี สงบ และปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญ และคำนึงถึง ความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย หรือสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น รวมทั้งคิดถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

“โลตัส” เปิดโครงการ “กรีนแบ็ก กรีนพ้อยท์”



เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 มีนาคม 2553 ที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายจิรศักดิ์ ธรรมเวช พลังงานจังหวัดภูเก็ต และนางสาวสาวฟาง เอกลักษณ์รุจี ผู้จัดการอาวุโสกิจการบรรษัท กิจการสาธารณะ เทสโก้ โลตัส ร่วมกันเปิดตัวและแถลงข่าวโครงการ “กรีนแบ็ก กรีนพ้อยท์” เพื่อสนับสนุนและรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกในจังหวัดภูเก็ต โดยกระตุ้นให้ผู้บริโภคนำถุงมาจากบ้านเพื่อใส่สินค้าด้วยความสมัครใจ พร้อมรับรางวัลแต้ม “กรีนพ้อยท์” ฟรี 1 แต้ม ต่อ 1 ถุง ซึ่งมีการดำเนินการทุกพร้อมกันทุกสาขาทั่วประเทศ

นางสาวสาวฟาง เอกลักษณ์รุจี ผู้จัดการอาวุโสกิจการบรรษัท กิจการสาธารณะ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า กรีนแบ็ก กรีนพ้อยท์ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในพันธกิจ 2020 คือ การบริหารจัดการธุรกิจสีเขียวด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไชด์ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจลง 50% ในปีค.ศ. 2020 ซึ่งขณะนี้เทสโก้ โลตัสได้ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากการดำเนินธุรกิจขององค์กรได้แล้วถึง 23%

“กรีนแบ็ก กรีนพ้อยท์ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าของเทสโก้ โลตัสที่มีอยู่ถึง 33 ล้านคนต่อเดือน พัฒนาการบริโภคสีเขียวแบบสมัครใจและยั่งยืน ด้วยการรณรงค์ให้ลูกค้านำถุงมาจากบ้านเพื่อใส่สินค้า และยังสร้างความตระหนัก พร้อมทั้งการนำเสนอทางเลือกให้ลูกค้าเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคสีเขียว ซึ่งจะเป็นหนทางที่ทำให้เกิดประสิทธิผลในระยะยาวและยังยืนกว่า หากโครงการได้รับการตอบรับที่ดีก็จะสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้ถึง 2% เท่ากับ 9.8 ล้านใบ ภายในระยะเวลา 1 ปี และผู้บริโภคยังสามารถรับรางวัล กรีนพ้อยท์ฟรี 1 แต้ม ต่อ 1 ถุงด้วย นอกจากนี้ทางห้างฯ ยังได้มีนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ “Green Product” จำนวน 118 รายการ โดยลูกค้าจะได้รับกรีนพ้อยท์รายการละ 25 แต้มเพิ่มเติมทันทีเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หลอดไฟ แฟ้ม น้ำยาลบคำผิด สเปรย์กันยุง น้ำยาล้างห้องน้ำ ถุงขยะ เป็นต้น

นางสาวสาวฟาง กล่าวด้วยว่า สำหรับกรีนแบ็ก กรีนพ้อยท์ ยังเป็นการสร้างความตระหนักในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในราคาที่ประหยัดด้วยการสร้างแรงจูงใจกับรางวัลกรีนพ้อยท์ ซึ่งสามารถสะสมในบัตรคลับการ์ดอย่างต่อเนื่อง ด้วยสมมุติฐานที่การผลิตถุงพลาสติก 5 ใบ เพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศจำนวน 1 กก. การประหยัดจำนวนถุง 9.8 ล้านใบ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไชด์ 1,960,000 กก.หรือ 1,960 ตันต่อปี จึงนับเป็นอีกทางหนึ่งในการช่วยลดปริมาณถุงพลาสติก ที่เป็นปัญหาขยะซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเป็นจำนวนมาก

ขณะที่นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โครงการกรีนแบ็ก กรีนพ้อยท์เป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากกำลังเป็นปัญหาด้วยระบบเตามเผาขยะที่มีอยู่สามารถกำจัดขยะได้วันละประมาณ 250 ตัน ขณะที่ขยะเกิดขึ้นวันละประมาณ 550 ตัน และยังสามารถช่วยลดภาวะเรือนกระจก อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการเป็นเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และยังสอดคล้องกับโครงการภูเก็ตเขียวหรือ Phuket Green Island ของจังหวัดภูเก็ต ที่จัดขึ้นด้วย


 

นายกท่องเที่ยวภูเก็ตเผยชุมนุมยืดเยื้อกระทบท่องเที่ยว


นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการชุมนุมของกลุ่ม นปช.มาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในส่วนของการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบเช่นกัน เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีการจองห้องพักใหม่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนที่จองมาแล้วก็มีการยกเลิกบ้างเล็กน้อย แต่ที่น่าเป็นห่วงและกังวล คือ กลุ่มที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจ เพราะเกิดความลังเลเกี่ยวความปลอดภัยและคำเตือนของรัฐบาลในแต่ละประเทศ รวมทั้งความไม่เข้าใจว่าภูเก็ตอยู่ห่างจากพื้นที่การชุมนุมค่อนข้างมาก นอกจากในส่วนของประเทศคู่แข่ง เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งอัตราการจองห้องพักเพิ่มมากขึ้น ส่วนของชาร์เตอร์ไฟล์จากประเทศจีนที่เข้ามาตั้งแต่กลางปีที่แล้วซึ่งมีตัวเลขของนักท่องเที่ยวเข้ามาเกือบเต็มลำ แต่ปัจจุบันหลังเกิดเหตุการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละเที่ยวบินลดลงเกือบ 50% ซึ่งหากเหตุการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปก็อาจส่งผลให้สายการบินดังกล่าวระงับการเดินทางเข้ามาก็เป็นไปได้ เพราะไม่สามารถแบกรับภาระได้ไหว

“ช่วงวันแรงงานของจีนเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา เราพลาดโอกาสไปแล้วหนึ่งครั้งจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ในปีนี้จึงไม่อยากให้พลาดโอกาสไปอีก เนื่องจากขณะนี้เริ่มมีการจองห้องพักเข้ามาบ้างแล้ว ประมาณ 60 – 70 % ซึ่งดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากตรงกับช่วงอีสเตอร์ของต่างประเทศ และเป็นช่วงสงกรานต์ของไทยเราด้วย หากไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้นในระยะนี้เชื่อว่าอัตราการเข้าพักสูงถึง 80% ก็เป็นไปได้”

นายสมบูรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องของท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหว และได้รับผลกระทบโดยตรง จากการชุมนุมประท้วง ดังนั้นการเจรจากันระหว่างนายกรัฐมนตรีซึ่งเป้ฯตัวแทนของรัฐบาล กับกลุ่มนปช.ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี จึงอยากให้ทั้งสองฝ่ายคิดถึงบ้านเมืองให้มาก เพราะธุรกิจการท่องเที่ยวกระจายรายได้ไปยังทุกกลุ่มอาชีพ ดังนั้นเมื่อท่องเที่ยวได้รับผลกระทบก็จะส่งผลกระทบไปถึงภาคเกษตรซึ่งจะต้องนำผลผลิตมาส่งให้กับผู้ประกอบการโรงแรมด้วย

อย่างไรก็ตามนายสมบูรณ์ กล่าวถึงประเด็นการยุบสภาฯ ว่า ไม่ควรที่จะยุบในทันทีทันใด เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจพึ่งจะฟื้นตัว ดังนั้นควรที่จะทิ้งช่วงไปสักระยะหนึ่งตามความเหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจมีความแข็งแรงกว่านี้ รวมถึงจะต้องมีการกำหนดกรอบกติกาให้ชัดเจน เพราะหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งตามกฎกติกาเดิมก็อาจจะมีปัญหาเหมือนในอดีต และไม่สามารถหลุดพ้นวงจรวิกฤตออกไปได้




มหกรรมงานสักลายนานาชาติ ครั้งแรกในจังหวัดภูเก็ต


นางสาวสลิลลา เศวตเศรนี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ภูเก็ต สแควร์ จำกัด ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต ได้กล่าวถึงการจัดงาน “มหกรรมศิลปะงานสักลายนานาชาติภูเก็ต 2010” ครั้งที่ 1 ว่า ด้วยทางศูนย์การค้าจังสีลอน ได้ร่วมกับ ชมรมช่างสักและผู้ประกอบการงานสักลายภูเก็ต จะร่วมกันจัดงาน “มหกรรมศิลปะงานสักลายนานาชาติภูเก็ต 2010” ครั้งที่ 1 (1st Phuket International Tattoo Convention 2010) ที่รวบรวมช่างสักชั้นนำฝีมือขั้นเทพทั้งไทยและต่างชาติ มาร่วมออกบูธแสดงผลงานมากกว่า 30 บูธ อาทิ ไทย เยอรมัน ออสเตรเลีย เกาหลี และสิงคโปร์ ฯลฯ ให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกับผลงานศิลปะและเทคนิคการสัก ที่โดดเด่น แตกต่าง ซึ่งบ่งบอกถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละชาติได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีการโชว์เทคนิคการสักลายในแบบต่างๆที่น่าสนใจมากมาย อาทิ Fantasy Style (แฟนตาซี สไตล์) การผสมผสานลวดลายหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน, Word Style (เวิร์ด สไตล์) การสักตัวอักษรจีน หรือคันจิที่มีความหมายต่างๆ, Tribal Style (ทริบอล สไตล์) ลวดลายเถาวัลย์ หรือลายกราฟฟิก และล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในแวดวงฮอลลีวู้ดขณะนี้คือ White Ink Tattoo (ไวท์ อิงค์ แทททู) การสักด้วยน้ำหมึกสีขาวชนิดเข้มข้น เป็นต้น

สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การรวมพลครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าศิลปินช่างสักจากนานาชาติ ร่วมจัดแสดงผลงาน และสาธิตการสักให้ชมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้เฟ้นหาช่างสักฝีมือดีขั้นเทพ กับ “การประกวดความงามรอยสัก” (Tattoo Contest) ประเภทต่างๆ อาทิ บิ๊ก จ๊อบ (Big Job) การประกวดรอยสักขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1 ตารางฟุตขึ้นไป,แบล็ค แอนด์ เกรย์(Black&Gray) ผลงานสักภาพขาวดำ(ไล่เงา) เป็นต้น นอกจากนี้ผู้เข้าประกวดยังสามารถลุ้นรางวัล เบสต์ แทททู ออฟ เดอะ เดย์ (Best tattoo of the day) รางวัลสำหรับผู้เข้าประกวดที่ได้รับการโหวตจากผู้เข้าร่วมในงานในแต่ละวัน เพื่อชิงถ้วยรางวัลประเภทต่างๆ นอกจากนี้ยังตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดง “บอดี้เพ้นท์ บอดี้แทททู” โดยศิลปินช่างสักชั้นแนวหน้ากันสดๆภายในงานพร้อมการเดินแบบแสดงผลงานจากนางแบบและนายแบบ รวมทั้งการเลือกซื้ออุปกรณ์ และเครื่องมือสัก จากผู้ประกอบการที่นำมาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษภายในงาน

ขอเชิญชวนบรรดาเหล่าสาวกคนรักงานสักและผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน “มหกรรมศิลปะงานสักลายนานาชาติภูเก็ต 2010” ครั้งที่ 1 (1st Phuket International Tattoo Convention 2010) ได้ในระหว่างวันที่ 6-8 เมษายน 2553 ณ โซนชิโนภูเก็ต ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต (บัตรราคา 150 บาท) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.076-600-111


ให้ความรู้ตร.บัตรเครดิตปลอม และน้ำมันเถื่อน


เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 30 มีนาคม 53 ที่ห้องประชุมชั้น 4 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงค์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดการโครงการ อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ความผิดเกี่ยวกับบัตรเครดิตปลอม และความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง จัดโดยสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย และศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจต่างในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 120 นายเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้

ทั้งนี้พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต ได้กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันมีประชาชนใช้บัตรเครดิตกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความสะดวกสบาย โดยไม่ต้องใช้เงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการแข่งขันในด้านธุรกิจของสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งนับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ภัยที่ตามมาจากแก๊งมิจฉาชีพขโมยเอารหัสจากบัตรจริง ไปปลอมใช้เพื่อกดเงินแทนเจ้าของ นับวันจะขยายเป็นวงกว้างกลายเป็นภัยอย่างมหันต์ นอกจากนี้ยังมีการกระทำเป็นขบวนการโดยการลักลอบขโมยข้อมูลจากแถบแม่เหล็กด้านหลังบัตรจริง ไปปลอมในต่างประเทศ แล้วนำกลับมารูดในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของชาติเป็นอย่างมากโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต มีความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางมาเป็นจำนวนมาก และมักจะใช้บัตรเครดิตเป็นจำนวนมากในการติดต่อซื้อขายกันอย่างแพร่หลาย ทางสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จึงได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมกับชมรมธุรกิจบัตรเครดิต และสมาคมธนาคารไทย จัดให้มีโครงการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ความผิดเกี่ยวกับบัตรเครดิตปลอม และความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมเกี่ยวกับบัตรเครดิตปลอม และเพื่อให้ประชาชนทั่วไปตลอดจนนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นอกจากนี้อีกปัญหาหนึ่งที่เป็นปัญหานั่นก็คือ การลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน เพราะการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง มีผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล เนื่องจากการหลบเลี่ยงภาษีทำให้ประเทศชาติขาดรายได้ และก่อให้เกิดความเสียหายด้านต่างๆ จึงต้องเร่งรัดดำเนินการปราบปรามและจำกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งการกระทำผิดหลายรูปแบบ เช่นการปลอมปนน้ำมัน การนำน้ำมันเขียวมาขายบนฝั่ง การลักลอบขนน้ำมันเตามาขายตามโรงงาน คอกน้ำมัน และการลักลอบน้ำมันการประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาขาย จึงได้ร่วมกับศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้มีความรู้เรื่องการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง

ด้านพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงค์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า การให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้นับว่าเป็นผลดีกับเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ซึ่งจะได้สร้างความเชื่อมั่งให้กับผู้ประกอบการ ร่วมทั้งสร้างความหวั่นกลัวต่อผู้ที่จะเข้ามาก่ออาชญากรรมทางด้านเศรษฐกิจ เมื่อเจ้าหน้าที่มีความรู้ก็สามารถตรวจสอบได้หากมีการจับกุมผู้ที่กระทำความผิด ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่จากธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเดินทางมาตรวจสอบ นอกจากนี้ทางผู้กระทำความผิดมักจะมีการพัฒนารูปแบบ ความสลับซับซ้อน และใช้เทคโนโลยีขั้นสูงขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามจะต้องพัฒนาความรู้ความสามารถให้เท่ากัน รับมือกับมิจฉาชีพเหล่านั้นได้อย่าวงประสิทธิภาพต่อไป


การปฐมพยาบาลเบื้องต้น


สำราญ ศรีติราช ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายการพยาบาล รพ.กรุงเทพภูเก็ต นำทีมเจ้าหน้าที่ ฝึกอบรม “การปฐมพยาบาลเบื้องต้น” ให้แก่พนักงานโรงแรมเอาท์ทริกเกอร์ ในเครือลากูนา ภูเก็ต เพื่อเพิ่มพูนทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของพนักงาน ในการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


เอฟซี ภูเก็ตส่ง 3 ทหารเสือไอเวอรี่โค๊สบู๊ครบ อัดโคราช

เอฟซี ภูเก็ตส่ง 3ทหารเสือไอเวอรี่โค๊สบู๊ครบ
มั่นใจอัดนครราชสีมา เอฟซี ฉลุย ไทยคมเอฟเอคัพ

“ขงเบ้งลูกหนัง” อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ กุนซือ”กิเลนทะเลใต้” เอฟซี ภูเก็ต จ่าฝูงฟุตบอล เอไอเอส ริจินอลลีก ภาคใต้ ออกมาเปิดเผยถึงเกมที่ทีมจะเปิดบ้านสนามสุระกุล รับมือทีม”สวาดแคท” นครราชสีมา เอฟซี ทีม เพื่อนร่วมลีกจากโซนตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันพุธที่ 31 มีค. เวลา18.00น. นี้ว่า ว่า คงจะประมาทไม่ได้แน่นอน แม้ว่าผลงานในลีกของทีมนครราชสีมา เอฟซี จะไม่ดีนักก็ตาม ซึ่งตนได้กำชับลุกทีมให้เล่นอย่างเต็มที่ โดยจะส่งนักเตะตัวหลักๆลงสนามเช่นเดิมอาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้าง 1-2 ตำแหน่ง ตัวหลักที่วางไว้ไม่ว่าจะเป็น ระพีพันธ์ พูลสวัสดิ์, รณชัย จินาเกตุ ,อนุรักษ์ เพ็ชรล้วน,สุภัทร์ อ้นทอง, สารัช อยู่เย็น รวมทั้ง 3นักเตะไอเวอรี่โค๊ตส์ เนเนบี้, อาลี ,กามาร่า

กุนซือของทีมเอฟซี ภูเก็ต ยังกล่าวถึงความมั่นใจในเกมนี้ว่า มองถึงโอกาสแล้วก็น่าที่จะสามารถเก็บชัยชนะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ เพราะทีมเริ่มที่จะลงตัวในเรื่องของทีมเวิร์ค อีกทั้งยังจะได้เปรียบเรื่องของการได้เล่นในบ้าน และเสียงเชียร์ของแฟนบอล ซึ่งเกมนี้ขอเชิญชวนแฟนบอลเอฟซี ภูเก็ต ทุกคนมาร่วมเชียร์ทีมได้ให้เหมือนทุกๆเกม

ทางด้าน “เสี่ยเล็ก “นฤเบศ อายุพงศ์ ผู้จัดการทีม เอฟซี ภูเก็ตกล่าวถึงเกมนี้ว่า น่าจะสามารถเอาชนะได้ เพราะตอนนี้ทีมมีความพร้อมทั้งขวัญและกำลังใจที่ดี ขอเชิญแฟนบอลชาวภูเก็ตทุกคนมาร่วมให้กำลังใจทีมเหมือนนัดที่ผ่านๆมาด้วยซึ่งทีมจะพยายามนำชัยชนะมาให้แฟนบอลมีความสุขให้ได้ นอกจากนี้ทาง เอฟซี ภูเก็ต ช๊อป ยังได้นำสินค้าของที่ระลึกใหม่ๆมาจำหน่างตรง เอฟซี ภูเก็ต ช๊อป ด้านหน้าสนามสุระกุลอีกด้วย

สำหรับทีมเอฟซี ภูเก็ต ล่าสุดนำเป็นจ่าฝูงของโซนภาคใต้ จากการลงสนาม 7 นัดชนะ 4 เสมอ 3 ยิงได้ 12 เสีย 3 ประตูมีอยุ่ 15 คะแนน เกมล่าสุดบุกไปเสมอกับยะลา เอฟซี 0-0 ส่วนนครราชสีมา เอฟซี รั้งอยู่อันดับที่ 13 ของตารางผลงาน7 นัดชนะ1 เสมอ 3 แพ้ 3 ยิงได้ 4 เสีย 10 ประตู มีอยู่6 คะแนน ผลงานนัดล่าสุดเปิดบ้านแพ้ บุรีรัมย์ เอฟซี 0-3